หลังจากที่เทพธิดาทั้งสามถูกทำให้เสื่่อมเสียด้วยท่าทางต่างๆ สิ่งนี้ทำให้เย่ฉางพึงพอใจเป็นอย่างมาก แมลโลที่หน้าแดงและถอนหายใจด้วยความโล่งอก ตอนแรกเธอได้ตั้งคำถามกับตัวเองว่า ผู้ชายคนนี้เป็นคนที่ไม่เคารพต่อพระเจ้าใช่ไหม แต่ทัศนคติที่จริงใจของเขา และความจริงที่จำนวนผู้ศรัทธาของเธอเพิ่มขึ้นมาเป็นอย่างมากนั้น ทำให้เธอได้เข้าใจผู้ชายคนนี้อย่างทะลุปรุโปร่ง พวกเธอรู้สึกขอบคุณเย่ฉางและสิ่งที่เขาเรียกว่ายุทธศาสตร์เป็นอย่างมาก มารดาของพวกเธอ (เทพธิดาแห่งชีวิต) ถูกดูหมิ่นมาโดยตลอด และลุงของพวกเธอ (พระเจ้าแห่งแสง) ที่เต็มไปด้วยความเย่อหยิ่งในสหัสวรรษที่ผ่านมา ก็ทำให้เธอรู้สึกเสียใจเป็นอย่างมาก

อันย่ายังคงถอนหายใจเพราะข้อเท็จจริงที่ว่าวิหารของเธอถูกยึดครอง จะดีแค่ไหนถ้าเธอสามารถมีความสุขกับหุบเขาเทพธิดาเพียงคนเดียว วิหารแห่งนี้ยิ่งใหญ่กว่าที่เคยเป็นมาในอดีตหลายเท่านัก แม้แต่วิหารแห่งแสงของลุงเธอ ก็ดีกว่าวิหารแห่งนี้เพียงแค่เล็กน้อยเท่านั้น แต่แน่นอนว่า สมบัติที่ประดิษฐานอยู่ข้างในวิหารแห่งแสงไม่ใช่สิ่งที่เธอสามารถเปรียบเทียบได้เลย

สำหรับแจม เธอรู้สึกขอบคุณเย่ฉางมากๆ เธอไม่ต้องการที่จะอยู่อย่างโดดเดี่ยวเพียงลำพังอีกต่อไป ถ้า ThornyRose รับรู้สิ่งที่เทพธิดาทั้งสามคนกำลังคิดอยู่ เธอคงจะถอนหายใจออกมาเหมือนกับดาวที่อับแสงลงไปแล้ว

“หลังจากเสร็จพิธีในอีกสองวันข้างหน้า พวกเราจะตอบแทนนายอย่างเต็มที่ ขอบคุณที่ช่วยพวกเราทั้งสามคนนะ” แมลโลลุกขึ้นยืนและพูดออกมาด้วยรอยยิ้ม

เย่ฉางโบกมือและเดินออกจากวิหาร เขาพูดขึ้นมาหลังจากที่เดินหันหลังให้กับเทพธิดา “แค่พวกเธอขอบคุณก็เพียงพอแล้ว เมื่อถึงเวลา จงจดจำความรู้สึกของวันนี้เอาไว้ อย่าทำให้ฉันต้องขายหน้าล่ะ เข้าใจใช่ไหม!?”

เทพธิดาทั้งสามได้เฝ้ามองเย่ฉางเดินออกจากวิหาร แต่เมื่อคิดถึงประสบการณ์การฝึกอบรมของพวกเธอ จนถึงขณะนี้พวกเธอก็ยังรู้สึกหวาดกลัวอยู่เล็กน้อย

อันย่าหรี่ตาลง ‘คุณ PaleSnow มีความสำคัญกับเราเป็นอย่างมาก ฉันต้องใช้เขาเข้ามาช่วยฉันสร้างแผ่นดินศักดิ์สิทธิ์ที่สมบูรณ์แบบและเชื่อมต่อกับผู้ศรัทธา เขาสามารถช่วยฉันในการสร้างฐานรากที่จะกลายเป็นพระเจ้าชั้นสูงได้ มันเป็นเวลานานมากแล้วที่ฉันไม่ได้รับความศรัทธามากมายขนาดนี้ จนฉันเกือบจะลืมไปแล้วว่า ความรู้สึกนี้เป็นอย่างไร’

