จักรพรรดิเทพมังกร – บทที่ 907 : สะกดรอยตาม!
ท่ามกลางความมืด..รถสีดำมุ่งหน้าสู่ชานเมืองตะวันตกของเมืองจิงฉูอย่างเงียบๆ และค่อยๆ ทิ้งแสงไฟในเมืองไว้ด้านหลัง..
เขตชานเมืองด้านตะวันตกนั้นเหนือจรดใต้ก็ล้วนแล้วแต่เป็นภูเขาสูงต่ำมากมาย อีกทั้งยังมีต้นไม้เขียวชอุ่ม และธารน้ำใส
ภูมิประเทศแถบนี้เป็นพื้นที่สูงด้านหน้านั้นจะเป็นพื้นที่ที่ต่ำกว่าด้านใน ส่วนใหญ่จะเห็นเป็นเนินเขาเตี้ยๆ เท่านั้น แต่ยิ่งเดินลึกเข้าไปมากเท่าไหร่ ก็จะยิ่งเจอภูเขาสูงมากขึ้นเรื่อยๆ และบนภูเขาที่ยิ่งสูงมากเท่าไหร่ อันตรายก็ยิ่งเพิ่มมากขึ้นเท่านั้น
ทันทีที่ออกจากตัวเมือง..หลิงหยุนก็จัดการเปิด GPS ภายในรถ และกำหนดจุดหมายปลายทางไว้ที่หมู่บ้านแห่งหนึ่งบนเขาลูกเล็กซึ่งติดกับเทือกเขาเซียนเหยินหลิง แล้วจึงสั่งให้เจสเตอร์ขับรถไปตามเส้นทางนั้นด้วยความเร็วสูงสุด..
เจสเตอร์นั้นมาถึงจิงฉูได้สองสามวันแล้วและได้อยู่แต่ในห้องเล็กๆ ในสวนหลังบ้านเท่านั้น เมื่อมีโอกาสได้ติดตามหลิงหยุนออกมาข้างนอกเช่นนี้ มันจึงตื่นเต้นดีใจอย่างมาก อีกทั้งในเวลาค่ำคืนเช่นนี้ มันจึงไม่ต้องสนใจว่าจะขับเลยความเร็วที่กฎหมายกำหนดหรือไม่ ทันทีที่เหยียบคันเร่งจนมิด รถก็พุ่งไปด้วยความเร็วถึงหนึ่งร้อยห้าสิบกิโลเมตรต่อชั่วโมงเลยทีเดียว!
เจสเตอร์ไม่สนใจที่จะระมัดระวังเรื่องความเร็วหลิงหยุนเองก็เช่นกัน!
เทือกเขาเซียนเหยินหลิงตั้งอยู่ทางด้านทิศตะวันตกของเมืองจิงฉูหากตัดตรงจากตัวเมืองไปยังเทือกเขาเซียนเหยินหลิง ระยะทางไม่น่าจะเกินเก้าสิบกิโลเมตร แต่เนื่องจากเป็นถนนที่ตัดวกวนไปตามภูเขา เส้นทางจึงยาวขึ้นเป็นหนึ่งกิโลเมตรอย่างต่ำ จึงต้องใช้เวลาในการเดินทางพอควร
ระหว่างที่รถวิ่งไปตามถนนบนเขานั้นหลิงหยุนจำได้ว่าจะต้องผ่านวัดหลิงเจี๋วย และวัดหลิงหัวซึ่งอยู่ติดกัน เขาจึงไม่ลืมที่จะเรียกวัตถุศักิดสิทธิ์อย่างลูกประคำโพธิ ตะเกียงน้ำมัน และสร้อยประคำออกมาจากแหวนพื้นที่ เพื่อให้วัตถุศักดิ์สิทธิ์เหล่านี้ได้ดูดซับเอาพลังแห่งพุทธะเข้าไป
ครั้งนี้ไม่มีมู่หลงเฟยจื่อนั่งมาด้วยเหมือนก่อนหลิงหยุนจึงไม่จำเป็นต้องแอบๆ ซ่อนๆ เขาหยิบสร้อยประคำสวนไว้ที่ลำคอ ส่วนมือซ้ายก็ถือลูกประคำโพธิไว้ ในขณะที่มือขวาถือตะเกียงน้ำมัน จากนั้นจึงนั่งเงียบคล้ายกำลังครุ่นคิดอะไรบางอย่างอยู่..
และแน่นอนว่าสิ่งที่หลิงหยุนครุ่นคิดนั้นก็ยังคงเป็นเรื่องของคำโบราณที่เล่าขานต่อๆ กันมานานนั่นเอง
‘โชคชะตากำหนดมาแล้วอย่างนั้นรึ’
“ขับช้าลงหน่อย..”
จู่ๆหลิงหยุนก็ร้องสั่งเจสเตอร์ให้ลดความเร็วลงในขณะที่รถกำลังจะขับเข้าสู่บริเวณที่ตั้งของวัดหลิงจี๋ยว..
“ขอรับเจ้านาย..”
