หยวนเทียนซินตกตะลึง

การได้รับความสนใจจาก NPC ขั้นสามหลายร้อยคนนั้นมันก็ทำให้เกิดแรงกดดันมหาศาลต่อหยวนเทียนซิน และเพอเพิ้ลเจด ชั่วขณะหนึ่งนั้น พวกเขารู้สึกอยากจะหันหลังกลับและหนีไปเลย

แม้ว่าทั้งคู่จะมาถึงขั้นสามแล้ว แต่พวกเขาก็ยังคงอยู่ห่างไกลจากการที่จะสามารถเทียบกับ NPC ขั้นสามได้ในแง่ของความแข็งแกร่ง ซึ่งความแตกต่างนี้ไม่ได้อยู่แค่ในเรื่องค่าสถานะพื้นฐานเท่านั้น และผู้เล่นขั้นสามที่พึ่งได้การเลื่อนขั้นแบบพวกเขานั้นไม่มีทางจะเทียบกับ NPC ขั้นสามได้เลย

ยิ่งไปกว่านั้น NPC ขั้นสามยังเป็นตัวตนที่ทำหน้าที่เป็นผู้ปกครองเมืองเล็กๆของ NPC ได้เลย และ ณ จุดนี้ มันก็ไม่มีผู้เล่นคนใดใน God domain ที่ไม่เกรงกลัวต่ออำนาจของ NPC ผู้ปกครองเมือง และสิ่งนี้ก็ยังคงเป็นแบบนี้อยู่ในปัจจุบัน แม้ว่าผู้เล่นจะเริ่มทยอยกันมาถึงขั้นสามแล้ว

ในขณะเดียวกันตอนนี้มันก็ไม่ต่างจากการมี NPC ผู้ปกครองเมืองหลายร้อยคนกำลังจ้องมองมายังหยวนเทียนซินและเพอเพิ้ลเจด ดังนั้นนี่ก็น่าจะทำให้หลายคนพอจินตนาการได้ว่าพวกเขาอยู่ภายใต้แรงกดดันที่มากขนาดไหน

นี่ NPC จากกองกำลังแห่งความมืดเข้าครอบครองเมืองป่าหินแล้วงั้นหรอ ? ความคิดนี้ปรากฎขึ้นมาในใจของหยวนเทียนซิน เมื่อเขาจ้องมองไปยัง NPC ขั้นสามจำนวนมากตรงหน้าเขา

นับตั้งแต่ God domain เปิดตัวมาจนถึงตอนนี้ การที่กองกำลังแห่งความมืดของ NPC เข้ามายึดแผนที่เป็นกลางนั้นมันก็เป็นอีเว้นที่เกิดขึ้นมามากมาย ซึ่งอีเว้นเหล่านี้ก็เป็นเหมือนดั่งโบนัสสำหรับผู้เล่น โดยหากพวกเขาสามารถแก้ไขเหตุการณ์ได้ พวกเขาก็จะได้รับรางวัลมากมาย แต่หากไม่ กองกำลังแห่งความมืดของ NPC ก็จะเข้าครอบครองแผนที่เป็นกลางและเมืองป่าหินอย่างสมบูรณ์

ในขณะนี้เมืองป่าหินก็น่าจะเจอกับอีเว้นอะไรแบบนี้ ไม่งั้นมันคงจะไม่มีคำอธิบายว่าทำไมถึงมี NPC ขั้นสามปรากฎตัวขึ้นที่เมืองมากขนาดนี้ แถมเมืองยังถูกเปิดให้สาธารณชนเข้าชมด้วย
“ลุงหยวน พวกเราจะทำยังไงกันดี ? ตอนนี้ NPC เหล่านี้ได้ล๊อคเป้ามาที่เราแล้ว” เพอเพิ้ลเจดถามอย่างกังวล

ในขณะนี้เธอไม่ได้มีความตั้งใจแม้แต่น้อยที่จะเอาชนะอีเว้นนี้ เพราะท้ายที่สุด นี่มันแทบเรียกได้ว่าเป็นภัยพิบัติทางธรรมชาติแล้ว ไม่ใช่อีเว้น

การหนีจาก NPC ขั้นสาม เลเวลหนึ่งร้อยแค่คนเดียวมันก็เป็นเรื่องยากสำหรับเธอมากแล้ว อย่างไรก็ตามตอนนี้มันมี NPC ขั้นสาม เลเวลมากกว่าหนึ่งร้อยสิบห้าหลายร้อยคนยืนอยู่ที่ลานด้านใน เธอจะรอดไปจากสถานการณ์นี้ได้ยังไงกัน ?