แมลโลและแจมก็เริ่มวางแผนอยู่ในใจด้วยเช่นกัน

ณ.โบสถ์ศักดิ์สิทธิ์

คอนราดผู้ที่กำลังสร้างเครื่องมือศักดิ์สิทธิ์ ได้นึกถึงดาบที่อยู่ตรงเอวของเย่ฉาง “ดาบ Assenroche เป็นดาบที่อยู่กับเคลรอสมาเป็นเวลานาน แต่ก็ยังไม่พบความลับที่อยู่ในดาบ ฉันหวังว่าผมขาวจะสามารถหาความลับ ที่แม้แต่เคลรอสก็ยังไม่สามารถทำได้! HeavenShakingMight มาช่วยฉันหน่อย! วันนี้ฉันจะสอนวิธีการสร้างเครื่องมือสำหรับนักบวช! สิ่งเหล่านี้สำคัญมากต่อคำสวดภาวนาของพวกเรา! นายหมายความว่ายังไงที่นายไม่เคยเห็นฉันสวดภาวนา! การฝึกร่างกายของฉันคือการสวดภาวนาต่อพระเจ้าผู้ยิ่งใหญ่แห่งแสงสว่าง! นายรู้ได้อย่างไรว่าฉันมีความสัมพันธ์กับท่านบิชอปเอลลี่! แค่ก แค่ก HeavenShakingMight อันที่เป็นจริงแล้ว เครื่องมือของนักบวชถูกแบ่งออกเป็นหลายประเภท …”

กลับมาที่บริเวณใกล้กับหุบเขาเทพธิดา เย่ฉางมาที่ถ้ำแห่งความมืด และได้ยินเสียงตะโกนจากผู้เล่นคนอื่นๆ เขาถอนหายใจออกมาด้วยความรู้สึกที่ว่า ในฐานะผู้เล่นระดับมืออาชีพระดับสูงแล้ว ตำแหน่งท็อปมันช่างเหงาเสียเหลือเกิน เมื่อเขาเข้าไปเดินเล่นในบริเวณหน้าถ้ำแห่งความมืด เขาตัดสินใจว่านี่คือโอกาสที่จะได้เห็นว่าผู้เล่นธรรมดาเหล่านี้ต่อสู้กันอย่างไร เขาจึงตัดสินใจปลอดตัว โดยการสับเปลี่ยนฮู๊ดหัวหมาป่าที่เปรียบเสมือนกับสัญลักษณ์ของเขาออกไป ตามมาด้วยการถอดเกราะไหล่, ปืน และอาวุธต่างๆ และแทนที่อุปกรณ์เหล่านี้ด้วยไม้เท้าระดับ Dark Gold และเสื้อคลุมนักเวทที่มีฮู๊ดปกปิดระดับ Gold เมื่อเขาดึงฮู๊ดขึ้นมาปิดบังใบหน้าไว้ เขาถอนหายใจออกมา “ไม่ว่าฉันจะซ่อนตัวยังไง ฉันก็ไม่สามารถปกปิดกลิ่นอายของผู้เล่นระดับสูงได้เลย…”

“นักเวทสวมฮู๊ดที่อยู่ตรงนั้น! คนที่ถือไม้เท้าและสวมใส่ชุดเกราะที่เหมือนกับหมาคนนั้นแหละ นายมีเวทมนตร์ไฟไหม?” ผู้ชายที่มีอายุราวๆ 30 ปี มีหนวดมีเคราและสวมใส่เสื้อคลุมนักเวทสีเขียวมองเห็นเย่ฉาง และถามออกมา

มือของเย่ฉางสั่นเทา ในขณะที่เขาต้องทนทุกข์ทรมาน จนแทบอยากจะระเบิดผู้ชายคนนี้ให้ตายด้วย [Flame Burst] เย่ฉางพยายามสงบจิตใจให้เย็นลง และแสดงความเท่ห์ออกมาด้วยการยกฮู๊ดมาปิดหน้าไว้ เขาคิดว่าถ้าเขาบอกเวทมนตร์ระดับสูงเกินไป อาจจะทำให้ผู้ชายคนนี้ออกห่างจากเขาได้ ดังนั้นเขาจึงต้องบอกแค่เวทมนตร์ระดับต่ำ เขาถอนหายใจและพูดออกมาอย่างเศร้าสร้อย “ใช่ ฉันมีสกิล [Fire Ball]”

