ตอนที่ 1793

Genius Doctor Black Belly Miss

ตอนที่ 1793  คิดฆ่า (7)
  เยว่อี้มองจวินอู๋เสียอย่างไม่เข้าใจ[พิษดอกสลายวิญญาณร้ายแรงมาก เขายังใจเย็นอยู่ได้ยังไง?]
  จวินอู๋เสียไม่ตอบแต่ปิดกล่องไม้แล้วส่งคืนให้เยว่อี้
  “คุณชายจวิน……เจ้าทำอะไร?”เยว่อี้ถามอย่างกังวลเล็กน้อย
  จวินอู๋เสียตอบอย่างไม่แยแส“พิษไม่มีผลกับข้า”
  “ไม่มีผล?”เยว่อี้เบิกตากว้าง
  พิษของดอกสลายวิญญาณร้ายแรงขนาดที่หากไม่มียาแก้พิษก็มีเพียงหมอเทวดาเท่านั้นที่รักษาได้ เยว่อี้ไม่รู้ว่าจวินอู๋เสียเก่งทางด้านการรักษามากแค่ไหน แต่มีเรื่องหนึ่งที่เยว่อี้รู้ดี นั่นคือทั่วทั้งอาณาจักรกลางมีคนที่ไปถึงขั้นหมอเทวดาเพียงคนเดียวเท่านั้น จวินอู๋เสียยังเด็กมาก ต่อให้มีพรสวรรค์ทางการรักษาที่โดดเด่นและเรียนมาตั้งแต่เล็ก ก็ยังยากที่เขาจะไปถึงขั้นหมอเทวดา
  “ของเล่นเด็กแบบนี้ไม่อยู่ในสายตาข้าหรอก”จวินอู๋เสียยักไหล่ ตอนที่นางหยิบหมั่นโถวขึ้นมา นางก็สังเกตเห็นแล้วว่ามีสิ่งผิดปกติ หมั่นโถวแห้งๆเย็นๆนั้นมีกลิ่นหอมหวานจางๆ มันไม่ปกติเลยสักนิด นอกจากนั้น ระดับความคุ้นเคยต่อสมุนไพรของจวินอู๋เสียก็เหนือกว่าความรู้ของทุกคนไปไกลมาก แค่ได้กลิ่นนิดเดียวนางก็รู้แล้วว่าใส่อะไรเข้าไป
  เยว่อี้หมดคำพูดในทันทีเขาไม่คิดเลยว่าดอกสลายวิญญาณที่แค่ชื่อก็สร้างความหวาดกลัวให้ผู้คน……พอเข้าปากจวินอู๋เสียแล้ว มันจะกลายเป็น……ของเล่นเด็ก……
  ถ้าไม่ใช่เพราะเขารู้วิธีการในการทำสิ่งต่างๆของจวินอู๋เสียเยว่อี้คงคิดว่าจวินอู๋เสียล้อเล่นกับเขา
  “เจ้า……แน่ใจนะว่าพิษไม่มีผลกับเจ้า?”เยว่อี้ยังคงกังวล
  จวินอู๋เสียพยักหน้า
  เยว่อี้เงียบไปครู่หนึ่งก่อนจะพูดขึ้นว่า“งั้นเจ้าก็ระวังตัวให้ดี ผู้อาวุโสเยว่พยายามจะฆ่าเจ้า วันนี้เขาล้มเหลว วันหน้าเขาต้องคิดหาวิธีอื่นอีกแน่ เจ้าต้องระวังให้ดี ข้าเห็นว่าผู้อาวุโสอิ่งค่อนข้างปกป้องเจ้า เห็นว่าเขาพูดเรื่องดีๆของเจ้าต่อหน้าท่านประมุขด้วย ท่านประมุขอยากให้ปล่อยผ่านไป เป็นไปได้มากว่าจะไม่สอบสวนเอาความอะไรกับเจ้าแล้ว เจ้าก็ขอให้ผู้อาวุโสอิ่งเอาเจ้าออกจากที่นี่ให้เร็วที่สุด ไม่งั้นผู้อาวุโสเยว่จะวางแผนหาวิธีกำจัดเจ้าอีกแน่”
  “ถ้าเขามีความสามารถก็ให้เขามาลองได้ทุกเมื่อ” จวินอู๋เสียกล่าวอย่างใจเย็น
  ความสงบนิ่งของจวินอู๋เสียส่งผลต่อหัวใจของเยว่อี้ความวิตกกังวลและความกระวนกระวายในใจเขาค่อยๆหายไปจากอิทธิพลของจวินอู๋เสีย
  “เยว่อี้”จวินอู๋เสียเรียกอย่างกะทันหัน
  “หืม?”
