ความวุ่นวายที่ป่าใบไม้ผลิ

หุบเขาใบไม้ผลิ เมืองป่าหิน :

ภายใต้การนำของอควาโรส หยวนเทียนซิน และเพอเพิ้ลเจดก็ได้มาถึงคฤหาสถ์ของลอร์ดผู้ปกครองเมือง ซึ่งขณะที่พวกเขากำลังจะเข้าไปนั้น กลุ่มผู้เล่นเลเวลหนึ่งร้อยที่พึ่งจะมาถึงเมืองป่าหินที่เดินผ่านไปพวกเขาไปนั้นก็มีดวงตาที่เต็มไปด้วยความตกตะลึง และประหลาดใจมากๆ ขณะที่พวกเขาเฝ้ามองผู้เล่นรอบตัวพวกเขา

“นี่ปกติแล้ว เมืองมีผู้เชี่ยวชาญขั้นสามมากมายขนาดนี้เลยงั้นหรอ ? นี่เมืองป่าหินจะไม่น่าทึ่งเกินไปหน่อยงั้นหรอ ?!!” Elementalist หญิง เลเวลหนึ่งร้อย ร้องอุทานออกมา

ปัจจุบันผู้เชี่ยวชาญขั้นสามนั้นนับเป็นนักสู้ที่แข็งแกร่งที่สุดภายในเกม และแม้แต่กิลชั้นสูงก็ยังจะนับว่าโชคดีมากแล้ว หากพวกเขามีผู้เชี่ยวชาญขั้นสามอยู่ภายใต้คำสั่งของพวกเขาสักหนึ่งโหลหรือมากกว่านั้นนิดหน่อย เนื่องจากกิลชั้นสูงนั้นก็มีอยู่จำนวนไม่มากนักเช่นกันในอาณาจักรและจักรวรรดิต่างๆ ดังนั้นมันจึงเป็นเรื่องยากอย่างน่าเหลือเชื่อที่จะได้พบกับผู้เล่นขั้นสาม

โดยปกติแล้วมันจะเป็นเรื่องยากมากที่จะได้พบกับผู้เชี่ยวชาญขั้นสามสักจำนวนหนึ่ง บนนถนนสายหลักในเมืองหลวงของจักรวรรดิ อย่างไรก็ตามตอนนี้มันกับมีผู้เชี่ยวชาญขั้นสามจำนวนมากกว่าสองโหลกำลังเดินไปตามถนนสายหลักของเมืองป่าหินอยู่

อย่างไรก็ตามผู้เล่นท้องถิ่นของเมืองป่าหินก็มีพฤติกรรมราวกับว่าสถานการณ์นี้มันเป็นเรื่องปกติ และทุกคนต่างก็ทำสิ่งที่ตัวเองทำอยู่ อย่างไม่ได้สนใจเหล่าผู้เชี่ยวชาญขั้นสามเลย

“ไม่มีอะไรต้องแปลกใจเลย เธอรู้ไหมว่าเมืองป่าหินเป็นสถานที่แบบไหน ?” ชิลวอริเออร์ขั้นสาม เลเวลหนึ่งร้อยสอง ซึ่งเป็นหัวหน้าทีมของ Elementalist หญิงกล่าว และเขาก็พูดต่อด้วยน้ำเสียงทุ้มต่ำว่า “แล้วก็อย่าลืมระมัดระวังให้มากเป็นพิเศษ เมื่อเข้ามาที่นี่ในอนาคต !!! แม้ว่าวังร้อยบุปผาจะเป็นหนึ่งในกิลชั้นสูงของจักรวรรดิรัตติกาล แต่พวกเขาก็ไม่สามารถรับรองความปลอดภัยของคุณที่นี่ได้ !!! คุณจะเริ่มทำตัวสบายๆที่นี่ได้ก็หลังจากมาถึงขั้นสามแล้วเท่านั้น !!!”

