แดนนิรมิตเทพ บทที่ 822
เฉินโม่ถอนหายใจและกล่าวว่า “สมาชิกของตระกูลหยุน เป็นคนที่ไม่รู้อะไรเสียเลย แต่กลับอวดเก่งแบบนี้ทุกคนเหรอ? แกเป็นแค่ปรมาจารย์แดนชี่แท้เท่านั้น แต่ยังกล้ามาคุยโวโอ้อวดอย่างไม่รู้สึกกระดากอายต่อหน้าฉันอีก!”

หยุนเหล่ยกล่าวด้วยความโกรธว่า “เจ้าหนู แกช่างคุยโวโอ้อวดยิ่งนัก กล้าดูหมิ่นแม้แต่ปรมาจารย์ อาจารย์ของแกไม่เคยสั่งสอนหรือว่าไม่สามารถดูหมิ่นปรมาจารย์ได้”

เฉินโม่กล่าวด้วยน้ำเสียงราบเรียบว่า “อาจารย์ของฉันไม่เคยสอนเรื่องพวกนี้จริง ๆ เพราะสำหรับอาจารย์แล้ว ปรมาจารย์ไม่สามารถเทียบได้แม้แต่มด”

สำหรับกษัตริย์เซียนตงหวาที่น่าเกรงขามแล้ว ปรมาจารย์เทียบไม่ได้แม้แต่มดจริง ๆ อย่างไรก็ตาม หยุนเหล่ยรู้สึกว่าเฉินโม่กำลังดูหมิ่นเขา ซึ่งทำให้เขาโกรธทันที

“กําเริบเสิบสาน!” หยุนเหล่ยตะโกนด้วยความโกรธ

“ลุงเหล่ย ผมเคยบอกแล้วว่าเจ้าหมอนี้เป็นคนจองหองมาก ลุงไม่ต้องมีเมตตา ถ้าไม่สั่งสอนเขาอย่างหนัก เขาจะไม่มีวันรู้ว่าฟ้าสูงแผ่นดินต่ำแค่ไหน” หยุนเทียนหลิงกล่าวอย่างเร่งรีบ

หยุนเหล่ยพยักหน้า มองเฉินโม่ด้วยความเย็นชาและกล่าวว่า “เจ้าหนู อย่ามาบอกว่าฉันไม่ให้โอกาสแกน่ะ เพราะแกเป็นคนบีบบังคับฉันเอง”

เฉินโม่หัวเราะและกล่าวด้วยสีหน้าเหยียดหยาม “พวกแกช่างน่าสนใจจริง ๆ ทำราวกับว่าตนเองเป็นคนที่มีคุณธรรมสูงส่ง เห็นได้ชัดว่าพวกแกเป็นฝ่ายรังแกคนอื่นก่อน แต่กลับทำราวกับว่าตนเองได้รับความคับข้องใจ และถูกบีบบังคับจนไม่มีทางเลือก”

“มีประโยคหนึ่งเหมาะสมที่จะใช้พรรณนาพวกแก ตนเองเป็นคนทำความชั่วแท้ ๆ แต่ยังบอกว่าตนเองเป็นคนดี”

หยุนเทียนหลิงรู้สึกโกรธมาก “เฉินโม่ แกกล้าดูหมิ่นลุงเหล่ย แกเบื่อที่จะมีชีวิตอยู่แล้วใช่ไหม? แกกล้ายั่วยุปรมาจารย์ ถึงแม้ว่าตอนนี้ลุงเหล่ยจะฆ่าแกตาย ก็ไม่มีใครกล้าพูดอะไร!”

“อ้อ อยากจะฆ่าฉัน เชิญลองได้อย่างเต็มที่” เฉินโม่เอามือไพล่หลังด้วยสีหน้าไม่แยแส มีรอยยิ้มจาง ๆ อยู่ที่มุมปาก และเขาไม่เห็นสองคนนี้อยู่ในสายตา

“แกจะต้องชดใช้ให้กับความจองหองของแก!” หลังจากหยุนเหล่ยกล่าวจบ พลังที่ทรงพลังก็ปะทุออกมาจากร่างกายของเขา

หลังจากนั้น เขาก็ปล่อยพลังหมัดไปที่เฉินโม่

“เจ้าหนู ฉันจะคอยดูว่าแกมีที่พึ่งพาอะไร ถึงได้ทำให้แกจองหองขนาดนี้!”