“เราไม่มีทางเลือกอื่น ฉันจะพยายามตรึง NPC เหล่านี้ไว้สักครู่ แล้วใช้โอกาสนั้นเปิดใช้งานม้วนคัมภีร์เคลื่อนย้ายทันทีขั้นสาม และรีบหนีออกไปจากที่นี่ให้ไวที่สุด NPC ขั้นสามเหล่านี้นั้นมีความเร็วในการตอบสนอง และมาตราฐานการต่อสู้ที่เหนือกว่าลอร์ดบอสผู้ยิ่งใหญ่กับแกรนลอร์ดที่เราเคยเผชิญหน้ามามาก พวกเขาจะไม่เปิดโอกาสให้เราใช้ประโยชน์จากช่วงเวลาที่มีมากนัก” หยวนเทียนซินกล่าว ตอนนี้เขาเข้าใจแล้วว่ามันเป็นไปไม่ได้ที่ทั้งคู่จะหนีไป ดังนั้นมันจึงต้องมีคนหนึ่งที่สละชีวิตเพื่อสร้างโอกาสให้อีกคน

ใน God domain NPC นั้นฉลาดกว่ามอนสเตอร์ทั่วไปมาก แถมพวกเขายังมีประสบการณ์และความรู้สึกที่เฉียบคมมากกว่าผู้เล่นเมื่อต้องต่อสู้ ยิ่งไปกว่านั้นยิ่งขั้นของพวกเขาสูงเท่าไหร่ NPC ก็จะยิ่งฉลาดมากขึ้นเท่านั้น และหลังจากมาถึงขั้นสาม NPC โดยทั่วไปจะไม่เปิดโอกาสให้ผู้เล่นได้ใช้เครื่องพิเศษแน่นอน

ในสถานการณ์ที่ NPC มีความได้เปรียบในด้านพลังการต่อสู้ แม้แต่ผู้เชี่ยวชาญชั้นยอดขั้นสามแบบพวกเขาก็ยังมีช่วงเวลาที่ยากลำบากมากๆในการจะดึงเครื่องมือเวทย์มนต์ออกมาจากกระเป๋า นี่ไม่ต้องพูดถึงการเปิดใช้งานเลย และนี่เป็นเพราะช่วงเวลาสั้นๆในการที่พวกเขาทำแบบนี้ มันก็จะมากเพียงพอที่จะทำให้ NPC ขั้นสามสามารถฆ่าพวกเขาได้ทันทีเลย

ในขณะเดียวกัน ในฐานะแท๊งเกอร์ขั้นสาม หากหยวนเทียนซินเปิดใช้งานสกิลช่วยชีวิตทั้งหมดของเขา เขาก็น่าจะพอตรึง NPC พวกนี้ได้เป็นช่วงระยะเวลาสั้นๆ อย่างไรก็ตามมันเป็นเรื่องที่แตกต่างออกไปสำหรับเพอเพิ้ลเจดที่เป็นราชันดาบขั้นสาม หากเธอพยายามจะตรึง NPC เหล่านี้ด้วยตัวเอง เธอจะตายทันทีแน่นอน เพราะท้ายที่สุดคู่ต่อสู้ของพวกเขาคือ NPC ขั้นสามหลายร้อยคน

“ฉันเข้าใจแล้ว ..” เพอเพิ้ลเจดพยักหน้า แม้ว่าเธอจะรู้สึกไม่เต็มใจ แต่เธอก็เข้าใจว่านี่คือทางเลือกที่ดีที่สุดของพวกเขา ไม่อย่างนั้นทั้งคู่จะต้องตายที่นี่ การเสียเลเวลอาจไม่ใช่เรื่องใหญ่สำหรับผู้เล่นขั้นสามแบบพวกเขา แต่สิ่งที่พวกเขาจะเสียไปด้วยพร้อมกับความตายคืออุปกรณ์ชั้นยอด

