ตอนที่ 540 ปรับเงินแล้ว / ตอนที่ 541 ไม่เก็บอาการ

(Yaoi) เดิมพันอันตรายคุณชายจอมเจ้าเล่ห์

ตอนที่ 540 ปรับเงินแล้ว 

 

 

           ซือเหยี่ยนได้ยินเขาพูดอย่างนี้ ก็ไม่ได้อนุมัติ แต่นั่งตรงนั้นแล้วเอ่ยทันที “หักตอนนี้ทันที” 

 

 

           ประธานฝ่ายการเงินเหงื่อออกท่วมหัว ในใจก็อดจะคิดไม่ได้ว่าประธานไป๋ไปหาเรื่องอะไรประธานซืออีกแล้ว 

 

 

           ‘กำลังประชุมอยู่ ก็ต้องการจะหักเงินเดือนเขา’ 

 

 

           แต่จะทำอย่างไรได้ ซือเหยี่ยนเอาแต่จ้องเขา บอกเป็นนัยว่า ถ้าเขาไม่หักเงิน ฉันก็จะไม่ประชุมต่อไปแล้ว 

 

 

           ประธานฝ่ายการเงินเกร็งหัวทันที รีบหักเงินเดือนไป๋จิ่งหนึ่งเดือนทันที 

 

 

           เขาชี้ที่โน้ตบุ๊ก “ประธานซือ หักเงินเรียบร้อยแล้วครับ” 

 

 

           ซือเหยี่ยนเอ่ยเสียงเรียบๆ “แคปหน้าจอส่งให้ฉันด้วย” 

 

 

           ประธานฝ่ายการเงิน “???” 

 

 

           ถึงแม้ว่าจะไม่เข้าใจว่าทำไม แต่ก็ยังแคปหน้าจอแล้วส่งให้ซือเหยี่ยนอย่างว่าง่าย ซือเหยี่ยนเห็นภาพนั้นก็ส่งต่อให้เจียงมู่เฉินทันที 

 

 

           เจียงมู่เฉินเปิดดูข้อความของซือเหยี่ยน แล้วเชิดมุมปากขึ้นอย่างได้ใจ 

 

 

           หลังจากนั้นเขาก็ส่งข้อความตอบกลับซือเหยี่ยน  

 

 

           [เอาเงินที่หักโอนใส่บัตรของมั่วไป๋] 

 

 

           หลังจากที่ซือเหยี่ยนอ่านแล้วก็กวาดสายตามองประธานฝ่ายการเงินอีกครั้ง ประธานฝ่ายการเงินรู้สึกแค่เพียงเหงื่อท่วมหัว หรือว่าเกิดอะไรขึ้นอีก  

 

 

           ซือเหยี่ยนเอ่ยอีกครั้ง “โอนเงินใส่เลขบัตรนี้” 

 

 

           เขาหยุดสักพัก “หมายเหตุว่าค่าปรับไป๋จิ่ง” 

 

 

           ประธานฝ่ายการเงิน “…” 

 

 

           …… 

 

 

           ด้วยเหตุนี้หลังจากผ่านไปไม่กี่วินาที เจียงมู่เฉินก็ได้รับภาพแคปหน้าจออีกภาพหนึ่ง เขาพยักหน้าด้วยความพอใจ แล้ววางมือถือลง 

 

 

           ‘นี่ยังแค่พอประมาณเอง บังอาจมาทำมิดีมิร้ายไป๋ไป๋ของเขา คิดว่าแค่ปรับเงินเล็กๆ น้อยๆ ก็ได้แล้วเหรอ’ 

 

 

           ‘เขายังไม่ได้สืบสาวเอาความกับไป๋จิ่งเลยนะ’ 

 

 

           อีกฝั่งหนึ่ง ไป๋จิ่งยืนอยู่ชั้นหนึ่ง สูบบุหรี่เสร็จแล้วเตรียมจะกลับไป ผลปรากฎว่ายังไม่ทันได้ไปไหน มือถือก็มีข้อความมาว่า  

 

 

[เงินหักออกจากบัญชีสองแสนหยวน]       

 

 

ไป๋จิ่งมุมปากกระตุก 

 

 

‘ทำถึงขนาดนี้เชียวเหรอ 

 

 

…ซือเหยี่ยนเจ้าหมอนี่ไม่รับสายเขาก็ช่างเถอะ ยังจะกล้าหักเงินเขาอีก’ 

