ตอนที่ 460 เหม็น?

บุตรอสูรบรรพกาล

ตอนที่ 460

เหม็น?

“หะ ล่งเอ๋อออกไปแล้ว”ไก่ฟ้าหงอนทองถามหลังจากพาไป๋หลินและชิงชิวกลับมาจากเมืองหลวงเก่าของอาณาจักรไป๋

“ใช่ขอรับ ล่งเอ๋อบอกว่าอยากจะไปบอกข่าวเรื่องที่มันย้ายบ้านแล้วให้ผิงกั่วทราบก็เลยขอออกเดินทางไปตั้งแต่เมื่อเช้าแล้ว”ไป๋จูเหวินตอบด้วยท่าทีเฉยๆเหมือนเป็นเรื่องปกติ ก็แค่ให้ลูกชายไปหาเพื่อนไม่ใช่หรือ

“ไม่ใช่ว่าจะให้ข้าเป็นคนพาล่งเอ๋อไปงั้นหรือ”ไก่ฟ้าหงอนทองถามด้วยท่าทีเสียดาย มันอยากจะไปเป็นคนส่งจูล่งด้วยตนเองแท้ๆ

“ยังไงล่งเอ๋อก็มีตงฟางอยู่แล้วนี่ขอรับ ท่านน้าจิ้งจอกก็เลยอาสาจะไปส่ง”ไป๋จูเหวินตอบยิ้มๆพลางเข้าไปหาไป๋หลินเพื่อถามว่าไปเมืองหลวงเก่ามีเรื่องอะไรบางอย่างสบายใจ

“โถ่ ข้านึกว่าจะได้ไปส่งแท้ๆ”ไก่ฟ้าหงอนทองพูดพลางถอนหายใจออกมา ก็ช่วยไม่ได้นี่นาปกติมันเป็นคนพาคนโน้นคนนี้ไปส่งนี่นา ก็เลยนึกว่าจูล่งจะรอจนมันกลับมาแล้วค่อยไปด้วยกัน

“แบบนั้นจูล่งก็เดินทางไม่เป็นกันพอดีสิ ให้จิ้งจอกเหมันต์ไปจะได้สอนจูล่งจำทางด้วย”มังกรธรณีว่าพลางส่ายหน้าช้าๆ รอบที่แล้วมันทราบจากไป๋หลินมาว่าจูล่งหาทางไปบ้านของผิงกั่วนานมากทีเดียวจนได้ชิงชิวไปช่วยตามหา หากให้ไก่ฟ้าหงอนทองไปส่งอย่างเดียวกลัวว่าจูล่งจะไม่ทราบวิธีเดินทางเป็นแน่

“งั้นก็ช่วยไม่ได้”ไก่ฟ้าหงอนทองส่ายหน้าช้าๆ ในเมื่อทำเพื่อจูล่งก็ช่วยไม่ได้ แต่ต่อให้จูล่งเดินทางไม่เป็นมันก็จะอาสาไปส่งทั้งชีวิตก็ยังได้

.

.

.

“ล่งเอ๋อ จำแผนที่นี่เอาไว้นะ”จิ้งจอกเหมันต์ว่าพลางนำแผนที่ออกมาให้จูล่งดู ก่อนหน้านี้พวกมันไม่เคยได้ให้แผนที่จูล่งดูเลยเพราะไม่อยากให้จูล่งเดินทางออกนอกหมู่บ้าน แต่ตอนนี้สถานการณ์มันเปลี่ยนไปแล้ว จิ้งจอกเหมันต์เลยเอาแผนที่ออกมาให้จูล่งจำเส้นทางเอาไว้

“ตอนนี้พวกเราอยู่ตรงนี้”จิ้งจอกเหมันต์ว่าพลางชี้ไปบนแผนที่จุดที่อาณาจักรอู๋ตั้งอยู่