เมื่อเพอเพิ้ลเจดพยักหน้า หยวนเทียนซินก็ยกโล่ของเขาขึ้นทันที และเตรียมจะเปิดใช้งานสกิลช่วยชีวิตทั้งหมดของเขา

อย่างไรก็ตามในขณะที่หยวนเทียนซินกำลังจะพุ่งเข้าไปที่ลานด้านใน และดึงดูดความสนใจของ NPC มันก็มีเสียงที่คุ้นเคยดังขึ้นมาจากลานภายใน

“ผู้อาวุโสหยวน ทำไมคุณถึงมาอยู่ที่นี่ ? นี่อควาไม่ได้พาคุณไปที่ห้องรับรอบงั้นหรอ ?”

เสียงนี้ทำให้ทั้งหยวนเทียนซินและเพอเพิ้ลเจดต่างตกตะลึงมากๆ เพราะมันฟังดูคุ้นเคยอย่างไม่น่าเชื่อ อย่างไรก็ตามพวกเขาก็รู้สึกว่าเป็นไปไม่ได้ที่พวกเขาจะได้ยินเสียงนี้ในสถานที่แห่งนี้ และทั้งคู่ก็เริ่มมองหาต้นตอของเสียงทันที

ในช่วงเวลาต่อมา แถวของ NPC ขั้นสามก็แยกออกจากกัน โดยเปิดทางให้ชายในชุดคลุมที่ยืนอยู่ตรงกลางลานด้านใน ในขณะเดียวกันการกระทำของ NPC ทุกคนนั้นก็แสดงให้เห็นถึงความเคารพอย่างมากราวกับข้าราชการที่พึ่งได้พบกับผู้ปกครองของพวกเขา

เมื่อหยวนเทียนซินและเพอเพิ้ลเจดเห็นชายในเสื้อคลุม พวกเขาก็เต็มไปด้วยความตกตะลึงอีกครั้ง

“คุณ … คุณคือหัวหน้ากิลแบล๊คเฟรมจริงๆหรอ ?” เพอเพิ้ลเจดถามย้ำด้วยน้ำเสียงประหลาดใจ ขณะที่เธอมองไปยังซือเฟิง

NPC ขั้นสามนั้นเป็นตัวตนที่ผู้เล่นในปัจจุบันนี้ยังคงมองด้วยความหวาดกลัว และหลังจากได้มาถึงขั้นสามแล้ว เธอก็ยิ่งตระหนักว่า NPC ขั้นสามนั้นทรงพลังมากขนาดไหน

อย่างไรก็ตามตอนนี้ NPC ขั้นสามหลายร้อยคนนี้กับกำลังยืนอยู่ในลานด้านใน และปฎิบัติราวกับซือเฟิงเป็นเจ้านายของพวกเขา

ในสถานการณ์นี้ซือเฟิงจะถือว่าเป็นผู้เล่นได้อย่างไร ? โดยพื้นฐานแล้ว เขาดูเป็นกษัตริย์ของประเทศหนึ่งมากกว่า

“แน่นอนสิ ฉันคือแบล๊คเฟรม” ซือเฟิงกล่าวพลางหัวเราะเบาๆ “ถ้าไม่ใช่คุณคิดว่าฉันเป็นใครกัน ?”

สำหรับซือเฟิง ท่าทีของหยวนเทียนซินและเพอเพิ้ลเจดนั้นไม่ได้น่าประหลาดใจมากนักสำหรับเขา เพราะท้ายที่สุดแล้วตอนนี้มันกำลังมี NPC ขั้นสามมากกว่าห้าร้อยคนยืนอยู่ตรงหน้าพวกเขา

แม้แต่อาณาจักรหนึ่งก็ยังไม่รวม NPC ขั้นสามเข้ามาอยู่ในเมืองเดียวกันมากขนาดนี้ อย่างไรก็ตามตอนนี้ซือเฟิงกับรวมทุกคนมาอยู่ที่เดียวกัน ซึ่งมันไม่ใช่เรื่องเกินจริงเลยหากจะบอกกองกำลังนี้ของเขานับเป็นกองกำลังที่ไม่สามารถจะหยุดได้เลย