คืนนี้ยังคงมีฝนตกหนักเหมือนเช่นคืนก่อนถนนบนภูเขาจึงค่อนข้างลื่น บางช่วงก็มีน้ำเจิ่งนอง และมีหินซึ่งถูกกระแสน้ำพัดร่วงหล่นลงมา ขนาดเจสเตอร์ที่สามารถมองเห็นได้ดีในเวลากลางคืน ก็ยังไม่กล้าที่จะประมาท และต้องเปิดไฟหน้ารถเป็นไฟสูงเพื่อให้มองเห็นได้ชัดเจนยิ่งขึ้น อีกทั้งยังต้องชะลอความเร็วลงจนต่ำกว่าหนึ่งร้อยกิโลเมตรต่อชั่วโมง
“เจ้านายที่เคารพ..อะไรอยู่ในมือของท่านเหรอ แสงของมันทำให้ข้ารู้สึกไม่สบายเนื้อสบายตัวเลย!”
ขณะที่เจสเตอร์ลดความเร็วลงสมาธิในการขับรถของมันก็ลดน้อยลงด้วยเมื่อสังเกตเห็นโพธิซึ่งเป็นลูกประคำสีเทาเก่าๆ ในมือของหลิงหยุน ที่มีแสงสีฟ้าอ่อนฉายออกมาอยู่ตลอดเวลา
ทันทีที่หลิงหยุนเรียกวัตถุศักดิ์สิทธิ์ทั้งสามออกมาเจสเตอร์ก็เริ่มรู้สึกไม่สบายเนื้อไม่สบายตัวขึ้นมาทันที สัญชาติญาณของมันสั่งว่า ให้รีบหลีกหนีออกจากของทั้งสามสิ่งนี้ให้ไกลที่สุดเท่าที่จะทำได้
วัตถุศักดิ์สิทธิ์ทั้งสามชนิดนี้เป็นสมบัติล้ำค่าที่มีอำนาจในการต้านทานพลังชั่วร้ายของเหล่าปีศาจ และหลิงหยุนได้ทั้งสามสิ่งนี้มาจากหลวงจีนกายเพชรที่บรรลุธรรมอยู่ที่ก้นหลุมยักษ์
เจสเตอร์นั้นเป็นแวมไพร์ที่ได้รับเลือดของหลิงหยุนไปหนึ่งหยดพื้นฐานร่างกายต่างๆ จึงแตกต่างจากแวมไพร์ทั่วไป ไม่เช่นนั้นแล้ว ทันทีที่หลิงหยุนเรียกวัตถุศักดิ์สิทธิ์ทั้งสามชิ้นออกมา อย่าว่าแต่ขับรถเลย มันคงไม่สามารถจะขยับเขยื้อนร่างกายได้ด้วยซ้ำไป
หลิงหยุนไม่ตอบ..แต่กลับเงยหน้าขึ้นมองผ่านกระจก และสอดส่ายสายตาหาวัดหลิงเจี๋วยที่อยู่บนเขา แล้วจึงหันไปถามเจสเตอร์..
“วัตถุทั้งสามสิ่งนี้เป็นของใช้ส่วนตัวของหลวงจีนบรรลุธรรมรูปหนึ่งเหตุใดเจ้าต้องรู้สึกไม่สบายเนื้อสบายตัวด้วย”
เจสเตอร์นั้นเป็นแวมไพร์และจัดว่าเป็นปีศาจชนิดหนึ่ง ลูกประคำโพธิจึงน่าจะมีผลต่อพลังปีศาจในตัวของมัน และนี่คือสิ่งที่หลิงหยุนคาดเดา..
“เจ้านายที่เคารพ..ข้าเองก็ไม่รู้เหมือนกัน ทันทีที่ท่านหยิบของทั้งสามชิ้นออกมา ข้าก็รับรู้ได้ถึงความผิดปกติ ข้ารู้สึก.. รู้สึกเหมือนกับว่าเลือดน้อยนิดที่อยู่ในร่างกายเริ่มแข็ง และเหมือนจะหยุดหมุนเวียนไปดื้อๆ..”
“แล้วตอนนี้รู้สึกดีขึ้นบ้างหรือไม่”
เวลานี้..รถของหลิงหยุนได้เคลื่อนมาถึงตีนเขาซึ่งเป็นที่ตั้งของวัดหลิงเจี๋วยแล้ว พลังพุทธะจึงยิ่งมีพลังอำนาจมากขึ้น และเจสเตอร์แทบจะทนไม่ได้อีกต่อไป..
หลิงหยุนยังคงไม่เก็บวัตถุศักดิ์สิทธิ์ทั้งสามชิ้นกลับเข้าไปแต่หันไปพูดกับเจสเตอร์ว่า “เจ้าต้องค่อยๆ ปรับตัว เวลานี้ร่างกายของเจ้าแตกต่างจากเมื่อก่อนมาก และวันข้างหน้าจะเป็นอย่างไรข้าเองก็ไม่อาจรู้ได้! แต่หากเจ้าค่อยๆ ปรับตัวได้ ก็จะเป็นประโยชน์กับเจ้าเองอย่างมาก!”
เรื่องแวมไพร์นั้นยังคงเป็นเรื่องใหม่สำหรับหลิงหยุนและเขาเองก็ค่อนข้างสนใจเป็นอย่างมาก หลิงหยุนคิดไว้ว่าเมื่อไรก็ตามที่เขามีเวลา เขาก็จะเริ่มศึกษาหาข้อมูลอย่างจริงจัง เพราะยังมีคนตระกูลเกาอีกสิบคนที่กำลังรอคอยความช่วยเหลือจากเขาอยู่
หลิงหยุนยังคงถือวัตถุศักดิ์สิทธิ์ไว้ในมืออีกไม่นาน.. เขาก็จะต้องประมือกับเหล่าหลวงจีน เมื่อนั้นเจสเตอร์ซึ่งเป็นบริวารของเขา ก็ควรจะต้องปรับตัวให้ได้เช่นกัน!
