เมื่อคิดดังนั้น เปปเปอร์จึงหันไปมองทางชวนชม
ซึ่งชวนชมก็มองไปทางคุณสุเวทย์และภรรยาเช่นกัน เธอตกใจจนสะดุ้งลุกขึ้นยืนจากเก้าอี้ ร่างกายของเธอสั่นคลอนเล็กน้อย ในดวงตาเต็มไปด้วยความหวาดกลัวอย่างเห็นได้ชัด
ทำไมกัน? ทำไมสองสามีภรรยาถึงมาอยู่ที่นี่ได้?
คุณทามทอย
ชวนชมเบิกตากว้างแล้วมองไปทางทามทอยอย่างเหลือเชื่อ
เป็นเขาแน่!
เนื่องจากสองสามีภรรยานี้เดินทางเข้ามาพร้อมกับเขา
ดังนั้นต้องเป็นเขาที่พาสองคนนี้มา
ชวนชมกำมือแน่นแล้วมองไปทางทามทอยด้วยความรู้สึกทั้งปวดใจและเกลียดแค้น
เธอพอจะเข้าใจว่าทำไมเขาต้องพาสองสามีภรรยานี้มาด้วย นั่นคงเป็นเพราะเขาต้องการให้สองสามีภรรยาเปิดโปงตัวตนที่แท้จริงของเธอ
ทำเกินไป เขาทำเกินไปแล้ว!
เธอรักเขาขนาดนั้น แต่เขากลับปฏิบัติกับเธอเช่นนี้
ทามทอยสัมผัสได้ถึงแววตาของชวนชมที่มองมายังตน ในใจของเขารู้สึกอธิบายไม่ถูก ไม่เข้าใจว่าทำไมเธอถึงมองเขาโดยท่าทางเหมือนกับคนอกหักอย่างนั้น
แต่ทามทอยก็ไม่ได้คิดอะไรมาก เขาเผยอยิ้มขึ้นอย่างมีความหมายและดูสนุกไปกับมัน “เจินเจิน เห็นพ่อแม่แท้ๆ เดินทางมาหา มายังไม่เข้ามาทักทายอีก ยืนชะงักอยู่ตรงนั้นทำไม?”
พ่อแม่แท้ๆ เหรอ?
สองสามีภรรยาตระกูลภักดีพิศุทธิ์ ทำท่าทางไม่พอใจออกมา
เยี่ยมบุญจ้องไปที่ทามทอยแล้วเอ่ยพูดขึ้นด้วยน้ำเสียงเย็นชาว่า “เจ้าเด็กตระกูลชุติเกษม พูดเรื่องไร้สาระอะไรกัน พ่อแม่แท้ๆ ที่ไหน? ผมและภรรยาของผมถึงจะเป็นพ่อแม่แท้ๆ ของชวนชม”
แม้ว่าผลตรวจดีเอ็นเอยังไม่ออกมา แต่พวกเขาก็เชื่อมั่นว่าชวนชมเป็นลูกสาวของพวกเขา
ทามทอยยืนกอดอกแล้วยิ้มขึ้น “ประธานเยี่ยมบุญครับ ผมไม่ได้พูดจาไร้สาระหรอกนะครับ แต่สองคนนี้ที่ผมพามาเป็นพ่อแม่แท้ๆ ของเจินเจินจริงๆ ไม่เชื่อพวกคุณก็ลองดูสิ”
ทามทอยก้าวขาออกมาเผยให้เห็นสองสามีภรรยาที่อยู่ด้านหลัง
เมื่อเห็นสองคนนี้ สีหน้าท่าทางของเยี่ยมบุญและภรรยาก็เปลี่ยนไปทันที
“คุณเยี่ยมบุญ……” คุณนายตระกูลภักดีพิศุทธิ์เข้ามาโอบแขนของเยี่ยมบุญเอาไว้ น้ำเสียงของเธอสั่นคลอน “เป็นเขา! คนที่อยู่ในรูปภาพคนนั้น”
เยี่ยมบุญกัดฟันแน่นไม่ได้ตอบอะไรออกมา แต่สายตายังคงจับจ้องไปที่สุเวทย์
แน่นอนว่าเขารู้ชายวัยกลางคนที่อยู่ตรงหน้านี้ก็คือคนที่อยู่ในรูปถ่าย เขาเองก็จำได้
แต่คิดไม่ถึงว่าผู้ชายวัยกลางคนที่อยู่ในรูปภาพจะปรากฏตัวต่อหน้าเขานะตอนนี้
ในขณะที่เยี่ยมบุญกำลังจะก้าวขาออกไปเพื่อเอ่ยถามสุเวทย์ว่าเขาเป็นใครมาจากไหน คุณสุเวทย์และภรรยาก็ดวงตาเป็นประกายเช่นกัน ทว่าทันใดนั้นชวนชมก็ได้พุ่งตัวเข้าไปด้านหน้าอย่างร้อนรน