ในขณะนี้ไม่ต้องพูดถึงผู้เชี่ยวชาญขั้นสามแบบหยวนเทียนซินกับเพอเพิ้ลเจดเลย แม้แต่ผู้เล่นที่เป็นผู้เชี่ยวชาญขั้นสี่ก็ยังจะต้องหนี หากเจอกับกองกำลังแบบนี้ เพราะท้ายที่สุด NPC ขั้นสามนั้นแตกต่างจากมอนสเตอร์ และเมื่อทำงานร่วมกัน พวกเขาก็สามารถจะเพิ่มพลังต่อสู้ได้อย่างทวีคูณ และหากพวกเขาใช้สกิลหรือเวทย์หลอมรวมขนาดใหญ่ พลังที่พวกเขาจะสามารถแสดงออกมาได้นั้นจะเปลี่ยนแปลงภูมิประเทศของพื้นที่โดยรอบไปได้เลย

นี่เป็นเหตุผลที่ว่าทำไมกองอัศวินทั้งเจ็ดระดับตำนานของจักรวรรดินักบุญทั้งสิบจึงสามารถจะทำให้ประเทศใกล้เคียงไม่กล้ารุกรานพวกเขา

ในขณะเดียวกัน เมื่อได้ยินการพูดล้อเล่นของซือเฟิง ทั้งหยวนเทียนซินและเพอเพิ้ลเจดนั้นก็ผ่อนคลายลงอย่างเห็นได้ชัด

“หัวหน้ากิลแบล๊คเฟรม NPC เหล่านี้ ที่อยู่ด้านหลังคุณเป็นใครกัน ?” หยวนเทียนซินถาม

แม้ว่าตอนนี้เขาจะเข้าใจแล้วว่า NPC ขั้นสามเหล่านี้ไม่ได้เป็นศัตรู แต่เขาก็ยังไม่สามารถเพิกเฉยต่อความจริงที่ว่า NPC ขั้นสามจำนวนมากถูกรวบรวมมาไว้ที่เดียวกันได้

“พวกเขา ?” เมื่อมองไปยังสายตาที่หวาดกลัวและสงสัยของหยวนเทียนซินที่มองไปด้านหลังของเขาที่เหล่า NPC ยืนอยู่ ซือเฟิงก็ผายมือเป็นเชิงแนะนำพลางพูดต่อว่า “พวกเขาเป็นผู้ที่อยู่ในกองอัศวินส่วนตัวของฉัน พวกเขาก็เหมือนกับ อัศวิน NPC ขั้นสองที่ลาดตระเวนอยู่ด้านนอกนั่นแหละ เพียงแต่พวกที่อยู่ด้านหลังฉันคือพวกที่พึ่งจะได้รับการเลื่อนขั้นเป็นขั้นสาม”

“พวกเขาเป็นกองอัศวินของคุณ ?!”

แม้ว่าซือเฟิงจะพูดอย่างไม่เป็นทางการ แต่หยวนเทียนซินกับเพอเพิ้ลเจดก็อดไม่ได้ที่จะตกตะลึงกับคำพูดของเขา

พวกเขาอาจไม่มีความรู้ที่ชัดเจนว่ากองอัศวินคืออะไร แต่อย่างไรก็ตาม เมื่อตัดสินจากน้ำเสียงของซือเฟิงแล้ว พวกเขาสามารถบอกได้เลยว่า NPC เหล่านี้นั้นอยู่ภายใต้คำสั่งของซือเฟิง

นี่คือ NPC ขั้นสามหลายร้อยคนที่พวกเขากำลังพูดถึง !!!!

ตอนนี้แม้แต่มหาอำนาจต่างๆนั้นก็ไม่ได้มีองครักษ์ส่วนตัวที่ได้รับการเลื่อนขั้น เป็นขั้นสามมากนัก และโดยปกติจะมีแค่เฉพาะองครักษ์ส่วนตัวระดับลึกลับขั้นเงิน หรือสูงกว่าขึ้นไปเท่านั้นที่มีโอกาสหนึ่งร้อยเปอเซ็นต์ที่จะทำเควสเลื่อนขั้น ขั้นสามได้สำเร็จ สำหรับองครักษ์ส่วนตัวที่มีระดับต่ำกว่านี้นั้น โอกาสของพวกเขาก็ต่ำมาก อย่างไรก็ตามองครักษ์ส่วนตัวระดับลึกลับขั้นเงินหรือสูงกว่าขึ้นไปก็หายากอย่างไม่น่าเชื่อ และมหาอำนาจส่วนใหญ่ก็มีเพียงแค่หยิบมือเดียวเท่านั้น

