“อาา…. อาาา… อาาาาา”
เสียงที่เต็มไปด้วยความสุขของโหลวหลานจีดังขึ้นในห้องขณะที่ซูหยางทำการแสดงวิชาฝึกคู่ที่เขาได้ให้กับศิษย์ใหม่ไป
“นี่คือมังกรรำ” การเคลื่อนไหวของซูหยางพลันเปลี่ยนไป และสะโพกของเขาก็เคลื่อนไหวในท่าทางที่ชวนให้หลงไหล ราวกับว่าเขากำลังเต้นรำ
“โออออ” ร่างของโหลวหลานจีสั่นสะท้านไปด้วยความพึงพอใจขณะที่เธอรู้สึกว่ากระบี่ของเขาทิ่มเข้าไปในถ้ำของเธออย่างเป็นจังหวะ จนทำให้ปราณหยินของเธอทะลักล้นออกมา
“และนี่ก็คือ มือเทพ…”
มือของซูหยางพลันจับไปบนปทุมถันของเธอและเริ่มนวดเฟ้นพวกมันราวกับว่าพวกมันเป็นแป้งขนมปัง
“นี่คือ”
ปลายถันของโหลวหลานจีพลันพุ่งชี้และแข็งเป็นไตในเวลานั้นจนเหมือนกับภูเขาที่ตั้งตระหง่าน
เธอไม่อยากเชื่อว่าจะมีวิชาที่ลึกล้ำปานนี้อยู่ในโลกนี้ ในเมื่อทุกการเคลื่อนไหวจากซูหยางสามารถทำให้ร่างกายของเธอรู้สึกเป็นสุขเหมือนขึ้นสวรรค์
หลังจากเวลาผ่านไป ซูหยางก็ปลดปล่อยปราณหยางของเขาเข้าไปในโหลวหลานจี เติมท้องของเธอเต็มอีกครั้ง
“เป็นอย่างไร ความรู้สึกของวิชาเหล่านี้ในระดับสูงสุดเป็นอย่างไร” ซูหยางถามเธอหลังจากนั้น
“มันมหัศจรรย์มาก… และถ้าเหล่าศิษย์สามารถใช้วิชาเหล่านี้ได้สักครึ่งหนึ่งของศักยภาพทั้งหมด นิกายกุสุมาลย์พ้นพิสัย…. ไม่ ทั้งโลกแห่งการฝึกวิชาคู่จะต้องเข้าสู่ยุคใหม่” โหลวหลานจีชื่นชม
“วิชาเหล่านี้เป็นเพียงแค่พื้นฐาน ยังไม่สะกิดแม้ผิวของโลกแห่งการฝึกวิชาคู่” เขาพลันกล่าวขึ้น
“โอ เช่นนั้นทำไมเจ้ามิแสดงให้ข้าเห็นถึงวิชาที่เหนือกว่าวิชาพื้นฐานเหล่านี้ล่ะ” โหลวหลานจีกล่าวกับเขาด้วยดวงตาที่เป็นประกายความคาดหวัง
เฉพาะวิชาพื้นฐานเหล่านี้ก็สามารถครอบงำร่างกายของเธอด้วยความสุขไปเรียบร้อยแล้ว เธอไม่สามารถที่จะจินตนาการได้ว่าจะมีอะไรที่เหนือไปกว่าความสุขเช่นนั้นได้
“ครั้นเมื่อร่างของเจ้าสามารถทนรับได้มากกว่านี้ เป็นธรรมดาที่ข้าจักแสดงให้เจ้าเห็นมากกว่านี้ แต่อย่างไรก็ตามในตอนนี้ ร่างของเจ้ามิสามารถที่จะทนรับได้”
“เจ้าทำให้มันฟังดูเหมือนกับว่าเป็นอะไรที่อันตราย ความสุขจะเป็นอันตรายได้อย่างไร” โหลวหลานจีเลิกคิ้ว