เมื่อมองเห็นสองคนนั้นที่อยู่ใกล้เธอเข้ามามากขึ้น สีหน้าของเธอก็ขาวซีดลงทันที ร่างกายสั่นสะท้านอย่างเห็นได้ชัดเจน
“มายมิ้นท์ครับ ดูเหมือนเจินเจินกำลังรู้สึกหวาดกลัวคุณสุเวทย์และภรรยาอยู่” ทามทอยเดินมาอยู่ตรงข้างเธอแล้วกระซิบพูด
เปปเปอร์หรี่ตาลงมอง
ที่แท้ พ่อที่ให้กำเนิดเจินเจินชื่อว่าสุเวทย์
มายมิ้นท์หัวเราะออกมาเบาๆ “แน่นอนว่าเธอต้องกลัวสิคะ อย่าลืมไปว่าก่อนหน้านี้เจินเจินมีชีวิตอยู่อย่างไร”
เป็นไปดังที่ทามทอยพูดกับมายมิ้นท์ ชวนชมกำลังรู้สึกหวาดกลัว คุณสุเวทย์และภรรยาของเขา
เนื่องจากสองสามีภรรยานี้สร้างความทรงจำอันน่ากลัวและโหดร้ายให้แก่เธอ มันฝังลงลึกในใจมากเหลือเกิน
แต่เล็กจนโต หากว่าไม่ได้ถูกสองคนนี้ทุบตี ก็จะถูกด่าทอเสียหาย ดังนั้นทุกครั้งจนกระทั่งบัดนี้ที่เธอเห็นพวกเขาทั้งสอง เธอก็จะรู้สึกหวาดกลัวออกมาอย่างบอกไม่ถูก
“เจินเจิน” คุณสุเวทย์และภรรยาเดินมาหยุดอยู่ตรงหน้าของชวนชม
เมื่อเห็นเสื้อผ้าที่ชวนชมสวมใส่ดูงดงามสองสามีภรรยาก็เผยแววตาอันละโมบออกมาอย่างล้นหลาม
เจ้าเด็กคนนี้ เพียงแค่มองดูก็รู้ว่าใช้ชีวิตอย่างหรูหรา ใบหน้าที่เดิมทีทั้งเหลืองทั้งหมองคล้ำก็ดูขาวนวลขึ้นและมีน้ำมีนวลไม่น้อย เสื้อผ้าที่สวมใส่มองก็รู้ว่าวัสดุที่ใช้คุณภาพดีราคาแพง การที่ยอมรับคนรวยให้เป็นพ่อแม่มันดีอย่างนี้นี่เอง
แต่เธอกลับไม่แบ่งปันความสุขเหล่านี้ให้กับพ่อแม่และน้องชายแท้ๆ เลยแม้แต่น้อย เอาแต่เสพสุขเพียงคนเดียว ช่างเป็นคนที่ใจจืดใจดำเหลือเกิน
อีกประเดี๋ยวพวกเขาจะให้เธอถอดเสื้อผ้าออกมา หากนำไปขายคงจะได้ราคาดี ไม่เพียงเท่านี้ จะต้องให้นังเด็กคนนี้เอาสิ่งของมีค่าทั้งหมดให้กับพวกเขา
สองสามีภรรยารู้สึกตื่นเต้นเป็นที่สุด แต่ดูจากภายนอกพวกเขายังทำท่าทางเป็นกังวล
“เจินเจิน เจ้าลูกคนนี้นี่ ทำให้พ่อกับแม่หาตัวได้ยากจริง” สุเวทย์พูดออกมาด้วยความเป็นห่วงและโมโห
“นั่นนะสิเจินเจิน หากไม่ใช่เพราะคุณทามทอยเดินทางไปหาพวกเราจนพบ และบอกว่าลูกมาอยู่ในเมือง อีกทั้งยอมรับสองสามีภรรยาร่ำรวยคู่หนึ่งเป็นพ่อแม่ พวกเราคงคิดว่าลูกถูกคนลักพาตัวไปขายแล้ว จริงเลยเชียว พ่อกับแม่ก็เพียงแค่ตำหนิติเตียนไม่กี่คำ จำเป็นจะต้องหนีออกจากบ้านด้วยเหรอ?” ภรรยาของสุเวทย์ตำหนิออกมา อีกทั้งยื่นมือไปลูบแขนของชวนชม
ชวนชมเบิกตากว้าง รูม่านตาเธอหรี่ลงก่อนจะตะโกนออกมาโดยไม่รู้ตัวว่า “ไปให้พ้นอย่ามาแตะต้องตัวฉัน!”