“ถึงแม้ว่านายจะพยายามเลียนพี่ใหญ่วีรบุรุษ ด้วยการแสดงแสดงความเท่ห์ด้วยการเล่นกับฮู๊ด แต่นายคิดว่าเป็นใครกัน!? ถ้าพี่ใหญ่วีรบุรุษรู้เรื่องนี้เข้าล่ะก็ นายจะโดนลูกศรของเขายิงปลิวกระเด็นไปไกลเลยทีเดียว การทำตัวสุดคูลของพี่ใหญ่วีรบุรุษที่มาพร้อมกับฮู๊ดหัวหมาป่า มันช่างสะเทือนขวัญเป็นอย่างมาก แต่สำหรับนาย … อืม นายดูโง่เง่าเล็กน้อย แต่ลืมมันไปเถอะ! สกิล [FireBall] งั้นหรอ … เราจะฝืนรับนายเข้าร่วมปาร์ตี้ก็แล้วกัน ไปกันเถอะ! ตามฉันไปยังจุดนัดพบ โอ้ ใช่แล้ว! ฉันยังไม่ได้แนะนำตัวเองเลย ฉันชื่อ OtherShoreWatchingAV เป็นผู้ใช้พืช แต่นายสามารถเรียกฉันว่าพี่ชาย V ก็ได้” OtherShoreWatchingAV ตบไปที่ไหล่ของเย่ฉาง จากนั้นก็หันกลับและเดินไปยังร้านค้าของเย่ฉางที่หน้าถ้ำแห่งความมืด เย่ฉางกำหมัดของตัวเองแน่น จนเส้นเลือดบนหน้าผากของเขาปูดโปนออกมา เขาพยายามยับยั้งตัวเองไม่ให้ดึงไม้เท้าออกมาจากเงา และตัดไอระยำคนนี้ออกเป็นชิ้นๆ

“นายรู้ไหมว่า อาชีพในตอนนี้ที่ได้รับความนิยมมากที่สุดคืออะไร? อ่อหมายถึงที่แบล็กพีคนะ” OtherShoreWatchingAV ยิ้มออกมา

“แรนเจอร์?” เย่ฉางสูดหายใจเข้าลึกๆและถามออกมา

“นั่นเป็นอาชีพที่ห่วยแตก? พี่ใหญ่วีรบุรุษเป็นแรนเจอร์ที่น่าสะพรึงก็จริง แต่ผู้เล่นคนอื่นๆเป็นเพียงคนโง่เง่า ลองมองดูไปยังผู้ต้องการรับคนทั้งหมดนี่สิ จะมีสักกี่คนที่กำลังมองหาแรนเจอร์กัน? ลองเดาดูอีกครั้งสิ” OtherShoreWatchingAV เผยอยิ้มขึ้นเล็กน้อย

ถึงแม้ว่าเย่ฉางจะไม่ชอบน้ำเสียงของเขา แต่ตั้งแต่ที่เขาได้รับการยกย่องสรรเสริญ สิ่งนี้ทำให้เขายังไม่ระเบิดอารมณ์ออกมา “ฉันไม่รู้…”

“เมื่อพิจารณาถึงการต่อสู้ในถ้ำแห่งความมืดแล้ว นักเวทไฟและวอร์ล็อคเป็นที่นิยมมากที่สุด โดยเฉพาะอย่างยิ่งพวกคนที่แข็งแกร่ง พวกเขาสามารถได้รับเงินเพียงแค่การเข้าร่วมปาร์ตี้เพื่อวิ่งไปเล่นก็ยังได้ ความนิยมถัดมาคือผู้ใช้พืช ผู้ใช้พืชเป็นาชีพใหม่ที่พี่ใหญ่วีรบุรุษ และกลุ่มปาร์ตี้ของเขาได้ช่วยเหลือเทพธิดาทั้งสามองค์ อย่างไรก็ตาม อาชีพนี้ยังคงเป็นที่ขาดแคลนมาก เพราะการเปลี่ยนอาชีพนั้นยากเกินไป แต่ผู้ฝึกสอนอาชีพในสมาคมเทพธิดา ก็ยังสอนดีกว่าผู้ฝึกสอนที่อยู่ในโบสถ์ศักดิ์สิทธิ์ล่ะนะ ผู้ใช้พืชเริ่มแรกจะได้รับ 5 สกิล! นอกจากนี้ สกิล 3 ใน 5 มีประโยชน์เป็นอย่างมาก! ตอนแรกฉันเคยเป็นซัมมอนเนอร์ แต่ … นายก็รู้ใช่ไหมว่ามันยากแค่ไหน ที่จะได้รับหนังสือสกิลการอัญเชิญ? เพราะเหตุนี้จึงไม่มีใครสนใจเกี่ยวกับฉัน ดังนั้นฉันเลยเลือกที่จะเปลี่ยนเป็นอาชีพผู้ใช้พืชแทน ฉันย้ายไปเป็นหนึ่งในผู้ศรัทธาของเทพธิดาแจม และกลายมาเป็นผู้ใช้พืช ที่สำคัญคือฉันยังได้รับสกิลระดับ Epic … แค่ก แค่ก ไม่มีอะไร ฉันแค่พูดผิด … อย่างไรก็ตาม ปาร์ตี้ที่ฉันอยู่นั้น สามารถจัดการบอสตัวแรกได้แล้วนะ” OtherShoreWatchingAV กระซิบกระซาบอยู่เรื่อยๆ เย่ฉางพยักหน้าและฝืนบังคับตัวเองให้หัวเราะออกมา

