ยักษ์ใหญ่ที่มีชื่อว่า สภาสิบแปดปีก

การที่เมืองป่าหินเปิดให้สาธารณชนทั่วไปได้เข้าเยี่ยมชมนั้น มันได้สร้างแรงสั่นสะเทือนไปทั่วป่าใบไม้ผลิ ซึ่งผู้เล่นและทีมผู้เชี่ยวชาญจำนวนมากได้ทิ้งสิ่งที่พวกเขาทำ และรีบวิ่งตรงมายังเมืองทันที ด้วยเหตุนี้มันจึงมีแถวก่อตัวขึ้นเป็นแนวยาวที่นอกทางเข้าเมือง และในภาพรวมทุกคนก็สามารถจะมองเห็นผู้เล่นกว่าหนึ่งหมื่นคนที่ต่อแถวเรียงรายกันได้อย่างง่ายดาย และแถวนี้ก็ยังคงยาวขึ้นอย่างต่อเนื่อง เมื่อเวลาผ่านไป

ผู้เล่นหลายคนที่มาเข้าแถวที่นี่นั้นล้วนมาเพื่อเป็นสักขีพยานว่าข่าวลือที่ว่าเมืองป่าหินนั้นเป็น “ดินแดนศักสิทธิ์แห่งการเก็บเลเวล” ในป่าใบไม้ผลิเป็นเรื่องจริงไหม ในขณะที่อีกจำนวนหนึ่งก็มาเพื่อตรวจสอบว่าเมืองป่าหินนั้นเปิดให้สาธารณชนเข้าชมจริงไหม

แม้ว่าระบบจะไม่โกหก แต่ก็ไม่มีใครแน่ใจว่าสภาสิบแปดปีกจะไม่ทำการผนึกกับปิดเมืองอีกครั้ง เพราะท้ายที่สุดเมืองป่าหินแบบปิดนั้นก็มอบสิทธิประโยชน์มากมายให้กับผู้เป็นเจ้าของเมืองจริงๆ

มันมักจะเกิดการต่อสู้กันเสมอระหว่างมหาอำนาจต่างๆและผู้เล่นที่ร่ำรวยทุกครั้งที่สภาสิบแปดปีกจัดการประมูลเช่าบ้านส่วนตัวของเมือง และด้วยเหตุนี้บ้านส่วนตัวทุกหลังจึงถูกเช่าเป็นจำนวนเงินมหาศาลมากๆ

หากสภาสิบแปดปีกเปิดเมืองป่าหินให้สาธารณชนนั้น ผู้เล่นก็ไม่จำเป็นจะต้องพึ่งพาการเช่าบ้านส่วนตัวเพื่อเข้าเมืองอีกต่อไป และตราบใดที่พวกเขาจ่ายเงินค่าเข้าเมือง พวกเขาก็จะสามารถพักผ่อนในกำแพงเมืองได้ ซึ่งนี่มันจะลดมูลค่าบ้านส่วนตัวของเมืองป่าหินลงไปอย่างมาก

ขณะเดียวกันเหล่าพันธมิตรของสภาสิบแปดปีกที่เคยจ่ายเงินจำนวนหนึ่งเพื่อให้สมาชิกของพวกเขา เข้าสู่เมืองป่าหินได้ ก็จะไม่ต้องจ่ายอีกต่อไป เพราะเมืองเปิดให้สาธารณชนเข้าแล้วนั่นเอง

ที่สำคัญที่สุดคือการเปิดเมืองป่าหินสู่สาธารณชนนั้น มันก็แปลว่าสภาสิบแปดปีกจะแบ่งปันความได้เปรียบในการเก็บเลเวลให้กับบุคคลภายนอก ซึ่งนี่มันจะลดความได้เปรียบที่กิลมีอย่างมาก ดังนั้นการที่สภาสิบแปดปีกจะปิดเมืองอีกครั้ง มันจึงมีความเป็นไปได้มากทีเดียว

