“อ้วกกก”
เพียงแค่เจ้าสำนักหลินออกมาด้านนอก ก็เห็นเหล่าผู้เฒ่าต่างก็กำลังเกาะต้นไม้กันคนละต้นอาเจียนกันอย่างเอาเป็นเอาตายต้นไม้ถูกพวกเขาครอบครองจนเต็ม เจ้าสำนักหลินจึงเลือกนั่งยองๆ ลงที่ข้างกำแพง
ครั้งนี้ เจ้าสำนักหลินและเหล่าผู้เฒ่าต่างก็อ่วมอรทัยไปตามๆ กัน
เดิมทีก็เกรงว่าอวี้เฟยเยียนจะใช้เวลาในการรักษายาวนาน ดังนั้นทุกคนจึงกินข้าวเช้ามากันจนอิ่มแปล้
นี่ก็พอดีทีเดียว อาเจียนออกมาจนหมดไส้หมดพุง แม้แต่น้ำย่อยสีเขียวก็ออกมาจนท้องสะอาดเอี่ยม
“พวกท่านกำลังทำอะไรกันหรือ”
เซวียเฉียงกล่าวถามขึ้น
รวมพลอาเจียน
นี่เป็นวิถีของคนท้องหรืออย่างไร
“ไม่รู้สิ!”
เชียนเยี่ยเสวี่ยขมวดคิ้วแล้วกล่าวต่อ
“คงจะเป็นกระเพาะมีปัญหากระมัง! แต่ว่า อาเจียนหนักขนาดนี้ มันก็น่าแปลกจริงๆ หรือว่าพวกเขาถูกพิษในอาหาร”
พวกเขาถึงได้กระเพาะอาหารมีปัญหา!
พวกเขาจึงอาหารเป็นพิษ!
เหล่าผู้เฒ่ายืนเรียงกันจ้องมองไปที่เชียนเยี่ยเสวี่ยที่กำลังยืนพูดปาวๆ โดยไม่เกรงว่าจะเจ็บคอเป็นตาเดียว
ส่วนเชียนเยี่ยเสวี่ยเองกลับไม่รู้สึกถึงรังสีอำมหิตของทุกคนที่แผ่มายังตนเองเลยแม้แต่น้อย นางลูบท้องตนเองเบาๆ
“ท่านป้าสามบอกว่าจะทำของอร่อยๆตอบแทนช่าช่า ก็ไม่รู้ว่าตอนนี้ทำเสร็จแล้วหรือยัง! ข้าหิวจะตายอยู่แล้ว! เพื่อฉลองให้กับการฟื้นคืนของท่านลุงสาม ข้าจะต้องฉลองใหญ่ด้วยอาหารรสเลิศ!”
“ใครพูดถึงของอร่อยนะ ข้าจะจัดการคนนั้น!”
หมอเทวดาฮั่วร้องตะโกนขึ้นด้วยท่าทีน่าสงสาร ถูกรมด้วยกลิ่นเหม็นเสียขนาดนี้ เขาคงขยาดอาหารรสเลิศไปอีกเป็นเดือนทีเดียว
เพราะเจ้ากลิ่นเหม็นนี้คงจะรบกวนจมูกของเขาไปอีกนาน
จวบจนกระทั่งอวี้เฟยเยียนออกมา เหล่าผู้เฒ่าจึงค่อยปรับท่าทีเป็นปกติ
แต่ละคนต่างก็ต้องเอนพิงต้นไม่ใหญ่ ใบหน้าซีดขาว ท่าทางเหน็ดเหนื่อยเมื่อยล้า
ทว่าเมื่อมองไปที่อวี้เฟยเยียน นางท่าทางสะอาดเอี่ยมอ่อง คล่องแคล่ว ไม่ได้รับผลกระทบใดๆ จากกลิ่นเหม็นไหม้นั้นแม้แต่น้อย แม้แต่บนร่างของนางก็มิมีกลิ่นเหม็นติดตามมาเลยสักนิดเดียว
สมแล้วที่เป็นจักรพรรดิโอสถ!
ครานี้ เหล่าผู้เฒ่าทั้งหลายยอมรับนับถืออวี้เฟยเยียนทั้งกายและใจ
ขณะเดียวกันก็รู้สึกละอายในสิ่งที่ตนเองแสดงออก
ในฐานะที่เป็นนักปรุงยา มิอาจอดทนกับกลิ่นเหม็น ละทิ้งผู้ป่วยเอาไว้ มันช่างเป็นการไม่เคารพในอาชีพของตนเสียงเหลือเกิน ทั้งยังไร้ซึ่งคุณธรรมอีกด้วย
เทียบกับอวี้เฟยเยียนแล้ว วินาทีนั้นเจ้าสำนักหลินรู้สึกว่าตนเองตัวเล็กเทียบเท่าเม็ดทราย ใต้เท้าหลัวช่ายิ่งใหญ่จริงๆ!