 

 

ด้วยเหตุนี้ไป๋จิ่งจึงรีบโทรหาซือเหยี่ยนเตรียมเหวี่ยงทันที 

 

 

           ครั้งนี้ซือเหยี่ยนไม่ได้ตัดสาย แต่รอสายจากไป๋จิ่ง เขาเห็นชื่อเด้งขึ้นมาบนจอมือถือ แล้วยื่นมือไปกดรับสาย 

 

 

           “ซือเหยี่ยน นายหมายความว่าไง หักเงินเดือนฉันทำไม” 

 

 

           สายติดไป๋จิ่งก็เริ่มร้องโวยวายทันที 

 

 

           ซือเหยี่ยนถือมือถือไว้ ทำหน้าเมินเฉย “หักเงินนายให้มั่วไป๋ นายไม่เห็นด้วย?” 

 

 

           ไป๋จิ่ง “…” 

 

 

           ประโยคเดียวก็ถูกซือเหยี่ยนน็อกเอ้าท์แล้ว 

 

 

           ‘เขาจะกล้าไม่เห็นด้วยกับผีสิ’ อย่าว่าแต่สองแสนหยวนเลย ต่อให้ทั้งตัวเขาและครอบครัว เขาก็เห็นด้วยทั้งนั้น 

 

 

           ปัญหาก็คือเขาเอาเงินให้มั่วไป๋แบบนี้ มั่วไป๋จะมองเขาด้วยความรังเกียจเขา และสะบัดหน้าเดินหนีไปได้ 

 

 

           ซือเหยี่ยนไม่รอให้ไป๋จิ่งตอบกลับ เขาตัดสายไปเสียดื้อๆ 

 

 

           เขาเงยหน้ามองคนที่อยู่เต็มห้องประชุม เอ่ยเสียงต่ำด้วยท่าทีเคร่งขรึมจริงจัง “ประชุมต่อ” 

 

 

           คนทั้งห้อง “…” 

 

 

           …… 

 

 

           มั่วไป๋ขลุกตัววาดรูปอยู่ที่โซฟา มือถือที่วางอยู่บนโต๊ะข้างๆ สั่นขึ้นกะทันหัน 

 

 

           เขาเอื้อมมือไปหยิบมือถือมาเปิดดู เป็นข้อความจากธนาคาร  

 

 

           [เงินเข้าบัญชีสองแสนหยวน] 

 

 

           มั่วไป๋ขมวดคิ้วเล็กน้อย เงินมัดจำรูปวาดก็ให้มาตั้งนานแล้ว ทำไมยังมีคนโอนเงินมาให้เขาอีก 

 

 

           เขารู้สึกว่าแปลกๆ จึงเปิดดูแอปพลิเคชันของธนาคารในมือถือ 

 

 

           ตอนที่เห็นหมายเหตุว่าค่าปรับไป๋จิ่ง มุมปากของมั่วไป๋ก็กระตุกแล้วกระตุกอีก วิธีเปิดเขาไม่ปกติเหรอ 

 

 

           ไป๋จิ่งเรียกปรับเงินอะไร อีกอย่างต่อให้อยากส่ง ก็ไม่ถึงขนาดต้องส่งให้เขานี่ 

 

 

           มั่วไป๋คิดดูแล้ว เตรียมจะโทรหาไป๋จิ่งเพื่อถามไถ่ แต่ยังไม่ทันได้กดออกไป สายเรียกข้าวของเจียงมู่เฉินก็มาเสียก่อน 

 

 

           วิดีโอคอลทางปลายสาย ใบหน้าเจียงมู่เฉินยังคงงามละเอียดได้รูปเหมือนเมื่อก่อนเช่นเคย 

 

 

           มองอย่างละเอียด ดูเต็มอิ่มกว่าเมื่อก่อน  

 

 

           มั่วไป๋ปลงใจ ที่แท้การมีความรักชโลมใจทำให้เปลี่ยนจากเดิมได้ หน้าตาดูอิ่มเอิบมีเสน่ห์แบบนี้นี่เอง 

 

 

           “ไป๋ไป๋ นายได้รับเงินหรือยัง” 

 

 

           เจียงมู่เฉินเอ่ยปากก็ถามเสียเดี๋ยวนั้น 

 

 