“สภาสิบแปดปีกนั้นบ้าและเต็มไปด้วยความโลภมากเกินไปแล้ว !!! พวกเขากระทั่งเรียกเก็บเงินสิบเหรียญทองต่อคนเป็นค่าเข้าเมือง !!! นี่มันเป็นการปล้นกันกลางวันแสกๆชัดๆ !!!” เคิร์สแมนเซอร์หญิงขั้นสามอดไม่ได้ที่จะเต็มไปด้วยความไม่พอใจ และตอนนี้เธอก็อยากจะฆ่าอัศวินขั้นสองที่ทำหน้าที่เก็บค่าเข้าเมืองมากๆ

เมืองกิลทั่วไปนั้นจะเรียกเก็บเงินค่าเข้าแค่ไม่กี่สิบเหรียญทองแดงเท่านั้น และ
เมืองกิลที่ได้รับการตั้งขึ้นในพื้นที่ใกล้กับแผนที่เป็นกลางเลเวลหนึ่งร้อยนั้นก็เรียกเก็บแค่สองเหรียญเงินต่อคน

กระนั้นเมืองป่าหินกับเรียกเก็บสูงกว่าถึงห้าเท่า !!!

แม้ว่าผู้เล่นในปัจจุบันจะมาถึงเลเวลที่สูงมากแล้ว และพบช่องทางในการหาเงินมากขึ้น แต่พวกเขาก็ต้องแบกรับค่าใช้จ่ายที่มากขึ้นด้วย

เมื่อผู้เล่นต่อสู้กับมอนสเตอร์เลเวลมากกว่าหนึ่งร้อย อุปกรณ์ของพวกเขานั้นจะสูญเสียค่าความทนทานไปอย่างรวดเร็วมากๆ แม้ว่าอุปกรณ์ที่พวกเขาสวมใส่จะเป็นอุปกรณ์ชั้นยอดก็ตาม เป็นผลให้พวกเขาต้องจ่ายค่าซ่อมแซมเลือดตาแทบกระเด็น นอกจากนี้ผู้เล่นยังต้องซื้อโพชั่นและเครื่องมือสำหรับการล่า ซึ่งเมื่อหักต้นทุนเหล่านี้แล้ว ผู้เล่นจะไม่สามารถประหยัดเก็บเงินได้มากนักในแต่ละวัน

ปัจจุบันแม้แต่ผู้เชี่ยวชาญขั้นสอง เลเวลหนึ่งร้อย ก็ทำกำไรสุทธิได้แค่ประมาณสี่สิบถึงห้าสิบเหรียญเงินเท่านั้นในแต่ละวัน และนั่นก็จำกัดแค่เฉพาะผู้เชี่ยวชาญสายโจมตีระยะไกลเท่านั้น สำหรับผู้เชี่ยวชาญสายโจมตีระยะประชิดจะทำกำไรได้แค่ประมาณสามสิบเหรียญเงินเท่านั้นในแต่ละวัน เว้นแต่ว่าผู้เล่นจะโชตดีได้วัสดุหรือไอเทมล้ำค่ามา พวกเขาจึงจะทำกำไรได้มากกว่านั้น ไม่งั้นกำไรของพวกเขาก็จะไม่มากนัก

แม้ว่าผู้เล่นจะสามารถล่ามอนสเตอร์เลเวลต่ำเพื่อรับเอาวัสดุและทำเงินมากขึ้นได้ แต่การทำแบบนั้นมันก็จะทำให้พวกเขายิ่งมีเลเวลห่างกับผู้เชี่ยวชาญชั้นแนวหน้าอย่างรวดเร็ว แถมพวกเขายังจะพลาดโอกาสบางอย่างด้วย

ดังนั้นไม่ว่าผู้เล่นชั้นแนวหน้าจะมีฐานะยากจนแค่ไหน พวกเขาก็จะไม่ยอมทิ้งแนวหน้าเพื่อเงินเพียงเล็กน้อยแน่นอน

