ตอนที่ 1696

War sovereign Soaring The Heavens

ตอนที่ 1,696 : สู้!

 

ท่ามกลางสายตาของทุกผู้คน ร่างต้วนหลิงเทียนหยุดลอยเผชิญหน้ากับฉีจิ้ง

 

ถึงแม้จะมีผู้คนมากมายในกระดานหมากหลิงหลง หากแต่เงียบสงบนัก ทุกคนมองต้วนหลิงเทียนกับฉีจิ้งอย่างใจจดจ่อ ไม่มีใครกล่าวใดแม้ครึ่งคำ

 

ถึงแม้ว่าผลลัพธ์การต่อสู้ครั้งนี้พวกมันจะรู้ดีแก่ใจแล้ว…

 

แต่ลึกๆในใจพวกมันยังหวังว่าจะเกิด ปาฏิหาริย์ ขึ้นมา! ถึงแม้ว่านั่นจะเป็นอะไรที่แทบเป็นไปไม่ได้เลยก็ตามที แต่แน่นอนว่าพวกมันไม่ว่าใครก็อยากจะเห็นปาฏิหาริย์ทั้งสิ้น!!

 

เพราะมีเรื่องราวดั่งปาฏิหาริย์เท่านั้นที่ทำให้พวกมันรู้สึกมีรสชาติ!

 

หากเรื่องราวเป็นไปดั่งที่พวกมันคิด ฉีจิ้ง ฆ่าลี่เฟิงง่ายๆ …แล้วยังจะไปสนุกสนานบันเทิงอะไร?

 

“เฮ่อ…”

 

เริ่นจงกับหลิวหงกวงหันหน้ามองสบตากัน ก่อนที่จะถอนหายใจทั้งส่ายหน้า

 

พวกมันรู้สึกจนปัญญากับความดื้อรั้นของลี่เฟิง

 

อย่างไรก็ตามพวกมันยังจะไปทำอะไรได้อีก? พวกมันไม่อาจขัดเจตนาและแทรกแซงหนทางที่ลี่เฟิงเลือกได้

 

ตอนนี้ต้วนหลิงเทียนในคราบ ลี่เฟิง กำลังมองจ้องฉีจิ้งด้วยสายตาเย็นชา ในเมื่ออีกฝ่ายให้เขาลงมือก่อน เขาก็ไม่คิดจะเกรงใจ!

 

วู้ม!

 

ทันใดนั้นปราณสุริยันแรกกำเนิดพลันปะทุออกทั่วร่างต้วนหลิงเทียน พาลให้คนคล้ายกลับกลายเป็นดวงตะวันเจิดจ้า แสงสว่างสาดส่องออกไปทั้งสี่ทิศแปดทาง

 

“มิทราบปราณแรกกำเนิดของลี่เฟิงฝึกปรือมาเช่นไรกันแน่ ไฉนคุณสมบัติพลังถึงได้พิสดารพันลึกนัก?”

 

“นั่นสิ เกิดมาข้าพึ่งเคยเห็นปราณแรกกำเนิดแปลกประหลาดเช่นนี้”

 

……

 

ทันทีที่ปราณสุริยันแรกกำเนิดของต้วนหลิงเทียนปะทุออก ผู้คนอดไม่ได้ที่จะกล่าวถึงด้วยความประหลาดใจ

 

ไม่นานภายใต้สายตาของพวกมัน ร่างต้วนหลิงเทียนก็คล้ายจะถูกแสงสว่างกลืนกินไปจนไม่เห็นคน เป็นม่านแสงสีทองสว่างทรงกลมที่ไม่ต่างอะไรจากดวงอาทิตย์ผุดโผล่ขึ้นในทันทีทันใด แถมบอลแสงที่ว่ายังมีขนาดเส้นผ่านศูนย์กลางใหญ่โตถึง 200 หมี่!

 

เรียกว่าร่างต้วนหลิงเทียนทั้งหมดถูกบอลแสงมหึมานั่นห่อหุ้มไว้เสียมิด!

 

“เขตแดนนี่มันคืออันใดกันแน่ มิอนุญาติให้ผู้ใดแลเห็นข้างในได้เลย…”

 

เห็นฉากเบื้องหน้า หลายคนอดไม่ได้ที่จะกล่าวออกมาด้วยรอยยิ้มขื่นขม

 

สำหรับเขตแดนของต้วนหลิงเทียน ยกเว้นฉีจิ้งกับชายหนุ่มหลังค่อมผู้ติดตาม ผู้คนทั้งหมดที่อยู่ในที่นี้ต่างเคยเห็นกันมาแล้ว…จึงไม่ได้ตกใจอะไร ทว่าอย่างไรก็อดที่จะแปลกใจไม่ได้!