“ส่วนเมืองที่เจ้าพูดถึงน่าจะอยู่แถวๆนี้”จิ้งจอกเหมันต์ชี้ไปที่ทางเหนือตรงจุดที่ไป๋หลินบอกเอาไว้ มันอยู่ทางตะวันตกเฉียงเหนือของอาณาจักรอู๋ไปไกลโขทีเดียว หากเดินทางธรรมดาๆคงใช้เวลานับเดือนหรือหลายเดือนเลยก็เป็นได้

“จากตรงนี้พวกเราสามารถนั่งรถไฟไปได้ หลังจากนั้นเราก็จะให้ตงฟางบินพาพวกเราไปเข้าใจหรือไม่”จิ้งจอกเหมันต์ว่าพลางลากมือไปตามแผนที่ช้าๆ

“แต่ทางรถไฟโดนหินสีแดงกลบไปแล้วนี่ขอรับ”จูล่งถามพลางกะพริบตาปริบๆ ความเสียหายระดับนั้นไม่น่าจะซ่อมแซมเสร็จได้ไวนัก

“เส้นทางรถไฟไม่ได้มีเส้นเดียวเสียหน่อย เราแค่เปลี่ยนจากเดินทางผ่านอาณาจักรชินไปเป็นเส้นทางผ่านอาณาจักรชูแทน”จิ้งจอกเหมันต์ว่าพลางชี้เส้นทางรถไฟอีกสายที่อยู่บนแผนที่

“ยอดเลยนะขอรับ มีรถไฟนี่สะดวกกว่าจริงๆ ทำไมอาณาจักรที่บ้านเกิดเราไม่มีรถไฟบ้างล่ะ”ไป๋จูล่งถามด้วยท่าทีสนใจ หากที่บ้านเกิดของมันมีรถไฟบ้าง การเดินทางคงง่ายกว่านี้แน่ๆ ขอแค่รู้ว่าจะไปไหนก็สามารถเดินทางไปได้โดยการขึ้นรถไฟเท่านั้นเอง

“อาณาจักรแถบนั้นยังไม่ยอมเปิดรับน่ะสิ แต่ก็คงอีกไม่นานหรอก”จิ้งจอกเหมันต์ตอบพลางยิ้มออกมา ความสะดวกสบายของเทคโนโลยีนั้นเป็นสิ่งเย้ายวนใจไม่น้อย พอเห็นประเทศเพื่อนบ้านมีสิ่งอำนวยความสะดวกสบายใช้ก็ย่อมอยากมีบ้างแน่นอน แถมอาณาจักรไป๋ยังร่ำรวยพอจะช่วยสนับสนุนอาณาจักรที่ต้องการอีกต่างหาก แน่นอนว่าจะต้องแลกมาด้วยเงื่อนไขพิเศษทางการค้านิดหน่อยด้วยนั่นเอง

“น่าเสียดายนะขอรับ”ไป๋จูล่งตอบพลางเดินเข้าไปในสถานีรถไฟอย่างรวดเร็ว พอมาขึ้นที่อาณาจักรอู๋แล้วจำนวนคนเยอะกว่าเมืองที่ไป๋จูล่งเคยมาขึ้นหลายเท่าทีเดียว แม้แต่ช่องขายตั๋วก็ยังต้องมีนับสิบช่อง แต่ถึงขนาดนั้นก็ยังไม่พอต่อความต้องการของผู้ใช้บริการอยู่ดี

“ไม่ทราบจะเดินทางไปที่ไหนเจ้าคะ”หญิงสาวพนักงานขายตั๋วถามพลางยิ้มออกมาอย่างยิ้มแย้มตามที่ตนถูกอบรมมาเป็นอย่างดี แม้จะต้องต้อนรับแขกนับพันในวันเดียวเหล่าพนักงานก็ต้องยิ้มแย้มตลอดเวลา นั่นคือกฎนั่นเอง

