หลังจากที่อธิบายให้ศิษย์ฟังถึงความแตกต่างระหว่างผู้ฝึกวิชาคู่และผู้ฝึกวิชาปกติและข้อได้เปรียบเสียเปรียบแล้ว ซูหยางก็ยื่นส่งวิชาฝีมือระดับเซียนให้กับศิษย์ชายที่จะช่วยพวกเขาเปลี่ยนปราณหยินของหญิงให้กลายเป็นปราณไร้ลักษณ์อย่างมีประสิทธิภาพ
ส่วนสำหรับศิษย์หญิงนั้นเขาก็มอบวิชาฝีมือระดับเซียนที่จะช่วยพวกเธอเปลี่ยนปราณหยางให้กลายเป็นปราณไร้ลักษณ์เช่นเดียวกัน
ครั้นเมื่อศิษย์ทุกคนได้รับวิชาฝีมือแล้วซูหยางก็พูดต่อว่า “ตอนนี้เมื่อพวกเจ้าทุกคนได้วิชาฝีมือแล้ว ก็จะเป็นช่วงเวลามาสนุกกัน สำหรับผู้ฝึกวิชาธรรมดา เป็นความจริงที่ว่าพวกเขาจะมีวิชาการต่อสู้ที่ใช้สำหรับในการต่อสู้ แต่ทว่าสำหรับพวกเราผู้ฝึกวิชาคู่ “การต่อสู้” ของพวกเราปกติแล้วจะอยู่บนเตียงซึ่งถือว่าเป็นสนามรบหลักของพวกเรา ดังนั้นพวกเราจึงจำเป็นต้องมีวิชาการต่อสู้ที่สร้างขึ้นมาโดยเฉพาะสำหรับ “สนามรบ” เฉพาะเช่นนั้น”
จากนั้นเขาก็หันไปมองศิษย์ชายและกล่าวว่า “ข้าจักเริ่มกับศิษย์ชายก่อนเป็นอันดับแรก”
จากนั้นเขาก็นำเอาม้วนคัมภีร์ออกมาจากเสื้อและกล่าวต่อว่า “ข้ามีวิชาสามวิชาที่สร้างขึ้นมาเป็นพิเศษสำหรับผู้ที่มีความเป็นชายในใจที่นี่ วิชาแรกเป็นวิชาสองวิชาในหนึ่งเดียว และศิษย์รุ่นเยาว์ที่ได้มาอยู่ที่นี่มาก่อนพวกเจ้าทุกคนก็ได้เรียนวิชานี้ไปเรียบร้อยแล้ว มันมีชื่อว่า “ดรรชนีสมปรารถนา” และ “วิมานคนธรรพ์” ”
“ดรรชนีสมปรารถนาจะสอนพวกเจ้าถึงวิธีที่จะระบุจุดไวต่อความรู้สึกบนร่างของคู่ฝึกของเจ้า ทำให้พวกเขารู้สึกมีความสุขอย่างมากเพียงแค่สัมผัสมัน ส่วนสำหรับ “วิมานคนธรรพ์” นั้น มันจักเพิ่มทั้งความรู้สึกเป็นสุขของทั้งเจ้าและคู่ของเจ้าในระหว่างการฝึก กระทั่งยังเพิ่มปริมาณของปราณที่พวกเจ้าทั้งคู่สร้างขึ้นมาอีกด้วย”
“วิชาที่สองเรียกว่า “มังกรรำ” ซึ่งจักสอนเจ้าถึงวิธีขยับเขยื้อนร่างกายของเจ้าโดยเฉพาะสะโพกในระหว่างการฝึก ถ้าหากเชี่ยวชาญมันแล้ว คู่ฝึกของเจ้าก็จักหลงลืมอยู่แต่ในการฝึกปรือจนกระทั่งร่างท่อนล่างของเธอเจ็บปวดไปหมด วิชาสุดท้ายเรียกว่า “หัตถ์เทพ” และก็เหมือนกับที่ชื่อบอกไว้ มันเป็นวิชาการใช้มือหลายแบบที่จักช่วยเจ้าสร้างความพึงพอใจให้คู่ของเจ้าด้วยมือเปล่าของเจ้า”
