ตอนที่ 1695

War sovereign Soaring The Heavens

ตอนที่ 1,695 : จะสู้ก็เข้ามา อย่าลีลาให้มาก!

 

ล้อกันเล่นหรือไง!

 

เหตุผลการมาถึงที่นี่ของต้วนหลิงเทียน จนกระทั่งเข้าร่วมการประลองยอดนักรบฟ้าลิ่วล่องแบบนี้ ไม่ใช่เพราะอยากได้อันดับไร้สาระอะไร แต่เพราะต้องการสังหาร ฉีจิ้ง นายน้อยคฤหาสน์ฟ้าลิ่วล่อง!

 

แน่นอนว่าเรื่องนี้มีแค่ต้วนหลิงเทียนเท่านั้นที่รู้ คนอื่นย่อมไม่อาจทราบได้!

 

ในขณะที่คนหลายกลุ่มเริ่มกระซิบกระซาบคาดเดากันว่าฉีจิ้งจะท้าทายต้วนหลิงเทียนหรือไม่ เจ้าตัวอย่างฉีจิ้ง ก็หันไปมองต้วนหลิงเทียนเช่นกัน!

 

ในสายตาของมัน ลี่เฟิงเป็นแค่ผู้ฝึกตนพเนจรที่แลดูเย็นชาไม่แยแสผู้ใดคนหนึ่งเท่านั้น

 

อันที่จริงพอมันได้รู้ว่าต้วนหลิงเทียนฆ่าฉีค่าน ไม่เพียงแต่มันจะไม่ถือโทษโกรธเคืองต้วนหลิงเทียนแต่อย่างใด ยังสาสมใจที่ฉีค่านตายตกอีกด้วย!

 

ฉีค่านเป็นคนเดียวในคฤหาสน์ฟ้าลิ่วล่องที่สามารถเป็นภัยคุกคามต่อมันได้ ก่อนที่มันจะบ่มเพาะเคล็ดวิชา มารกลืนหยิน!

 

แน่นอนว่าภัยคุกคามที่ว่าก็คือเก้าอี้ผู้นำคฤหาสน์ฟ้าลิ่วล่อง!

 

เมื่อฉีค่านตกตายไป นั่นหมายความว่าคู่แข่งที่มีสามารถพอจะชิงตำแหน่งผู้นำกับมันได้ก็ไม่มีอีกต่อไป!

 

เป็นธรรมดาที่ต่อให้ตอนนี้ฉีค่านยังไม่ตาย มันก็ไม่หวาดกลัวอะไรเลย

 

ต้องทราบด้วยว่าพลังฝึกปรือของมันตอนนี้คือ เซียนขัดเกลาขั้นสูงสุด!

 

กระทั่งหลวงจีนลายบุปผาและจิ้งชวีจื่อที่มีด่านพลังเซียนขัดเกลาขั้นเชี่ยวชาญยังตกตายด้วยน้ำมือของมันพร้อมกัน! แล้วจะนับประสาอะไรกับฉีค่านที่บรรลุเพียงเซียนขัดเกลาขั้นกลาง?

 

อย่างไรก็ตามแม้ฉีจิ้งจะไม่ได้คิดลงมือกับต้วนหลิงเทียนเพื่อล้างแค้นให้ฉีค่าน แต่เมื่อเผชิญหน้ากับความคาดหวังของคนคฤหาสน์ฟ้าลิ่วล่อง มันก็ตัดสินใจท้าทายลี่เฟิงทันที!

 

แน่นอนว่าในสายตาของมัน เมื่อลี่เฟิงรับทราบพลังฝีมือของมันไปแล้ว พอมันกล่าวท้าทายอย่างไรอีกฝ่ายก็คงต้องยอมแพ้ทันทีแน่นอน..

 

ทว่าขอเพียงให้อีกฝ่ายยอมรับความพ่ายแพ้ไป ก็เสมือนมันได้สร้างภาพลักษณ์สูงส่งในสายตาของคนคฤหาสน์ฟ้าลิ่วล่องแล้ว เรื่องนี้จะส่งเสริมให้มันขึ้นแท่นเป็นผู้นำในวันหน้าได้อย่างดี

 

ภายใต้สายตาของผู้คน ไม่นานก็มีคนของคฤหาสน์ฟ้าลิ่วล่องเหินร่างออกมาคนหนึ่ง

 

“รบกวนนายน้อยแล้วขอรับ!”