“ไปเมือง….ม่านผานขอรับ”ไป๋จูล่งตอบพลางเดินเข้าไปที่หน้าเค้าเตอร์ช้าๆ

“ม่านผานนะเจ้าคะ….”พนักงานสาวพูดพลางเหลือบมองจูล่งเล็กน้อย แม้จะพึ่งวัย 15 แต่จูล่งก็ได้หน้าตาของทั้งไป๋จูเหวินและเหม่ยหลินมา แม้เส้นผมสีขาวจะแปลกไปหน่อยแต่ใบหน้าของมันก็ทำให้สาวๆหันมามองได้เสมอนั่นล่ะ

“ตอนนี้ขบวนรถไฟม่านผานเหลือแค่รอบของอีก 2 วันเจ้าค่ะ ช่วงเป็นเทศกาลดอกไม้ไฟพอดี มีแต่คนจองล่วงหน้าจนเต็มหมดแล้วเจ้าค่ะ”หญิงสาวพนักงานตอบด้วยท่าทีเสียดายแดน นางเองก็ไม่อยากบอกข่าวร้ายนี้ให้ไป๋จูล่งหรอก

“แล้วระดับนี้ล่ะ”จิ้งจอกเหมันต์ถามพลางชี้ไปที่รูปขบวนรถชั้นพิเศษแบบที่ไป๋หลินเดินทางมา

“ว่างแน่นอนเจ้าค่ะ แต่ราคา…”หญิงสาวพูดพลางมองการแต่งกายของจูล่งและจิ้งจอกเหมันต์ แม้เสื้อของจูล่งจะเป็นเสื้อผ้าที่ดีที่สุดในเมืองที่ไป๋หลินเจอกับจูล่งก็ตาม แต่หากเทียบกับคนอาณาจักรอู๋หรือไป๋แล้วออกจะธรรมดาไปเสียหน่อย ส่วนจิ้งจอกเหมันต์นั้นนางพึ่งกลับมาจากหมู่บ้านยังไม่ได้เข้าเมืองจริงๆจังๆเสียด้วยซ้ำเสื้อผ้าเลยออกจะยังเก่าไปเสียหน่อย ไม่เหมือนคุณหญิงคุณนายที่จะสามารถขึ้นรถไฟชั้นพิเศษได้เลย

“เรื่องเงินไม่ต้องห่วงข้าไม่มีปัญหาอะไร”จิ้งจอกเหมันต์ว่าพลางส่ายหน้าช้าๆ

“จะ เจ้าค่ะ…”หญิงสาวพนักงานตอบพลางคิดราคาค่าตั๋วเตรียมจะแจ้งให้จิ้งจอกเหมันต์ทราบ

“ท่านจิ้งจอกเหมันต์…”อยู่ๆชายคนหนึ่งก็เดินแทรกเข้ามาในแถวอย่างรวดเร็ว

“เจ้า….ใครนะ”จิ้งจอกเหมันต์ถามพลางมองไปทางชายตรงหน้า ดูเหมือนมันจะเป็นอสูรที่เข้ามาทำงานในอาณาจักรอู๋กระมัง

“ท่านไม่น่าจะรู้จักข้อหรอกขอรับ แต่ข้าไม่มีวันลืมท่านอย่างแน่นอน ทำไมท่านถึงมาต่อแถวแบบนี้ล่ะขอรับ ท่านจะไปที่เมืองไหนบอกข้ามาได้เลย ข้าจะพาท่านขึ้นขบวนรถที่ท่านต้องการเอง”ชายคนนั้นว่าพลางพาจิ้งจอกเหมันต์ออกไปจากแถว ก่อนจะพานางและจูล่งขึ้นไปนั่งรอบนห้องทำงานของตนแทน ดูเหมือนชายคนนั้นจะเป็นอสูรที่รับหน้าที่ดูแลสถานีรถไฟสาขาอาณาจักรอู๋กระมัง แต่น่าเสียดายที่จิ้งจอกเหมันต์จำมันไม่ได้เพราะมันออกจะมีฐานะต้อยต่ำไปเสียหน่อย เมื่อเทียบกับน้าขององค์จักรพรรดิอย่างนางแล้วโอกาสที่จะได้พูดคุยแทบจะหาไม่ได้เสียด้วยซ้ำ