“ครั้นเมื่อเจ้าเชี่ยวชาญวิชาพื้นฐานทั้งสามนี้แล้ว ข้าก็จักให้วิชากับเจ้ามากกว่านี้ อย่างเช่นวิชาสำหรับการใช้ลิ้นของเจ้าและกระทั่งการใช้เท้าถ้าเจ้าต้องการ”
“ข-ขอบคุณท่านผู้นำนิกาย พวกเราจักมิทำให้ท่านผิดหวัง”
เหล่าศิษย์ชายต่างพากันคำนับเขาหลังจากที่ได้รับวิชาเทพทั้งสามวิชานี้
หลังจากนั้นไม่นาน ซูหยางก็หันไปมองดูศิษย์หญิงซึ่งจ้องมองเขาด้วยดวงตาเป็นประกาย จากนั้นเขาก็นำเอาวิชาออกมาเพิ่ม แต่คราวนี้พวกมันมีไว้สำหรับผู้หญิง
“วิชา “ดรรชนีสมปรารถนา” และ “วิมานคนธรรพ์” มิได้เฉพาะเจาะจงจำกัดเฉพาะชาย ดังนั้นหญิงก็สามารถฝึกได้เช่นกัน” เขากล่าวกับพวกเธอ
“วิชาที่สอง “หงส์ร่อน” เป็นวิชาสำหรับหญิงที่เทียบได้กับวิชา “มังกรรำ” ของชาย และมันจักสอนเจ้าถึงวิธีการขยับร่างกายและสะโพกของเจ้าในวิธีที่จักทำให้คู่ฝึกของเจ้าสั่นสะท้านไปด้วยความสุขและยอมศิโรราบต่อหน้าเจ้า”
“วิชาที่สามก็ยังคงเป็น “หัตถ์เทพ” และมันก็เป็นวิชาที่สามารถใช้ได้ทั้งหญิงและชาย”
“และก็เหมือนกับศิษย์ชาย ครั้นเมื่อเจ้าเชี่ยวชาญวิชาพื้นฐานนี้แล้ว เจ้าสามารถร้องขอวิชาใหม่มากกว่านี้ได้ แม้ว่าข้ามิได้มีวิชาสำหรับหญิงมากมายเมื่อเปรียบกับชายแล้ว ข้าก็มีอย่างน้อยหนึ่งวิชาสำหรับทุกส่วนของร่างกาย ดังนั้นถ้าเจ้าต้องการวิชาสำหรับพื้นที่เฉพาะส่วน อย่าลังเลที่จะขอพวกมัน”
“ขอบคุณท่านผู้นำนิกาย” เหล่าศิษย์หญิงพากันคำนับเขาหลังจากที่ได้รับวิชาแล้ว
“ตอนนี้เมื่อทุกคนที่นี่ได้รับวิชาของตนเองแล้ว ข้าต้องการให้พวกเจ้าใช้เวลาอีกหนึ่งสัปดาห์ในการฝึกฝนพวกมัน” ซูหยางกล่าวกับพวกเขา
“แม้ว่าจริงแล้วเจ้ามิจำเป็นต้องมีคู่ฝึกสำหรับฝึกวิชาพวกนี้จริงๆ แต่ก็ขอแนะนำให้มีสักคน ในเมื่อนี่จะเป็นวิธีที่มีประสิทธิภาพมากที่สุดในการฝึกฝนพวกมัน ถ้าเจ้ายังมิได้มีคู่ฝึกแล้ว พวกเจ้าก็สามารถจับคู่กับใครสักคนชั่วคราวได้”
“ข้าจักให้เวลาพวกเจ้าตลอดทั้งเดือนนี้ฝึกฝนวิชาเหล่านี้ ครั้นเมื่อเวลาหนึ่งเดือนหมดลง ข้าก็จักดูความก้าวหน้าของพวกเจ้าด้วยตนเอง และถ้าหากว่าพวกเจ้าเป็นศิษย์หญิงที่มิได้มีคู่ฝึกและยินดีที่จะร่วมฝึกกับข้า เจ้าก็สามารถที่จะแสดงให้ข้าเห็นความก้าวหน้าด้วยวิชาเหล่านี้ด้วยตนเองบน “สนามรบ””