จากนั้นเธอก็ผลักภรรยาของสุเวทย์ออกไปทันที
ภรรยาของสุเวทย์ถูกผลักเสียจนโซซัดโซเซแทบจะล้มลง
โชคดีที่สุเวทย์เข้าไปประคองเธอเอาไว้ทัน จึงยังไม่ได้ล้มลงสู่พื้น
“คุณเป็นอะไรหรือเปล่าที่รัก?” สุเวทย์รีบเอ่ยถามอย่างรวดเร็ว
ภรรยาของสุเวทย์ทำท่าทางโศกเศร้าแล้วยกมือขึ้นปาดน้ำตา “ฉันไม่เป็นไร เพียงแต่ว่ารู้สึกเสียใจมากเท่านั้น เจินเจินเจ้าเด็กคนนี้มีความทะเยอทะยานสูงส่งเหลือเกิน เธอได้พ่อแม่ที่ร่ำรวยก็ทำเป็นไม่รู้จักพ่อแม่แท้ๆ ของตัวเองแล้ว”
“ก็นั่นน่ะสิ” สีหน้าของสุเวทย์ดูมืดมนลงแล้วหันไปจ้องชวนชมด้วยสายตาอันน่ากลัว
ชวนชมเห็นสายตาของเขาเช่นนั้นทำให้เธอหวนนึกถึงช่วงเวลาที่ผ่านมาก่อนหน้า เธอตกอกตกใจเสียจนหน้าถอดสีแล้วรีบเข้าไปหลบด้านหลังสองสามีภรรยาตระกูลภักดีพิศุทธิ์ ก่อนจะพูดออกมาด้วยน้ำเสียงหวาดกลัวว่า “พ่อคะ แม่คะหนูกลัวจังเลย”
“ชวนชมไม่ต้องกลัวนะลูก แม่อยู่นี่แล้ว” คุณนายตระกูลภักดีพิศุทธิ์กอดชวนชมเอาไว้แล้วตบไปที่หลังของเธอเป็นการปลอบโยน
เยี่ยมบุญก้าวเข้าไปเผชิญหน้ากับสองสามีภรรยาคู่นั้น “พวกคุณอยากจะทำอะไรกับลูกสาวเรา?”
“ลูกสาวคุณอย่างงั้นเหรอ?” คุณสุเวทย์และภรรยาได้แต่ตกตะลึง
ต่อจากนั้นสุเวทย์ ก็ได้สติกลับคืนมา เขาเก็บท่าทางอันบูดบึ้งบนใบหน้าแล้วยิ้มออกมาอย่างเจ้าเล่ห์ “นั่นสินะ เมื่อสักครู่เจินเจินเรียกพวกคุณว่าพ่อแม่ ดังนั้นแสดงว่าพวกคุณก็คงเป็นพ่อแม่บุญธรรมที่เจินเจินยอมรับสินะครับ สวัสดีครับสวัสดี น้องเยี่ยมบุญ ผมชื่อสุเวทย์ เป็นพ่อแท้ๆ ของเจินเจิน”
เขาเอามือเสียดสีไปมาแล้วยื่นออกไปทางเยี่ยมบุญ
เยี่ยมบุญมองไปยังมืออันสกปรกคู่นั้นของเขา ตามซอกเล็บเต็มไปด้วยฝุ่นโคลน จึงรู้สึกสะอิดสะเอียนเสียจนแทบจะอ้วก จากนั้นใช้มือตบไปที่มือของอีกฝ่ายหนึ่งอย่างแรง เขาตะโกนออกมาด้วยความโมโหว่า “หุบปากเดี๋ยวนี้นะ ใครเป็นน้องแก!”