 

คนของคฤหาสน์ฟ้าลิ่วล่องเหินร่างขึ้นเวทีของฉีจิ้งไป และกล่าวคำท้าทายออกมาทามกลางสายตาผู้คน

 

เป็นธรรมชาติที่ไม่มีใครคิดว่ามันท้าสู้กับฉีจิ้งจริงๆ แต่รู้ดีว่าเป็นแค่หมากที่ทำให้ฉีจิ้งเป็นอิสระเพื่อท้าทายลี่เฟิงก็เท่านั้น

 

“ข้ายอมแพ้”

 

หลังจากที่ถูกคนคฤหาสน์ฟ้าลิ่วล่องท้า ฉีจิ้งก็ยอมแพ้ทันที

 

วินาทีต่อมาโดยที่ไม่ต้องรอให้ฉีจิ้งท้าต้วนหลิงเทียน ทุกสายตาก็หันไปจับจ้องมองท่าทีของต้วนหลิงเทียนทันที

 

พวกมันรู้อยู่แล้วว่าฉีจิ้งคิดทำอะไร

 

และหลังจากที่ฉีจิ้งยอมแพ้ มันก็เหินร่างมาหยุดลอยเหนือเวทีประลองเม็ดหมากของต้วนหลิงเทียนตามคาด

 

ฉีจิ้งลอยร่างค้างกลางหาว เหลือบมองลงมายังร่างต้วนหลิงเทียนด้วยสายตาดูแคลน “เจ้าคือลี่เฟิงงั้นสินะ? ในเมื่อเจ้ากล้าฆ่าคนของคฤหาสน์ฟ้าลิ่วล่องข้า! เช่นนั้นหากมีความกล้าก็มาสู้กับข้าเสีย!!”

 

หากมีความกล้าก็มาสู้กับข้าเสีย!

 

วาจานี้ของฉีจิ้งเอ่ยออกเสียงดังฟังชัด ยังมีความหมายว่าหากต้วนหลิงเทียนไม่สู้ก็แค่ตัวขี้ขลาดไร้ความกล้า!

 

อย่างไรก็ตามผู้คนไม่ค่อยเห็นด้วยกับวาจานี้ของมันสักเท่าไร

 

“เหอะๆ! มันกล่าวเช่นนี้ หรือคิดจริงๆว่าลี่เฟิงจะบ้าจี้กล้าสู้กับมัน?”

 

“นั่นน่ะสิ! อาจได้ผลหากมันยังไม่เปิดเผยพลังฝีมือออกมา แต่ตอนนี้มันเปิดเผยพลังฝีมือออกมาหมดแล้ว ลี่เฟิงจะไปรับคำท้าของมันให้โง่หรือ?”

 

“ลี่เฟิงผู้นี้เต็มที่ก็สมควรเป็นยอดฝีมือเซียนขัดเกาขั้นเชี่ยวชาญเหมือนหลวงจีนลายบุปผาและจิ้งชวีจื่อ”

 

“กล่าวไปแล้วก็น่าเสียดายแทนหลวงจีนลายบุปผากับจิ้งชวีจื่อนัก…หากฉีจิ้งไม่จงใจปกปิดพลังฝีมือเอาไว้แต่แรก พวกมันคงไม่ต้องสู้กับเจ้านั่นจนต้องตกตายไปแบบนี้หรอก”

 

“นั่นสิ ฉีจิ้งผู้นี้ร้ายกาจนัก!”