“คนบนรถไฟนี่ดีจังเลยนะขอรับ ข้าเห็นทุกคนทักทายกันตลอดเลย”ไป๋จูล่งว่าพลางยิ้มออกมา พอจิ้งจอกเหมันต์ขึ้นรถไฟมาก็เกิดเหตุการณ์เหมือนตอนไป๋หลินขึ้นมาไม่มีผิด ทุกครั้งที่รถไฟจอดก็จะมีคนเข้ามาขอพบจิ้งจอกเหมันต์เพื่อทักทายไม่ขาดสาย แต่น่าเสียดายจิ้งจอกเหมันต์ไม่ได้เรียนวิชาปกปิดพลังอสูรมา ทำให้พลังของนางทำให้เหล่าอสูรทุกตนต่างทราบฐานะของนางดีแม้จะหาผ้ามาปิดหน้าแล้วก็ตาม

“เฮ้อ พ้นเขตพันธมิตรเสียที”จิ้งจอกเหมันต์บ่นออกมาพลางเปิดผ้าปิดหน้าออกด้วยท่าทีเหนื่อยใจ หลายปีมานี้นางไปอยู่ในหมู่บ้านสบายๆไม่ได้ยุ่งเกี่ยวกับผู้คนนักทำให้นางติดสบายไปเสียแล้ว ต้องมาปั้นหน้าทักทายผู้คนอีกแบบนี้ทำเอาเหนื่อยไปไม่น้อยเลย

“เขตพันธมิตรคืออะไรหรือขอรับท่านน้า”จูล่งถามพลางขมวดคิ้วงงๆ

“ไม่มีอะไรหรอก”จิ้งจอกเหมันต์ส่ายหน้าพลางยิ้มเจื่อนๆออกมา เขตพันธมิตรคือพื้นที่อาณาจักรที่เป็นพันธมิตรกับอาณาจักรไป๋นั่นเอง พอพ้นเขตเหล่านี้แล้วคนที่เข้ามาทักทายจิ้งจอกเหมันต์ก็มีน้อยลงมาก ไม่เหมือนไป๋หลินที่ต่อให้พ้นเขตไปแล้วก็ยังมีคนมาทักทายอยู่เรื่อยๆเพราะจิ้งจอกเหมันต์ไม่ได้ออกงานบ่อยเหมือนไป๋หลินนั่นเอง

“ว่าแต่ท่านน้า ทำไมเราถึงไปลงที่เมืองม่านผานก่อนล่ะขอรับ”จูล่งถามพลางนึกภาพแผนที่ช้าๆ เมืองม่านผานไม่ใช่เมืองปลายทางที่จูล่งจะไปเสียหน่อย

“เจ้าไม่ได้ยินที่แม่สาวพนักงานบอกหรือไง”จิ้งจอกเหมันต์ว่าพลางยิ้มออกมา

“ที่พี่สาวพนักงานบอก….เทศกาลดอกไม้ไฟหรือขอรับ”จูล่งเบิกตากว้างพลางมองมาทางจิ้งจอกเหมันต์

“ใช่ น้าอยากจะไปดูที่นั่นเสียหน่อย ถึงอย่างไรเจ้าก็ไม่ได้รีบนี่นะ”จิ้งจอกเหมันต์ยิ้มพลางมองทิวทัศน์ที่ผ่านกระจกของรถไฟไปอย่างเพลิดเพลิน

“ขอรับ ก็ได้อยู่หรอก แต่หลังจากนั้นข้าอยากจะไปแวะที่หมู่บ้านก่อนด้วยได้หรือเปล่าขอรับ”ไป๋จูล่งถามพลางมองไปทางน้าจิ้งจอก

“หมู่บ้าน? ได้สิ ทำไมจะไม่ได้ล่ะ”จิ้งจอกเหมันต์กะพริบตาน้อยๆ หมู่บ้านที่พวกนางเคยอยู่เป็นทางผ่านอยู่แล้ว แค่แวะไปนิดหน่อยก็ไม่เป็นไรหรอก ว่าแต่จูล่งจะไปทำไมงั้นหรือ?

