ตอนที่ 458 เธอนั่นเอง / ตอนที่ 459 คุณเชื่อคำพูดเขาหรือเปล่า

เสน่ห์รักร้ายคุณบอสเพลย์บอย

ตอนที่ 458 เธอนั่นเอง 

 

 

           เขาชะงักอึ้งอย่างเห็นได้ชัด “คำถามแรกคุณก็อยากรู้เรื่องนี้แล้ว?” 

 

 

           สีหน้าเธอยุ่งยากใจมากเช่นกัน เห็นสีหน้าตกใจของเขาแล้วอยากจะส่ายศีรษะปฏิเสธ แต่สุดท้ายก็พยักหน้าอย่างจริงจัง “ค่ะ อย่าบอกนะว่าคุณกับเธอได้กันแล้ว” 

 

 

           “ใช้คำให้มันสุภาพกว่านี้หน่อยไม่ได้หรือไง?” เขาบีบแก้มเธอเบาๆ เป็นการลงโทษ 

 

 

           “ผมกับเธอไม่ได้เกี่ยวข้องอะไรกัน รูปถ่ายพวกนั้นเป็นรูปตอนที่ผมกับเธอไปพบเพื่อนคนหนึ่งที่พักอยู่ที่โรงแรมนั้นแล้วถูกแอบถ่ายพอดี ความจริง หลังลงจากรถเราสองคนก็แยกย้ายแล้ว” เขามองเธออย่างจริงใจ “คุณพอใจคำตอบนี้ไหม?” 

 

 

           ใบหน้าเธอขึ้นสีแดงระเรื่อ เลี่ยงไม่ตอบเขา “อินรุ่ยบอกว่าคุณถูกเขาจับตัวไป แล้วคุณหาฉันเจอได้ยังไงคะ?” 

 

 

           คำถามนี้ต่างหากที่จิ้นหยวนคิดว่าเธอจะถามเป็นคำถามแรก คิดไม่ถึงเลยว่าเธอจะถามเรื่องเขากับเจียงจื่อเสียนก่อน 

 

 

           เขาสูดหายใจลึก “ผมบอกไปแล้วคุณอย่าโกรธนะ” 

 

 

           ดวงตาเธอไหววูบ “คุณรู้ตั้งแต่แรกแล้วใช่ไหมว่าเขาจะจับตัวฉัน? ก็เลยส่งคนคอยสะกดรอยอยู่ข้างหลังอย่างนั้นเหรอคะ?” 

 

 

           มิเช่นนั้นคงไม่มีคำอธิบายที่สมเหตุสมผล ว่าเหตุใดตัวเขาที่อยู่ต่างประเทศจึงสามารถหาตัวเธอเจอได้รวดเร็วเช่นนี้ 

 

 

           เธอชายตามองเขาพลางเอ่ยถาม “หรือว่าคุณไม่ได้ไปต่างประเทศ?” 

 

 

           เขาส่ายศีรษะเบาๆ “เปล่า ผมไปจริง ผมเคยเช็กประวัติอินรุ่ยคนนี้ แต่ไม่เจออะไรน่าสงสัย ผมก็เลยชะล่าใจ คราวนี้ที่คุณถูกเขาจับตัวไป เป็นเพราะความสะเพร่าของผมเอง ผมคิดไม่ถึงว่าจู่ๆ เขาจะลงมือกับคุณเร็วขนาดนี้” 

 

 

           “แต่ว่า…” เธอเบิกตาโต “ฉันเห็นคุณถูกควบคุมตัวจากภาพกล้องวงจรปิดผ่านหน้าจอคอมพิวเตอร์ของเขา ฉันเห็นคุณอยู่ในนั้น คุณถูกเขาจับขังเอาไว้ในห้อง เขาใช้เรื่องนี้ขู่ฉัน ขู่ว่าถ้าฉันไม่ยอมเขา เขาจะฆ่าคุณ” 

 

 

           เธอหวนนึกถึงคำขู่ของอินรุ่ยแล้วตัวสั่นเทิ้ม 

 

 

           ดวงตาจิ้นหยวนไหววูบ “ผมรู้ ตอนนั้นผมถูกเขาจับตัวเอาไว้จริงจนเกือบจะหลงกลเขา แต่เขาดูถูกผมมากเกินไปหน่อย” 

 

 

           “งั้น…” เธอยังคงจับต้นชนปลายไม่ถูก ได้แต่มองเขาอึ้งๆ 

 

 

           เขาบีบแก้มนวลเนียนของเธอเบาๆ “เด็กโง่ ภาพกล้างวงจรปิดที่เขาเห็นเป็นภาพที่ถูกตัดต่อแล้ว ความจริงผมหนีออกไปตั้งนานแล้ว” 

 

 

           “จริงเหรอคะ? ถ้างั้นคุณก็หาฉันเจอตั้งนานแล้วนะสิ?” ในเมื่อเป็นแบบนั้น เหตุใดเขาจึงไม่ไปช่วยเธอให้เร็วกว่านี้? 