 

……

 

ผู้ชมโดยรอบเริ่มกระซิบกระซาบกันดังระงม ไม่มีแม้แต่คนเดียวที่คิดว่าต้วนหลิงเทียนจะกล้ายอมรับคำท้าของฉีจิ้ง เพราะพลังฝึกปรือของอีกฝ่ายสูงเกินไป

 

ไม่ต้องกล่าวถึงในเขตอิทธิพลหลักของคฤหาสน์ฟ้าลิ่วล่องด้วยซ้ำ เกรงว่าต่อให้เป็นเขตอิทธิพลหลักของขุมพลังชั้น 4 ทั้งหมด ก็ไม่มีใครที่มีอายุต่ำกว่า 50 ปีแล้วจะบรรลุขอบเขตพลังเซียนขัดเกลาขั้นสูงสุดได้!

 

อายุไม่ถึง 50 ปี ทว่าบรรลุเซียนขัดเกลาขั้นสูงสุด!

 

ตัวตนเช่นนี้กระทั่งในขุมพลังกึ่งชั้น 3 ยังหาได้ยากเย็นนัก!

 

ในขณะที่ทุกคนคิดว่าต้วนหลิงเทียนคงกล่าวยอมแพ้ออกมาและลงเวทีประลองไปทันที ต้วนหลิงเทียนพลันเงยหน้ากล่าวกับฉีจิ้งอย่างเฉยเมย “ฟังจากที่เจ้าพูด ดูเหมือนว่าเจ้าคิดว่าข้าจะยอมแพ้งั้นสินะ?”

 

“เหอะ! หรือไม่จริง? ไม่ใช่ว่าตอนนี้ในหัวเจ้าเต็มไปด้วยความคิดอยากยอมแพ้งั้นเหรอ?”

 

หลังได้ยินคำถามของต้วนหลิงเทียน ฉีจิ้งอดไม่ได้ที่จะยิ้มเยาะแค่นคำออกไปอย่างดูถูก

 

“แล้วทำไมข้าต้องยอมแพ้ด้วย? ถ้าเจ้าจะสู้ก็เข้ามา อย่าลีลาให้มาก..”

 

ต้วนหลิงเทียนกล่าวออกไปเสียงเรียบๆ ในน้ำเสียงยังคล้ายรำคาญอยู่บ้าง…

 

ถ้าเจ้าจะสู้ก็เข้ามา อย่าลีลาให้มาก!

 

ทันทีที่วาจานี้ของต้วนหลิงเทียนล่วงล้ำพ้นผ่านลำคอออกมา กระดานหมากหลิงหลงทั้งหมดก็เงียบงันปานคนตาย คงเหลือแต่เพียงสูดลมหายใจเข้าดังฟืดฟาดของผู้คน!

 

จังหวะนี้ทุกสายตาจับจ้องมองเขม็งไปยังต้วนหลิงเทียนด้วยความเหลือเชื่อ!

 

“เอ่อ…ลี่เฟิงผู้นี้ กล้ายอมรับคำท้าของฉีจิ้งจริงๆหรือ?”

 

“สวรรค์ช่วย! หรือนี่มิหวาดกลัวความตายเลย?”

 

“ด้วยพลังฝึกปรือของฉีจิ้ง นอกเสียแต่จะเป็นเซียนขัดเกลาขั้นสูงสุดเช่นเดียวกัน เช่นนั้นก็เป็นไปมิได้เลยที่จะเป็นคู่มือให้ฉีจิ้ง…ในเมื่อหาญกล้ารับคำท้าทายของฉีจิ้งแบบนี้ นั่นหมายความว่ามันเป็นเซียนขัดเกลาขั้นสูงสุดเช่นเดียวกัน!!”

 

“นั่นจะเป็นไปได้อย่างไร! เจ้าต้องอย่าลืมเสียเล่าว่ามันยังอายุมิถึง 40 ปี!!”

 

“ยอดฝีมือที่บรรลุขอบเขตเซียนขัดเกลาขั้นสูงสุดทั้งที่ยังอายุไม่ถึง 40 ปี ไม่ต้องกล่าวถึงเรื่องที่ในภูมิภาคเบื้องล่างของดินแดนเทพยุทธ์เซียนเต๋าเรายากจะมีตัวตนเช่นนี้ดำรงอยู่ น่ากลัวว่าต่อให้เป็นภูมิภาคเบื้องบนของดินแดนเทพยุทธ์เซียนเต๋า ก็สมควรเป็นสุดยอดอัจฉริยะในบรรดาคนรุ่นเยาว์!”