  “ใครดูแลแปลงดอกไม้ในเรือนของน้องสาวเจ้า?”ไม่รู้ทำไม จู่ๆจวินอู๋เสียก็ถามเรื่องนี้ขึ้นมา
  เยว่อี้ชะงักเขาครุ่นคิดอยู่ครู่หนึ่งแล้วตอบว่า “ตอนแรกคนสวนของวิหารเงาจันทราเป็นคนดูแลแปลงดอกไม้พวกนั้น แต่เนื่องจากเยว่เย่ค่อนข้างอ่อนแอมาตั้งแต่เล็ก ส่วนใหญ่นางจึงไม่ค่อยได้ออกจากเรือน นางชอบพวกดอกไม้ต้นไม้มาโดยตลอด ก็เลยเริ่มดูแลแปลงดอกไม้พวกนั้นเมื่อไม่กี่ปีที่ผ่านมา คุณชายจวินน่าจะได้เห็นด้วยตัวเอง ต้นไม้ดอกไม้ในแปลงดอกไม้ที่เรือนของนางยุ่งเหยิงนิดหน่อย มีหลากหลายชนิดเลย นางปลูกทั้งหมดนั่นด้วยตัวเอง”
  ตอนที่พูดถึงน้องสาวแววตาของเยว่อี้อ่อนโยนขึ้นมาก
  จวินอู๋เสียฟังเงียบๆแววตาลึกล้ำทำให้ไม่อาจเข้าใจได้ว่านางกำลังคิดอะไรอยู่
  “เอาล่ะข้าควรกลับได้แล้ว ท่านประมุขเรียกตัวผู้อาวุโสเยว่ไป ข้าเลยนำสิ่งนี้มาที่นี่ตอนที่เขาไม่อยู่ ข้าต้องเอามันกลับไปคืนก่อนที่เขาจะกลับ” เยว่อี้เห็นว่าจวินอู๋เสียสบายดี เขาก็รู้สึกโล่งอกมากขึ้น
  จวินอู๋เสียพยักหน้าเยว่อี้คิดว่าเขาไม่ควรอยู่นานไปกว่านี้ จึงเก็บกล่องไม้และนำมันออกไปจากคุกใต้ดิน
ตอนที่ 1794  อาการกำเริบ (1)
  ในห้องนอนของประมุขวิหารเงาจันทราเสียงไออย่างหนักดังก้องอยู่ในห้องนอนอันใหญ่โตนั้น กลิ่นเลือดจางๆลอยอยู่ในอากาศ
  “ท่านประมุข!”ผู้อาวุโสเยว่เข้ามาในห้องโดยมีศิษย์คนหนึ่งนำเข้ามา เขาใจหายวาบเมื่อเห็นภาพในห้องนอนอันหรูหราโอ่อ่านั้น
  ประมุขวิหารเงาจันทรานอนไออย่างรุนแรงอยู่บนเตียงน้ำในอ่างทองแดงที่วางไว้ข้างเตียงกลายเป็นสีเลือด และยังมีรอยคราบเลือดบนพื้นด้วย ดูแล้วเป็นภาพที่น่าตกใจมาก
  ผู้รักษาของวิหารเงาจันทรากำลังเฝ้าดูแลประมุขอยู่ด้านข้างสีหน้าของพวกเขาทั้งวิตกกังวลและร้อนใจ นอกจากเสียงไออย่างรุนแรงก็ไม่มีเสียงอื่นดังให้ได้ยินในห้องนอนหรูหรานั้น
  “ท่านประมุขเกิดอะไรขึ้น?” ผู้อาวุโสเยว่ตรงเข้ามาอย่างร้อนรน
  ประมุขวิหารเงาจันทราอยากจะอ้าปากพูดอะไรบางอย่างแต่อาการไอดูดพลังชีวิตก็เข้าโจมตีอีกครั้ง ขัดจังหวะคำพูดของเขา
  ผู้อาวุโสเยว่ขมวดคิ้วเงยหน้าขึ้นมองกลุ่มผู้รักษาที่ยืนอยู่ด้านข้าง
  “ไอ้พวกไม่เอาไหน!รักษามาตั้งนาน ทำไมอาการของท่านประมุขถึงไม่ดีขึ้นเลย?”