จากข้อมูลที่ไป่หยวนเจี๋ยบอกกับหลิงหยุนมานั้นในบรรดาศัตรูของเขา.. หนึ่งในนั้นก็คือหลวงจีนจากวัดเส้าหลิน..
“ขอรับเจ้านาย!”
เจสเตอร์จึงต้องอดทนกับพลังอำนาจที่แข็งแกร่งนั้นและพยายามมีสมาธิอจดจ่อยู่กับการขับรถแทน แต่ก็ค่อยๆ แอบเพิ่มความเร็วรถ เพราะต้องการให้ผ่านพ้นบริเวณนี้ไปให้ได้โดยเร็วที่สุด
หลิงหยุนนั้นแอบหัวเราะอยู่ในใจแต่ก็แสร้งทำเป็นไม่รู้ และไม่สนใจ..
บนถนนเส้นนี้มีวัดเรียงรายอยู่มากมายนี้ทั้งวัดฟากวง แล้วก็วัดโพธิ์.. แต่หากขับตรงไปทางด้านตะวันตกก็จะเห็นวัดซื่อเยี่วยอยู่ไกลๆ
ยิ่งขับออกห่างจากเขตวัดไกลเท่าไหร่พลังพุทธะก็ดูเหมือนจะอ่อนลงมากขึ้นเรื่อยๆ ลูกประคำโพธิก็ไม่มีแสงสีฟ้าเข้มข้นอีก แต่มีเพียงแค่แสงสีฟ้าจางๆ สว่างอยู่ด้านหน้าเท่านั้น
จนกระทั่งหลิงหยุนไม่สามารถสัมผัสถึงพลังพุทธะได้แล้วเขาจึงเรียกวัตถุศักดิ์สิทธิ์ทั้งสามเก็บเข้าไปในแหวนพื้นที่ดังเดิม
เจสเตอร์รู้สึกสบายเนื้อสบายตัวขึ้นมาทันทีและเลือดในกายของมันก็เริ่มหมุนเวียนได้ดีดังเดิม เจสเตอร์ดีอกดีใจสุดขีด มันเหยียบคันเร่งจนมิด และขับออกไปด้วยความเร็วสูงสุดอีกครั้ง
“เจ้านาย..ของที่ท่านนำออกมาเมื่อครู่ เป็นของที่พวกภิกษุใช้กันหรอกเหรอ..”
“นั่นมันไม่ใช่สิ่งของธรรมดาเลยนะ!”
“ข้าเคยได้ยินแวมไพร์ที่อยู่มานานเล่าว่า..ภิกษุ ภิกษุณี และนักบวชเต๋านั้นน่ากลัวมาก พวกเขามีเวทย์มนต์คาถาที่สามารถสะกดเลือดในตัวของแวมไพร์ได้..”
หลังจากที่ได้ยินเจสเตอร์เล่าหลิงหยุนก็รีบหันไปถามทันที “งั้นรึ แล้วแวมไพร์ตนนั้นตอนนี้อายุเท่าไหร่? แล้วเวทย์มนต์คาถาที่เจ้าพูดถึง คือเวทย์มนต์คาถาอะไรกัน?”
เจสเตอร์ดริฟรถอย่างชำนาญระหว่างที่เลี้ยวตรงโค้งหักศอกแล้วจึงตอบหลิงหยุนกลับไปว่า
“อย่างน้อยๆก็น่าจะสองร้อยปีขึ้นไป! เจ้านาย.. ท่านรู้หรือไม่ว่าเรื่องอายุของแวมไพร์นั้นถือเป็นความลับสุดยอดเชียวนะ! แวมไพร์ตนนั้นเล่าให้ข้าฟังว่าภิกษุชาวจีน และนักพรตเต๋านั้นเป็นผู้มีพลังอำนาจมาก เมื่อไหร่ก็ตามที่พบเจอ ให้พวกเราแวมไพร์รีบหนีออกห่างทันที และไม่ให้เข้าไปยุ่งเกี่ยวด้วย..”
“เขายังเตือนเหล่าแวมไพร์ด้วยกันมากกว่านั้นอีก..!เขาบอกว่าถ้าไม่จำเป็น อย่ามาที่ประเทศจีนเด็ดขาด..”
หลิงหยุนฟังเจสเตอร์ไปพร้อมกับขมวดคิ้วเล็กน้อย‘สองร้อยปีงั้นรึ เมื่อสองร้อยปีก่อนหน้านี้ ก็เพิ่งจะสิ้นสุดยุคสมัยราชวงศ์ชิง และเป็นยุคที่อาวุธยุทโธปกรณ์ยังไม่รุนแรงเหมือนเช่นทุกวันนี้นี่นา..!’
ในยุคโบร่ำโบราณเช่นนั้นแม้แต่แวมไพร์ยังหวาดกลัวเวทย์มนต์คาถาของเหล่าหลวงจีน และนักบวชเต๋างั้นรึ คาถาอะไรกันนะ?!
แต่แล้วจู่ๆคำว่า ‘บ่มเพาะตน’ ก็ผุดขึ้นมาในหัวของหลิงหยุน!
แทบไม่ต้องสงสัย..บุคลลที่มีพลังอำนาจจนสร้างความหวาดผวาให้กับเหล่าแวมไพร์ได้นั้น จะต้องเป็นผู้บ่มเพาะตนอย่างแน่นอน!