 

……

 

ทุกผู้คนเริ่มระเบิดคำสนทนา ถกประเด็นเรื่องความคิดอ่านของต้วนหลิงเทียนกันยกใหญ่

 

“สหายน้อยลี่เฟิงเจ้าอย่าได้หุนหันพลันแล่นวู่วามไป! ถึงแม้ฉีจิ้งจะพึ่งทะลวงมาถึงขอบเขตเซียนขัดเกลาขั้นสูงสุด ด่านพลังยังไม่มั่นคง แต่อย่างไรเสียด่านพลังของมันก็ถือว่าบรรลุเซียนขัดเกลาขั้นสูงสุดแล้ว! นั่นมิใช่อันใดที่เซียนขัดเกลาขั้นเชี่ยวชาญจะต้านทานได้เลย!!”

 

ตอนนี้เองในหูต้วนหลิงเทียนพลันมีเสียงกล่าวเตือนอย่างจริงจังของเริ่นจงส่งมา

 

หลิวหงกวงเองก็กล่าวเตือนเขาทำนองเดียวกันมาด้วยอีกคน

 

ไม่ว่าจะเป็นเริ่นจงหรือหลิวหงกวง ย่อมไม่มีใครอยากให้ลี่เฟิงรับคำท้าทายของฉีจิ้ง เพราะเมื่อรับคำท้าแล้ว…นั่นหมายความว่าฉีจิ้งก็มีโอกาสในการสังหารลี่เฟิง!

 

ลี่เฟิง สุดยอดอัจฉริยะ! ที่เกิดมาพวกมันไม่เคยพบพานที่ไหนมาก่อน พวกมันย่อมไม่อยากให้ลี่เฟิงต้องมีอันเป็นไปเพราะเรื่องไม่เป็นเรื่องแบบนี้!!

 

น่าเสียดายที่แม้จะเผชิญหน้ากับวาจากล่าวเตือนด้วยความเป็นห่วงหวังดี ต้วนหลิงเทียนเพียงหันไปมองหน้าสบตาพวกมันด้วยรอยยิ้มบางๆ ก่อนที่จะส่งเสียงตอบกลับ “ข้าขอขอบคุณสำหรับความหวังดีและความห่วงใยของท่านทั้งสอง แต่ข้าคิดว่ามันไม่มีปัญญาฆ่าข้าได้!”

 

พึ่งบรรลุเซียนขัดเกลาขั้นสูงสุด?

 

ด่านพลังยังไม่มั่นคง?

 

ได้ยินวาจานี้ของเริ่นจง อารมณ์ของต้วนหลิงเทียนพลันพุ่งพล่านขึ้นมาทันใด

 

พอลองชั่งน้ำหนักวาจาของอีกฝ่ายดูแล้ว ก็พบว่าน่าเชื่อถือมาก!

 

ท้ายที่สุดแล้วอีกฝ่ายก็คือชนชั้นรองผู้นำของคฤหาสน์ข้ามฟ้าอันเป็นขุมพลังชั้น 4!

 

ก่อนหน้านี้เรื่องที่ทำให้เขาเป็นกังวลอยู่บ้างก็คือ ฉีจิ้งอาจบรรลุเซียนขัดเกลาขั้นสูงสุดมาสักพัก และขัดเกลาด่านพลังฝึกปรือจนมีเสถียรภาพมั่นคง สามารถคงใช้พลังออกได้เต็มที่ตามใจคิด…

 

ทว่าพอได้รับทราบว่าด่านพลังฝึกปรือของฉีจิงยังไม่มั่นคง ใจเขาก็โล่งขึ้นมาทันใด

 

แน่นอนว่าเพียง ‘ผ่อนคลาย’ ลงเล็กน้อย

 

ถึงแม้ด่านพลังของฉีจิ้งจะยังไม่มั่นคง แต่อย่างไรปราณแรกกำเนิดของมันก็เป็นของขอบเขตเซียนขัดเกลาขั้นสูงสุดแล้ว ซึ่งไม่ใช่อะไรที่เซียนขัดเกลาขั้นเชี่ยวชาญจะเทียบได้เลย

 

นอกจากนี้ เริ่นจงยังไม่รู้ด้วยซ้ำ ว่าด่านพลังฝึกปรือของต้วนหลิงเทียนในตอนนี้ก็แค่ เซียนดั้งเดิมขั้นกลางเท่านั้น! เกรงว่าหากให้มันล่วงรู้ด่านพลังฝึกปรือที่แท้จริงของต้วนหลิงเทียน มันคงได้ตื่นตระหนกจนหัวใจวายตาย!!