ปัจจุบันเมืองป่าหินนั้นเป็นเมืองกิลแห่งเดียวที่สามารถก่อตั้งขึ้นในแผนที่เป็นกลางเลเวลหนึ่งร้อยได้ ดังนั้นมันจึงจัดเป็นสถานที่ที่น่าสนใจมากๆสำหรับผู้เล่น อย่างไรก็ตามนอกเหนือจากพันธมิตรของสภาสิบแปดปีกแล้ว ผู้เล่นและมหาอำนาจอื่นๆที่คิดจะเข้ามาในเมืองนั้นก็สามารถทำได้ผ่านการเช่าบ้านส่วนตัวในเมืองเท่านั้น

ในขณะเดียวกันบ้านส่วนตัวในเมืองป่าหินนั้นทั้งหายากและมีราคาแพงอย่างหาที่เปรียบมิได้ ซึ่งผู้เชี่ยวชาญทั่วไปนั้นจะไม่สามารถจ่ายได้เลย อาจกล่าวได้ว่าผู้เล่นทุกคนที่อาศัยอยู่ในเมืองป่าหินตอนนี้นั้นล้วนมีพื้นหลังที่ทรง หรือเป็นตัวตนที่ทรงพลังมากๆอย่างไม่น่าเชื่อ

ด้วยเหตุนี้ หากมีใครไปทำให้บางคนในเมืองป่าหินขุ่นเคืองโดยไม่ตั้งใจ โดยเฉพาะผู้เชี่ยวชาญขั้นสามในเมืองนั้น คนๆนั้นจะได้ตกอยู่ในฝันร้ายแน่นอน

ผู้เล่นอาจจะปลอดภัยในเมืองป่าหินเนื่องจากมี อัศวิน NPC คอยคุ้มครอง และมีผู้เชี่ยวชาญของสภาสิบแปดปีกคอยตรวจตราอยู่ อย่างไรก็ตาม เมื่อผู้เล่นออกจากเมือง มันก็จะเป็นเรื่องที่แตกต่างออกไป ผู้เชี่ยวชาญขั้นสามคือผู้ปกครองพื้นที่ด้านนอกอย่างแท้จริง และมันก็ไม่มีใครจะได้รับความเคารพใดๆแม้ว่าพวกเขาจะมาจากกิลชั้นสูงก็ตาม

เมื่อได้ยินคำพูดของชิลวอริเออร์ขั้นสาม เลเวลหนึ่งร้อยสอง เหล่าผู้มาใหม่จากวังร้อยบุปผาก็พยักหน้าทันที และไม่กล้าจะพูดแบบสบายๆอีกต่อไป ตอนนี้พวกเขาสามารถสัมผัสได้ถึงความสนใจและกลิ่นอายของผู้คนรอบตัวที่พุ่งเป้ามายังพวกเขาอย่างชัดเจน โดยเฉพาะการจ้องมองของผู้เชี่ยวชาญขั้นสามนั้นมันบ่งบอกถึงเจตนาที่ต้องการจะฆ่าเลย และมันก็ราวกับว่าคนเหล่านี้เป็นนักล่าที่พึ่งจะพบกับเหยื่อของพวกเขา

โชคดีที่มีอัศวิน NPC เลเวลมากกว่าหนึ่งร้อยสิบห้า ขั้นสองจำนวนหนึ่ง พร้อมกับผู้เชี่ยวชาญของสภาสิบแปดปีกและของศาลาลับที่คอยตรวจตราอยู่รอบเมือง นอกจากนี้ยังมีข้อเท็จจริงที่ว่าหัวหน้าทีมของพวกเขานั้นคือชิลวอริเออร์ ขั้นสาม ไม่งั้นผู้เชี่ยวชาญขั้นสามเหล่านี้จะหาโอกาสฆ่าพวกเขาในเมืองอย่างไม่ต้องสงสัย และปล้นอาวุธกับอุปกรณ์เลเวลหนึ่งร้อยที่กิลเตรียมไว้ให้กับพวกเขาไป

“ดูเหมือนว่าสถานการณ์ในเมืองป่าหินจะไม่มั่นคงมากขึ้นเรื่อยๆ …” หยวนเทียนซินขมวดคิ้วอย่างเคร่งเครียด เมื่อเขามองเห็นผู้เชี่ยวชาญขั้นสามที่เดินสัญจรไปมาตามถนนสายหลัก เขารู้สึกว่าเขายังประเมินความยากลำบากในการพัฒนาและจัดการเมืองสภาสิบแปดปีกต่ำเกินไป

แม้ว่าสภาสิบแปดปีกจะมีผู้เชี่ยวชาญที่มาถึงขั้นสามมากกว่าห้าสิบคนแล้ว แต่จำนวนที่พวกเขามีก็ยังคงห่างไกลจากผู้เชี่ยวชาญขั้นสามของอาณาจักรหรือจักรวรรดิหนึ่ง ยิ่งไปกว่านั้นเมื่อเวลาผ่านไป จำนวนผู้เล่นขั้นสามของอาณาจักรและจักรวรรดิต่างๆก็จะยิ่งเพิ่มขึ้นเป็นจังหวะเหนือกว่าสภาสิบแปดปีก

ยกตัวอย่างเช่นเมืองป่าหินในปัจจุบัน ก่อนหน้านี้สภาสิบแปดปีกสามารถปราบปรามผู้เชี่ยวชาญขั้นสามทั้งหมดที่ปฎิบัติการในเมืองได้ด้วยผู้เชี่ยวชาญขั้นสามแค่ราวสองโหล อย่างไรก็ตามตอนนี้ ….