“แม่นางน้อยอวี้ เหตุใดเจ้าไม่เป็นอะไรเลย!”
ผู้เฒ่าสามแม้จะอาเจียนจนเวียนศีรษะและตาลาย แต่ก็ยังไม่ลืมอุดมการณ์ที่มาในวันนี้ของตนเอง เขายังคงขอคำชี้แนะจากอวี้เฟยเยียน
“ง่ายมาก เพราะว่าข้าปิดประสาทสัมผัสรับกลิ่นได้ทันท่วงทีนะสิ”
ได้ฟังคำตอบ ทุกคนก็แทบล้มทั้งยืน
ที่แท้แล้วก็ง่ายๆเช่นนี้เองหรือ
แต่พวกเขากลับโง่ ทนดมกลิ่นนั่นอยู่ตั้งนาน!
ไม่มีไหวพริบเลยจริงๆ
“แม่นางน้อยอวี้ เจ้าเก็บเอาไว้คนเดียว!”
หมอเทวดาฮั่วชี้ไปที่อวี้เฟยเยียนแล้วพึมพำว่า
“เจ้ามีวิธีดีๆ แล้วไม่บอกพวกเรา!”
“เฮอะ…”
ถูกหมอเทวดาฮั่วกล่าวโทษพาดพิง ทำเอาอวี้เฟยเยียนตะลึงงัน
“ท่านหมอฮั่ว ข้าปิดประสาทสัมผัสรับกลิ่นต่อหน้าพวกท่านทุกคน ไม่มีหมกเม็ดนี่นา!”
นี้เองทำให้พวกเขาคิดขึ้นได้ ในตอนนั้นทุกคนกำลังถกเถียงกันถึงชาติกำเนิดของอวี้เฟยเยียน เอานางไปเปรียบเทียบกับใต้เท้าอวี้แห่งแคว้นต้าโจว ดังนั้นจึงพลาดจุดสำคัญจุดนี้ไป!
ไม่น่าเลย…
วินาทีนั้นผู้เฒ่าทั้งแปดถึงกับน้ำตานองหน้า
“เสี่ยวอวี้ เสวี่ยเป็นอย่างไรบ้าง”
ได้ยินว่าอวี้เฟยเยียนออกมาแล้ว มู่เหนี่ยนซีก็รีบร้อนเข้ามาสอบถามแม้กระทั่งผ้ากันเปื้อนยังมิทันถอดเลยด้วยซ้ำ
“เขาสบายดี! แต่ว่ารบกวนท่านป้าสามเตรียมน้ำร้อนให้สักถังหนึ่ง!”
“ไม่มีปัญหา!”
เมื่อเวลาผ่านไปราวครึ่งชั่วยามกว่าเห็นจะได้ หลังจากที่อวี้เชียนเสวี่ยอาบน้ำจนสะอาดแล้ว ก็สวมใส่ชุดสีฟ้าครามเดินออกมาจากห้อง ตอนนั้นเองสายตาของทุกคนที่มองมาตกตะลึง โดยเฉพาะมู่เหนี่ยนซี ถึงกับนิ่งชะงักไป
“นี่คือ…”
ชายหนุ่มรูปงาม ท่าทางองอาจสง่าผ่าเผย นี่ใช่ท่านลุงสามที่ดำคล้ำคนก่อนหรือไม่นะ
“โอ้โห ช่าช่า ที่แท้แล้วท่านลุงสามหล่อเหลาปานนี้เชียวหรือ พื้นฐานหน้าตาบ้านเจ้านี่ดีจริงๆ! บ้านเจ้ายังมีชายโสดหลงเหลืออยู่อีกหรือไม่ เอาไว้ให้ข้าสักคน!”
เชียนเยี่ยเสวี่ยสะกิดอวี้เฟยเยียน พร้อมกระซิบบอก
เพราะแต่ไหนแต่ไรมานางก็เป็นคนที่ใส่ใจกับรูปลักษณ์ของตัวเองอยู่แล้ว ทั้งยังชื่นชอบผู้ที่รูปงามเช่นกัน
รูปโฉมที่แท้จริงของอวี้เฟยเยียนนางเคยเห็นมาแล้ว ตอนนั้นถึงกับตกตะลึงคิดว่าเป็นนางฟ้า ยังบอกอีกว่าหากตนเองเป็นบุรุษจริงๆละก็ คงจะติดตามอวี้เฟยเยียนตลอดชีวิตเป็นแน่
ก่อนหน้านี้ที่นางพบกับอวี้เชียนเสวี่ย เชียนเยี่ยเสวี่ยยังตกตะลึงอยู่นาน
จะให้มองอย่างไรนางก็มองไม่ออกว่าอวี้เฟยเยียนและอวี่เชียนเสวี่ยเป็นครอบครัวเดียวกัน ช่าช่าสวยงดงามขนาดนี้ เหตุใดลุงสามของนางถึงได้ขี้เหร่นักนะ!