 

เพราะนี่เป็นครั้งแรกที่พวกมันพบพานเขตแดนพิสดารเช่นนี้

 

“มิว่ามันจะเป็นอะไรกันแน่ แต่ข้าเชื่อว่าเขตแดนของลี่เฟิง สมควรเกี่ยวข้องกับกระบี่!”

 

ไม่นานก็มีคนออกความเห็น

 

“เรื่องนั้นมิใช่ชัดเจนอยู่แล้วหรือ ตอนที่ลี่เฟิงสู้กับฉีค่าน ข้าเองก็เห็นว่าคล้ายเขาควบรวมบีบอัดเขตแดนให้กลายเป็นกระบี่สีทองเล่มหนึ่ง สุดท้ายก็ใช้มันสังหารฉีค่านได้”

 

อีกคนกล่าวเสริม

 

ในขณะที่ทุกผู้คนกำลังมองไปยังเขตแดนแปลกประหลาดของต้วนหลิงเทียนที่สว่างปานดวงตะวันขนาดย่อม ฉีจิ้งเองที่พึ่งพบเห็นครั้งแรกก็ตื่นตกใจไม่น้อย

 

มิทราบว่าเขตแดนอะไรกันแน่ หากแต่สว่างราวกับมันแหงนมองอาทิตย์กลางฟ้า ยากที่จะแลเห็นเรื่องราวความเป็นไปภายในเขตแดน พาลให้มันบังเกิดอาการสับสนหวั่นหวาดอยู่บ้าง

 

สิ่งที่ไม่รู้ เป็นอะไรที่น่ากลัวที่สุด!

 

ดังนั้นแม้ฉีจิ้งจะบรรลุเซียนขัดเกลาขั้นสูงสุด แต่เมื่อต้องเผชิญหน้ากับเขตแดนประหลาดของต้วนหลิงเทียน มันก็ไม่คิดจะดูแคลนหยันหยาม เพียงชักสีหน้าจริงจัง เพิ่มความระวังไม่น้อย

 

ชายหนุ่มหลังค่อมที่ติดตามฉีจิ้งเองก็อดไม่ได้ที่จะประหลาดใจเมื่อเห็นเขตแดนประหลาดของต้วนหลิงเทียน

 

นี่เป็นครั้งแรกที่มันเคยเห็นอะไรแปลกๆแบบนี้

 

อย่างไรก็ตามพอมันคิดถึงพลังฝีมือของนายน้อยในปัจจุบัน มันก็ชักสีหน้าโล่งใจออกมา มุมปากยังยกยิ้มแสยะลอบกล่าวปรามาส ‘ให้เขตแดนเจ้าพิสดารเพียงใดก็ไร้ประโยชน์!’

 

ปง! ปง! ปง! ปง! ปง!

 

……

 

เสียงแตกระเบิดดังสนั่นลั่นขึ้นในอากาศ ต้วนหลิงเทียนที่ถูกบอลแสงมหึมาปกคลุมในที่สุดก็ลงมือเคลื่อนไหว! และทันทีที่เขาเคลื่อนไหวเขตแดนหมื่นกระบี่เองก็ต้องเคลื่อนที่ตามตัวเขาด้วย!!

 

และเมื่อพลังอำนาจเขตแดนเคลื่อนที่ แน่นอนว่าย่อมต้องพบพานกับแรงต้านอากาศ

 

กระทั่งด้วยความเร็วมหาศาลยังทำให้อากาศแตกระเบิดส่งเสียงดัง!!

 

ทันใดนั้นเอง ในขณะที่ฉีจิ้งเร่งเร้าปราณแรกกำเนิดออกมาเตรียมรับมือเขตแดนพิสดารของต้วนหลิงเทียน มันก็พบว่าเขตแดนทรงกลมสว่างเจิดจ้ายากจะมองเห็นสิ่งใดของต้วนหลิงเทียน อยู่ดีๆก็วูบหดเข้าสู่จุดศูนย์กลาง!!