หลิงหยุนเริ่มตื่นเต้นขึ้นมาเล็กน้อย..แต่ก็รู้ว่าเจสเตอร์คงไม่มีความรู้ในเรื่องเหล่านี้มากนัก เขาจึงไม่ถามต่อ และได้แต่ใคร่ครวญอยู่ในใจเงียบๆ คนเดียว
“เจ้านาย..ดูเหมือนจะมีคนสะกดรอยตามพวกเรามา!” เจสเตอร์ร้องบอกหลิงหยุนด้วยน้ำเสียงที่เต็มไปด้วยความตื่นเต้น..
หลิงหยุนหัวเราะหึหึพร้อมกับตอบไปว่า“ไม่ใช่ดูเหมือน! แต่มีคนสะกดรอยตามพวกเรามาจริงๆ คิดไม่ถึงว่าพวกมันจะตามมาได้รวดเร็วถึงเพียงนี้!”
เวลานี้รถของหลิงหยุนได้เคลื่อนเข้าสู่พื้นที่ที่เป็นภูเขาแล้วถนนที่ตรงไปจึงค่อยๆแคบลง และบริเวณรอบๆ ก็เริ่มเงียบสงัด มีเพียงเสียงเครื่องยนต์เท่านั้นที่ดังกระหึ่มให้ได้ยิน
ด้านหลังรถของหลิงหยุนนั้นมีรถสี่คันขับตามมาห่างๆ ท่าทางคล้ายกับแมวกำลังไล่จับหนู..
“ถนนด้านหน้าเป็นอุโมงค์..เจ้านายจะลงมือสังหารพวกมันที่นั่นเลยหรือไม่”
หลิงหยุนส่ายหน้ายิ้มๆ“เจ้าจะรีบร้อนไปทำไมเล่า รอให้ถึงเทือกเขาเซียนเหยินหลิงเสียก่อน ยังต้องมีคนอื่นๆ สะกดรอยตามมาอีกแน่ ปล่อยให้พวกมันตามเราไปเรื่อยๆ ก่อน!”
ตอนนี้เป็นเวลาสี่ทุ่มตรงพอดีหลิงหยุนใช้เวลาเพียงแค่ครึ่งชั่วโมงในการขับรถมายังเทือกเขาเซียนเหยินหลิง ช่วงระหว่างที่หลิงหยุนเดินทางนั้น จึงเป็นเวลาที่รายการมายากลของเขาได้ออกอากาศพร้อมกันทั้งห้าช่อง หากศัตรูรวดเร็วมากพอ ก็เป็นไปได้ที่จะตามเขามาทัน.. จึงไม่มีอะไรน่าแปลกใจ!
ด้านหน้าคือภูเขาลูกใหญ่ที่ถูกขุดเป็นอุโมงค์ให้รถสามารถขับผ่านไปได้อุโมงค์แห่งนี้มีความยาวถึงสี่กิโลเมตร และหลังจากผ่านอุโมงค์นี้ไป ก็จะถึงเทือกเขาเซียนเหยินหลิงแล้ว
เทือกเขาเซียนเหยินหลิงนั้นตั้งอยู่ระหว่างจุดตัดของมณฑลเจียงหนานกับมณฑลอานฮุยและอยู่ห่างจากจิงฉูราวหนึ่งร้อยกิโลเมตร เทือกเขาแห่งนี้ล้อมรอบด้วยภูเขา แม้ว่าจะเป็นจุดที่มีทัศนียภาพงดงามมาก แต่พื้นที่ที่ได้รับการพัฒนาเป็นแหล่งท่องเที่ยวก็มีเพียงแค่ห้าเปอร์เซ็นต์ของพื้นที่ทั้งหมดเท่านั้น
เทือกเขาเซียนเหยินหลิงนั้นสูงจากพื้นดินเป็นพันเมตรและมีเมฆปกคลุมไปทั่วทั้งเขา เทือกเขาแห่งนี้ไม่เพียงงดงาม แต่ยังเต็มไปด้วยอันตราย..
ชาวบ้านซึ่งเป็นคนพื้นที่ต่างก็เล่ากันว่าเขาลูกนี้คล้ายกับยักษ์ใหญ่ที่ยืนตระหง่าน ในมือถือกระบี่ชี้ขึ้นฟ้า ยอดเขาแห่งนี้จึงชื่อว่ายอดเขาเทียนเหมาเฟิง ซึ่งแปลว่าปลายกระบี่..
สิบห้านาทีต่อมาหลิงหยุนกับเจสเตอร์ก็ขับรถมาถึงหมู่บ้านเล็กๆ แห่งหนึ่งซึ่งอยู่ในหุบเขา หลายบ้านเปิดไฟไว้ และมีป้ายไว้ว่าจอดรถฟรี
ในช่วงฤดูร้อนนักท่องเที่ยวส่วนใหญ่นิยมมาหาอากาศเย็นๆบนภูเขา และที่เซียนเหยินหลิงนั้นก็เป็นหนึ่งในสถานที่ที่คนนิยมมาเที่ยวเช่นกัน เจสเตอร์ขับรถไปจอดในบริเวณที่ติดป้ายว่าที่จอดรถ..
ทันทีที่รถจอด..หลิงหยุนก็เปิดประตูเดินลงมา เขาเห็นรถทั้งสี่คันที่สะกดรอยตามมาแล้ว แต่แกล้งทำเป็นไม่สนใจ และหันไปพูดกับเจสเตอร์ว่า
“เจสเตอร์..ไปบนเขากันดีกว่า!”