มันไม่ใช่เรื่องเกินจริงเลย หากจะบอกว่าจำนวนผู้เชี่ยวชาญขั้นสามทั้งหมดที่สภาสิบแปดปีกมีจะไม่สามารถเทียบเคียงกับจำนวนผู้เชี่ยวชาญขั้นสามที่อาศัยอยู่ในเมืองได้ และเมื่อเวลาผ่านไป ช่องว่างนี้ก็มีแต่จะกว้างมากขึ้นเท่านั้น เพราะท้ายที่สุดแล้วป่าใบไม้ผลิจัดเป็นสวรรค์สำหรับผู้เล่น และมันก็จะมีผู้เชี่ยวชาญขั้นสามมากขึ้นเรื่อยๆพยายามจะเข้ามาพัฒนาที่นี่ในอนาคต

ในขณะเดียวกัน เมื่อจำนวนผู้เชี่ยวชาญขั้นสามที่เข้ามาที่เมืองป่าหินเพิ่มขึ้น ความปลอดภัยของเมืองก็จะกลายเป็นปัญหาใหญ่เช่นกัน แม้ว่าศาลาลับจะมีผู้เชี่ยวชาญขั้นสามของตัวเองอยู่มากมายภายในเมือง แต่การรักษาความปลอดภัยของเมืองก็จะยังคงเป็นปัญหา เพราะท้ายที่สุดผู้เชี่ยวชาญขั้นสามนั้นจัดว่าแข็งแกร่งมาก และพวกเขาก็สามารถจะก่ออาชญากรรมในเมืองได้ง่ายๆ พร้อมทั้งมีพลังที่จะสามารถใช้หนีออกจากเมืองใหญ่ของ NPC ได้ด้วยซ้ำ ดังนั้นก็ไม่ต้องพูดถึงเมืองกิลอย่างเมืองป่าหินเลย

ยกตัวอย่างเช่นสถานการณ์ปัจจุบันในเมืองป่าหิน ผู้เชี่ยวชาญขั้นสามที่ปฎิบัติการและอาศัยอยู่ในเมืองนั้นไม่ได้สนใจที่จะซ่อนเจตนาฆ่าฟันของพวกเขาอีกต่อไป เพราะท้ายที่สุดพวกเขารู้ดีว่าการจะจัดการกับพวกเขาทั้งหมดนั้นมันเป็นความท้าทายอย่างมากสำหรับสภาสิบแปดปีก และกิลก็ไม่ได้มีอำนาจเหนือเมืองอย่างแท้จริงอีกต่อไป ในอัตรานี้ มันเป็นเพียงเรื่องของเวลาเท่านั้นก่อนที่ผู้เชี่ยวชาญขั้นสามจะเริ่มเคลื่อนไหวอย่างลับๆในเขตเมือง

ถึงกระนั้น แม้ว่าเมืองป่าหินจะตกอยู่ในสถานการณ์แบบนี้ แต่ซือเฟิงก็ไม่เพียงแต่จะไม่พยายามคิดหาทางออกให้กับปัญหา เขายังไปช่วยเพิ่มปัญหาด้วยการตั้งตนเป็นศัตรูกับมหาอำนาจต่างๆในทวีปด้านตะวันออกด้วย

เมื่อมาถึงจุดนี้ แม้แต่ศาลาลับก็ยังมีช่วงเวลาที่ยากลำบากมากๆในการจะรับประกันความปลอดภัยของสภาสิบแปดปีก

อย่างไรก็ตามหยวนเทียนซินก็ไม่ได้คิดมากเกินไปนักในเรื่องนี้ เขาได้เดินตามอควาโรสผ่านทางเดินของคฤหาสถ์ลอร์ดผู้ปกครองเมืองเข้าไป ตอนนี้ลำดับความสำคัญที่เขาต้องคิดคือเขาจะทำยังไงถึงจะทำให้ซือเฟิงยอมส่งมอบผลประโยชน์เรื่องวงเวทย์บาเรียเสาสิบสองธาตุมาให้เขา ไม่งั้นศาลาลับจะไม่มีอะไรไปเจรจาเพื่อต่อสู้กับมหาอำนาจต่างๆเลย

