ตอนที่ 460 ให้ท่าชายอื่น / ตอนที่ 461 เธอขอพบคุณ

เสน่ห์รักร้ายคุณบอสเพลย์บอย

ตอนที่ 460 ให้ท่าชายอื่น

 

 

           “หลายเดือนก่อนผมสืบจนรู้ที่อยู่ของเขา ก็เลยแวะไปพบเขาด้วยตัวเอง ตอนนั้นผมบอกคุณว่าจะไปดูงาน แต่ความจริงผมไปพบเขาเป็นครั้งสุดท้าย” เขาเอ่ยเสียงขรึม

 

 

           “จากนั้นล่ะคะ?” เธอมองเขาอย่างสับสน บอกไม่ถูกว่ารู้สึกอย่างไร

 

 

           “จากนั้น ตอนที่ผมพบเขา เขาก็ป่วยหนักแล้ว เขากำชับให้ผมดูแลคุณให้ดีแล้วก็สิ้นใจ” เขาเล่าต่อ

 

 

           “จริงเหรอคะ?” เธอชายตาขึ้นมองเขา พยายามค้นหาร่องรอยบางอย่างในดวงตาเขา “แล้วทำไมคุณไม่บอกฉันล่ะ?”

 

 

           “ตอนนั้นคุณต้องยุ่งยากใจเพราะคุณแม่ผม แถมสุขภาพยังไม่ค่อยแข็งแรงอีกต่างหาก ผมกลัวกระทบกระเทือนจิตใจคุณ ก็เลยไม่ได้บอก หลังจากนั้นผมก็ยุ่งมากจนลืมเรื่องนี้ไปเสียสนิท” เขาจูบกระหม่อมเธอเบาๆ

 

 

           “เหรอคะ?” เธอไม่ค่อยอยากจะเชื่อสักเท่าไหร่ แต่กลับไม่พบพิรุธใดๆ จึงได้แต่ขมวดคิ้วมองเขา “คุณไม่ได้โกหกฉันใช่ไหมคะ?”

 

 

           “ผมเคยโกหกคุณเมื่อไหร่?” เขาส่ายศีรษะอย่างเหนื่อยหน่าย “ตอนนั้นที่ผมไม่ได้บอกคุณก็เพราะกลัวคุณจะเสียใจ แต่เห็นท่าทางคุณตอนนี้แล้ว สู้บอกคุณเสียตอนนั้นน่าจะดีกว่า”

 

 

           น้ำเสียงเขาจริงจัง สีหน้าสงบ ดูเหมือนเขาจะพูดความจริง เธอถอนใจโล่งอก หากแต่รู้สึกเศร้าใจไม่น้อย “คิดไม่ถึงเลยว่าคุณพ่อจะสิ้นแล้ว ฉันไม่มีโอกาสแม้แต่เห็นหน้าเขาเป็นครั้งสุดท้าย”

 

 

           เขากระชับวงแขนที่กอดเธอให้แน่นขึ้น เอ่ยเสียงเบา “ผมไม่ดีเอง ผมควรจะพาคุณไปพบเขา”

 

 

           เธอส่ายศีรษะ “ช่างเถอะค่ะ เรื่องมันผ่านไปแล้ว อีกอย่าง ตอนนั้นฉันกำลังโกรธเขาอยู่ ถึงคุณบอกให้ฉันไปพบเขาฉันก็ไม่ไปหรอก แต่…”

 

 

           “แต่อะไร?”

 

 

           “คุณคิดว่าฉันควรบอกเรื่องนี้ให้คุณแม่รู้ดีไหมคะ?” เธอชายตามองเขา สายตาเต็มไปด้วยความสับสน

 

 

           เขาหัวเราะเบาๆ พลางเอ่ยปลอบ “ความจริงเรื่องนี้เป็นเรื่องส่วนตัวของคุณ ผมไม่ควรเข้าไปยุ่งด้วยซ้ำ แต่ผมคิดว่าไม่บอกน่าจะดีกว่า ไหนๆ ตอนนี้ท่านก็เริ่มต้นชีวิตใหม่แล้ว ถ้าคุณไม่บอก ท่านจะได้คิดว่าคุณพ่อคุณไปใช้ชีวิตอยู่ที่อื่นแล้ว แต่ถ้าคุณบอก สภาพจิตใจท่านคงแย่น่าดู”

 

 

           เธอฟังแล้วพยักหน้าหงึกๆ อย่างเห็นด้วย “ก็จริง ไม่ใช่เรื่องง่ายเลยนะคะกว่าที่คุณแม่จะได้เริ่มต้นชีวิตใหม่ ฉันเองก็ไม่ควรหาเรื่องไปรบกวนท่านบ่อยๆ”

 

 

           เธอตัดสินใจอยู่ในใจเงียบๆ หากไม่จำเป็นเธอจะไม่พูดถึงเรื่องของคุณพ่อเด็ดขาด ปล่อยให้คุณแม่เข้าใจว่าคุณพ่อใช้ชีวิตอยู่ที่อื่นน่ะดีแล้ว

 

 

           จิ้นหยวนกอดเธอเอาไว้ สูดดมกลิ่นหอมจากกายเธอเบาๆ “เอาล่ะ คุณหมดคำถามแล้วใช่ไหม?”

