กู้ชูหน่วนสตรีอัปลักษณ์ บทที่ 948

“ข้าได้เหล้ามาใหม่และคิดว่ามันไม่เลว ข้าจึงมาเพื่อให้ท่านได้ลองชิมดูเสียหน่อย”

ขณะที่เหวินเส่าอี๋หันกลับมาก็พอรู้ได้ว่ารองหัวหน้าเผ่ามีเรื่องจะพูดกับเขา

แม้ว่ารองหัวหน้าเผ่าจะดื่มเก่ง แต่เขากลับเป็นคนที่จริงจังและเคร่งขรึมเสียมากกว่า อยู่เผ่าเพลิงฟ้ามาก็เนิ่นนานแล้ว เขากลับไม่เคยเห็นรองหัวหน้าเผ่าดื่มเหล้าเพียงลำพังเลยสักครั้ง และไม่เคยนั่งอยู่ในวงเหล้าเลยด้วยซ้ำ

แต่ตัวเขาเอง ทุกคนในเผ่าต่างก็รับรู้ว่าเขาไม่ถนัดเรื่องการดื่มเหล้าเอาเสียเลย

เหวินเส่าอี๋ยิ้มจางๆ “ได้สิ”

ภายในศาลาอันว่างเปล่าที่มีเพียงเหวินเส่าอี๋และรองหัวหน้าเผ่า

พระจันทร์คืนนี้งดงามมากและรสเหล้าก็เคล้าคอเสียเหลือเกิน บนโต๊ะนอกจากเหล้าแล้ว ไม่มีกับแกล้มอย่างอื่นเลยแม้แต่นิดเดียว และไม่ต้องพูดถึงน้ำชาน้ำผลไม้หรือของว่างอื่นๆ เลย

รองหัวหน้าเผ่าได้นำจุกไหเหล้ามาวางไว้กลางโต๊ะ และสูดดมกลิ่นเหล้าอันหอมกรุ่นที่คละคลุ้งออกมา ทำให้ใบหน้าเผยให้เห็นรอยยิ้มแห่งการมึนเมา

“เหล้านี้ได้แย่งชิงมาจากผู้อาวุโสสวี่ ตาเฒ่านั่นเก็บสะสมมาเป็นเวลากว่าห้าสิบปีแล้ว และวันปกติก็ไม่เคยนำออกมาดื่มเลย ส่วนข้า……กลับคิดถึงและโหยหามาอยู่หลายปีแล้ว”

“แย่งชิง?”

เหวินเส่าอี๋มองรองหัวหน้าเผ่าที่กำลังเทเหล้าลงในจอกเล็กๆ สองใบ และทุกการกระทำของเขาก็ทำอย่างระมัดระวัง เพราะเกรงว่าจะหยดลงสู่พื้น

เขาไม่เคยเห็นรองหัวหน้าเผ่าในลักษณะเช่นนี้มาก่อนเลย

เพียงแค่จอกเล็กๆ เช่นนี้ ต่อให้เทให้เต็มก็มีไม่มากเท่าไรนัก อีกทั้งยังไม่สามารถเทให้เต็มปริ่มได้

ทว่าเป็นเช่นนี้ก็ดีแล้ว เพราะเขาเองก็ไม่ชอบดื่มเหล้าเช่นกัน

“ใช่แล้ว เขามีหลานทำให้เขามีความสุข จึงได้หยิบไหเหล้าออกมา และถูกข้าแย่งชิงมา อีกทั้งข้ายังถูกตาเฒ่านั่นวิ่งไล่ตามอยู่นานทีเดียวเชียว”

“หากรองหัวหน้าเผ่าชอบดื่มเหล้า เช่นนั้นข้าจะสั่งให้คนออกไปตามหาเหล้าชั้นดีกลับมามอบให้เจ้า”

รองหัวหน้าเผ่าโบกมือปัดไปมาและยิ้มออกมาอย่างอ่อนโยน “ไม่ต้องหรอก เหล้าชั้นดีล้วนแต่ต้องแลกมาด้วยราคาที่สูงลิบลิ่ว เหล้านี้จะดื่มหรือไม่ดื่มก็ได้ ไม่จำเป็นต้องสิ้นเปลืองเงินจำนวนมากเช่นนั้น”

“เพียงแค่เหล้าไม่กี่ไหเท่านั้นเอง หักเงินจากบัญชีของข้า ไม่ต้องหักจากบัญชีของเผ่า ทั้งหมดนี้เพื่อเป็นการให้เกียรติรองหัวหน้าเผ่า”