ในขณะเดียวกันจากสิ่งที่หยวนเทียนซินสามารถบอกได้ตอนนี้ก็คือ มันมี NPC ขั้นสามอย่างน้อยห้าร้อยคนยืนอยู่ที่ลานด้านใน ซึ่งด้วยกองกำลังนี้ สภาสิบแปดปีกจะสามารถทำลายกองทัพใดก็ได้ที่พวกเขาต้องการ

“โอ้ใช่แล้ว ว่าแต่ผู้อาวุโสหยวน ทำไมคุณถึงรีบมาหาฉัน ? คุณมีธุระด่วนอะไรที่จะพูดคุยงั้นหรอ ?” ซือเฟิงถาม เมื่อเห็นหยวนเทียนซินยังคงงุนงงและตกตะลึง เมื่อเวลาผ่านไปสักพัก

“แต่เดิม ฉันมี …” เมื่อมองไปที่กองกำลังอัศวินขั้นสามที่ยืนอยู่ที่ลานด้านใน หยวนเทียนซินก็ยิ้มอย่างขมขื่น และพูดต่อว่า “แต่ตอนนี้ดูเหมือนว่าฉันจะไม่มีแล้ว !!”

นี่มันโครตจะน่ากลัวเลย !!!

ตอนนี้การป้องกันของเมืองป่าหินนั้นน่ากลัวยิ่งกว่าในเมืองหลวงของอาณาจักรซะอีก แม้ว่ามหาอำนาจทั้งหมดทั่วทวีปด้านตะวันออกจะทำงานร่วมกันและจัดตั้งกองทัพผู้เชี่ยวชาญขั้นสามขึ้นมาหลายพันคน แต่พวกเขาก็ยังคงอยู่ห่างไกลจากความสามารถในการยึดเมืองหลวงของอาณาจักรได้ ซึ่งนี่ก็ไม่จำเป็นต้องพูดถึงเลยสำหรับเมืองป่าหินที่มีขนาดเล็กกว่า พวกเขาจะไม่สามารถยึดมันได้แน่นอน

ในขณะเดียวกันหากมหาอำนาจต่างๆไม่สามารถทำอะไรกับเมืองป่าหินได้ พวกเขาก็จะไม่สามารถทำอะไรกับรากฐานของสภาสิบแปดปีกได้ ไม่ว่ามันจะเกิดอะไรขึ้นก็ตาม …. หากมหาอำนาจต่างๆยังคงยืนกรานจะโจมตีเมืองป่าหิน สิ่งเดียวที่จะรอพวกเขาอยู่คือความทุกข์ทรมาณของพวกเขาเองเท่านั้น !!!

ตอนนี้หยวนเทียนซินนั้นหวังให้มหาอำนาจต่างๆรีบเข้ามาโจมตีเมืองป่าหินด้วยซ้ำ

หลังจากนั้นซือเฟิงก็ได้จัดการทำธุรกรรมขายม้วนคัมภีร์วงเวทย์บาเรียเสาสิบสองธาตุให้กับหยวนเทียนซิน ซึ่งซือเฟิงก็ต้องยอมรับเลยว่าศาลาลับนั้นร่ำรวยมากจริงๆ เนื่องจากหยวนเทียนซินได้สั่งไปสองร้อยชุดเพื่อเอาไปทดสอบผลของบาเรีย และธุรกรรมนี้มันก็ทำให้ซือเฟิงกลับมาเป็นคนร่ำรวยอีกครั้งในทันที

ในช่วงเวลาที่ซือเฟิงและหยวนเทียนซินกำลังทำธุรกิจกัน มหาอำนาจต่างๆก็ได้รับข่าวเรื่องเมืองป่าหินเปิดให้สาธารณชนเข้าชมอย่างรวดเร็ว และในช่วงเวลาหนึ่งมหาอำนาจต่างๆก็ล้วนตกตะลึงกับสถานการณ์นี้ พวกเขาไม่คิดเลยว่าสภาสิบแปดปีกจะบ้าคลั่งและโลดโผนขนาดนี้