“นั่นมิจำเป็นต้องใจร้อน และแม้ตามความเป็นจริงแล้วความสุขมิสามารถทำร้ายร่างกายของคนเราได้ แต่อย่างไรก็ตามถ้ามันมากเกินไปก็เหมือนกับสิ่งอื่นๆในโลกนี้ มันสามารถมีผลกระทบกับพวกเราได้ โดยเฉพาะอย่างยิ่งจิตใจ เจ้ารู้ไหมว่าทำไมคนบางคนถึงกลายเป็นบ้าหลังจากฝึกฝนวิชาที่เหนือเกินกว่าที่ความสามารถของพวกเขาจะรับไหว นี่ก็เป็นอะไรแบบนั้น ครั้นเมื่อเจ้าได้รับประสบการณ์จากมัน จิตใจของเจ้าก็จักโหยหามันราวกับว่าเจ้าเสพติดมัน”
“นั่นเหมือนว่าเจ้ากำลังจะบอกข้าว่าข้าจักกลายเป็นบ้าถ้าข้าได้ประสบกับวิชาเหล่านั้นงั้นรึ เหมือนกับพวกบ้าตัณหา”
“ถูกแล้ว” ซูหยางพยักหน้าอย่างเยือกเย็น และเขาก็กล่าวต่ออีกว่า “เจ้ายังคงประเมินการฝึกวิชาคู่ต่ำเกินไป ถ้าใช้มันมิถูกต้อง การฝึกวิชาคู่ก็สามารถกลายเป็นสิ่งที่น่าหวาดหวั่นยิ่งกว่าวิชาการต่อสู้ใดๆที่มีอยู่”
“ในชีวิตก่อนของข้า มีผู้ฝึกวิชาคู่ชั่วร้ายคนหนึ่งซึ่งทำคนทั้งเมืองให้กลายเป็นทาสด้วยวิชาการฝึกคู่ของเขา เปลี่ยนผู้คนทุกคนให้กลายเป็นคนบ้ากามที่มิต่างไปจากสัตว์ระหว่างฤดูผสมพันธุ์ มิว่าจะเป็นคนอื่นหรือกระทั่งสัตว์ พวกนั้นจะร่วมรักกับทุกสิ่งที่อยู่ในสายตาเพื่อตอบสนองตัณหาที่พลุ่งพล่าน”
โหลวหลานจีปิดปากของเธอด้วยความตกใจ เธอถามว่า “เกิดอะไรขึ้นกับคนเหล่านั้น”
“หากว่าใครสักคนเข้าสู่สภาพนั้น พวกเขาก็ไม่ต่างไปจากสัตว์ชั่วช้า แม้ว่าจะมีวิธีที่สามารถช่วยพวกเขาได้ ความปรารถนาในความสุขของพวกเขาก็มิอาจยับยั้งได้ ดังนั้นผู้ฝึกยุทธจึงต้องสังหารทุกคนที่ได้รับผลจากสิ่งนี้”
นั่น…”
โหลวหลานจีพูดไม่ออก เนื่องจากไม่เคยเกิดอะไรที่คอขาดบาดตายเช่นนั้นขึ้นในทวีปตะวันออก
“นั่นเป็นเหตุผลที่ทำไมเจ้าจึงมิได้เพียงแค่สอนศิษย์ให้รู้จักสร้างความพึงพอใจให้คนอื่นแต่วิธีการควบคุมตนเองด้วยเช่นกัน”
“ไม่ว่าอย่างไร นี่ก็คือวิชาทั้งหมดที่ข้าได้ใช้ในวันนี้ แม้ว่าเจ้ามิสามารถใช้วิชาของผู้ชายได้ แต่เจ้าก็ยังคงศึกษามันเอาไว้”
หลังจากที่ให้วิชากับโหลวหลานจีแล้ว ซูหยางก็กลับไปยังห้องของตนเอง ซึ่งเขาก็ได้ทำการสร้างวิชาฝีมือให้กับจางซิวยิงต่อไป