 

 

           แม้เธอจะไม่ได้พูดมันออกมา แต่กลับฟ้องคำถามนั้นออกมาทางสายตาแทน 

 

 

           เขาคงไม่รู้ว่าก่อนที่พวกเขาจะมาถึง เธอต้องเผชิญกับสถานการณ์ที่น่าสะพรึงกลัวมากขนาดไหน 

 

 

           เธอคิดพลางยกมือขึ้นลูบหน้าท้องตนเบาๆ พลาง 

 

 

           เขาเอ่ยอย่างรู้สึกผิด “ผมคิดไม่ถึงว่าเขาจะลงมือกับคุณเร็วขนาดนี้ จากข้อมูลที่ได้มา ดูเหมือนเขากับคุณจะไม่มีส่วนเกี่ยวข้องอะไรกันเลย ก็เลยไม่ทันระวังเรื่องคุณ กว่าจะรู้เรื่องคุณก็ถูกจับตัวไปแล้ว” 

 

 

           “แล้วคุณหาตัวฉันเจอได้ยังไงคะ?” เธอเอ่ยถามด้วยความไม่เข้าใจ 

 

 

           “เพราะคนคนหนึ่ง” 

 

 

           เธอมึนงงกับคำตอบของเขา “ใครคะ?” 

 

 

           เขาใช้นิ้วมือลูบไล้ใบหน้าเธอเบาๆ “คุณจำผู้หญิงใส่หน้ากากที่เจอโดยบังเอิญคนนั้นได้หรือเปล่า?” 

 

 

           “อืม ตอนนั้นฉันตกใจแทบแย่” 

 

 

           “ความจริงคนคนนั้นเป็นคนที่เรารู้จักดี แต่เธอเปลี่ยนไปมาก คุณก็เลยจำเธอไม่ได้ แม้แต่ผมเองก็เกือบจะถูกหลอกเหมือนกัน” 

 

 

           “ใครเหรอคะ?” เธอตื่นเต้นจนหัวใจเต้นรัวแรง 

 

 

           “หร่วนเซียงเซียง คุณจำเธอได้หรือเปล่า?” เขาจับจ้องเธอนิ่ง ไม่ปล่อยรายละเอียดเล็กๆ น้อยๆ บนใบหน้าเธอให้หลุดรอดสายตา 

 

 

           เธอเบิกตาโพลงด้วยความตกใจ 

 

 

 

 

 

ตอนที่ 459 คุณเชื่อคำพูดเขาหรือเปล่า 

 

 

           สำหรับเธอแล้ว ความรู้สึกที่เธอมีต่อหร่วนเซียงเซียงนั้นค่อนข้างสลับซับซ้อน เพราะเมื่อก่อนถือว่าหร่วนเซียงเซียงเป็นคนที่มีความสัมพันธ์ใกล้ชิดกับจิ้นหยวนมากที่สุด แค่เรื่องที่ฝ่ายนั้นเคยเป็นอดีตภรรยาของเขา ก็มากเพียงพอที่จะทำให้เธอลืมผู้หญิงคนนั้นไม่ลงแล้ว 

 

 

           แต่หลังจากผ่านเรื่องราวต่างๆ มากมาย ทำให้หร่วนเซียงเซียงค่อยๆ ถูกลบเลือนออกจากความทรงจำของเธอ 

 

 

           คนเราต้องมองไปข้างหน้ามิใช่หรือ? 

 

 

           มาตอนนี้ กลับมีคนบอกว่าเรื่องเลวร้ายทั้งหมดที่เธอประสบพบเจอเกิดจากหร่วนเซียงเซียงที่เธอแทบจะลืมไปแล้วด้วยซ้ำ 

 

 

           มันเป็นความรู้สึกที่ประหลาดมาก ประหลาดจนทำให้เธอรู้สึกแย่มาก 

 

 

           เธอมองจิ้นหยวนนิ่ง “เป็นเธอจริงเหรอคะ? ไหนบอกว่าเธอทำให้ตระกูลหร่วนอับอายขายหน้าจนถูกจับขังอยู่แต่ในบ้านไม่ใช่เหรอคะ?” ดูเหมือนจะเคยได้ยินว่าเธอป่วยทางจิตด้วย แต่เธอไม่เคยเห็นหลักฐานก็เท่านั้น 

 

 

           จิ้นหยวนส่ายศีรษะเบาๆ “เธอถูกพ่อเธอจับขังได้แค่ไม่กี่วันก็หนีออกไปได้ คนของผมออกตามหาเธอจนทั่ว แต่ก็ไม่ได้ข่าวอะไรเลย” 

 

 