 

อาศัยพลังฝึกปรือเซียนดั้งเดิมขั้นกลาง…สามารถฆ่าฉีค่านที่มีด่านพลังฝึกปรือเซียนขัดเกลาขั้นกลางได้ง่ายดาย! เรื่องเหลวไหลดั่งนิทานอภินิหารเช่นนี้ ใต้หล้าไม่เคยมีมาก่อน!!

 

ทว่าต้วนหลิงเทียนกระทำไปแล้ว!

 

“ดี! ดี! ดีมาก!!”

 

ตอนนี้เองฉีจิ้งที่ถึงกับอึ้งไปเพราะวาจาตอบกลับของต้วนหลิงเทียน ในที่สุดก็คืนสติกลับมาอีกครั้ง ลูกตามันเผยประกายสว่างจ้าขณะมองไปยังต้วนหลิงเทียน

 

“ลี่เฟิงข้าต้องบอกก่อนเลยว่าเจ้านับว่าเป็นคนที่กล้าหาญยิ่งนัก! น่าเสียดายที่โลกแห่งการต่อสู้ อาศัยเพียงความกล้าหาญถ่ายเดียวมิอาจทำให้เจ้าอยู่รอดในโลกหล้าแห่งนี้ได้! ข้าจะแสดงให้เห็นว่าเจ้ามันโง่เขลาเพียงใดที่กล้ายอมรับคำท้าของข้า!!”

 

“ไม่สิ! เจ้าอาจกระทั่งตกตายลงทันทีเพราะการลงมือของข้า จึงอาจมิทันได้รู้ว่าตัวเองตกตายกลายเป็นผีโง่งมได้อย่างไร!”

 

วาจาประโยคท้ายของฉีจิ้ง คล้ายมั่นใจแน่แล้วว่ามันสามารถฆ่าต้วนหลิงเทียนให้ตายได้แน่ๆ!

 

“หึ!”

 

ถึงแม้ว่าตอนนี้ต้วนหลิงเทียนจะอารมณ์ดีไม่น้อย แต่ก็อดไม่ได้ที่จะรำคาญวาจาเวิ่นเว้อดูแคลนไม่เลิกราของฉีจิ้งอยู่บ้าง

 

“อะไร เจ้าโกรธรึ?”

 

ฉีจิ้งฉีกยิ้มออกมาอย่างเริงร่า “เช่นนั้นเจ้าก็รีบๆโกรธเสียให้มากในขณะที่เจ้ายังสามารถโกรธได้…เพราะเจ้าอาจมิมีโอกาสอีกแล้ว”

 

“เหอะ!”

 

ต้วนหลิงเทียนแค่นคำออกมาด้วยความรำคาญระคนเบื่อหน่าย คร้านจะฟังวาจาไร้แก่นสารของฉีจิ้งเต็มทีแล้ว

 

“ข้าต่อให้เจ้าลงมือก่อนแล้วกัน เช่นนั้นเจ้าจะได้ไม่มาโทษข้าภายหลังว่ามิให้โอกาสเจ้า!!”

 

ฉีจิ้งกล่าวเย้ยหยันออกมาอีกรอบ

 

ได้ยินวาจากวนประสาทครั้งแล้วครั้งเล่าของฉีจิ้ง ต้วนหลิงเทียนก็เริ่มโมโหขึ้นมาบ้างแล้ว อรหันต์ยังมีวันพิโรธ นับประสาอะไรกับคนในโลกิยะอย่างเขา!!

