“ท่านผู้นำนิกาย” หนึ่งในหมู่ศิษย์พลันยกมือขึ้นและกล่าวว่า “พวกเราสามารถเลือกวิชาการต่อสู้ได้มากกว่าสามจากหอคัมภีร์พ้นพิสัยหรือไม่”
“แน่นอนว่าได้ แต่ข้าขอเตือนว่า อย่ากัดคำใหญ่เกินกว่าจะเคี้ยว* วิชาทั้งหมดในนั้นไม่ใช่วิชาทั่วไปที่เจ้ารู้จัก ในเมื่อวิชาระดับต่ำสุดก็ยังลึกล้ำกว่าปกติ”
หลังจากนั้นชั่วขณะ ศิษย์อีกคนก็ยกมือขึ้นและกล่าวว่า “ท่านผู้นำนิกาย เมื่อไหร่ที่พวกเราสามารถที่จะเลือกอาจารย์จากภายในนิกาย”
ซูหยางตอบว่า “บอกพวกเจ้าตามจริง ผู้อาวุโสนิกายผู้มีประสบการณ์ส่วนใหญ่ได้จากนิกายไปนานแล้ว ดังนั้นจึงมีเหลือไม่กี่คนและผู้ที่เพิ่งจะได้รับแต่งตั้งซึ่งยังมิมีประสบการณ์ในการสอนผู้อื่นมากนัก ดังนั้นถ้าเจ้าต้องการคำแนะนำ เจ้าสามารถไปหาข้าได้เมื่อข้าว่าง และครั้นเมื่อผู้อาวุโสนิกายเตรียมตัวที่จะรับศิษย์ของตนเอง เจ้าจึงสามารถหาอาจารย์อย่างเป็นทางการได้”
“อย่างไรก็ตามเมื่อเวลานั้นมาถึง ข้ามั่นใจว่าพวกเจ้าเกือบทั้งหมดที่นี่คงจักแข็งแกร่งพอที่จะฝึกฝนด้วยตนเองได้โดยมิต้องมีอาจารย์ไปเรียบร้อยแล้ว”
ซูหยางทำการตอบคำถามของเหล่าศิษย์ และหลังจากนั้นอีกหนึ่งชั่วโมง หลังจากที่ปล่อยศิษย์ทุกคนไปแล้ว ซูหยางก็กลับคืนสู่ที่พักของตนเองเพื่อสร้างวิชาใหม่ให้กับจางซิวยิงจนกว่าจะถึงอีกหนึ่งสัปดาห์ข้างหน้า เมื่อเหล่าศิษย์ที่ต้องการฝึกคู่จะพร้อมเริ่มการฝึกร่วมกับเขา
ระหว่างเวลานั้นซูหยางก็ได้ช่วยเหลือเหล่าศิษย์ใหม่ผู้ต้องการความช่วยเหลือและเขาเองก็ได้ย้ายเข้าสู่ศาลาหยินหยาง ที่ซึ่งปราณไร้ลักษณ์มีความเข้มข้นกว่า แน่นอนว่าความแตกต่างนั้นไม่ได้ส่งผลต่อเขาอีกต่อไป ผู้ซึ่งตอนนี้อยู่ในระดับห้าเขตอัมพรวิญญาณไปเรียบร้อยแล้ว
เพื่อที่เขาจะสามารถเพิ่มพลังการฝึกปรือได้ เขาจำเป็นจะต้องดูดกลืนทรัพยากรล้ำค่า หรือใช้เวลาหลายปีเพื่อที่จะได้ก้าวขึ้นไปอีกหนึ่งระดับ
–
–
–
หนึ่งสัปดาห์ผ่านไปราวกับกระพริบตา และสุดท้ายก็ถึงเวลาสำหรับสาขาวิชาคู่จะมาปรากฏตัวต่อหน้าซูหยางอีกครั้ง
ที่พื้นที่ชุมนุม ซูหยางจ้องมองไปยังศิษย์ 110 คนด้วยสีหนัาเยือกเย็น
“มีเพียงพวกเจ้าสองคนเท่านั้นรึที่สามารถหาคู่ได้” ซูหยางกล่าวหลังจากเหลือบมอง
“ท-ท่านรู้ได้อย่างไร ท่านผู้นำนิกาย” เหล่าศิษย์ต่างพวกันงงงัน ในเมื่อพวกเขาต่างมั่นใจว่าเขาไม่ได้แม้จะเฉียดใกล้พวกเขาตลอดทั้งสัปดาห์