“เจ้านาย..รอบๆ ก็เป็นเขาทั้งนั้น ท่านจะไปเขาลูกใหนล่ะ”
หลิงหยุนยิ้มพร้อมกับยกมือขึ้นชี้ไปยังยอดเขาที่สูงที่สุดและอยู่ตรงหน้าไกลๆ พร้อมกับพูดขึ้นว่า
“ยอดเขาเทียนเหมาเฟิง!”
จักรพรรดิเทพมังกร – บทที่ 908 : ถูกสังหารตายทันทีสิบคน!
ที่หลิงหยุนเลือกยอดเขาเทียนเหมาเฟิงนั้นก็เพราะว่าหากเขาเลือกเทือกเขาเซียนเหยินหลิงซึ่งมีพื้นที่กว้างขวางใหญ่โตเกินไปนั้น จะทำให้ศัตรูที่ไล่ล่าหาตัวเขาไม่พบ..
เพียงแค่เหลือบมอง..หลิงหยุนก็รู้แล้วว่าภายในรถทั้งสี่คันนั้นมียอดฝีมือทั้งหมดสิบเจ็ดคนเลยทีเดียว และอย่างน้อยสิบหกคนมีดาบซามูไรคมกริบมาด้วย!
ริมฝีปากของหลิงหยุนปรากฏรอยยิ้มเหยียดหยันขึ้นแล้วพึมพำออกมาเบาๆ “เหล่านินจาญี่ปุ่นงั้นรึ! ในเมื่อพวกเจ้ารนหาที่ตาย ข้าก็จะส่งพวกเจ้าไปเกิดใหม่!”
หลิงหยุนหันไปสั่งเจสเตอร์“เอาล่ะ.. พวกเราเดินตรงไปตามถนนเส้นนี้ก่อน รอจนกระทั่งออกห่างจากหมู่บ้านมากแล้ว จึงค่อยขึ้นไปบนยอดเขา..”
ทั้งสองคนฉวยโอกาสที่ฝ่ายตรงข้ามกำลังหาที่จอดรถเดินตรงไปตามถนนที่มุ่งหน้าขึ้นเขาทันที ทั้งคู่เดินไปตามถนนขรุขระ และเพียงไม่นานร่างของทั้งสองคนก็หายเข้าไปในภูเขาสูง..
“คุณโตโยโทมิ..จากข้อมูลที่พวกเราได้มา เด็กหนุ่มชาวจีนคนนั้นต้องเป็นหลิงหยุนอย่างแน่นอน! และตอนนี้พวกมันก็ขึ้นไปบนเขาแล้ว พวกเราจะจัดการอย่างไรดี”
ยอดฝีมือชาวญี่ปุ่นซึ่งเป็นผู้เอ่ยถามขึ้นนั้นชื่อว่าทาเคดะซึกิ เขาเดินลงมาจากรถเป็นคนแรก ดวงตาหรี่เล็กแต่เจ้าเล่ห์ราวกับหมาป่านั้น จ้องมองไปทางหลิงหยุนเป็นประกาย
ที่เบาะด้านด้านหลังของรถคันแรกนั้นโตโยโทมิกำลังนั่งเอนกายพิงเบาะอยู่ด้วยท่าทางสงบนิ่ง เมื่อได้ยินคำถามของทาเคดะ ซึกิ เขาก็ยิ้มออกมาอย่างน่ากลัว ดวงตาเป็นประกายวิบวับพร้อมกับพูดขึ้นว่า
“คุณทาเคดะ..บอกทุกคนให้ขับรถตามพวกมันไปห่างๆ!”
สิ้นเสียงสั่งการของโตโยมิ..คนขับรถคันแรกก็รีบสตาร์ทรถ และขับนำรถอีกสามคันที่อยู่ด้านหลังไปอย่างช้าๆ
หลังจากที่รถทั้งสี่คันขับผ่านภูเขาที่หลิงหยุนเดินหายเข้าไปแล้วนั้นโตโยโทมิก็โบกมือให้รถหยุด..
“หยุดรถและดับไฟ..ทุกคนจัดการเปลี่ยนเป็นชุดนินจา และตระเตรียมอาวุธให้พร้อม แล้วบุกขึ้นไปสังหารพวกมันบนเขา!”
ทากเคดะซึกิได้ฟังจึงหันไปถามโตโยมิ “คุณโตโยโทมิ.. พวกเราควรคอยคุณโทคุงาวะ และคนของตระกูลเฉินก่อน แล้วค่อยบุกขึ้นไปจะไม่ดีกว่าหรือ”
“ไร้สาระ!”
โตโยโทมิร้องตะโกนออกมาอย่างไม่พอใจ“พวกเรามีนินจาขั้นจูนินมาด้วยถึงห้าคน นินจาขั้นเกะนินอีกสิบสองคน อีกทั้งสภาพภูมิประเทศแบบนี้ และในยามค่ำคืนเช่นนี้ ก็ยังเป็นประโยชน์ต่อฝ่ายเราอย่างมาก นินจาสิบเจ็ดคนจะไม่สามารถจัดการกับเด็กหนุ่มชาวจีนเพียงคนเดียวได้เชียวรึ”
“แต่เรื่องนี้ต้องให้คุณโทคุงาวะเป็นผู้สั่งการด้วยตนเองและพวกเรามาที่ประเทศจีนก็เพื่อปฏิบัติภารกิจนี้ไม่ใช่รึ!”