 

ทันใดนั้นเองร่างต้วนหลิงเทียนพลันปรากฏให้ผู้คนแลเห็นอีกครั้ง

 

ในระหว่างเกิดกระบวนการดังกล่าว นอกจากเริ่นจง หลิวหงกวง และฉีเสิ่นแล้ว ไม่มีใครแลเห็นอะไรเลย

 

เริ่นจงและคนอื่นๆทั้ง 3 ย่อมมองสังเกตเห็นได้ชัดเจน ว่าในขณะที่เขตแดนคล้ายจะหดเล็กลง กระบี่พลังนับหมื่นเล่มในเขตแดนพิสดารของต้วนหลิงเทียนก็พุ่งเข้ามาหลอมรวมเป็นหนึ่งเดียวกัน สุดท้ายจึงกลายเป็นกระบี่พลังมีสภาพ 3 ฉื่อที่เปล่งแสงสีทองสว่างจ้า! ทั้งต้วนหลิงเทียยังถือกระบี่ดังกล่าวพุ่งแทงออกไป!!

 

แม้กระบี่พลังมีสภาพสีทองดังกล่าวจะไม่ใช่กระบี่ที่แท้จริง หากแต่ปราณกระบี่ที่แผ่พุ่งออกมาจากตัวกระบี่กลับเป็นอะไรที่ร้ายกาจนัก

 

ในสายตาของผู้คน ยามต้วนหลิงเทียนถือกระบี่ 3 ฉื่อนั่นไว้ในมือ ยังให้ความรู้สึกสะท้านในใจพวกมันอย่างบอกไม่ถูก และพวกมันก็ไม่มีคำไหนจะมาอธิบายความรู้สึกนี้ได้นอกจาก…

 

“มือกระบี่!”

 

ทั้งหมดคิดอ่านตรงกัน และยังตกตะลึงไม่น้อย

 

ตอนนี้ทุกคนแทบจะคิดเห็นตรงกัน ว่าต้วนหลิงเทียนคือผู้บ่มเพาะเต๋าแห่งกระบี่! แถมเป็นมือกระบี่อันร้ายกาจคนหนึ่ง!!!

 

“กระบี่ในมือเขาเล่มนั้น คล้ายจะควบรวมมาจากเขตแดนประหลาดนั่น…ปราณกระบี่ที่เปล่งออกมาช่างคมกล้าน่ากลัวยิ่ง! ข้ารู้สึกว่ามันทรงพลังเสียยิ่งกว่ากระบี่คู่หยินหยางทวิภาวะของจิ้งชวีจื่อเสียอีก!!”

 

ไม่นานผู้ฝึกตนที่มีพลังฝึกปรือดีเข้าหน่อยก็กล่าวออกมา หลังจากตระหนักได้ถึงพลังมหาศาลในกระบี่สีทอง

 

“ใช่! ยังมีช่องว่างอันใหญ่หลวงระหว่างกระบี่คู่หยินหยางของจิ้งชวีจื่อกับกระบี่สีทองน่ากลัวเล่มนี้…”

 

หลายคนเริ่มเห็นด้วย

 

เหตุผลที่พวกมันรู้สึกแบบนี้ เพราะกระบี่ที่เขาควบรวมสร้างจากเขตแดนนั้น มันอัดแน่นไว้ด้วยพลังของ เงากระบี่สัมพันธ์ใจ ขอบเขตที่ 2 ของยอดใจกระบี่!

 

และหากผู้ใดสังเกตให้ละเอียดจะพบว่ารอบๆกระบี่สีทอง กลับมีพลังไร้สภาพโปร่งแสงอันน่ากลัวไหลเวียนฉาบไปทั่วกระบี่สีทองในมือต้วนหลิงเทียน!

 

พลังไร้สภาพโปร่งแสงนี้เป็นเงาพลังที่บังเกิดขึ้น หลังจากต้วนหลิงเทียนใช้พลังตามเคล็ดยอดใจกระบี่ ในขอบเขตที่ 2 เงากระบี่สัมพันธ์ใจ!

 

“ฮึ่ม! เป็นผู้บ่มเพาะกระบี่แล้วจักอย่างไร? สุดท้ายก็ยังอ่อนแอเกินกว่าจะรับข้าได้สักท่า!!”