           มั่วไป๋เอามือกดที่หัวตัวเองแล้ว เข้าใจได้ในพริบตา เงินสองแสนหยวนที่เขาได้รับเป็นฝีมือของเจียงมู่เฉิน 

 

 

           “นายให้ไป๋จิ่งโอนมาเหรอ” 

 

 

            

 

 

ตอนที่ 541 ไม่เก็บอาการ 

 

 

           เจียงมู่เฉินส่ายหัว ทำหน้าไม่แยแส “ฉันให้เขาโอนเหรอ ถ้าฉันให้เขาโอนให้นาย จะไม่ใช่แค่สองแสนหยวนหรอก” 

 

 

           มั่วไป๋หรี่ตาลง “นายให้ซือเหยี่ยนจัดการเหรอ” 

 

 

           ถึงอย่างไรซือเหยี่ยนก็เป็นเจ้านายของไป๋จิ่ง โอนเงินเขามาก็เป็นเรื่องปกติมาก 

 

 

           เจียงมู่เฉินเชิดหน้า “ซือเหยี่ยนของฉันฉลาดขนาดนั้น ฉันยังไม่ได้บอกอะไรสักอย่าง เขาก็เข้าใจทันที” 

 

 

           มั่วไป๋โดนเจียงมู่เฉินทำหน้าแบบนี้ใส่ เขาหมดหนทางจะดูได้แล้วจริงๆ ดูต่อไปไม่ลงโดยสมบูรณ์ 

 

 

           ในที่สุดเขาก็พบแล้วว่ายิ่งอยู่กับซือเหยี่ยนนานวันเขา เจียงมู่เฉินยิ่งหน้าหนาขึ้นเรื่อยๆ 

 

 

           เมื่อก่อนก็ว่าหนาแล้ว ตอนนี้คาดว่าใช้ปืนยิงก็ไม่ทะลุแล้ว 

 

 

           เขากุมขมับ ไม่รู้ว่าจะพูดอะไร 

 

 

           “ช่วงนี้นายเป็นยังไงบ้าง เหยียนอวี้ตรวจอาการให้นายดีหรือเปล่า” 

 

 

           “ดีมาก วางใจเถอะ” 

 

 

           เจียงมู่เฉินยิ้มหัวเราะ “งั้นก็ดี” เขาพูดอยู่ดีๆ ก็หยุดชะงักไป ใบหน้าปรากฏความเขินอายเล็กๆ ได้อย่างน่าเหลือเชื่อ 

 

 

           “ไป๋ไป๋ ฉันมีเรื่องอยากจะบอกนาย” 

 

 

           มั่วไป๋มองเขาอย่างจริงจัง “เรื่องอะไรเหรอ” 

 

 

           “ฉัน ฉันตัดสินใจจะขอซือเหยี่ยนแต่งงานแล้ว” นอกจากเจียงมู่เฉินเอง นี่คือคนแรกที่รู้ 

 

 

           นาทีนั้นคุณชายน้อยเจียงผู้เย่อหยิ่ง นัยน์ตาเผยความเขินอายที่พูดไม่ออก 

 

 

           ราวกับเด็กน้อยที่เพิ่งมีความรักเป็นครั้งแรกอย่างไรอย่างนั้น 

 

 

           ใบหน้าแสนเย็นชาของมั่วไป๋ เพียงชั่วพริบตาเดียวก็มีรอยยิ้มเล็กๆ แต่งแต้มขึ้นมา เพียงชั่วขณะหนึ่งดอกไม้ก็ผลิบานในแววตานี้ด้วยเช่นกัน 

 

 

           “เฉินเฉิน ยินดีกับนายด้วยนะ” 

 

 

           เขาดีใจมากจริงๆ เจียงมู่เฉินได้คบกันกับซือเหยี่ยน 

 

 

           ใบหูเจียงมู่เฉินแดงเล็กน้อย เขาเอ่ยด้วยความเขินอาย “ช่วงไม่กี่เดือนนี้ฉันยุ่งเรื่องการเปิดบริษัท แล้วฉันก็เลยอยากจะใช้บริษัทเป็นของหมั้นขอซือเหยี่ยนแต่งงาน” 

 

 

           “แบบนี้ฉันจะดูไม่เก็บอาการไปหน่อยใช่ไหม” เจียงมู่เฉินพูดเองตอบเอง “ไม่เก็บอาการก็ไม่เก็บอาการแล้วกัน ถึงอย่างไรภาพลักษณ์ของฉันในใจของซือเหยี่ยนเดิมทีก็ไม่ได้เก็บอาการอะไรอยู่แล้ว” 