ในขณะเดียวกันตอนนี้ พวกเขาเพียงแค่ต้องการจะเข้าเมืองเท่านั้น ยังไม่ได้เข้าพักที่โรงแรมหรือใช้บริการร้านอาหารเลย พวกเขากับต้องจ่ายถึงสิบเหรียญเงินต่อคน

หากเมืองป่าหินเรียกเก็บเงินมากขนาดนี้กัทุกคนที่เข้าเมืองนั้น พวกเขาก็จะได้รับเงินหนึ่งแสนเหรียญทองสำหรับผู้เล่นทุกๆหนึ่งล้านคนเลย

หนึ่งแสนเหรียญทอง !!!

ในระยะนี้ของเกม แม้แต่กิลชั้นสูงก็จะไม่สามารถหาเงินจำนวนมากขนาดนี้ได้ในหนึ่งวันแน่นอน อย่างไรก็ตามสภาสิบแปดปีกจะสามารถทำได้แน่นอนด้วยเมืองป่าหิน เพราะด้วยความได้เปรียบที่อยู่ในแผนที่เป็นกลาง และผลประโยชน์ของเมือง เผลอๆมันจะมีผู้เล่นเข้ามาเยี่ยมชมมากกว่าสองถึงสามล้านคนด้วยในแต่ละวัน ซึ่งพูดอีกนัยหนึ่งก็คือเมืองนี้จะสามารถทำรายได้มากกว่าสองถึงสามแสนเหรียญทองในแต่ละวัน

ยิ่งไปกว่านั้นยิ่งมีผู้เล่นเข้ามาเยี่ยมชมป่าใบไม้ผลิมากขึ้น ตัวเลขนี้ก็จะเพิ่มขึ้นเช่นกัน

“ฟลาวเวอร์ !!! ตอนนี้ยังไม่ใช่เวลาเคลื่อนไหว !!! ตอนนี้การเข้าเมืองไปให้ได้เป็นสิ่งสำคัญอันดับแรกสำหรับเรา !!!” สตับบอร์นฮาร์ทกล่าวเตือนเคิร์สแมนเซอร์หญิงข้างๆเขา “เมื่อกองทัพของมหาอำนาจต่างๆมารวมตัวกันที่นี่แล้ว คุณถึงจะสามารถทำอะไรก็ได้ที่ต้องการ …!!”

เคิร์สแมนเซอร์หญิงที่ชื่อฟลาวเวอร์เรนมองไปยังสตับบอร์นฮาร์ทด้วยความดื้อรั้นและโกรธ

ฟลาวเวอร์เรนนั้นได้มาถึงขั้นสามแล้ว และเงินสิบเหรียญเงินก็ไม่ได้นับว่ามากนักเลยสำหรับผู้เชี่ยวชาญแบบเธอ ต่อให้เธอเข้าร่วมทีมแบบสุ่มมั่วๆ เธอก็จะยังทำเงินได้หลายเหรียญทองอยู่ดี แต่เธอกับมาบ่นเกี่ยวกับเงินสิบเหรียญเงิน

หากไม่ใช่เพราะปฎิบัติการนี้ สตับบอร์นฮาร์ทจะไม่คัดเลือกผู้เชี่ยวชาญอิสระอย่าง
ฟลาวเวอร์เรนมาร่วมงานด้วยเลย
อย่างไรก็ตามเขาก็ต้องยอมรับเลยว่าเมืองป่าหินนั้นน่ากลัวอย่างแท้จริง เพราะแค่ค่าเข้าเมืองอย่างเดียว เมืองก็มีรายได้มากกว่าเมืองกิลหลายแห่งรวมกันแล้ว