เมื่อถูกทาเคดะซึกิพูดเหมือนตำหนิเช่นนั้น โตโยโทมิก็เดินลงจากรถด้วยสีหน้าเหี้ยมเกรียม และเดินเข้าไปตบไหล่ทาเคดะด้วยสีหน้าท่าทางมั่นอกมั่นใจ
“คุณทาเคดะ..ผมรู้ว่าเราจำเป็นต้องให้เกียรติคุณโทคุงาวะ แต่อย่าลืมว่าตระกูลโตโยโทมิก็เป็นตระกูลที่ยิ่งใหญ่ตระกูลหนึ่งในประเทศญี่ปุ่นเช่นกัน!”
ทาเคดะซึกิรีบโค้งคำนับ และร้องเตือนโตโยโทมิด้วยความระมัดระวัง “คุณโตโยโทมิ.. แต่อย่าลืมว่ามันมีแวมไพร์มาด้วย..”
โตโยโทมิถึงกับหัวเราะออกมาพร้อมกับพูดอย่างเย้ยหยัน “แวมไพร์งั้นรึ นอกจากมีอายุยืนอย่างเดียวแล้ว ก็ไม่ต่างจากค้างคาวน่ารังเกียจตัวหนึ่งเท่านั้น พวกมันจะทำอะไรได้?”
“ทำตามที่ข้าสั่งเดี๋ยวนี้!”
“ขอรับ!”
ทาเคดะซึกิไม่กล้าพูดอะไรอีก เขารีบเปิดท้ายรถ และจัดการหยิบชุดนินจาและอาวุธประจำตัวของตนเองออกมา..
ในเวลาเดียวกันนั้น..นินจาบนรถอีกสามคันด้านหลัง ต่างก็เดินออกมาจากรถอย่างเงียบเชียบท่ามกลางความมืด และจัดการเปลี่ยนเป็นชุดนินจาพร้อมกับถือดาบซามูไรไว้ในมือ
ทั้งหมดนั้นใช้เวลาเปลี่ยนชุดไม่ถึงยี่สิบวินาทีเห็นได้ชัดว่าแต่ละคนนั้นล้วนถูกฝึกมาให้เป็นนินจาชั้นเยี่ยม!
ฟรึบ..ฟรึบ.. ฟรึบ.. ฟรึบ..
ทันทีที่โตโยโทมิโบกมือส่งสัญญาณเหล่านินจาทั้งสิบหกคนที่อยู่ในชุดนินจาสีดำ ก็กระโดดตามกันไปอย่างพร้อมเพรียง
“คุณทาเคดะคุณยามาโมโตะ คุณชินิจิ พวคุณทั้งสามคนในฐานะนินจาขั้นจูนิน แยกย้ายกันออกเป็นสามทีม และนำนินจาขั้นเกะนินตามไปทีมละสี่คน ขึ้นไปตามล่าตัวหลิงหยุนบนเขา!”
“ส่วนคุณยากิอุกับผมจะอยู่ทีมเดียวกันไม่ว่าทีมใหนเป็นฝ่ายพบร่องรอยของหลิงหยุนก่อน ก็ให้ส่งสัญญาณบอกทีมอื่นๆทันที ผมกับคุณยากิอุจะได้รีบตามไปจัดการกับมันทันที!”
โตโยโทมิร้องสั่งการอย่างยะโสและไม่เห็นหลิงหยุนอยู่ในสายตาเลยแม้แต่น้อย!
ยากิอุอิซามุโนะซึ่งเป็นหนึ่งในนินจาระดับหัวหน้านั้น เพียงแค่พยักหน้าเงียบๆ แต่ไม่พูดอะไร..
“หลิงหยุนมันก็เป็นแค่เด็กหนุ่มชาวจีนที่ชอบสร้างเรื่องดึงดูดความสนใจไปวันๆเท่านั้นเองครั้งนี้.. ผมจะจับตัวมันไปส่งให้คุณโทคุงาวะก่อนที่เขาจะมาถึงที่นี่!”
“แยกย้ายได้!”
เหล่านินจาทั้งสิบเจ็ดคนแยกย้ายกันออกเป็นสี่ทีมและต่างก็ตามเข้าไปยังเส้นทางที่หลิงหยุนกับเจสเตอร์หายเข้าไป
หลิงหยุนกับเจสเตอร์นั้นไม่ได้ฟังว่านินจาทั้งสิบเจ็ดคนคุยอะไรกันด้วยซ้ำทั้งคู่รีบปีนป่ายขึ้นไปบนเขา และเวลานี้ก็ขึ้นไปได้สูงถึงสี่ร้อยเมตรแล้ว
หลิงหยุนกับเจสเตอร์ยืนอยู่บนยอดเขาลูกหนึ่งและกำลังจ้องมองไปทางยอดเขาเทียนเหมาเฟิงที่อยู่ไกลออกไป
เวลานี้หลิงหยุนได้เปลี่ยนมาสวมชุดผ้าแพรไหมดำเรียบร้อยแล้วเขาจ้องมองยอดเขาเทียนเหมาเฟิงพร้อมกับขมวดคิ้วเล็กน้อย แล้วพูดขึ้นว่า
“ช่างเป็นยอดเขาที่อันตรายเหมาะจะฝังศพคนยิ่งนัก!ต้องข้ามภูเขาทั้งหมดสี่ลูกจึงจะไปถึงยอดเขาเทียนเหมาเฟิง!”