อย่างไรก็ตาม ในขณะที่ทั้งสามคนกำลังจะเข้าไปถึงลานด้านในของคฤหาสถ์ลอร์ดผู้ปกครองเมือง เสียงประกาศจากระบบภูมิภาคก็ดังขึ้น

ประกาศจากระบบภูมิภาคป่าใบไม้ผลิ : ผนึกของเมืองป่าหินได้ถูกยกเลิกแล้ว และตอนนี้เมืองได้เปิดให้บุคคลทั่วไปเข้าเยี่ยมชมได้อย่างเป็นทางการ ผู้เล่นทุกคนนั้นสามารถที่จะเข้าเมืองมาพักผ่อนได้ เมื่อจ่ายค่าธรรมเนียมแรกเข้า

ประกาศของระบบนั้นดังขึ้นสามครั้งซ้อน และมันก็ทำให้หยวนเทียนซินตกตะลึงมากๆ

“นี่เขาบ้าไปแล้วงั้นหรอ ?” เมื่อได้ยินประกาศของระบบ และได้อ่านมันซ้ำ หยวนเทียนซินแอบสงสัยว่าเขามองเห็นภาพหลอนรึปล่าว

แม้ว่าเมืองป่าหินจะถูกผนึกอยู่ แต่สภาสิบแปดปีกก็มีปัญหาในการจัดการมากแล้ว ถ้าเมืองนี้เปิดให้สาธารณชนเข้าชม หยวนเทียนซินก็ไม่กล้าคิดเลยว่ามันจะเกิดอะไรขึ้นบ้าง
ท้ายที่สุดตอนนี้มหาอำนาจต่างๆล้วนกำลังเฝ้าจับตาดูสภาสิบแปดปีกอย่างใกล้ชิด บางทีพวกเขาอาจจะเริ่มสร้างพันธมิตรแล้วด้วย การเปิดเมืองให้สาธาณชนแบบนี้ มันจึงจะไม่ต่างจากการเปิดเมืองให้มหาอำนาจต่างๆเข้ามายึดเลย

“รองหัวหน้ากิลอควา นี่หัวหน้ากิลแบล๊คเฟรมพยายามจะทำอะไรกัน ? เขาวางแผนจะเสียสละชีวิตเพื่อเงินจริงๆหรอ ?” เพอเพิ้ลเจดอดไม่ได้ที่จะถามอควาโรส เมื่อได้ยินประกาศของระบบ

ในความเห็นของเพอเพิ้ลเจด ซือเฟิงก็บ้าคลั่งอย่างมากแล้วที่ขายสมบัติอย่างวงเวทย์บาเรียเสาสิบสองธาตุ

อย่างไรก็ตามตอนนี้เขาได้ก้าวไปอีกขั้นแล้วด้วยการเปิดเมืองป่าหินที่สถานการณ์เริ่มไม่มั่นคงให้สาธารณชนเข้ามา ในอัตรานี้แม้ว่ามหาอำนาจต่างๆจะไม่เคลื่อนไหว แต่เมืองป่าหินก็ยังมีสิทจะพินาศได้อยู่ดีจากผู้เชี่ยวชาญจำนวนมากที่หลั่งไหลเข้าเมือง

ในตอนนี้ไม่ต้องพูดถึงหยวนเทียนซินกับเพอเพิ้ลเจดเลย แม้แต่ผู้เล่นที่ปฎิบัติการอยู่ในป่าใบไม้ผลิก็ยังตกตะลึงกับคำประกาศนี้ ไม่มีใครคิดเลยว่าสภาสิบแปดปีกจะเคลื่อนไหวแบบนี้

เพราะท้ายที่สุดพลังของผู้เล่นในขั้นสามนั้นมันไม่เหมือนเดิมอีกต่อไปแล้ว และมันไม่ใช่ตัวตนที่ NPC ทหารทั่วไปจะสามารถปราบปรามได้ หากมีผู้เล่นซึ่งประกอบไปด้วยผู้เล่นและผู้เชี่ยวชาญขั้นสามเข้าสู่เมือง เมืองอาจยังคงเป็นของสภาสิบแปดปีก แต่สภาสิบแปดปีกก็จะไม่มีอำนาจเหนือเมืองอีกต่อไป

