กู้ชูหน่วนสตรีอัปลักษณ์ บทที่ 947

“เช่นนั้นก็ทำให้จักรพรรดินียกเลิกความคิดที่จะแต่งงานไปเสีย”

“อ้อ……ใช่แล้ว คนที่จักรพรรดินีต้องการแต่งงานด้วยก็คือเจ้า ฮึ……แต่งงานกับจักรพรรดินี จากนี้ไปก็จะได้ครอบครองอาณาจักรทั้งหมด นี่ก็เป็นสิ่งที่เจ้าต้องการไม่ใช่หรือ?”

“……”

เมื่อเห็นว่าแววตาของเหวินเส่าอี๋เริ่มเผยให้เห็นความดุร้ายขึ้นอีกครั้ง กู้ชูหน่วนจึงได้รีบหยุดพูดและเปลี่ยนเรื่องในทันที

“ไม่ใช่ว่าข้าไม่อยากช่วยเจ้า แต่วันแต่งงานเหลืออีกเพียงสองวันเท่านั้น อีกทั้งร่างกายของข้ายังเต็มไปด้วยบาดแผล เวลาเพียงสองวันจะกลับไปถึงวังหลวงหรือไม่ก็ไม่รู้ อีกอย่างข่าวการอภิเษกสมรสของจักรพรรดินีก็ถูกเผยแพร่ออกไปหมดแล้ว เกรงว่าเรื่องนี้จะยากเกินไปเสียแล้ว……”

“วันที่ข้าต้องอภิเษกสมรสกับจักรพรรดินีนั้น จะเป็นวันที่อาม่อถูกข้าสกัดหล่อหลอม”

“เจ้าไม่มีทางหาเขาเจออย่างแน่นอน”

“ข้าได้ลงอาคมต้องห้ามที่ร่างกายของเขาแล้ว ไม่ว่าเขาจะหลบหนีไปไกลเพียงใดก็ไม่อาจหลุดพ้นจากเงื้อมมือของข้าไปได้ วรยุทธ์ระดับหกขั้นสูงสุดเลื่อนขั้นไปยังระดับเจ็ด……เกรงว่าในดินแดนวิญญาณเยือกแข็งแห่งนี้จะมีเพียงข้าคนเดียวเท่านั้นที่มีวรยุทธ์ระดับเจ็ด”

เหวินเส่าอี๋กำลังข่มขู่

กู้ชูหน่วนก็พอจะฟังออกว่าเขากำลังข่มขู่

นางปัดเสื้อผ้าของตัวเองที่ยับยู่ยี่และมองไปยังร่างที่บอบบางของตัวเอง จากนั้นยิ้มออกมาอย่างอ่อนล้า “หากต้องการให้จักรพรรดินียกเลิกงานอภิเษกสมรสอันยิ่งใหญ่ศักดิ์สิทธิ์นี้ก็ไม่ใช่ว่าจะเป็นไปไม่ได้ เพียงแค่ร่างกายของข้าที่เต็มไปด้วยบาดแผล……”

เหวินเส่าอี๋รู้ว่า

นางต้องการให้เขาช่วยรักษาบาดแผล

ประจวบเหมาะกับที่บาดแผลของเขา ไม่สมควรที่จะใช้กำลังภายใน

ทว่าเมื่อนึกถึงตัวเองที่ต้องแต่งงานกับจักรพรรดินีชั่วร้ายแล้วนั้น เหวินเส่าอี๋จึงทำได้เพียงประนีประนอม

เมื่อนั่งขัดสมาธิลงก็ได้กระตุ้นใช้กำลังภายในของตัวเองเพื่อช่วยรักษาอาการบาดเจ็บของกู้ชูหน่วน

เขาสามารถควบคุมน้ำ ร่างกายของกู้ชูหน่วนเต็มไปด้วยพลังที่รุนแรง โดยเขาใช้น้ำจัดการกับไฟ และใช้ความอ่อนโยนจัดการกับความก้าวร้าว และวรยุทธ์ที่เขาฝึกฝนนั้นเหมาะสมที่จะใช้ช่วยรักษาอาการบาดเจ็บของกู้ชูหน่วนมากที่สุดแล้ว