ทั้งคู่เดินไปตามทางขึ้นเขาและทางที่เดินขึ้นไปนั้นก็ทั้งสูงชัน ขรุขระ แล้วก็ลื่นมาก อีกทั้งยังมีต้นไม้ขึ้นอยู่หนาแน่น เจสเตอร์ยังคงปีนขึ้นเขาตามหลิงหยุนไปเรื่อยๆ และเสื้อผ้าที่สวมใส่อยู่ก็ถูกกิ่งไม้เกี่ยวจนฉีกขาด
เจสเตอร์เริ่มหมดความอดทนจึงร้องบอกหลิงหยุนว่า “เจ้านาย.. ให้ข้าแปลงร่างแล้วพาท่านบินขึ้นไปบนยอดเขาเทียนเหมาเฟิงไม่ดีกว่าเหรอ น่าจะใช้เวลาเพียงแค่สองสามนาทีเท่านั้น!”
หลิงหยุนฟังแล้วก็ได้แต่อึ้งจนพูดอะไรไม่ออก“…..”
เขาหันไปมองเจสเตอร์และไม่รู้ว่าควรจะนึกขำ หรือว่าโมโหดี “ข้าไม่รู้หรือไงว่าเจ้าบินได้ ถ้าข้าอยากให้เจ้าบินขึ้นไป ข้าก็คงสั่งให้เจ้ากลายร่างตั้งนานแล้ว จะต้องรอจนถึงป่านนี้ทำไมกันเล่า?”
“เจ้าคิดดูสิว่า..หากข้าให้เจ้าบินขึ้นไปบนยอดเขา ข้าจะสังหารพวกมันได้อย่างไร”
เจสเตอร์ถึงกับเกาศรีษะพร้อมกับตอบไปว่า“เจ้านาย.. เจสเตอร์ไม่เข้าใจ”
หลิงหยุนยิ้มเล็กน้อยพร้อมกับยกมือขึ้นชี้ไปบนยอดเขา“พวกเราจะไปคอยพวกมันอยู่บนยอดเขานั่น แต่ก็จำเป็นต้องทิ้งร่องรอยให้พวกมันตามไปได้ถูกไงเล่า!”
“บนยอดเขานั่นจะเป็นที่ฝังศพของพวกมัน!”
“ไปกันต่อได้แล้ว!”
หลังจากที่พูดจบหลิงหยุนก็ปีนขึ้นไปบนเขาอย่างคล่องแคล่ว ในยามค่ำคืนที่มืดมิด หลิงหยุนกระโดดลอยขึ้นไปบนท้องฟ้าราวกับนกยักษ์
ร่างของหลิงหยุนเคลื่อนที่ไปได้อย่างรวดเร็วและในที่สุดเจสเตอร์ก็กลายร่างเป็นค้างคาวสีดำตัวเล็ก และบินไปอย่างสบายอารมณ์
เมื่อไปถึงยอดเขาลูกที่สอง..หลิงหยุนจึงหยุดพร้อมกับเปิดจิตหยั่งรู้ออกสำรวจดู ก่อนจะพึมพำขึ้นว่า..
“มาเลย..เจ้านินจาทั้งสิบ!”
นินจาญี่ปุ่นไม่ปล่อยให้หลิงหยุนรอนานนักพวกมันใช้เวลาเพียงแค่ห้าหกนาทีก็ตามมาถึงเขาที่หลิงหยุนอยู่
กลุ่มนินจาที่มาถึงก่อนนั้นก็คือทีมของยามาโมโตะกับชินิจิ พวกมันใช้วิชานินจาแกะรอยตามหลิงหยุนกับเจสเตอร์มาได้อย่างกระชั้นชิด
และทันทีที่พบหลิงหยุนยามาโมโตะก็ยกมือส่งสัญญาณให้กับนินจาทั้งสองทีมพร้อมกับร้องตะโกนสั่ง
“ฆ่ามัน!”
ตัวยามาโมโตะกับชินิจิเองก็พุ่งเข้าใส่หลิงหยุนเช่นกันความเร็วของทั้งคู่นั้นยากที่จะบรรยายออกมาเป็นคำพูดได้!
ทั้งสองฝ่ายนั้นต่างก็รู้ดีว่าอะไรเป็นอะไร..จึงไม่จำเป็นต้องถามไถ่กันให้มากความ เมื่อเผชิญหน้ากันก็ลงมือต่อสู้กันทันที
หลิงหยุนยิ้มพร้อมกับพูดขึ้นว่า“ยินดีต้องรับทุกคน! ในที่สุดพวกเจ้าก็มาถึงที่ฝังศพตัวเองจนได้.. ข้าคอยพวกเจ้าอยู่นานแล้ว เข้ามาได้เลย!”
กระบี่โลหิตแดนใต้ปรากฏขึ้นในมือข้างซ้ายของหลิงหยุนทันทีและร่างใหญ่โตของหลิงหยุนก็พุ่งไปข้างหน้าพร้อมกับเดินวิชาพลังลับหยิน-หยาง ในขณะที่มือก็กวัดแกว่งกระบี่พุ่งเข้าใส่ศัตรูตรงหน้า!
ไอเย็นและรังสีดำทมึนกระจายออกมาจากกระบี่สีดำในมือของหลิงหยุน..
ชัวะ!
ไม่ว่ากระบี่สีดำจะฟาดฟันไปทิศทางใดก็จะได้ยินเสียงเสื้อผ้าฉีกขาดทันที และเสียงกรีดร้องโหยหวนก็ดังไปทั่วทั้งป่าเขา!