หลังจากช่วงเวลาแห่งความตกตะลึงสั้นๆ ผู้เล่นที่ปฎิบัติการอยู่ในป่าใบไม้ผลิก็ล้วนมีความสุขกับข่าวนี้

การที่เมืองป่าหินเปิดขึ้นให้สาธารณชนเข้าได้แบบนี้ มันก็ทำให้พวกเขานั้นสามารถจะเริ่มดำเนินการทั้งหมดในแผนที่นี้ได้อย่างอิสระ และพวกเขาก็จะไม่จำเป็นต้องเสียเวลาการเดินทางไปมาระหว่างแผนที่เป็นกลางแห่งนี้กับเมืองของ NPC อีกต่อไป และพวกเขาก็จะมีช่วงเวลาที่ง่ายขึ้นมากในการท้าทายเควสเลื่อนขั้น ขั้นสาม ขณะเดียวกันสิ่งที่พวกเขาต้องจ่ายเพื่อแลกกับความสะดวกสบายคือค่าธรรมเนียมเล็กน้อย

“ไม่ ฉันจะไม่ยอมปล่อยให้เขาทำแบบนี้แน่นอน !!!! ศาลาลับนั้นยังคงเป็นหนึ่งในผู้ถือหุ้นของเมืองป่าหิน !!! เราจำเป็นจะต้องทำการผนึกเมืองป่าหินอีกครั้ง !!! ถ้ารอจนกว่าผู้เชี่ยวชาญทั้งหมดในป่าใบไม้ผลิเข้ามาที่นี่ เมืองจะพินาศแน่นอน !!!”

หยวนเทียนซินนั้นรู้สึกว่าซือเฟิงเป็นบ้าไปแล้วในครั้งนี้ หลังจากพูดจบ เขาก็รีบตรงไปที่ลานด้านในของคฤหาสถ์ลอร์ดผู้ปกครองเมืองทันที โดยวางแผนที่จะรีบเข้าไปที่ออฟฟิศของลอร์ด เนื่องจากผู้เล่นนั้นสามารถเลือกที่จะเปิดหรือปิดผนึกเมืองทั้งเมืองได้ที่ออฟฟิศนี้เท่านั้น

อย่างไรก็ตามทันทีที่เขาเปิดประตูเข้าสู่ลานด้านใน ออร่าที่ราวกับสึนามิก็พุ่งเข้ามาหาเขา และมันก็ทำให้เขารู้สึกหวาดกลัวจนทำอะไรไม่ถูกเลย

ทั้งหยวนเทียนซินและเพอเพิ้ลเจดต่างกระโดดตัวลอยเว้นระยะห่างของตัวเองออกจากทางเข้าลานด้านในทันที และการแสดงออกของพวกเขาก็เต็มไปด้วยความหวาดกลัว ขณะที่พวกเขามองไปยังลานด้านในที่มีขนาดเท่ากับสนามฟุตบอล

“NPC … ขั้นสาม ?!”

“มันเกิดอะไรขึ้นที่นี่กัน ?”

เมื่อหยวนเทียนซินและเพอเพิ้ลเจดจ้องมองไปยังฉากตรงหน้าของพวกเขานั้น พวกเขาก็เต็มไปด้วยความสับสน และหวาดกลัวมากๆ

ปฎิกิริยาของพวกเขานั้นเป็นเพราะในบริเวณลานด้านในล้วนเต็มไปด้วย NPC เลเวลมากกว่าหนึ่งร้อยสิบห้า แถม NPC เหล่านี้ยังมาถึงขั้นสามทั้งหมดแล้ว และ NPC เหล่านี้ก็ยังแผ่ออร่าที่แข็งแกร่งอย่างไม่น่าเชื่อออกมา อีกทั้ง NPC ที่แข็งแกร่งที่สุดในหลายคนในที่นี้ก็ยังแข็งแกร่งมากพอที่จะทำให้เพอเพิ้ลเจด และหยวนเทียนซินสิ้นหวังได้เลย

ในขณะนี้เองหยวนเทียนซินและเพอเพิ้ลเจดก็รู้สึกราวกับว่าพวกเขาพึ่งเปิดกล่องแพนโดร่า

แถมสิ่งที่น่ากลัวที่สุดในตอนนี้คือ NPC ขั้นสามเหล่านี้ทั้งหมดล้วนกำลังจ้องมองมายังพวกเขา