 

 

           เธอคิดๆ แล้วพยักหน้าเบาๆ “ความจริงฉันคิดว่าคุณยังมีเรื่องอื่นที่ยังปิดบังฉันอยู่ แต่ฉันยังคิดไม่ออก เพราะฉะนั้น ฉันจะปล่อยคุณไปก่อนก็แล้วกัน”

 

 

           “ก็ดี” เขายิ้มบางๆ ดวงตาฉายแสงประหลาดไหววูบ “งั้นก็ถึงตาผมคิดบัญชีกับคุณแล้ว”

 

 

           เธอนิ่งอึ้ง “คิดบัญชี? บัญชีอะไรคะ?”

 

 

           “คุณไง” เขาจิ้มจมูกเธอเบาๆ สีหน้าขรึมลง “คุณแอบออกไปให้ท่าผู้ชายลับหลังผมตั้งแต่เมื่อไหร?”

 

 

           “ให้ท่า… ให้ท่าอะไร? คุณพูดจาน่าเกลียดมาก” เธอหน้าถอดสีทันที คิดไม่ถึงว่าเขาจะคิดบัญชีกับเธอเร็วขนาดนี้

 

 

           ความจริงเรื่องนี้เธอไม่ผิดเสียหน่อย ใครจะไปรู้ว่าผู้ชายคนนั้นจะยึดมั่นถือมั่นในตัวเธอขนาดนั้นกันเล่า

 

 

           เธอปั้นหน้าตาน่าสงสารพลางมองเขา “ที่เขาเป็นแบบนั้นไม่ใช่ความผิดของฉันสักหน่อย ฉันไม่รู้ด้วยซ้ำว่าทำไมเขาต้องทำแบบนั้นกับฉันด้วย จริงนะ!”

 

 

           เอ่ยพลางพยักหน้าหงึกๆ พลาง พยายามแสดงความบริสุทธิ์ใจอย่างเต็มที่

 

 

 

 

ตอนที่ 461 เธอขอพบคุณ

 

 

           แต่นั่นไม่สามารถทำให้เขาหวั่นไหวแม้แต่นิดเดียว สีหน้าเขาดูแย่กว่าเดิม “ดูเหมือนบทเรียนที่คุณเคยได้รับยังไม่มากพอสินะ ตอนนี้ถึงได้ใจกล้ามากขนาดนี้”

 

 

           น้ำเสียงเขาข่มขู่เต็มที่จนเธอตัวสั่นเทา “เรื่องมันไม่ได้เป็นอย่างนั้นนะ คุณฟังฉันก่อน…”

 

 

           “ฮึ!” อายบรรยากาศอึมครึมแผ่รอบกายจิ้นหยวนจนเธอรู้สึกหวาดกลัว

 

 

           เขาคงไม่ได้คิดจะสั่งสอนเธออีกใช่ไหม เหมือนที่เขาเคยทำก่อนหน้านั้น

 

 

           แต่คิดไม่ถึงเลยว่าหลังจากเขาจ้องเธอตาเขม็งครึ่งค่อนวัน สีหน้าเขากลับค่อยๆ ดูดีขึ้น แปรเปลี่ยนเป็นความเหนื่อยหน่ายใจแทน

 

 

           สุดท้ายเขาคว้าเธอเข้าไปกอดเอาไว้แน่น เอ่ยเสียงแผ่ว “ผมควรจะทำยังไงกับคุณดีนะ”

 

 

           เธอซบหน้ากับอกเขาด้วยความมึนงง สักพักจึงค่อยๆ นึกขึ้นมาได้

 

 

           เธอมียันต์คุ้มครองอยู่กับตัวนี่ เขาไม่กล้าทำอะไรเธออยู่แล้ว

 

 

           เธอนี่มันโง่จริงๆ เลย

 

 

           เธอลอบยิ้มดีใจ แอบคิดในใจว่าลูกคนนี้ช่างประเสริฐอะไรเช่นนี้ ไม่ทันไรก็คุ้มครองแม่แล้ว

 

 

           โชคดีที่จิ้นหยวนไม่รู้ว่าเธอกำลังคิดอะไรอยู่ ถ้าเขารู้เข้าคงโกรธเธอน่าดู

 

 

           แน่นอนว่าเธอยังฉลาดพอที่จะไม่พูดความในใจออกมาให้เขารู้

 

 