 

 

           มั่วไป๋เห็นเขาพูดเองเออเอง ก็ยกยิ้มมุมปากขึ้นด้วยความขบขัน 

 

 

           “เฉินเฉิน นายตื่นเต้นขนาดนี้เชียว” 

 

 

           เมื่อก่อนเขาไม่เคยเห็นเจียงมู่เฉินจะคิดถึงสิ่งที่ได้รับหรือสูญเสียไปขนาดนี้ 

 

 

           ‘เขาคือเจียงมู่เฉินไงล่ะ’ เจียงมู่เฉินคุณชายน้อยผู้เย่อหยิ่งแห่งตระกูลเจียงคนนั้นที่คาบช้อนทองมาตั้งแต่เกิด อยากได้อะไรก็ต้องได้ ไม่กลัวฟ้าไม่กลัวดิน 

 

 

           เมื่อไหร่กันที่จะคิดไม่ถึงว่าเพราะเรื่องขอแต่งงาน จะตัวสั่นงันงกขนาดได้ 

 

 

           เห็นเจียงมู่เฉิน มั่วไป๋ถึงได้เข้าใจในหลักการหนึ่ง 

 

 

           คนที่เข้มแข็งและยิ่งใหญ่ ขอเพียงแต่ในใจมีจุดอ่อน ก็ไม่ได้แข็งแกร่งถึงขนาดจะทลายลงไม่ได้ 

 

 

           ต่อให้เจียงมู่เฉินจะแข็งแกร่งอีก ในใจของเขาก็มีจุดที่อ่อนนุ่มที่สุด ตรงนั้นมีซือเหยี่ยนอยู่ 

 

 

           และก็เป็นเพราะเช่นนี้ เพราะเอาใจใส่เกินไป ดังนั้นถึงได้คิดถึงสิ่งที่ได้รับหรือสูญเสียไป 

 

 

           เจียงมู่เฉินเห็นรอยยิ้มที่มุมปากของมั่วไป๋ จึงมองเขาด้วยความประหลาดใจ “ฉันค้นพบว่านายชอบยิ้มมากกว่าเมื่อก่อนเยอะเลยนะ” 

 

 

           ถึงแม้ว่าจะไม่อยากยอมรับ แต่ว่าการปรากฏตัวของผู้ชายกากเดนอย่างไป๋จิ่งก็ทำให้มั่วไป๋มีการเปลี่ยนแปลงทีละนิดๆ จริงๆ 

 

 

           เจียงมู่เฉินคิดถึงตรงนี้ ในใจจะมากจะน้อยก็โล่งอกไปได้สักที 

 

 

           ตอนนั้นตอนที่เขาไปหาไป๋จิ่ง เขากังวลอยู่ในใจ ไม่รู้ว่าที่ตัวเองทำแบบนั้นไป ถูกต้องหรือเปล่า 

 

 

           เขากลัวไป๋จิ่งจะทำให้มั่วไป๋ได้รับความเจ็บปวดอีก 

 

 

           แต่ขณะเดียวกันเขาก็กำลังเดิมพัน เดิมพันความรู้สึกที่ไป๋จิ่งมีต่อมั่วไป๋ และก็กำลังเดิมพันว่ามั่วไป๋ลืมไป๋จิ่งไม่ลงมาแต่ไหนแต่ไรแล้ว 

 

 

           ระหว่างมั่วไป๋กับไป๋จิ่ง เขาชนะเดิมพันนี้จนได้ 

 

 

           มั่วไป๋โดนเขาพูดมาขนาดนี้ อารมณ์ที่แสดงออกบนใบหน้าเกร็งขึ้นมา คนทั้งคนชะงักค้างอยู่ตรงนั้น 

 

 

           ถ้าไม่ใช่ว่าเจียงมู่เฉินพูดขึ้นมา ตัวเขาเองก็ไม่รู้ด้วยซ้ำ คิดไม่ถึงว่าตัวเองจะกำลังเปลี่ยนแปลงไปอย่างเงียบๆ  

 

 

           เจียงมู่เฉินเอ่ยคำพูดเมื่อครู่นี้จบแล้วเอ่ยต่อ “ฉันยังรู้สึกว่านายยิ้มขึ้นมาทีนี่สวยที่สุดเลย”