“เหอะๆ” ทามทอยกลั้นขำเอาไว้ไม่อยู่ “คุณเยี่ยมบุญอายุมากกว่าสุเวทย์สองปี ไม่ใช่น้องจริงด้วย”
มายมิ้นท์ถอนหายใจออกมาอย่างเสียอกเสียดาย “ฟังจากที่คุณพูดแล้วฉันก็พอจะรู้หรอกค่ะว่าฉากตรงหน้านี้น่าจะสนุกมาก แต่เสียดายที่ฉันมองไม่เห็น”
“ผมกำลังพากย์สดให้คุณฟังอยู่ไม่ใช่เหรอครับ อีกอย่างผมอัดวิดีโอไว้ด้วยนะ” ทามทอยพูดแล้วยกโทรศัพท์ขึ้นมา
เปปเปอร์ที่อยู่ด้านข้างเหลือบมองเขาด้วยสายตาเยือกเย็นก่อนจะละสายตากลับไปที่เยี่ยมบุญและคนอื่นๆ เขาก้มหน้าลงไม่รู้ว่าในใจคิดอะไรอยู่
สุเวทย์มองดูมือที่ถูกปัดออกของตนแต่ก็ไม่ได้รู้สึกโกรธ เขาได้แต่หัวเราะตนเองที่ไม่รู้จักมารยาท “อ้อครับ ผมขอโทษครับที่ผมเรียกผิด ไม่ใช่น้องชายแต่เป็นพี่ชายต่างหาก ผมควรจะเรียกคุณว่าพี่เยี่ยมบุญมากกว่า พี่เยี่ยมบุญครับตอนนี้พวกเรานับว่าเป็นญาติกันแล้วใช่ไหม?”
“ใครเป็นญาติกับแก!” เยี่ยมบุญตัวสั่นสะท้าน
ไอ้คนไร้ยางอายคนนี้เมื่อสักครู่เรียกเขาว่าน้องชาย ตอนนี้ก็ทำปีนเกลียวจะนับญาติกับเขาอีก!
ทำไมถึงหน้าด้านหน้าทนได้ขนาดนี้?
“ทำไมถึงจะไม่ใช่ญาติกันล่ะครับ?” สุเวทย์รู้สึกไม่พอใจขึ้นมา เขาชี้ไปยังชวนชมที่อยู่ในอ้อมอกของคุณนายตระกูลภักดีพิศุทธิ์ “เจ้าเด็กคนนี้เป็นลูกสาวของผม และตอนนี้เธอนับพวกคุณเป็นพ่อแม่ ถ้าอย่างนั้นก็เท่ากับว่าพวกเราสองครอบครัวเป็นครอบครัวเดียวกันแล้วนี่ครับ?”
เมื่อพูดถึงตรงนี้ สุเวทย์ก็หัวเราะออกมา เขามองไปทางชวนชมด้วยท่าทางชื่นชม “เจินเจิน พ่อคิดไม่ถึงเสียจริงว่าลูกจะมีความสามารถขนาดนี้ หนีออกมาจากบ้านมา ทั้งยังหาพ่อแม่บุญธรรมที่มีเงินมากขนาดนี้ได้ ไม่เลวนี่ ลูกเป็นความภาคภูมิใจของพ่อจริงๆ!”
สีหน้าของชวนชมทั้งแดงเรื่อและขาวซีดผสมผสานกัน เธอพูดออกมาด้วยความโมโหว่า “คุณหยุดเดี๋ยวนี้นะ ฉันไม่ได้หนีออกจากบ้านมา แล้วฉันก็ไม่ใช่ลูกสาวของคุณ!”
สุเวทย์ รู้สึกโมโหขึ้น “จะไม่ใช่ลูกได้ยังไง? ดูสิว่าพวกเราหน้าตาเหมือนกันขนาดไหน ถ้าบอกว่าไม่ใช่พ่อลูกกันมีใครจะเชื่อบ้าง? อีกอย่าง แม่ของแกตั้งท้องมาตั้งสิบเดือน ฉันเห็นแกคลอดออกมากับตา จะจำผิดได้ยังไง?”