           หากตัดความเหนื่อยหน่ายใจของจิ้นหยวนออกโดยมองแค่ภาพที่ทั้งสองกอดกันแน่น ถือว่าเป็นภาพที่อบอุ่นมาก เฉียวซือมู่ถูกเขากอดเอาไว้ในอกแน่นราวสมบัติล้ำค่ำ ส่วนเธอใช้สองแขนคล้องคอเขาแน่น ท่าทางหวานชื่นมาก

 

 

           แต่ความจริงกลับกลายเป็นว่า…

 

 

           จิ้นหยวนถอนใจด้วยความเหนื่อยหน่ายใจอีกระลอก เหลือบมองหญิงสาวในอกด้วยสายตารักใคร่และทะนุถนอมเป็นอย่างมาก

 

 

           อาจเป็นเพราะเธอกำลังตั้งครรภ์ และยังอกสั่นขวัญหายกับเหตุการณ์ที่เพิ่งประสบพบเจอ อย่าเห็นว่าเมื่อกี้เธอพูดเป็นต่อยหอยเชียว ผ่านไปครู่เดียวเธอก็หลับไปแล้ว ทุกอย่างเกิดขึ้นอย่างรวดเร็วจนไม่น่าเชื่อ

 

 

           เขามองเธอด้วยสายตาสงสารและเห็นอกเห็นใจอย่างเห็นได้ชัด ถ้าเธอลืมตาขึ้นตอนนี้จะต้องเห็นสายตานั้นอย่างแน่นอน เพียงแต่ตอนนี้เธอหลับสนิทไปแล้ว จึงไม่มีโอกาสได้เห็น

 

 

           จิ้นหยวนวางเธอลงบนเตียงอย่างเบามือ ถอดเสื้อนอกเธอออก ดึงผ้าห่มขึ้นมาห่มให้เธอ จากนั้นยืนมองเธอนิ่งอยู่ข้างเตียงสักพักจึงค่อยๆ เดินออกจากห้อง

 

 

           เขาปิดประตูอย่างเบามือ หมุนตัวพลันเห็นหลินจื้อเฉิงยืนอยู่ด้านหลังพอดี

 

 

           สีหน้าเขาเปลี่ยนไปแล้ว มุมปากยกยิ้มนิดๆ ราวกับกำลังอารมณ์ดีมาก

 

 

           หลินจื้อเฉิงเห็นสีหน้าเขาแล้วรู้สึกแปลกใจมาก ไม่เข้าใจว่าเกิดอะไรขึ้น ทั้งๆ อินรุ่ยหนีไปแล้ว พี่ใหญ่ได้ข่าวแล้วควรจะไม่พอใจมิใช่หรือ? แต่เขากำลังยิ้มอย่างนั้นหรือ?

 

 

           ทำไมถึงเป็นแบบนี้ล่ะ?

 

 

           เขาเพิ่งมาถึงไม่นาน จึงยังไม่รู้เรื่องที่เฉียวซือมู่ตั้งครรภ์ลูกของจิ้นหยวน ถึงจับต้นชนปลายไม่ถูก

 

 

           เขามัวแต่ใจลอยคิดมากจนจิ้นหยวนขมวดคิ้วมองเขา “นายมาหาฉันมีเรื่องอะไร?”

 

 

           เขารีบดึงสติกลับทันควัน เห็นสายตาไม่ค่อยพอใจนักของจิ้นหยวนแล้วรีบเข้าเรื่องทันที “คือว่าอย่างนี้ครับ…”

 

 

           เขาเดินเข้าไปกระซิบกระซาบกับจิ้นหยวน จิ้นหยวนขมวดคิ้วนิดๆ “เรื่องแค่นี้ก็ต้องมาหาฉันด้วย? ทำไมนายไม่จัดการเอง?”

 

 

           จิ้นหยวนคิดในใจว่าหลังแต่งงานแล้ว ดูเหมือนหลินจื้อเฉิงจะกลายเป็นคนขี้ใจอ่อนขึ้นเรื่อยๆ

 

 

           หลินจื้อเฉิงอ้าปากพะงาบๆ “ก็เธออ้อนวอนขอพบหน้าพี่ใหญ่สักครั้งให้ได้นี่ครับ ท่าทางน่าสงสารมาก แล้วยังบอกอีกว่ามีเรื่องสำคัญต้องคุยกับพี่ ผมถึงได้…”

 

 

           จิ้นหยวนครุ่นคิดเล็กน้อย ในที่สุดก็รับปาก “ก็ได้ เดี๋ยวฉันไปพบเธอเอง”

 

 

           เขาเรียกพ่อบ้านมากำชับให้ดูแลเฉียวซือมู่ให้ดี ห้ามไม่ให้เกิดปัญหาใดๆ เด็ดขาด เห็นพ่อบ้านเฉินเอามือทาบอกอย่างรับประกันแล้วจึงหมุนตัวเดินออกจากบ้าน