  เสียงตะคอกจากผู้อาวุโสเยว่ทำให้เหล่าผู้รักษาทุกคนที่อยู่ในห้องนอนคุกเข่าลงทันทีพวกเขาตัวสั่นงันงกและหน้าซีดด้วยความกลัว
  “ผู้……ผู้อาวุโสเยว่พวกเราพยายามเต็มที่แล้ว แต่อาการป่วยของท่านประมุขกำเริบบ่อยมากและคาดเดาไม่ได้ พวกเรา……ไม่รู้วิธีที่ดีกว่านี้จริงๆ” ผู้รักษาชราคนหนึ่งพูดอย่างตะกุกตะกัก
  การรักษาอาการป่วยนี้ให้ประมุขวิหารเงาจันทราในสายตาของกลุ่มผู้รักษา แน่นอนว่าต้องกดดันทางจิตใจเป็นอย่างมาก เนื่องจากความเลินเล่อเพียงเล็กน้อยก็อาจทำให้พวกเขาเสียชีวิตได้
  “เจ้าพวกสวะไร้ประโยชน์!”ผู้อาวุโสเยว่จ้องคนทั้งหมดด้วยความโกรธ
  อาการป่วยของประมุขวิหารเงาจันทราพูดไปแล้วก็แปลกเขาอยู่ในวัยกลางคน พลังวิญญาณก็ไม่ได้ต่ำ อาจกล่าวได้ว่าผู้อาวุโสเยว่เฝ้าดูประมุขคนปัจจุบันนี้เติบโตขึ้นมา เขาไม่ได้เจ็บป่วยหรือบาดเจ็บมากนัก สุขภาพของเขาแข็งแรงดีมาตลอด แต่ไม่รู้ทำไม เมื่อไม่กี่ปีที่ผ่านมา สุขภาพของประมุขถึงได้แย่ลงทุกวัน เขามักจะไอเป็นเลือดอยู่บ่อยครั้ง แต่ในช่วงที่อาการป่วยไม่ได้กำเริบ ประมุขวิหารเงาจันทราก็เหมือนคนที่มีสุขภาพแข็งแรงสมบูรณ์ดี นอกจากใบหน้าที่ซีดเซียวแล้ว ก็ไม่มีปัญหาอื่นเลย และพออาการกำเริบ ไม่ว่าจะใช้ยามากเท่าไรก็ระงับอาการได้ยากมาก
  ด้วยเหตุนี้ผู้อาวุโสเยว่จึงได้นำผู้รักษาที่มีชื่อเสียงจำนวนมากเข้ามา แต่พวกเขาก็ไม่สามารถหาสาเหตุได้
  ผู้รักษาผมขาวทั้งกลุ่มตัวสั่นสะท้านอย่างรุนแรงจากเสียงตะคอกนั้น
  “อาการดีขึ้นมาบ้างแล้วไม่ใช่หรือ?ทำไมตอนนี้ถึงกำเริบขึ้นมาอีกล่ะ?” ผู้อาวุโสเยว่มีสีหน้าโมโห เพราะประมุขวิหารเงาจันทราไม่สบาย ดังนั้นทุกอย่างตั้งแต่อาหาร, เสื้อผ้า, ที่พักอาศัยต้องได้รับความใส่ใจระมัดระวังอย่างที่สุด อาหารถูกปรุงด้วยศิษย์ที่เชี่ยวชาญด้านนี้เป็นพิเศษทุกวัน วัตถุดิบที่ดีที่สุดเลือกสรรจากแหล่งที่ดีที่สุดเท่านั้น กระทั่งเครื่องหอมที่เคยจุดในห้องนอนของประมุขก็ถูกโยนทิ้งไปแล้ว
  หลังจากหลีกเลี่ยงความเป็นไปได้ทุกอย่างที่อาจทำให้เกิดอาการป่วย โอกาสที่อาการป่อยของประมุขวิหารเงาจันทราจะกำเริบก็ยังไม่ลดลง มันจะเกิดขึ้นหนึ่งหรือสองครั้งในทุกๆสัปดาห์
  “นี่……เราไม่รู้จริงๆว่าทำไม……”กลุ่มผู้รักษากลัวจนแทบร้องไห้แล้ว
  ท่าทีของผู้อาวุโสเยว่ไม่ดูอบอุ่นขึ้นเลยแม้แต่น้อยสายตาของเขากวาดมองห้องนอนหนึ่งรอบ ทันใดนั้นเขาก็เห็นร่างเล็กๆที่ถูกทุกคนลืมไปแล้ว
  เยว่เย่ยืนทำคอหดอย่างขลาดกลัวอยู่มุมหนึ่งของห้องนอนเนื่องจากคนอื่นๆกำลังยุ่งอยู่กับอาการป่วยของประมุขวิหารเงาจันทรา จึงไม่มีใครสังเกตเห็นว่าร่างเล็กๆนี้ยังคงอยู่ในห้องนอน
  ผู้อาวุโสเยว่มองไปรอบๆและเห็นผู้รักษาทุกคนก้มหน้าลงไม่กล้าแม้แต่จะส่งเสียง จากนั้นเขาก็เดินไปยังมุมที่เยว่เย่ยืนอยู่โดยไม่ได้ดึงดูดความสนใจใดๆ