“ทำเช่นนั้นไม่ได้หรอก คนไม่รู้จะหาว่าข้ารับสินบนอะไรจากท่านเอาได้ อีกอย่าง…….เงินของท่านก็ถือเป็นเงิน เผ่าเพลิงฟ้าของเราต้องการจะกลับไปยังดินแดนเยี่ยอวี่ (ดินแดนราตรีหยาดฝน) เพื่อก่อตั้งสำนักใหญ่ของเผ่าเพลิงฟ้าขึ้นใหม่ และในอนาคตยังจำเป็นต้องใช้เงินอีกจำนวนมาก ตอนนี้ไม่อาจสิ้นเปลืองเงินแม้แต่ตำลึงเดียว”

เมื่อได้ยินถึงสำนักใหญ่ของเผ่าเพลิงฟ้า เหวินเส่าอี๋ก็นิ่งเงียบลงครู่หนึ่ง

จากนั้นในหัวของเขาก็เต็มไปด้วยภาพที่คนของเผ่าเพลิงฟ้าถูกกำจัดทำลายและฆ่าตายอย่างน่าอนาถ และรวมไปถึงภาพการจากไปอย่างน่าสลดใจของท่านพ่อของเขา

เขายกจอกเหล้าขึ้นมาและคิดอยากจะดื่มเหล้าให้หมดจอก แต่กลับถูกรองหัวหน้าเผ่าห้ามปรามไว้

“เหล้าชั้นดีนั้นเหมาะแก่การดื่มเพื่อลิ้มรส ไม่ได้มีไว้เพื่อดื่มสิ้นเปลือง ท่านลองดมกลิ่นความหอมของเหล้าดูก่อน จากนั้นค่อยๆ จิบทีละนิด”

เหวินเส่าอี๋ทำตามที่เขาพูด และยกจอกเหล้าขึ้นมาบริเวณปลายจมูก ทำให้มีอันหอมหวนของเหล้านั้นคละคลุ้งเข้าไปยังจมูก

เขาไม่ถนัดเรื่องเหล้า รู้เพียงแค่มีกลิ่นหอม แต่อย่างน้อยก็ทำให้ใจของเขากระสับกระส่ายน้อยลง

“รองหัวหน้าเผ่าช่างเก่งกาจเหลือเกิน เหล้านี้ดีจริงๆ ด้วย”

เขาค่อยๆ จิบช้าๆ เหล้านั้นมีความหอมและกลมกล่อม แต่ก็มีความแรงมากเช่นกัน

เขาไอกระแอมออกมาสองสามครั้งอย่างอดไม่ได้

เหวินเส่าอี๋ดื่มไม่ได้และต้องการดื่มให้หมดไปเท่านั้น รองหัวหน้าเผ่าได้ห้ามปรามไว้ และบอกให้เขาค่อยๆ ดื่ม

“สิ่งที่ดื่มเข้าไปนั้นล้วนเป็นเงินเป็นทอง ค่อยๆ ดื่มช้าๆ เถอะ”

มุมปากของเหวินเส่าอี๋กระตุกเล็กน้อย

เขารู้มานานแล้วว่ารองหัวหน้าเผ่าเป็นคนตระหนี่ขี้เหนียวมาก และปกติก็เป็นคนมัธยัสถ์ประหยัด เสื้อผ้าหนึ่งชุดสามารถใส่ได้เป็นสิบๆ ปี เมื่อขาดก็ทำการเย็บปะซ่อมแซมวนไปซ้ำๆ โดยไม่รู้ว่าทำการซ่อมแซมไปแล้วกี่ครั้งต่อกี่ครั้ง

คนในเผ่าต่างก็พูดถึงกันอย่างกว้างขวางและบ่อยครั้ง

และเมื่อเห็นภาพในวันนี้ กลับทำลายความรับรู้ความเข้าใจของเขาขึ้นอีกครั้ง

หรืออาจเป็นเพราะรองหัวหน้าเผ่าซือคงที่สำนักใหญ่ของเผ่าเพลิงฟ้าคนนั้นก็เป็นได้

เมื่อได้ยินคำว่ารองหัวหน้าเผ่า เขาก็รู้สึกปฏิเสธขึ้นมาโดยไม่รู้ตัว

และเมื่อนึกย้อนไปถึงสิ่งที่รองหัวหน้าเผ่าปฏิบัติอย่างจริงจังและรอบคอบต่อสำนักย่อยมาโดยตลอด อีกทั้งยังจัดการดูแลเผ่าเพลิงฟ้าเป็นอย่างดี ซึ่งดูเหมือนว่า……ไม่มีอะไรขาดตกบกพร่องเลยสักนิด

“รองหัวหน้าเผ่าคงมีเรื่องอะไรจะพูดกับข้าใช่หรือไม่”

“จะมีเรื่องอะไรได้ ก็แค่มีเหล้าชั้นดีและอยากจะมาแบ่งปันท่านก็เท่านั้น”

“ท่านหัวหน้าเผ่า เหล้านี้เป็นอย่างไรบ้าง?”