“ขอบคุณขอรับ”จูล่งว่าพลางยิ้มออกมาด้วยท่าทีดีใจ โชคดีจริงๆที่มากับน้าจิ้งจอก หากมากับน้ามังกรละก็ท่านต้องไม่ให้แวะแน่นอน

.

.

.

ตูม! ตูม!…. ใช้เวลาเดินทางไม่นานจิ้งจอกเหมันต์และจูล่งก็มาถึงเมืองม่านผานเสียที แถมพวกนางยังมาถึงในตอนเย็นก่อนเริ่มงานชมดอกไม้ไฟพอดี ทำให้จิ้งจอกเหมันต์และจูล่งไปหาที่ชมดอกไม้ไฟแถมๆริมน้ำกันสองคนน้าหลานทันที

“ท่านน้า สวยมากเลยขอรับ”จูล่งพูดพลางมองดอกไม้ไฟที่กำลังระเบิดอยู่บนท้องฟ้า สมแล้วที่เป็นงานเทศกาลที่มีคนจองจะมาชมกันจนรถไฟเต็มไปหลายวัน ดอกไม้ไฟนับร้อยๆพันๆลูกถูกยิงขึ้นไปบนท้องฟ้าเรื่องๆ จนบางครั้งราวกับเปลี่ยนเวลาเป็นกลางวันไม่มีผิด แถมจูล่งยังใช้ดวงตาสีแดงและน้ำเงินเพื่อชื่นชมความงามของดอกไม้ไฟเหล่านี้อีกต่างหาก ทำให้จูล่งรู้สึกประทับใจไม่น้อยเลย

“อืม…สวยดี”จิ้งจอกเหมันต์ตอบด้วยน้ำเสียงเหมือนจะไม่ค่อยพอใจนัก

“มีอะไรหรือขอรับท่านน้า”ไป๋จูล่งถามพลางมองมาที่น้าจิ้งจอกอย่างประหลาดใจ เสียงท่านน้าเมื่อครู่เหมือนตอนทะเราะกับพวกท่านน้าคนอื่นๆเลย

“ไม่มีอะไรหรอก ก็แค่รู้สึกมีกลิ่นเหม็นนิดหน่อย”จิ้งจอกเหมันต์ว่าพลางเหล่มองไปที่คู่หนุ่มสาวที่พากันมาชมดอกไม้ไฟกันอย่างชื่นมื่น ขณะดูดอกไม้ไฟบ้างโอบกอดกัน บ้างจับมือกัน บางคู่ถึงกับจูบกันไม่สนใจสายตาประชาชีเลยแม้แต่น้อย ทำเอาความสวยงามของดอกไม้ไฟไม่ได้เข้าไปในดวงตาของจิ้งจอกเหมันต์เลยแม่แต่น้อย หากเป็นนางสมัยก่อนคงแช่แข็งลานชมดอกไม้ไฟนี้เสียให้รู้แล้วรู้รอดไปแล้วแน่ๆ

“เหม็นหรือขอรับ งั้นย้ายที่ดันดีไหมขอรับ”จูล่งถามพลางกะพริบตาปริบๆ มันไม่เห็นจะได้กลิ่นอะไรเลย

“ไม่ต้อง..ที่ไหนมันก็เหมือนกันนั่นล่ะ”จิ้งจอกเหมันต์ว่าพลางทำหน้าตาไม่สบอารมณ์ ยามนี้ไม่ว่าจะไปมุมไหนของงานก็มีแต่คู่รักเต็มไปหมด ไม่ว่าจะที่ไหนก็เหม็นกลิ่นความรักสิ้นดี รู้อย่างนี่ไม่น่าแวะมาเลยให้ตายเถอะ