ชัวะ!ชัวะ! ชัวะ! ชัวะ! ชัวะ! ชัวะ!
หลิงหยุนรอคอยเวลานี้มานานและทันทีที่เกิดการต่อสู้ขึ้น เขาก็ฟันกระบี่ในมือเข้าไปที่บริเวณท้องน้องของเหล่านินจาทั้งหกคนภายในแค่ดาบเดียว!
เลือดสีแดงสดพุ่งกระจายกลางอากาศร่างของนินจาทั้งหกที่อยู่ในท่ากำลังวิ่งเข้าไปหาหลิงหยุนนั้น ก็ล้มลงในสภาพที่ร่างกายท่อนบนกับท่อนล่างแยกออกจากกันทันที!
และตายคาที่ทั้งหกคน!
“ที่เหลือเข้ามาได้เลย!”
หลังจากที่ดึงกระบี่โลหิตแดนใต้กลับมาแล้วหลิงหยุนก็ไม่สนใจร่างของนินจาที่ขาดเป็นสองท่อนอีก และจัดการฟันดาบที่สองออกไปทันที..
“อ๊าก!”
“อ๊าก!”
สิ้นเสียงกรีดร้องดังขึ้นพร้อมกันอีกครั้ง..และนินจาขั้นเกะนินก็กลายเป็นศพไปอีกสองคน!
เมื่อนินจาขั้นจูนินอย่างยามาโมโตะกับชินิจิเห็นเหล่านินจาถูกหลิงหยุนสังหารตายอย่างเหี้ยมโหดเช่นนั้น ทั้งคู่ต่างกระโดดเข้าไปยืนคู่กัน!
“อะไรกัน!นี่พวกเจ้าสองคนได้รับบาดเจ็บแล้วรึ?”
หลิงหยุนเห็นท่าทางของนินจาทั้งสองคนก็รู้ว่าทั้งคู่ได้รับบาดเจ็บจากกระแสลมปราณที่เขาถ่ายเทลงไปในกระลี่โลหิตแดนใต้ จากนั้นจึงเปิดจิตหยั่งรู้จับที่ร่างของนินจาทั้งสองคน แล้วใช้มังกรพรางร่างพุ่งไปยืนอยู่ตรงหน้าของพวกมันทั้งคู่ทันที..
“ตายซะ!”
มือซ้ายของหลิงหยุนถือกระบี่โลหิตแดนใต้พุ่งเข้าใส่ยามาโมโตะส่วนมือขวากำหมัดปีศาจเถียนกังพุ่งเข้าใส่ร่างของชินิจิ..
ยามาโมตะเห็นไอดำทมึนของกระบี่โลหิตแดนใต้ก็ถึงกับหวาดผวาและรีบยกดาบซามูไรขึ้นต้านไว้ทันที!
ชินิจิเห็นหลิงหยุนโจมตีตนเองด้วยหมัดก็คิดว่าคงจะไม่มีอะไรรุนแรงนัก จึงรวบรวมกำลังทั้งหมดที่มีฟันดาบซามูไรลงไปที่มือของหลิงหยุน..
ชัวะ!
ตูม!
กระบี่โลหิตแดนใต้ของหลิงหยุนนั้นตัดดาบซามูไรของยามาโมตะขาดอย่างง่ายดายและด้วยแรงที่หลิงหยุนฟันลงไปอย่างไม่ยั้งนั้น ก็มีผลทำให้กระบี่โลหิตแดนใต้ฟันเข้าที่ร่างของยามาโมโตะจนขาดเป็นสองท่อนทันที!
และไม่มีแม้แต่โอกาสที่จะกรีดร้อง..
ในเวลาเดียวกันนั้น..ชินิจิที่หวังจะฟันดาบซามูไรเล่มยาวลงไปที่หมัดของหลิงหยุน ก็ได้ยินเสียงพูดขึ้นว่า
“เจ้าอย่าได้ฝันไปเลย!”
หลิงหยุนร้องตะโกนออกมาและโคจรดาราคุ้มกายขึ้นป้องกันร่างกายทันที!
ทันทีที่ดาบซามูไรปะทะเข้ากับหมัดของหลิงหยุนชินิจิก็ได้ยินเสียงเคร้ง.. คล้ายกับดาบซามูไรเล่มยาวของตนเองนั้นกระทบเข้ากับวัตถุที่แข็งแกร่งอย่างเหล็กล้า หรือว่าทองคำ!
นอกเหนือจากหลิงหยุนได้โคจรดาราคุ้มกายเข้าปกป้องร่างกายตนเองแล้วเขายังสวมชุดที่ทำจากผ้าแพรไหมดำที่ทั้งเหนียว และแข็งแกร่งอีกด้วย! เขาจึงไม่ได้หวาดกลัวกับดาบซามูไรเล่มยาวเลยแม้แต่น้อย..
จากนั้นหลิงหยุนก็ใช้รักแร้ของตนเองหนีบดาบซามูไรเล่มยาวของชินิจิไว้ในขณะที่กระบี่โลหิตแดนใต้ในมือซ้ายก็แทงเข้าไปที่ร่างของชินิจิตายคาที่เช่นกัน..
ชินิจิถูกหลิงหยุนสังหารเป็นรายที่สิบ..
และภายในเวลาเพียงแค่สิบวินาที..นินจาทั้งสิบคนก็ถูกหลิงหยุนฆ่าตายจนหมด!