เวลาผ่านไปกว่าสองชั่วยาม เหวินเส่าอี๋ค่อยๆ วางมือลง

ไม่ง่ายเลยที่เขาจะฟื้นฟูวรยุทธ์กลับคืนมาได้ ทว่าขณะนี้กลับเริ่มถดถอยลงอีกครั้ง

ใบหน้าที่หล่อเหลาของเขาก็กลับกลายเป็นซีดเผือดลงไปไม่น้อย

ในทางกลับกัน สีหน้าของกู้ชูหน่วนกลับดูสดใสและมีชีวิตชีวามากขึ้นกว่าเดิมอย่างมาก ถึงขั้นมีเลือดฝาดปรากฏออกมา และอดพูดไม่ได้ว่าอาการบาดเจ็บของนางเหมาะสมแล้วที่จะให้เหวินเส่าอี๋เป็นผู้ทำการรักษา

เหวินเส่าอี๋กระตุ้นกำลังภายในอีกครั้ง เพื่อรักษาความมั่นคงของพละกำลังของตัวเองเอาไว้

และเมื่อลืมตาขึ้นมากลับเห็นกู้ชูหน่วนที่ไม่เพียงแต่หายจากอาการบาดเจ็บขึ้นมาก แต่ถึงขั้น……พละกำลังของนางพุ่งพรวดขึ้นไปถึงวรยุทธ์ระดับสี่ขั้นสูงสุด……

วรยุทธ์ระดับสี่ขั้นสูงสุด……

เขาเพียงแค่ทำการรักษาอาการบาดเจ็บให้นางเท่านั้น แต่กลับสามารถทำให้พละกำลังและวรยุทธ์ของนางเพิ่มกลับขึ้นไปอีกครั้ง……

ทันใดนั้นเหวินเส่าอี๋ก็ดูเหมือนจะเข้าใจอะไรขึ้นมาได้

ตลอดหลายวันมานี้ที่มู่หน่วนช่วยชีวิตเขามา โดยที่ไม่รักษาอาการบาดเจ็บให้ตัวเอง คงไม่ได้ทำไปเพียงแค่ต้องการคิดช่วยชีวิตเขาอย่างแน่นอน

เพียงแต่เป็นเพราะมู่หน่วนไม่สามารถรักษาอาการบาดเจ็บของตัวเอง จึงทำได้เพียงต้องช่วยเขารักษาอาการบาดเจ็บ

และใช้ประโยชน์จากความช่วยเหลือของเขา เพื่อทำให้อาการบาดเจ็บของตัวเองฟื้นฟูกลับเป็นปกติ และถึงขั้น……ใช้ประโยชน์จากการที่เขารักษาอาการบาดเจ็บให้ เพื่อเพิ่มวรยุทธ์และเลื่อนขั้นไปยังระดับสี่ขั้นสูงสุด……

และความรู้สึกซาบซึ้งขอบคุณที่มีต่อนางเมื่อสักครู่ก็ได้มลายหายไปขณะที่เห็นว่ากู้ชูหน่วนได้เพิ่มและเลื่อนขั้นวรยุทธ์ไปถึงระดับสี่ขั้นสูงสุด

กู้ชูหน่วนหัวเราะยิ้ม “เสี่ยวหูเตี๋ย วรยุทธ์ของเจ้าไม่เลวเลยจริงๆ ดูสิ อาการบาดเจ็บของข้าหายเป็นปกติแล้ว”

“ฮึ……สองวัน……สองวันหลังจากนี้หากจักรพรรดินีไม่สามารถยกเลิกราชโองการเรื่องการอภิเษกสมรสลงได้ เช่นนั้นเจ้าก็รอดูซือม่อเฟยกลายเป็นแท่นหินรองเท้าในการก้าวเพิ่มระดับวรยุทธ์ของข้าไปถึงระดับเจ็ดได้เลย”