           เขาชะล่าใจมากเกินไป คิดว่าหร่วนเซียงเซียงเป็นเพียงผู้หญิงตัวเล็กๆ ที่ทำอะไรไม่ได้ บางทีเธออาจจะหนีไปไกลแล้ว จึงไม่คิดที่จะตามหาเธออย่างจริงจัง คิดไม่ถึงเลยว่าเธอยังคงไม่ตายใจ แอบซ่อนตัวอยู่ใกล้เขาตลอดเวลา และทำทุกวิถีทางเพื่อลอบกัดเขา 

 

 

           หลังจากความประหลาดใจผ่านพ้นไปแล้ว เฉียวซือมู่จึงเอ่ยขึ้นอย่างไม่เข้าใจ “แล้วเธอรู้จักคนที่ชื่ออินรุ่ยได้ยังไงกันคะ?” 

 

 

           เขาชะงักมือที่ลูบไล้ใบหน้าเธอ ขมวดคิ้วเล็กน้อย “น่าจะรู้จักกันที่เมืองนอก แต่รู้จักกันยังไงผมไม่รู้ เมืองนอกมันไกลเกินไป คนที่ผมส่งไปสืบข่าวน่าจะส่งข่าวกลับมาพรุ่งนี้” 

 

 

           เธอถอนหายใจ ขณะที่กำลังจะอ้าปากพูด พลันได้ยินเสียงโทรศัพท์มือถือของจิ้นหยวนดังขัดจังหวะขึ้น เขาลุกขึ้นแล้วออกไปคุยโทรศัพท์ตรงระเบียงห้อง พอกลับเข้ามาอีกที บรรยากาศรอบตัวเขากลับเปลี่ยนไปอย่างสิ้นเชิง เขาเอ่ยขึ้นโดยไม่รอให้เธอเป็นฝ่ายถาม “เขาหนีไปแล้ว” 

 

 

           “ใครคะ?” เธอเอ่ยถามอย่างอัตโนมัติ จากนั้นจึงนึกออก “คุณหมายถึงอินรุ่ย?” 

 

 

           เขาพยักหน้า “ความจริงผมยังอยากได้ข้อมูลหลายอย่างจากปากเขา แต่กลับ…” 

 

 

           เขาขมวดคิ้วแน่น สามารถหนีรอดจากการควบคุมตัวของลูกน้องเขาไปได้ แสดงว่าเขาต้องไม่ธรรมดา เขาคงไม่ใช่นักธุรกิจธรรมดาแน่ 

 

 

           เขาหันสายตามองไปยังเฉียวซือมู่ พลันเห็นสายตาครุ่นคิดไปมาของเธอ “คุณกำลังคิดอะไรอยู่?” 

 

 

           เธอดึงสติกลับแล้วฝืนยิ้ม “เปล่า ไม่มีอะไร ฉันแค่กำลังคิดถึงคำพูดของเขา” 

 

 

           เขาพยักหน้าน้อยๆ เดินไปนั่งลงข้างเตียงเธอ “ผมอยากจะถามอยู่พอดี เขาคุยอะไรกับคุณบ้าง?” 

 

 

           เธอครุ่นคิดไปมา อยากจะถามเขาหลายครั้งแล้วว่าเรื่องคุณพ่อของเธอมันเป็นอย่างไรกันแน่ แต่ไม่รู้ทำไม เธอจึงไม่กล้าถามเสียที สุดท้ายเธอก็กลั้นใจถามออกไปจนได้ “เขาบอกฉันเรื่องคุณพ่อ…” 

 

 

           จิ้นหยวนหน้าเปลี่ยนสีทันที เขาจับจ้องเธอนิ่ง “แล้วคุณเชื่อคำพูดเขาหรือเปล่า?” 

 

 

           “ฉัน… ฉันไม่เชื่อค่ะ” เธอลังเลเล็กน้อยแล้วตอบไปตามตรง 

 

 

           เขาถอนหายใจเฮือกใหญ่ หัวใจเธอกระตุกอย่างแรง 

 

 

           เขาไม่ได้พูดอะไรอีก บรรยากาศระหว่างทั้งสองตกอยู่ในความเงียบทันที 

 

 

           ครู่ใหญ่กว่าเขาจะเอ่ยขึ้นใหม่ “ความจริงผมอยากจะบอกเรื่องนี้กับคุณตั้งนานแล้ว แต่ไม่รู้เพราะอะไรถึงได้ลากยาวมาจนถึงตอนนี้ ตอนที่อินรุ่ยบอกคุณ ผมก็รู้ทันทีว่าคุณต้องถามผมแน่” 

 

 

           “แล้วทำไมคุณถึงไม่บอกความจริงกับฉันล่ะคะ?” 

 

 

           “เพราะ… ผมไม่อยากเห็นคุณเสียใจ” เขาถอนหายใจเบาๆ พลางลูบหน้าท้องเธอแผ่วเบา ดื่มด่ำความอ่อนโยนนั้นให้เต็มอิ่ม