 

อย่างไรก็ตามผู้คนโดยรอบที่ฟังอยู่ ไม่ได้รู้สึกว่าวาจาของฉีจิ้งมันน่ารำคาญอะไร เพราะฉีจิ้งมีทุนรอนมากพอที่จะกล่าวออก

 

“ลี่เฟิงผู้นี้ไปถูกอันใดกระแทกศีรษะมาจนสติเลอะเลือนแล้วหรือไร…ถึงได้กล้ารับคำท้าของฉีจิ้งแบบนี้?”

 

“นั่นสิ! หรือนี่จักมิรู้ตัวแล้วจริงๆว่ากำลังรนหาที่ตายอยู่?”

 

“ฮึ่ม! สุดท้ายก็เด็กน้อยโอหังที่ละเล่นกับชีวิตอย่างมิรู้ประสา!”

 

……

 

มีไม่กี่คนเท่านั้นที่มองต้วนหลิงเทียนในแง่ดีสำหรับเรื่องนี้

 

นอกจากผู้ฝึกตนพเนจรไม่กี่คนที่มองต้วนหลิงเทียนด้วยความเป็นห่วงแล้ว ทั้งหมดเผยท่าทางสนุกสนานราวกำลังรอชมละครลิง

 

คนเหล่านี้ส่วนใหญ่มาจากขุมพลังมีชื่อ และไม่ค่อยชมชอบผู้ฝึกตนพเนจรสักเท่าไหร่

 

โดยเฉพาะผู้ฝึกตนพเนจรที่โดดเด่นอย่างต้วนหลิงเทียน ที่ทำให้พวกมันรู้สึกอิจฉานัก ที่สำคัญการที่บรรลุพลังฝีมือสูงส่งขนาดด้วยวัยที่ไม่ถึง 40 ปี ยิ่งทำให้พวกมันอิจฉาตาร้อนแทบตาย!

 

เหนือขึ้นไปบนเวทีประลองเม็ดหมากอันใหญ่โต ร่างต้วนหลิงเทียนค่อยๆเหินลอยไต่ระดับความสูงขึ้นไปเรื่อยๆ พอเข้าใกล้เพดานบินเดียวกันกับฉีจิ้ง จึงค่อยๆชะลอร่างจนหยุดลง

 

มองไปยังฉีจิ้งเบื้องหน้า แววตาของต้วนหลิงเทียนเผยความแน่วแน่ตั้งใจประการหนึ่งออกมาให้เห็นชัดเจน!

 

‘เฉวี่ยไน่ พี่ใหญ่หลิงเทียนกำลังจะจัดการปัญหาให้เจ้าแล้ว…จากนี้ไปเจ้าจะเป็นอิสระเสรีไร้ใดให้กังวลและสามารถซุกซนได้เหมือนกาลก่อน’

 

พอคิดถึงหานเฉวี่ยไน่ที่เคยซุกซนชมชอบเที่ยวเล่นไปทั่วทำอะไรตามใจแลดูสดใสร่าเริงในวันวาน กับหานเฉวี่ยไน่ที่แลดูซึมๆดั่งคนอมทุกข์ในวันนี้ ต้วนหลิงเทียนรู้สึกปวดใจนัก!

 

ด้วยเหตุนี้ไม่ว่าจะอย่างไร วันนี้ฉีจิ้งต้องตาย!!

 

ถึงอาจจะเป็นเรื่องยากอยู่บ้างก็ตาม

 

‘ยังมีจิ้งชวีจื่ออีกคน…ถึงระหว่างพวกเราจะเป็นแค่คนแปลกหน้า แต่เพราะกระบี่คู่หยินหยาง ทวิภาวะของเจ้า มีส่วนทำให้ยอดใจกระบี่ของข้าบรรลุขอบเขตที่ 2 อย่างเงากระบี่สัมพันธ์ใจได้ทางอ้อม ก็นับว่าข้าติดค้างเจ้าเรื่องหนึ่ง ในเมื่อฉีจิ้งมันฆ่าเจ้า งั้นข้าจะฆ่ามันเอง…เจ้าในปรภพจะได้พักผ่อนอย่างสงบ…’

 

ต้วนหลิงเทียนกล่าวรำพันในใจ