“ข้าจะจดจำคำเตือนของเจ้าเอาไว้”

เหวินเส่าอี๋กำลังจะเดินจากไป แต่ขาของเขากลับถูกกอดรัดเอาไว้ เขาก้มลงมองและเห็นว่ากู้ชูหน่วนกำลังกอดรัดขาของเขาแน่น จากนั้นเขาจึงได้กล่าวออกมาด้วยความโกรธ “อาการบาดเจ็บของข้าเพิ่งจะหายดีได้ไม่นาน และระยะทางจากที่นี่ไปวังหลวงก็ไกลเหลือเกิน ไม่เช่นนั้นเจ้าไปส่งข้าอีกสักหน่อย เพื่อข้าจะได้ประหยัดเวลาไปได้บ้าง”

เหวินเส่าอี๋ปฏิเสธออกไป กู้ชูหน่วนกลับชิงพูดขึ้นมา

“ข้าไปวังหลวงก็เพื่อช่วยจัดการธุระของเจ้า อย่างไรเสียวิชาตัวเบาของเจ้าก็เก่งกาจ เช่นนั้นส่งข้าอีกสักหน่อยคงไม่เป็นการเสียเวลาของเจ้ามากเกินไปหรอกกระมัง”

“เจ้าสามารถควบคุมสัตว์ร้ายได้ไม่ใช่หรือ? เจ้ามีเสี่ยวจิ่วเอ๋อร์และเจ้าเสือน้อยไม่ใช่หรือ?”

“ในเวลาสำคัญเช่นนี้ ข้าก็ไม่รู้เหมือนกันว่าพวกเขาหายไปไหนกัน……”

“……”

อาการบาดเจ็บของเขาเพิ่งจะกลับมาหายดี และการรักษาอาการบาดเจ็บให้นางก็ได้เสียเวลาไปมากแล้ว หากยังใช้วิชาตัวเบาเพื่อส่งนางไปยังวังหลวงอีก เช่นนั้นเขาคงไม่สามารถใช้วรยุทธ์ไปอีกหลายวันน่ะสิ?

เมื่อนึกถึงผู้อาวุโสทั้งหลายของเผ่าเพลิงฟ้าที่ต่างพากันไม่เห็นด้วยกับการยกเลิกงานอภิเษกสมรส และรวมไปถึงตอนที่ตัวเองได้ขึ้นเป็นหัวหน้าเผ่าของเผ่าเพลิงฟ้าในดินแดนวิญญาณเยือกแข็ง หนึ่งในเงื่อนไขนั้นก็คือการแต่งงานกับจักรพรรดินี

เหวินเส่าอี๋ครุ่นคิดอยู่ครู่หนึ่ง จากนั้นก็ได้ยกกู้ชูหน่วนและพาลอยขึ้นไปสู่วังหลวงของรัฐปิง

เขาเคลื่อนไหวอย่างรวดเร็ว รวดเร็วเสียจนกู้ชูหน่วนไม่สามารถลืมตาขึ้นได้ และรู้สึกเพียงแค่มีเสียงลมที่แรงกระหน่ำดังอยู่ในหูตลอดเวลา

กู้ชูหน่วนยิ้มและกล่าวว่า “เสี่ยวหูเตี๋ยช่างเก่งกาจเหลือเกิน ข้าว่าในดินแดนวิญญาณเยือกแข็งแห่งนี้คงไม่มีใครมีวิชาตัวเบาที่เก่งกาจสู้เจ้าได้อีกแล้ว”

ภายนอกถ้ำ รองหัวหน้าเผ่าเพลิงฟ้าและรวมไปถึงผู้อาวุโสอีกสองคนได้เดินออกมาจากที่พักพิงด้วยความกระวนกระวายใจ และมองไปยังเส้นทางที่พวกเขามุ่งหน้าไปด้วยความคิดไม่ตก