“ฉันรู้หรอกน่า ฉันตระหนักถึงความสำคัญในงานของเราดี แต่ตามที่กล่าวไว้ ฉันต้องการค่าตอบแทนเพิ่มขึ้นห้าสิบเปอเซ็นต์”ฟลาวเวอร์เรน เรียกร้อง แม้ว่าสตับบอร์นฮาร์ทจะเป็นหัวหน้ากิลของกิลสายความมืด อันดับหนึ่งแห่งจักรวรรดิมังกรดำ แต่เธอก็ไม่ได้แสดงความเคารพต่อเขาเลย ตรงกันข้ามเธอกับเรียกร้องราคาที่สูงขึ้นด้วย

ในการตอบสนองกับเรื่องนี้ ผู้เชี่ยวชาญขั้นสามของมัจจุราชหลายคนต่างจ้องมองไปยังฟลาวเวอร์เรนอย่างโกรธเคือง

“ได้ ตราบใดที่คุณสามารถรักษาโดเมนของคุณไว้ได้ตามที่ตกลง ฉันจะให้ตามที่คุณต้องการ …” สตับบอร์นฮาร์ทกล่าวพลางพยักหน้า และเขาดูเหมือนไม่ได้มีความโกรธกับเรื่องนี้เลย

อย่างไรก็ตามมันก็ไม่มีใครในกลุ่มของสตับบอร์นฮาร์ทที่แปลกใจกับเรื่องนี้

ฟลาวเวอร์เรนนั้นเป็นเพียงผู้เล่นคนเดียวในจักรวรรดิมังกรดำที่มีสกิลโดเมนขั้นสาม นอกจากนี้เธอยังเป็นผู้เชี่ยวชาญขอบเขตอนันต์อย่างแท้จริง และเมื่อเธอเปิดใช้งานสกิลโดเมน แม้แต่หัวหน้ากิลชั้นสูงในจักรวรดิก็ยังไม่สามารถจะทำอะไรกับเธอได้เลย

นี่คือเหตุผลที่สตับบอร์นฮาร์ทขอความช่วยเหลือจากฟลาวเวอร์เรน

แม้ว่าสมาชิกทุกคนในทีมของเขาจะเป็นผู้เชี่ยวชาญขั้นสาม แต่เมืองป่าหินนั้นก็เต็มไปด้วยอัศวินขั้นสอง เลเวลมากกว่าหนึ่งร้อยสิบห้าจำนวนมากที่คอยปกป้องมันอยู่ ซึ่งมันจะเป็นเรื่องท้าทายสำหรับพวกเขามากๆที่จะจัดการให้ได้ทั้งหมด ดังนั้นพวกเขาจึงต้องการความช่วยเหลือจากฟลาวเวอร์เรน เพราะด้วยสกิลโดเมนขั้นสามของเธอ มันจะทำให้พวกเขาปราบปรามอัศวินขั้นสองเหล่านี้ได้อย่างง่ายดาย และแม้ว่าผู้เชี่ยวชาญขั้นสามจำนวนมากของสภาสิบแปดปีกจะเข้าร่วมการต่อสู้ แต่พวกเขาก็มั่นใจว่าพวกเขาจะสามารถทำงานให้เสร็จและเข้ายึดคฤหาสถ์ของลอร์ดผู้ปกครองเมืองได้

เมื่อสตับบอร์นฮาร์ทตกลง ฟลาวเวอร์เรนก็เลิกโยกโย้ และจ่ายเงินสิบเหรียญเงินให้กับอัศวินขั้นสองที่ทางเข้าทันที

เมื่อฟลาวเวอร์เรนเข้าไปในเมือง เบอเซิกเกอร์ขั้นสามที่ยืนอยู่ข้างๆสตับบอร์นฮาร์ทก็พูดขึ้นมาว่า “หัวหน้า นั่นคือห้าสิบเปอเซ็นต์เลยนะ !!! หากคุณให้เธอมากขนาดนั้น กำไรเราจะน้อยลงไปมาก !!!”