ไม่เหมือนกับการคัดลอกวิชาจากภายในหัวของเขา ซึ่งเพียงใช้เวลาไม่กี่นาที การสร้างวิชาจากศูนย์นั้นปกติแล้วจะต้องใช้ความพยายามนับปี ยิ่งไปกว่านั้น ยิ่งวิชามีความซับซ้อนมากเพียงใด มันก็จะใช้เวลานานยิ่งขึ้น และก็ยังมีแม้กระทั่งวิชาที่ต้องใช้เวลานับล้านปีในการสร้างมันขึ้นมา
แต่โชคดีสำหรับซูหยาง เขาได้พื้นฐานของวิชามาแล้ว และทั้งหมดที่เขาต้องการทำจริงๆก็คือปรับแต่งมัน หวังว่าจะเพิ่มระดับของมันขึ้นไปอีกสองสามระดับ และสำหรับวิชาฝีมือของนิกายดอกบัวเพลิงนั้น เพราะว่ามันเป็นเพียงแค่วิชาระดับมนุษย์ จึงไม่ได้ต้องการความพยายามมากนักที่จะปรับปรุงมันสำหรับเซียนดังเช่นซูหยาง
สองสัปดาห์ต่อมา สุดท้ายซูหยางก็เสร็จการสร้างวิชาฝีมือ
หลังจากที่มองผ่านอีกสองสามรอบเพื่อให้มั่นใจว่ามันสมบูรณ์ดีแล้ว ซูหยางก็ไปหาจางซิวยิงซึ่งฝึกฝีมืออยู่อย่างเงียบๆในห้องของเธอ
“ซูหยาง” จางซิวยิงทักทายเขาด้วยสีหน้าสดใส
“ข้าได้สร้างวิชาของเจ้าเสร็จแล้ว” เขากล่าวขณะที่เดินเข้าไปในบ้านของเธอ
จากนั้นเขาก็นำเอาม้วนคัมภีร์ออกมาจากเสื้อ และยื่นส่งมันให้กับเธอ
“วิชาฝีมือยังมิมีชื่อในตอนนี้ แต่ถ้าเจ้าต้องการที่จะให้มันมีชื่อ เจ้าก็สามารถตั้งชื่อให้กับมันได้ตามที่เจ้าต้องการ ส่วนระดับของวิชานี้นั้น ตอนนี้มันอยู่ที่ระดับเซียน และมันจะมีประสิทธิภาพมากกว่าวิชาเดิมของเจ้าประมาณหนึ่งร้อยเท่า ข้าต้องการให้มันอย่างน้อยเป็นระดับราชันก่อนที่จะให้กับเจ้า แต่นั่นต้องให้เจ้ารออย่างน้อยสองสามเดือน ดังนั้นข้าจึงให้เจ้าไว้ก่อนในตอนนี้เพื่อที่เจ้าจะได้เริ่มฝึก ข้าจักปรับปรุงวิชานี้ต่อไป และครั้นเมื่อข้าปรับปรุงมันจนถึงระดับราชันแล้วข้าก็จักมอบมันให้กับเจ้า”
“ท่าน… ท่านขัดเกลาวิชาฝีมือจากระดับมนุษย์ไปเป็นระดับเซียนในเวลาที่น้อยกว่าหนึ่งเดือน มีอะไรอีกบ้างในโลกนี้ที่ท่านทำไม่ได้” จางซิวยิงรับวิชาไว้ด้วยสายตางงงัน
“แต่อย่างไรก็ตามท่านมิจำเป็นต้องทำมากมายปานนั้นให้กับข้า ซูหยาง ข้าพึงพอใจมากพอแล้วกับวิชาที่อยู่ในระดับเซียน” เธอกล่าวกับเขาหลังจากนั้น
“นั่นเป็นไปไม่ได้ ในเมื่อข้าต้องการสิ่งที่ดีที่สุดให้กับผู้หญิงของข้าเสมอ” ซูหยางส่ายหน้าพร้อมกับรอยยิ้ม
“ซูหยาง…”
จางซิวยิงพูดไม่ออก ในเมื่อเธอซาบซึ้งไปกับความรักความเมตตาที่เขามีต่อเธอ