ผู้อาวุโสซูหนึ่งในผู้ที่มีอายุน้อยได้กล่าวขึ้นมา “รองหัวหน้าเผ่า ข้าไม่เข้าใจเอาเสียเลย หากหัวหน้าเผ่าไม่อยากแต่งงานกับจักรพรรดินี เช่นนั้นก็ไม่ต้องแต่งงานกับจักรพรรดินี เผ่าเพลิงฟ้าของเราก็ไม่จำเป็นต้องพึ่งพาจักรพรรดินีเพื่อจะได้ครอบครองอะไร เหตุใดถึงต้อง……”

รองหัวหน้าเผ่ายกมือขึ้นเพื่อขัดจังหวะเขา “เป็นเรื่องจำเป็นที่ต้องแต่งงานกับจักรพรรดินี ไม่ว่าเขาจะยอมหรือไม่ก็แล้วแต่ เขาจำเป็นต้องยอมรับการแต่งงานในครั้งนี้ นี่คือชะตากรรมที่ผู้เป็นหัวหน้าเผ่าไม่อาจปฏิเสธหรือหนีพ้นได้”

“แต่ว่า……”

ผู้อาวุโสสวี่ที่มีอายุมากกว่ากล่าวว่า “นี่คือกฎระเบียบที่บรรพบุรุษรุ่นก่อนๆ หลงเหลือเอาไว้ และถือเป็นคำสั่งที่เด็ดขาดที่สุดของเผ่าเพลิงฟ้าที่มีการสืบทอดต่อๆ กันมาจากรุ่นสู่รุ่น และเป็นสิ่งที่เราไม่อาจปฏิเสธได้ ตอนที่หัวหน้าเผ่าจะขึ้นครองตำแหน่งหัวหน้าเผ่านั้น พวกข้าก็ได้บอกกับเขาอย่างละเอียดแล้ว และเขาก็ยอมรับแล้วด้วย ในเมื่อยอมรับแล้ว เช่นนั้นก็ต้องปฏิบัติตามกฎ แม้ว่าเขาเป็นหัวหน้าเผ่าก็ไม่มีข้อยกเว้น”

“แต่ทั้งหมดนี้ทำไปเพื่ออะไรอย่างนั้นหรือ……”

“ไม่มีข้ออ้างใดๆ ทั้งนั้น เราในฐานะผู้อาวุโสของเผ่าเพลิงฟ้า มีหน้าที่เพียงรักษากฎระเบียบดั้งเดิมที่บรรพบุรุษหลงเหลือเอาไว้”

“แต่ตอนนี้หัวหน้าเผ่าคิดเพียงต้องการจะยกเลิกการแต่งงานเท่านั้น นี่……”

รองหัวหน้าเผ่ายังคงจ้องมองไปยังเส้นทางที่พวกเขาจากไปโดยไม่ละสายตา และเมื่อได้ยินคำพูดของผู้อาวุโสซูเข้า เขาก็ได้กล่าวขึ้นมาด้วยน้ำเสียงเคร่งขรึม

“งานอภิเษกสมรสในครั้งนี้ ใครก็ไม่อาจทำลายลงได้”

ตั้งแต่ที่เขาได้ขึ้นเป็นผู้อาวุโส จนถึงตำแหน่งผู้อาวุโสสูงสุด และมาถึงตำแหน่งรองหัวหน้าเผ่า

บรรดาบรรพบุรุษทั้งหลายต่างก็ได้คอยตักเตือนเขามาโดยตลอด

เป้าหมายสูงสุดในชีวิตของเขาก็คือรอให้มีหัวหน้าเผ่าคนใหม่ปรากฏขึ้น และจัดให้มีพิธีแต่งงานให้กับพวกเขา