ในขณะเดียวกันภายในสถานที่พักกิลของดราก้อนฟีนิกซ์พาวิลเลี่ยน ที่เมืองมังกรดำ

“ปรมาจารย์ดราก้อนพาวิลเลี่ยน คุณคิดว่าแบล๊คเฟรมกำลังพยายามจะทำอะไรกัน ?” มาร์เชี่ยลดราก้อนถาม และใบหน้าของเขาก็เต็มไปด้วยความสับสน ขณะที่เขาอ่านรายงานในมือ “เขากำลังพยายามจะหาเงินให้ได้อย่างรวดเร็ว เพราะรู้ว่าตัวเองกำลังจะเสียเมืองป่าหินรึปล่าว ?”

ในความคิดของมาร์เชี่ยลดราก้อน นี่คือคำอธิบายเดียวที่เขาสามารถจะนึกออกได้ เพราะท้ายที่สุดแล้วทันทีที่มหาอำนาจต่างๆเจรจาความร่วมมือกันเรียบร้อย กองทัพผู้เล่นขั้นสามหลายพันคนจะเคลื่อนที่เข้าโจมตีเมืองป่าหินแน่นอน

ยิ่งไปกว่านั้น เมื่อมหาอำนาจต่างๆมาไกลกันขนาดนี้แล้ว มันจะไม่จบแค่เรื่องวงเวทย์บาเรียเสาสิบสองธาตุแน่นอน มันจะลามไปถึงการทำลายและยึดทรัพย์สินทั้งหมดของสภาสิบแปดปีกด้วย และในเวลานั้น มันจะไร้ประโยชน์อย่างมาก แม้ว่าศาลาลับจะพยายามปกป้องสภาสิบแปดปีกก็ตาม

“ฉันไม่รู้ แต่ยังไงทุกอย่างก็จบลงแล้วแน่นอน ฉันได้รับข่าวว่ามีมหาอำนาจจำนวนหนึ่งเริ่มการเจรจากันอย่างลับๆแล้ว และมันไม่มีอะไรที่สภาสิบแปดปีกจะสามารถทำได้เพื่อกอบกู้สถานการณ์แน่นอน” จักรพรรดิเก้ามังกรกล่าวพลางส่ายหัว แม้ว่าเขาจะประหลาดใจกับการเคลื่อนไหวของซือเฟิง แต่เขาก็คิดว่ามันไม่สำคัญแล้ว “ว่าแต่ฝั่งสตับบอร์นฮาร์ทเป็นยังไงบ้าง ?”

“พวกเขากำลังเดินทางไปที่เมืองป่าหินแล้ว และพวกเขามีผู้เชี่ยวชาญขั้นสามเกือบหนึ่งร้อยคนอยู่เคียงข้าง ซึ่งมันก็คงอีกไม่นานก่อนที่พวกเขาจะแอบเข้าเมืองได้ และเมื่อกองทัพของมหาอำนาจต่างๆมาถึง พวกเขาก็จะประสานการโจมตีของพวกเขากับกองทัพของมหาอำนาจต่างๆ ซึ่งมันก็น่าจะทำให้ยึดเมืองป่าหินได้ง่ายขึ้น” มาร์เชี่ยลดราก้อนรายงาน

“ดี ฝั่งของนายก็ควรเตรียมตัวให้พร้อมเช่นกัน เราจะต้องไปพบกับลู่ชิงหลัวในอีกครู่หนึ่งเพื่อคุยกันถึงเรื่องการแจกจ่ายสิ่งที่ได้จากเมืองป่าหิน …” จักรพรรดิเก้ามังกรกล่าว

“เข้าใจแล้ว !!!” มาร์เชี่ยลดราก้อนตอบกลับด้วยรอยยิ้มซึ่งหาได้ยากมากๆที่จะปรากฎบนใบหน้าของเขา

ในขณะที่จักรพรรดิเก้ามังกรกำลังเดินทางไปหาลู่ชิงหลัว กลุ่มของสตับบอร์นฮาร์ทก็ได้มาถึงตรงหน้าทางเข้าของเมืองป่าหิน และกำลังต่อแถวรอเข้าเมือง