“ถ้าเจ้ากอดใครสักคนที่มีน้ำหอมเข้มข้น ก็เป็นเรื่องปกติที่น้ำหอมนั้นจักติดตัวเจ้า แม้ว่าจะมิมีศิษย์คนไหนในนี้ที่ใช้น้ำหอม แต่มันก็เหมือนกันในด้านของกลิ่นอาย”
จากนั้นเขาก็หันไปมองดูศิษย์ชายเจ็ดคนที่ยังไม่สามารถหาคู่ได้และกล่าวกับพวกเขาว่า “อย่าท้อแท้กับเหตุการณ์นี้ แม้ว่าเจ้าอาจจะอยู่ในนิกายที่ฝึกฝนวิชาคู่ และเต็มไปด้วยเหล่าผู้หญิง มันมิได้ทำให้ง่ายสำหรับเจ้าในทันใดในการหาคู่สักคน ในขณะที่มันมิได้เป็นความผิดพลาดของเจ้าทั้งหมดแต่อย่างใดที่มิได้มีเสน่ห์มากพอ สิ่งที่ง่ายที่สุดที่จำเป็นสำหรับเจ้าก็คือกลายเป็นคนที่มีเสน่ห์ แน่นอนว่ามีคนมากมายนอกเหนือจากนั้นที่ยังมิสามารถทำตัวให้มีเสน่ห์มากขึ้นได้แม้กระทั่งพวกเขาจะได้พยายามแล้วก็ตาม แต่โชคยังดีพวกเจ้าทุกคนมิได้ถึงกับไร้ความหวังด้วยการมีใบหน้าอัปลักษณ์”
“เมื่อตอนที่ข้ายังเป็นเพียงศิษย์นอก เหล่าหญิงยังมิกระทั่งมองมายังตัวข้า มีเพียงแต่ตอนที่ข้าพิสูจน์ความสามารถของข้าเท่านั้นที่สุดท้ายพวกเธอก็เริ่มให้ความสนใจต่อข้า” ซูหยางรำลึกถึงความทรงจำก่อนหน้านั้นในนิกายกุสุมาลย์พ้นพิสัย”
“ตอนนี้ในเมื่อพวกเจ้าอาจจะยังมิมีคู่ฝึก สำหรับชั่วระยะเวลานี้ เจ้าสามารถฝึกวิชาของเจ้าได้ตลอดเวลาเพื่อเตรียมตัวสำหรับเมื่อเจ้าได้มีคู่ฝึกที่แท้จริงเพื่อที่ว่าเจ้าจักมิได้ดูเหมือนลาโง่ที่ไร้ความสามารถเมื่อถึงยามที่เจ้าต้องสร้างความพึงพอใจให้กับคู่ของเจ้า”
“มิว่าอย่างไรก็ตามก็จักเป็นเรื่องน่าอายอย่างมากที่ขาดความสามารถในการสร้างความพึงพอใจให้กับคู่ของเจ้ามากกว่าการมิมีคู่ฝึกแม้สักคน ถึงแม้ว่าเจ้ายังมิได้มีประสบการณ์อะไร ตราบเท่าที่เจ้าฝึกฝนวิชาที่ข้าจักให้กับเจ้า เจ้าจักสามารถสร้างความพึงพอใจให้กับคู่ของเจ้าได้ถึงแม้ว่าเจ้าจักขาดประสบการณ์อันใดก็ตาม”
“พวกเราจักมิลืมคำพูดของท่านผู้นำนิกายในวันนี้” เหล่าศิษย์ชายต่างพากันกล่าวด้วยสีหน้าจริงจังบนใบหน้า
เมื่อพวกเขาไม่สามารถที่จะหาคู่ฝึกได้แม้ว่าจะมีหลายตัวเลือกหลังจากผ่านพ้นไปทั้งสัปดาห์ พวกเขาต่างพากันอับอายจนไม่อยากจะแสดงตัวที่พื้นที่ชุมนุม แต่หลังจากที่ฟังคำพูดของซูหยาง พวกเขาก็ไม่ได้รู้สึกอับอายอีกต่อไปแต่กลับรู้สึกมีแรงผลักดันในการหาคู่ฝึกอีกต่อไป