นี่คือภารกิจของเขา

และคือเป็นภารกิจของบรรดาคนของเผ่าเพลิงฟ้า

“ในเมื่อเป็นเช่นนี้ เช่นนั้นเราก็จับมู่หน่วนกลับมาไม่ดีกว่าหรือ ผู้หญิงคนนี้ไม่เพียงมีวรยุทธ์ที่เพิ่มมากขึ้นอย่างรวดเร็ว อีกทั้งนางยังมีทักษะการแพทย์ที่เก่งกาจ และในร่างกายของนางก็ยังมีดวงวิญญาณของกู้ชูหน่วนอยู่ด้วย”

หัวหน้าเผ่าของพวกเขาได้รับบาดเจ็บสาหัสในอาณาเขตของตระกูลไป๋หลี่ ร่างกายที่บาดเจ็บสาหัสเช่นนั้น แม้แต่พวกเขาเองยังไม่สามารถรักษาให้หายได้ ทว่าผู้หญิงคนนั้นกลับรักษาจนหายได้

หากไม่ใช่เป็นเพราะได้เห็นกับตาตัวเองว่านางเป็นคนรักษาอาการบาดเจ็บของหัวหน้าเผ่า พวกเขาไม่มีทางเชื่ออย่างแน่นอนว่าบนโลกนี้จะมีคนที่มีทักษะการแพทย์ที่น่าทึ่งและน่าอัศจรรย์เช่นนี้

รองหัวหน้าเผ่าค่อยๆ ถอนหายใจ “ช่างเถอะ ปล่อยให้นางไปเถอะ ตอนนี้หากจับตัวมู่หน่วนกลับมาก็เกรงว่าหัวหน้าเผ่าจะโกรธเคืองขึ้นได้ ตอนนี้สำนักใหญ่ของเผ่าเพลิงฟ้าของเราก็ไม่มีแล้ว เช่นนั้นสำนักย่อยอย่างเราก็ควรจะสามัคคีกันเข้าไว้”

หัวหน้าเผ่าได้ผ่านประสบการณ์ที่ที่ของเผ่าเพลิงฟ้าในสำนักใหญ่ถูกฆ่าตายอย่างโหดเหี้ยมสลดใจ หากไม่จำเป็นจริงๆ เขาก็ไม่ต้องการเห็นหัวหน้าเผ่าผิดหวังอย่างเจ็บปวด

งานอภิเษกสมรสที่จะมีขึ้นในอีกไม่กี่วันข้างหน้า ตอนนี้ปล่อยให้เขาได้ทำอย่างอื่นก็คงดี

ผู้อาวุโสสวี่ยิ้มและกล่าวว่า “รองหัวหน้าเผ่า ท่านช่างเป็นคนที่ปากร้ายแต่กลับมีจิตใจดีเสียเหลือเกิน ใครบ้างไม่รู้ว่าในเผ่าเพลิงฟ้านี้มีท่านนี่แหละที่รักและเอ็นดูหัวหน้าเผ่ามากที่สุด แต่ท่านกลับแสดงออกอย่างแข็งกระด้าง”

สีหน้าของรองหัวหน้าเผ่าเปลี่ยนไปเล็กน้อย

ผู้อาวุโสสวี่และผู้อาวุซูกลับยิ้มออกมา และทำเป็นว่าไม่เห็นการแสดงออกทางสีหน้าของเขา

เมื่อตอนที่เหวินเส่าอี๋กลับมายังเผ่าเพลิงฟ้า ก็เป็นเวลาดึกมากแล้ว

เขาผลักประตูเข้าไปอย่างเหนื่อยล้าและสิ่งที่เห็นตรงหน้าก็คือร่างอันสง่าผ่าเผยของรองหัวหน้าเผ่า

เหวินเส่าอี๋ตกตะลึงและคิดว่าตัวเองเข้าห้องผิด

“คารวะท่านหัวหน้าเผ่าขอรับ”

“รองหัวหน้าเผ่า ดึกดื่นเช่นนี้แล้ว ท่านมาหาข้ามีธุระอะไรอย่างนั้นหรือ?”