ครานี้ ได้เห็นโฉมหน้าที่แท้จริงของอวี้เชียนเสวี่ยเข้า เชียนเยี่ยเสวี่ยแทบจะกัดลิ้นตัวเองดิ้นตาย ขณะเดียวกันก็นับถือมู่เหนี่ยนซีอย่างที่สุด
หากว่าอวี้เชียนเสวี่ยขี้ริ้วขี้เหร่ดำคล้ำเฉกเช่นเมื่อก่อนละก็ เชียนเยี่ยเสวี่ยก็ต้องบอกว่าขี้เหร่ และนางคงจะไม่ชายตามองเขาเลยด้วยซ้ำ แต่มู่เหนี่ยนซีกลับยอมรับในความเป็นอวี้เชียนเสวี่ยเพียงคนเดียว ทั้งยังดึงดันและยืนหยัดจะต้องเป็นเขาให้ได้
และแล้วสวรรค์ก็เห็นใจนาง คืนชายหนุ่มรูปหล่อให้กับนาง ชนิดที่เรียกว่าทำให้ผู้คนอิจฉาตาร้อนไปตามๆ กันเสียด้วย!
“ข้ายังมีพี่ชายแท้ๆอยู่อีกคน…”
ได้ยินเพียงเท่านั้น เชียนเยี่ยเสวี่ยก็จับแขนของอวี้เชียนเสวี่ยเอาไว้แน่น ท่าทีขึงขังจริงจังกล่าวว่า
“ช่าช่า เหลือพี่ชายของเจ้าเอาไว้ให้ข้า!”
ได้ยินในสิ่งที่เชียนเยี่ยเสวี่ยกล่าว อวี้เฟยเยียนถึงกับสำลักน้ำลายตนเองเลยทีเดียว
“พี่ชายของข้าและท่านลุงสามหายสาบสูญไปพร้อมกัน ข้าก็กำลังตามหาเขาอยู่!”
“ไม่เป็นไร! ตามหาพี่ชายเจ้าให้เป็นหน้าที่ของข้า! แต่เราต้องพูดกันไว้ให้ชัดเจน หากว่าตามหาพี่ชายของเจ้าพบ เจ้าจะต้องจับคู่เขาให้กับข้า!”
ดวงตาเชียนเยี่ยเสวี่ยที่ฉายแววเจ้าเล่ห์พราวระยับ มันกำลังส่งสายตาที่ร้อนแรงออกไป ถึงแม้ว่านางจะเป็นหญิง แต่อวี้เฟยเยียนก็อดใจเต้นขึ้นมาไม่ได้
อมิตตาพุทธ!
โชคดีที่นางมารน้อยผู้นี้เป็นหญิง!
มิเช่นนั้นเขาจะต้องไปก่อกรรมทำเข็ญสตรีอีกสักเท่าไหร่กัน!
ในใจของอวี้เฟยเยียนกำลังครุ่นคิด
หากว่าได้เชียนเยี่ยเสวี่ยมาเป็นพี่สะใภ้ของนางจริงๆ ด้วยรูปลักษณ์หน้าตาก็ไม่เลวนี่นา! ถึงตอนนั้นมีเจ้าตัวน้อยที่เปี่ยมด้วยเสน่ห์และแสนเจ้าเล่ห์ ที่ใครเห็นเป็นต้องรักแน่นอน!
“ไม่มีปัญหา! แต่ว่าพี่ใหญ่ข้าคิดอย่างไรข้าไม่รู้ด้วยนะ หากว่าเขามิชอบเจ้า ข้าก็ไม่มีทางอื่นใดเช่นกัน!”
ได้ยินอวี้เฟยเยียนพูดเช่นนี้ เชียนเยี่ยเสวี่ยก็ไม่เยิ่นเย้ออีกต่อไป
“ความรักเป็นเรื่องความสมัครใจของทั้งสองฝ่าย ข้อนี้ข้าเข้าใจดี ข้ามิใช่คนที่ตามตอแยไม่เลิก ไร้ซึ่งเหตุผลเสียหน่อย!”
สองคนแปะมือ บรรลุเป้าหมายเดียวกัน
อีกด้าน มู่เหนี่ยนซีที่ยังคงตกตะลึงไม่หาย
“เสียสติไปแล้วหรือ”
อวี้เชียนเสวี่ยเดินมาตรงหน้ามู่เหนี่ยนซี
“เหนี่ยนซี!”
“ท่านคือเสวี่ยจริงๆหรือ”