ถึงแม้ว่าเย่จะกระวนกระวายใจอยู่บ้าง แต่เขายังคงมีความรู้สึกดีในเรื่องที่ OtherShoreWatchingAV พูดออกมา เขามีความกระตือรือร้น และดูปราศจากความกังวลโดยไร้การเสแสร้ง อันที่จริงแล้ว เขาคล้ายกับอาเฉียงเป็นอย่างมาก!

ทางเข้าถ้ำแห่งความมืดมีผู้คนแออัดกันอย่างหนาแน่นมาก OtherShoreWatchingAV นำเย่ฉางเข้าปาร์ตี้หนึ่งในฝูงชนและแนะนำทุกคนให้รู้จัก หัวหน้าปาร์ตี้นี้มีชื่อว่า AsTheWindBlows สมาชิกในปาร์ตี้มีทั้งหมด 15 คน รูปแบบการจัดทีมของพวกเขาถือว่าค่อนข้างดี ทำให้พวกเขาสามารถฆ่าบอสตัวแรกได้

เกี่ยวกับคนที่ OtherShoreWatchingAV นำมา AsTheWindBlows ก็ไม่ได้พูดอะไรออกมา เขานำปาร์ตี้เข้าไปข้างในดันเจี้ยน และรีบสู้กับบอสตัวแรกอย่างรวดเร็ว เย่ฉางพยายามทำอย่างดีที่สุดเพื่อใช้ [FireBall] และเวทมนตร์ระดับต่ำอื่นๆ แต่ไม่มีทางที่เขาจะซ่อนความเสียหายที่สูงมากได้เลย AsTheWindBlows เลิกคิ้วของเขาขึ้นด้วยความประหลาดใจ ดูเหมือนว่าคนที่ชอบพูดพล่อยๆคนนี้ จะสามารถหานักเวทไฟที่ทรงพลังเข้ามาได้ ทำให้บอสตัวแรกกลายเป็นลูกเจี๊ยบไปเลย!

เป็นเวลากว่าสองเดือนแล้ว นับตั้งแต่เย่ฉางได้เคลียร์ถ้ำแห่งความมืดไป เมื่อต้องเผชิญกับบอสตัวที่สอง – บอสคางคกสีเทา Googoo เขาถอนหายใจออกมา และเริ่มปฏิบัติหน้าที่ในฐานะนักเวท พร้อมกับสังเกตคนอื่นๆ ในบรรดาคนที่มีส่วนร่วมมากที่สุดอาจเป็นตัวเขาเอง และ AV การซัพพอร์ทส่วนใหญ่ของปาร์ตี้นี้ขึ้นอยู่กับฝีมือของ AV ด้วยสกิล [Flower Fragrance] และ [Healing Pollen] สิ่งที่ทำให้เย่ฉางแปลกใจก็คือ สกิลหลักของ AV คือสกิลการฮีลหมู่ที่เรียกกันว่า [Plant Growth] การฮีลไม่ใช่ประเด็นหลัก แต่สิ่งที่สำคัญที่สุดคือ สกิลนี้สามารถเพิ่มค่าสถานะและความเร็วได้เป็นระยะเวลาสั้นๆ! เย่ฉางครุ่นคิดกับตัวเอง ‘ไม่น่าแปลกใจที่ผู้เล่นธรรมดา และกลุ่มปาร์ตี้ธรรมดาจะมีพลังในการจัดการกับบอสตัวแรกได้’ ถึงแม้จะมีกลุ่มปาร์ตี้เพียงไม่กี่กลุ่ม ที่สามารถเอาชนะบอสตัวแรกได้ก็ตาม แต่จากสิ่งที่เย่ฉางสามารถบอกได้ก็คือ พวกเขาไม่ได้สนใจผู้เล่นระดับต่ำเลยสักนิดเดียว นอกจากนี้ สมาชิกภายในปาร์ตี้ส่วนใหญ่ก็ยังเป็นเพื่อนของหัวหน้าทีมไปซะมากกว่า