“ถ้าเช่นนั้นแกก็มองให้ชัดเจน!” เฉินโม่กล่าวเบา ๆ สีหน้ากลายเป็นจริงจังขึ้นมา แล้วปล่อยพลังหมัดออกไปเช่นกัน

ปัง!

ร่างกายของหยุนเหล่ยเหมือนกระสอบ เขากระเด็นกลับหัวออกไป และพ่นเลือดออกมาเต็มปากอยู่อากาศ จากนั้นกระแทกเข้ากับกำแพงลานบ้าน แล้วล้มอยู่บนพื้น

“เป็นไปได้ยังไง!” ความเย่อหยิ่งบนใบหน้าของหยุนเทียนหลิงหายไปทันที ถูกแทนที่ด้วยความตกใจ มองเฉินโม่ด้วยสายตาที่เต็มไปด้วยความไม่อยากจะเชื่อ

หยุนเหล่ยพยายามยืนขึ้น จับหน้าอกตนเองไว้แน่น สีหน้าเต็มไปด้วยความตกใจเช่นกัน “นี่..นี่มันเป็นไปได้ยังไง?”

“ปีนี้แกอายุไม่เกินสิบแปดปี นึกไม่ถึงว่าแกบรรลุถึงแดนแปรภาพแล้ว!”

“มิน่าแกถึงได้จองหองขนาดนี้ ไม่เห็นแม้แต่ตระกูลหยุนของพวกเราอยู่ในสายตา ฮ่า ๆ ปรมาจารย์อายุสิบแปดปี แกมีคุณสมบัติเช่นนั้นจริง ๆ!”
หยุนเทียนหลิงมีความรู้สึกพ่ายแพ้ ตอนแรกเขาคิดว่าอย่างมากที่สุดเฉินโม่แค่แข็งแกร่งกว่าเขาเล็กน้อยเท่านั้น แต่นึกไม่ถึงว่าแม้แต่ปรมาจารย์ก็ไม่ใช่คู่ต่อสู้ของเขา

ปรมาจารย์อายุสิบแปดปี หยุนเทียนหลิงเป็นสมาชิกของโลกฝึกบู๊ เขาสามารถเข้าใจว่าสิ่งนี้ความหมายว่าอะไร

เฉินโม่บรรลุถึงแดนแปรภาพเร็วกว่าหยางติ่งเทียน เทพสงครามเทพแห่งยานจิงสิบปี ในโลกฝึกบู๊ของหัวเซี่ยแล้ว มีเพียงไม่กี่คนที่สามารถเทียบชื่อเสียงและสถานะของหยางติ่งเทียนได้ ซึ่งหมายความว่าต่อไปเฉินโม่จะประสบความสำเร็จมากกว่าหยางติ่งเทียน!

กระทั่งเขามีความหวังที่จะบรรลุถึงแดนเทพที่เป็นตำนานได้

“มิน่าเขาถึงไม่เห็นแม้แต่ตระกูลหยุนอยู่ในสายตา ด้วยความแข็งแกร่งดังกล่าว เมื่อตระกูลหยุนอยู่ต่อหน้าเขาแล้ว ไม่คู่ควรให้เอ่ยถึงด้วยซ้ำ”

การเผชิญหน้ากับคู่ต่อสู้ที่น่าสะพรึงกลัวเช่นนี้ นอกจากความรู้สึกพ่ายแพ้แล้ว หยุนเทียนหลิงไม่มีความรู้สึกอื่นใดอีก

“นึกไม่ถึงว่าคุณจะแข็งแกร่งขนาดนี้ พวกเราตระกูลหยุนเป็นฝ่ายล่วงเกินท่านก่อน!” หยุนเหล่ยทนต่ออาการบาดเจ็บ โค้งคำนับให้เฉินโม่และกล่าวว่า “พวกเราตระกูลหยุนทำให้ท่านขุ่นเคือง โปรดยกโทษให้พวกเราด้วย ผมจะออกไปจากที่นี่ทันที และต่อไปผมจะไม่มารบกวนท่านอีก”

เฉินโม่กล่าวเยาะเย้ย “คิดจะมาก็มา คิดจะไปก็ไป ตระกูลหยุนไม่เห็นฉันอยู่ในสายตาจริง ๆ!”