เมื่อบรรดาศิษย์หญิงได้ยินประโยคสุดท้ายของเขา ดวงตาของพวกเธอก็เป็นประกายไปด้วยความตื่นเต้น และรอยยิ้มน่าประทับใจก็ปรากฏขึ้นบนใบหน้าของพวกเธอ
“ข้าสามารถฝึกกับท่านผู้นำนิกายได้ในอีกหนึ่งเดือน” พวกเธอต่างพากันตื่นเต้นกับความคิดนั้นและเกือบจะไม่สามารถเก็บความตื่นเต้นนั้นไว้กับตัวได้
“นั่นคือสิ่งที่ข้ามีให้สำหรับพวกเจ้าในวันนี้ จนกว่าจะถึงเดือนหน้า”
หลังจากที่ปล่อยศิษย์สาขาฝึกคู่ไปแล้ว ซูหยางก็กลับไปยังศาลาหยินหยางที่ซึ่งโหลวหลานจีรอคอยเขาอยู่ภายในห้องนอนของเธอเพื่อเติมเต็มร่องรักของเธอด้วยปราณหยางอีกครั้ง
“ถ้าให้ข้าเดา ไม่มีศิษย์ชายคนไหนที่สามารถจะชักจูงศิษย์หญิงให้กลายเป็นคู่ของพวกเขาได้” โหลวหลานจีกล่าวกับเขาทันทีที่เขาเข้าไปในห้องในขณะที่เธอซุกตัวอยู่ใต้ผ้าห่มบนเตียง
“ในฐานะผู้นำนิกาย เจ้ามิเชื่อในศิษย์ของตนเองบ้างรึ” ซูหยางกล่าวด้วยรอยยิ้ม “พวกเขาสองคนสามารถหาคู่ฝึกให้ตนเองได้”
“จริงรึ มีมากกว่าที่ข้าคาดคิดไว้ถึงสองคน… ข้ารู้สึกประหลาดใจจริงๆ” โหลวหลานจีกล่าวด้วยดวงตาเบิกกว้าง ในเมื่อตามจริงแล้วเธอไม่ได้คาดคิดถึงผลลัพธ์นี้
“อย่างไรก็ตามข้าได้ให้เวลาพวกเขาหนึ่งเดือนในการฝึกวิชาก่อนที่ข้าจะทดสอบความสามารถของพวกเขา ส่วนสำหรับเหล่าศิษย์หญิง ข้าก็จักร่วมฝึกกับพวกเธอในเวลานั้นเช่นกัน” เขากล่าว
“เอ้อ… เจ้ามิเป็นคนโชคดีเกินไปหรือเปล่า เจ้าต้องยิ้มกว้างจนถึงหูในใจแน่ที่ได้มีหญิงสาวมากมายปานนี้รอคอยฝึกร่วมกับเจ้า ข้าพนันว่าพวกเธอส่วนใหญ่ยังคงเป็นสาวบริสุทธิ์” โหลวหลานจีหัวเราะเบาๆ
“นั่นมิมีอะไรแปลกใหม่” เขาตอบด้วยรอยยิ้มเยือกเย็น
“แน่นอนก็เจ้าคุ้นเคยกับการที่มีหญิงสาวรอคอยเจ้าอยู่ ตอนนี้ทำไมเจ้ามิให้ข้าได้รับรู้ด้วยตนเองว่าวิชาเหล่านั้นที่เจ้าสอนศิษย์ไปนั้นเป็นอย่างไร” โหลวหลานจีกล่าวกับเขาขณะที่เธอพลิกผ้าห่มที่ซ่อนร่างเปลือยเปล่าของเธอเอาไว้อย่างมิดชิดมาตลอดออก
เมื่อเห็นผิวที่เนียนนุ่มและขาเรียวยาวของเธอ ซูหยางก็เข้าไปหาเธออย่างเยือกเย็น
“เจ้าพูดอะไรกัน ในฐานะผู้นำนิกาย เจ้าเองก็ต้องเรียนวิชาเหล่านี้เช่นกัน และข้าก็กำลังจะสอนวิชาเหล่านี้ให้กับเจ้าด้วยเช่นกัน” เขากล่าวขณะที่ถอดเสื้อผ้าออก
“โอ” โหลวหลานจีอุทานด้วยความประหลาดใจ