จากนั้นซูหยางก็ทำการพูดต่อไปอีกว่า “แน่อนพวกเจ้ายังสามารถที่จะเดินทางออกไปนอกสำนักและหาคู่ฝึกด้านนอกได้ตลอดเวลา เพียงเพราะว่าเจ้าเป็นศิษย์ของนิกายนี้มิได้หมายความว่าคู่ของเจ้าจักต้องเป็นเพื่อนศิษย์เท่านั้น ตามความเป็นจริงมีศิษย์จำนวนมากในอดีตที่ต่างพากันหาคู่ฝึกภายนอกนิกาย ในขณะที่อาจจะมิได้มีประสิทธิภาพมากเท่ากับการฝึกฝนกับเพื่อนศิษย์และผู้ฝึกวิชา จำนวนคนที่ยินดีที่จะเป็นคู่ฝึกภายนอกนั้นจักเติมเต็มให้เป็นการทดแทน”
“อย่างไรก็ตาม พวกเจ้ายังคงใหม่เกินไปที่จะออกไปจากนิกาย ดังนั้นฝึกฝนวิชาของเจ้าสักสองสามเดือนก่อนที่พวกเจ้าจักค่อยคิดเกี่ยวกับการออกไปยังด้านนอก”
“ขอรับท่านผู้นำนิกาย”
หลังจากนั้น ซูหยางก็เริ่มยื่นวิชาฝีมือให้กับเหล่าศิษย์ แต่ก่อนที่เขาจะยื่นส่งพวกมันออกไป เขาก็อธิบายให้พวกเขาฟังถึงความแตกต่างระหว่างการฝึกวิชาธรรมดากับการฝึกวิชาคู่
“วิชาฝีมือสำหรับพวกเราผู้ฝึกวิชาคู่นั้นค่อนข้างแตกต่างจากพวกอื่น มิเหมือนกับผู้ฝึกวิชาโดยปกติ วิชาหลักใหญ่ของพวกเรามิได้ต้องการพรสวรรค์อะไรมากนัก มีเพียงแต่พวกเจ้าต้องมีคุณสมบัติตรงตามข้อกำหนดทางเพศเท่านั้น อย่างไรก็ตามถึงแม้ว่าพวกเราผู้ฝึกวิชาคู่นั้นฝึกวิชาค่อนข้างจะแตกต่างไปเล็กน้อย แต่พวกเราก็ยังต้องการดูดซับปราณไร้ลักษณ์เช่นเดียวกับผู้ฝึกวิชาอื่นๆ”
“พวกเราสามารถดูดซับปราณไร้ลักษณ์โดยตรงเช่นเดียวกับผู้ฝึกวิชาทั่วไป แต่ในฐานะผู้ฝึกวิชาคู่ หลักใหญ่ของพวกเราก็คือดูดซับปราณของคู่ฝึกของพวกเราก่อนที่จะเปลี่ยนมันให้กลายเป็นปราณไร้ลักษณ์ มันเหมือนกับว่าพวกเรามีขั้นตอนพิเศษเมื่อเปรียบเทียบกับผู้ฝึกวิชาทั่วไป แต่นั่นมิได้เป็นข้อสำคัญ”
“เมื่อผู้คนดูดซับปราณไร้ลักษณ์โดยตรง พวกเขาต้องกำจัดความไม่บริสุทธิ์ที่พวกเขาได้ดูดซับมาพร้อมกับปราณไร้ลักษณ์หลังจากนั้น แต่สำหรับพวกเราผู้ฝึกวิชาคู่ซึ่งดูดซับปราณโดยตรงจากคนอื่น นอกจากว่าร่างของอีกฝ่ายนั้นเต็มไปด้วยความไม่บริสุทธิ์ พวกเราย่อมมิได้ดูดซับความไม่บริสุทธ์มามากนักหากจะมีอยู่บ้าง นั่นเป็นเหตุที่ว่าทำไมผู้ฝึกวิชาคู่โดยปกติแล้วจึงสามารถฝึกฝนได้รวดเร็วกว่าการฝึกวิชาตามปกติ ในเมื่อพวกเรามิจำเป็นต้องใช้เวลาในการชำระล้างความไม่บริสุทธิ์ภายในร่างกายเรามากนัก”