“มีรสชาติเข้มมากเมื่อดื่มเข้าไป และรู้สึกสำลักที่ลำคอ แต่เมื่อดื่มเข้าไปอีกก็รู้สึกกลมกล่อม แต่……รู้สึกขมเล็กน้อย”

“ตอนนี้ล่ะ?”

“ดูเหมือนว่าจะไม่ขมเช่นนั้นแล้ว และยังมีความหวานที่ติดอยู่ในลำคอเล็กน้อย”

รองหัวหน้าเผ่าค่อยๆ จิบและเผยให้เห็นท่าทางที่มึนเมา จากนั้นยิ้มและกล่าวขึ้นมา

“เหล้านี้ก็เหมือนกับชีวิตของคนเราที่มีขึ้นและมีลง เมื่อพบกับความพ่ายแพ้ก็จะรู้สึกโกรธและอิจฉาริษยา รู้สึกไม่ยอม และอยากจะจบชีวิตลงไปเช่นนั้น เพื่อจะได้เกิดใหม่ ทว่าเมื่อเวลาผ่านไปเรื่องทั้งหมดก็กลับเป็นความเจ็บปวด ความเคียดแค้น แต่เมื่อได้ลิ้มรสอีกครั้ง อันที่จริงก็เป็นเพียงอดีตที่ผ่านไป หากลองพิจารณาไตร่ตรองดูอย่างละเอียดแล้วนั้น ความหอมหวานก็ได้เพิ่มพูนขึ้นกว่าความขมขื่นอย่างมาก”

เหวินเส่าอี๋หมุนจอกเหล้าและครุ่นคิดถึงคำพูดของรองหัวหน้าเผ่าอย่างละเอียด และพยายามคาดเดาว่าเขาหมายถึงอะไร

“มาเถอะ ดื่มกันอีกสักหน่อย”

เหวินเส่าอี๋ยกจอกเหล้าขึ้นมาชนกับเขาและคิดจะดื่มให้หมดจอก ทว่ากลับถูกรองหัวหน้าเผ่าห้ามปรามขึ้นอีกครั้ง

“เหล้าชั้นดีเช่นนั้นต้องไม่ดื่มอย่างเสียเปล่า เราค่อยๆ จิบทีละนิดก็ได้แล้ว”

เหวินเส่าอี๋หัวเราะออกมาและกล่าวว่า “ในไหยังมีอีกเยอะไม่ใช่หรือ”

“วันนี้ลิ้มรสสักเล็กน้อย พรุ่งนี้ยังสามารถดื่มได้อีกอีกหน่อย และวันๆ ไปก็ยังสามารถดื่มได้อีก เมื่อได้ลองลิ้มชิมรสไปแล้ว ในใจก็จะไม่รู้สึกขมขื่นอีกต่อไป”

“รองหัวหน้าเผ่าหมายความว่า ข้าเข้าใจแล้ว ข้า……”

“เข้าใจก็ดีแล้ว ต่อไปหากหัวหน้าเผ่ามีเหล้าชั้นดีอะไร เช่นนั้นก็อย่าลืมนึกถึงข้าล่ะ”

รองหัวหน้าเผ่าไม่พูดพร่ำทำเพลงอะไรและพูดขัดจังหวะขึ้นมาอย่างตรงไปตรงมาโดยไม่รอให้เหวินเส่าอี๋พูดจบ

เหวินเส่าอี๋จึงไม่ได้พูดอะไรอีก

เขารู้ดีว่ารองหัวหน้าเผ่าต้องการพูดปลอบเขา ปลอบเขาว่าในเมื่อเผ่าเพลิงฟ้าก็ได้ถูกทำลายลงไปแล้ว ไม่มีประโยชน์อะไรที่จะยังคงโกรธแค้นหรือเกลียดชังต่อไป และเมื่อเจอปัญหาก็ไม่ควรคิดแต่ละแก้แค้น ควรนึกถึงเรื่องดีๆ ให้มากเข้าไว้

และเพื่อตักเตือนเขาว่าแม้การแต่งงานกับจักรพรรดินีจะเป็นเรื่องที่น่าเจ็บปวด แต่ท่ามกลางความเจ็บปวดขมขื่นนั้นก็มีความหวาน วันเวลาเนิ่นนานผ่านไปก็จะเปลี่ยนเป็นความหวานเอง

ทว่าเมื่อไม่สามารถแก้แค้นได้ จะมีความหวานได้อย่างนั้นหรือ?

การแต่งงานกับผู้หญิงคนหนึ่งที่ตัวเองไม่รัก และถึงขั้นเกลียดชังคนหนึ่งจะเปลี่ยนเป็นความหวานได้อย่างนั้นหรือ?