“มันไม่เป็นไรหรอก ตราบใดที่การเจรจาของจักรพรรดิเก้ามังกรกับสตาร์ลิ้งประสบความสำเร็จ และเราเป็นคนกลุ่มแรกที่สามารถยึดคฤหาสถ์ของลอร์ดผู้ปกครองเมืองได้ เราก็จะสามารถเจรจาขอเพิ่มเติมได้ และด้วยเมืองป่าหินที่อยู่ภายใต้การควบคุมของเรา จักรพรรดิเก้ามังกรกับสตาร์ลิ้งจะไม่ปฎิเสธข้อเรียกร้องของเราแน่นอน” สตับบอร์นฮาร์ทกล่าวด้วยรอยยิ้มขณะที่เขามองไปที่ผู้เล่นที่ต่อแถวยาวอยู่ด้านหลัง

เขานั้นรู้มานานแล้วว่าเมืองป่าหินนั้นเป็นดั่งเหมืองทองคำของสภาสิบแปดปีก อย่างไรก็ตามพอได้มาเห็นตอนนี้ มันไม่ใช่เหมืองทองคำเลย มันเป็นเหมืองเพชรเลยต่างหาก !!!

เมืองนี้จะสามารถทำเงินได้มากกว่าสองแสนเหรียญทองแน่นอนจากการเก็บค่าเข้าเมืองในแต่ละวัน และเมื่อมหาอำนาจต่างๆเข้าครอบครองได้ แม้แต่ส่วนแบ่งเพียงเล็กน้อยก็จะเป็นประโยชน์อย่างมากต่อกิลมัจจุราชของเขาแล้ว

ขณะเดียวกัน เมื่อได้ยินคำพูดของสตับบอร์นฮาร์ท ผู้เชี่ยวชาญขั้นสามของกิลขนาดใหญ่อื่นๆนั้นก็อดไม่ได้ที่จะคิดเช่นเดียวกัน พวกเขาต่างจ้องมองไปยังเมืองป่าหินด้วยสายตาที่หิวโหย และในเวลาเดียวกัน พวกเขาก็รู้เกลียดชังสภาสิบแปดปีกมากขึ้น

โดยปกติแล้วกิลของพวกเขานั้นจะต้องพยายามอย่างมากเพื่อให้ได้รับเหรียญทองมากกว่าปกติที่หลักพัน แต่อย่างไรก็ตามถึงแม้จะไม่มีผู้สนับสนุนใดๆ และเป็นกิลที่พึ่งก่อตั้งขึ้นมาได้ไม่ถึงหนึ่งปี สภาสิบแปดปีกกับมีรายได้ที่กิลของพวกเขาได้แต่ฝันถึง ยิ่งไปกว่านั้นสภาสิบแปดปีกยังได้รับมากมายโดยไม่ต้องทำอะไรเลย

“เอาล่ะ รีบเข้าไปข้างในกัน ..” สตับบอร์นฮาร์ทกล่าว ขณะที่มาถึงคิวของเขาจ่ายเงิน พร้อมกับทีมของเขา

ซึ่งเมื่อสตับบอร์นฮาร์ท และทีมของเขาจ่ายเงินค่าเข้าเมืองป่าหินไปเรียบร้อย และก้าวเข้าสู่เมืองป่าหิน พวกเขาก็ได้พบกับฟลาวเวอร์เรนที่ยืนตัวแข็งทื่อราวกับรูปปั้นอยู่กลางถนน

“ฟลาวเวอร์ มีอะไรงั้นหรอ ?” สตับบอร์นฮาร์ทกล่าวถาม

อย่างไรก็ตามเมื่อเขาเดินไปอยู่ข้างเธอ เขาก็เต็มไปด้วยความตกตะลึงมากเช่นกัน และการแสดงออกของเขาก็แปรเปลี่ยนเป็นหวาดกลัว เมื่อเขาได้เห็นแถว NPC อัศวิน สองแถวตรงหน้าเขา

“ขั้นสาม ?! นี่ …. มันเป็นไปได้อย่างไรกัน ?!”