 

ฉีจิ้งที่เร่งพลังเปิดใช้เขตแดนแล้วพลันแค่นเสียงสบถเย้ยเยาะ กล่าวข่มต้วนหลิงเทียนอย่างดูถูก

 

อย่างไรก็ตาม ต้วนหลิงเทียนไม่คิดจะสนใจอะไรมัน

 

เขาไม่พูดเยอะ เพียงใช้กระบี่กับการกระทำเป็นคำตอบ ตัวกระบี่พลันเปล่งแสงพลังออกมาปานตะวันจ้า จี้ออกเบื้องหน้าไม่ไหวติง ร่างที่พุ่งทะยานออกไปยังเร่งความเร็งขึ้นอีกขั้น!!

 

ซู่มม!!

 

ยามมองต้วนหลิงเทียนสือกกระบี่แทงออก ทั้งทะยานพุ่งไปฉัยไว มันให้ความรู้สึกพิกลแก่ผู้คนประการหนึ่ง ที่พวกมันกำลังมองไม่คล้ายคนถือกระบี่พุ่งแทงออกไปแต่อย่างไร…หากแต่เป็นกระบี่เล่มเขื่องเล่มหนึ่งที่กำลังพุ่งทะยานไปทางฉีจิ้ง!!

 

ฟู่ว! ฟู่ว! ฟู่ว! ฟู่ว! ฟู่ว!

 

……

 

เผชิญหน้ากับต้วนหลิงเทียนที่พุ่งทะยานเข้ามาด้วยสภาวะน่าครั่นคร้าม ฉีจิ้งไม่กล้าดูแคลนอีกต่อไป สะบัดมือคราหนึ่งพลังปั่นป่วนในเขตแดนมหาพายุพลันควบรวมก่อเกิดพายุพลังลูกเขื่องเบื้องหน้าลูกหนึ่ง!!

 

ในพายุพลังดังกล่าวยังผสานไปด้วยปราณมารอันร้ายกาจ! ถึงแม้พายุพลังลูกนี้จะไม่ทรงพลังอำนาจเท่าพายุพลังตอนที่ใช้ฆ่าหลวงจีนลายบุปผากับจิ้งชวีจื่อ แต่ก็อ่อนด้อยกว่ากันไม่มาก!!

 

ในสายตาของทุกผู้คน ตอนนี้ต้วนหลิงเทียนคล้ายกำลังพุ่งทะยานเข้าหาพายุพลังอันน่ากลัวนั่นก็ไม่ปาน! และเพียงเวลาแค่ชั่วพริบตา คนกระบี่ก็จมหายไปในพายุพลังอันน่ากลัวดังกล่าว!!

 

อา! โอ! ซูด!!

 

……

 

ทันใดนั้นทุกผู้คนอดไม่ได้ที่จะอุทานออกมาจนปากอ้าค้าง บ้างก็สูดลมหายใจเข้าด้วยความหนาวเหน็บ!

 

อย่างไรก็ตาม ครู่ต่อมาพวกมันก็จำต้องตกตะลึงอีกครั้ง เพราะไม่ปรากฏละอองโลหิตออกมาแต่อย่างไร “อันใดกัน! ทั้งๆที่พุ่งเข้าไปในพายุพลังแล้ว..แต่ลี่เฟิงยังมิตายอีกหรือ!?”

 

“ไม่ธรรมดาจริงๆ! ข้าคิดว่าลี่เฟิงผู้นี้สมควรเป็นสุดยอดฝีมือในขอบเขตเซียนขัดเกลาขั้นเชี่ยวชาญ!”

 

“นั่นสิ น่าเสียดายนัก เขามิน่ารับคำท้าประลองของฉีจิ้งเลย! ทำพลาดใหญ่หลวงแล้วจริงๆ…ตัดสินใจผิดเพียงครั้งถึงขั้นตายตก!!”

 

 

“ลี่เฟิงนับว่าวู่วามบุ่มบ่ามเกินไป! หาไม่แล้วด้วยพรสวรรค์และศักยภาพเช่นนี้ อย่าว่าแต่ขุมพลังชั้น 4 เลย กระทั่งขุมพลังกึ่งชั้น 3 น่ากลัวจะสู้กันขาดใจเพื่อแย่งชิงตัวเขากลับไปเข้าร่วมขุมพลัง”

 

……

 

หลายคนอดไม่ได้ที่จะรู้สึกเสียใจออกมา ที่ต้วนหลิงเทียนวู่วามผลีผลามรับคำท้าของฉีจิ้ง