เมื่อนึกถึงการแต่งงาน เหวินเส่าอี๋ก็ยกจอกเหล้าขึ้นมาอีกครั้งและอยากจะดื่มไปให้หมดจอก

รองหัวหน้าเผ่าแย่งจอกเหล้าของเขาไป “ดื่มเร็วไปเช่นนี้จะลิ้มรสชาติของเหล้าได้อย่างไร ต้องแบ่งดื่มให้ได้ห้าครั้ง”

“ห้าครั้ง……”

จอกเล็กเช่นนี้ ยังต้องแบ่งดื่มให้ได้ห้าครั้งอย่างนั้นหรือ?

“เหล้านี้ ข้าดื่มไม่รู้รสหรอก รองหัวหน้าเผ่าดื่มเองคนเดียวเถอะ”

“มีเหล้าจำนวนมากที่ได้ลิ้มลองแล้วไม่รู้รสจึงจำเป็นต้องค่อยๆ ลิ้มลอง และนี่ก็เป็นเรื่องที่ท่านหัวหน้าเผ่าจำเป็นต้องประสบพบเจอ ท่านหัวหน้าเผ่าค่อยๆ ลิ้มลองเถอะ”

“……”

เหวินเส่าอี่ไม่ต้องการพูดอ้อมค้อมไปมาและได้พูดออกไปตรงๆ

“คนที่ข้าต้องการแต่งงานด้วยก็คือจักรพรรดินีของเผ่าน้ำแข็ง หรือจำเป็นต้องเป็นนาง?”

“จักรพรรดินีเผ่าน้ำแข็ง ไม่ว่าจักรพรรดินีของเผ่าน้ำแข็งจะเป็นใคร เพียงแค่นางเป็นจักรพรรดินีก็พอ แต่……เผ่าเพลิงฟ้าไม่อาจคาดเดาได้ว่าใครจะได้เป็นจักรพรรดินี ไม่เช่นนั้น……คนที่ท่านจะต้องแต่งงานด้วยก็ยังคงเป็นนาง”

รองหัวหน้าเผ่าจิบเหล้าเล็กน้อยและแหงนหน้าขึ้นมองดวงจันทร์ จากนั้นเขาได้กล่าวตักเตือนออกมา “การแต่งงานเป็นคำสัญญาของท่าน”

“ข้าไม่เคยลืมคำสัญญา ข้าไม่ปฏิเสธว่าข้าไม่ต้องการแต่งงาน โดยเฉพาะข้าไม่ต้องการแต่งงานกับนาง เพียงแต่ข้าไม่เข้าใจเลยจริงๆ ว่าเหตุใดข้าจำเป็นต้องแต่งงานกับจักรพรรดินีของเผ่าน้ำแข็ง แท้ที่จริงแล้วจักรพรรดินีมีของดีอะไรที่คู่ควรให้เผ่าเพลิงฟ้ายอมทำทุกอย่างเพื่อจะได้แต่งงานกับนาง”

“นี่ก็เป็นเรื่องที่ข้าอยากรู้มาโดยตลอดเช่นกัน”

หากสามารถยกเลิกได้ เขาก็ไม่ต้องการเห็นหัวหน้าเผ่าต้องเจ็บปวดกับการที่ต้องแต่งงานกับคนที่เขาไม่ได้รัก

“ดึกมากแล้ว ข้ากลับห้องนอนก่อนล่ะ”

“ท่านหัวหน้าเผ่า นอกจากเรื่องการแต่งงานแล้ว อนาคตข้างหน้าหากท่านต้องการทำอะไร ทุกคนในเผ่าเพลิงฟ้ายินดีทำตามคำสั่งของท่าน”

“ข้าจะจดจำที่รองหัวหน้าเผ่าตักเตือนข้าเอาไว้”

“ท่านยังดื่มเหล้าไม่หมดเลย”

“ข้าได้จดจำรสชาติของเหล้าเอาไว้แล้ว ที่เหลือนี้……ก็ปล่อยทิ้งไปเสียเถอะ”

“ทิ้งไปน่าเสียดายออก ข้าจะเก็บเอาไว้ รอวันข้างหน้าที่ท่านอยากดื่มอีกครั้ง ข้าจะมอบให้ท่านอีก”

เหวินเส่าอี๋เดินจากไปไกลแต่ก็ย้อนกลับมาอีกครั้ง และถามคำถามที่ทำให้รองหัวหน้าเผ่าต้องนิ่งเงียบไป

“ได้ยินมาว่ารองหัวหน้าเผ่าและฉ่ายเหนียงเป็นคู่รักในวัยเด็กที่รักใคร่ต่อกัน ฉ่ายเหนียงรอท่านมากว่าสี่สิบปี จากผมดำจนผมขาว เหตุใดรองหัวหน้าเผ่าถึงไม่แต่งงานกับนางอย่างนั้นหรือ?”