ใบหน้าของผู้อาวุโสสามสะท้อนความมั่นใจอย่างชัดเจนเมื่อพี่น้องทั้งสองมายืนอยู่ข้างๆเขา ศัตรูที่สำคัญของเขาในคืนนี้คือฉีฉางเซียว ตราบใดที่พวกเขาทั้งสามอยู่ด้วยกัน พวกเขามั่นใจว่าพวกเขานั้นไม่พ่ายแพ้ได้ง่ายๆ อย่างไรก็ตาม สถานการณ์ในปัจจุบันนั้นไม่แน่นนอนยิ่งกว่าที่พวกเขาคาดไว้ในตอนแรก !

อย่างแรก ความแข็งแกร่งของชายชุดดำนั้นเป็นสิ่งที่ไม่สามารถคาดเดาได้ แต่นอกจากนี้พวกเขาไม่ได้ต่อสู้กับฉีฉางเซี่ยวแต่เพียงผู้เดียว แต่ยังมีเหยี่ยวผู้โดดเดี่ยวด้วย ยิ่งไปกว่านั้นศิษย์ของลีวูเบ้ยก็ยังแสดงตัวออกมา และที่ปรึกษาราชสำนักแห่งอาณาจักรยูถัง เฟ้ยเมิงเฉินก็ยังมียอดฝีมือสวรรค์เชวียนติดตามมาด้วย !

สถานการณ์เหล่านี้เป็นสิ่งที่คาดไม่ถึง !

ยิ่งไปกว่านั้น มันเป็นสถานการณ์ที่ยุ่งยากอย่างมาก

ผู้ที่อ่อนแอที่สุดในหมู่พวกเขาคือจวินโม่เซี่ย ผู้ที่กล้าหาญและเพ่งมองอย่างหยิ่งทะนงไปยังคนอื่นๆ ในขณะที่เขาถือแกนเชวียนขั้นเก้าสุงสุดไว้ในมือ ผู้อาวุโสแห่งเมืองพายุหิมะขาวทั้งสามนั้นอยู่ฝั่งเดียวกัน ในขณะที่เฟ้ยเมิงเฉินยืนอยู่ที่อีกฝั่ง ในขณะที่ขอบเขตการต่อสู้ขยายออกไป เหยี่ยวผู้โดดเดี่ยวและฉีฉางเซียวยังคงเผชิญหน้ากันอยู่

ศิษย์ผู้เด็ดเดี่ยวของลี่วูเบ้ยสิบคน และ ยอดฝีมือสวรรค์เชวียนของฉีฉางเซี่ยวนั้นยืนอยู่นอกวงล้อมมากที่สุด ! ผู้ที่อ่อนแอที่สุดในหมู่พวกเขานั้นคือปฐพีเชวียน

การยืนอยู่ท่ามกลางวงล้อมดังกล่าวนั้นเป็นเรื่องของเกียรติและศักดิ์ศรี แต่ก็ยังเป็นเรื่องแห่งความสิ้นหวังและหลุมศพ อย่างไรก็ตาม ในใจของจวินโม่เซี่ยก็ยังคงเต็มไปด้วยความตื่นเต้น

สุดท้ายแล้ว ผู้เข้าแข่งขันทั้งหมดก็มาถึงแล้ว !

ตอนนี้ ถึงเวลาที่ข้าต้องโดยแกนเชวียนทิ้งไปและวิ่ง !

ข้าคงจะไม่สามารถเข้าร่วมกานต่อสู้นี้ได้ แต่ข้าคิดว่าการจะต้องหนีไปจากที่นี่มันเหมาะที่สุดแล้ว !

ดวงตาของจวินโม่เซี่ยกระพริบในขณะที่เขากำลังจะขยับตัว แต่ทันใดนนั้นเขาก็เปลี่ยนใจเนื่องจากเขาเห็นแสงริบหรี่สี่ดวงปรากฏขึ้นมาจากทิศทางที่หางไกลและเข้ามาอย่างรวดเร็ว

จากสี่คนนี้ จวินโม่เซี่ยนึกออกแค่สองคน !

เซี่ยวฮั่น และมูซื่อทง !

และยังมีเด็ก ชายจมูกเบี้ยวที่อยู่ข้างๆเซี่ยวฮั่น ในขณะที่ดูเหมือนว่าจะมีหญิงสาวในชุดสีขาวที่ติดตามมูซื่อทงมา ผมของนางขาวราวกับหมอกควัน ผิวนางขาวราวกับหิมะ และใบหน้าของนางที่ดูบบอบางและสวยงาม ดวงตากลมโตของนางดูเหมือนจะตื่นเต้นเมื่อได้เห็นการรวมตัวกันของยิดฝีมือผู้ไร้เทียมทาน

ไม่นานพวกเขาก็มาถึง มูซื่อทงรีบยื่นมือและดึงร่มออกมา และกางมันไว้บนหัวของหญิงสาว บนร่มนั้นมีรูปของหมีสีดำอยู่ ….

ผู้อาวุโสทั้งสามเริ่มคร่ำครวญภายในใจในขณะที่พวกเขาเห็นนางปรากฏตัว

เอ๋ เหตุใดนางถึงมาที่นี่ ตอนนี้เรามีปัญหามากพออยู่แล้ว ! วันนี้ไม่มีผู้ใดที่สงสารชีวิตของพวกเราเลยหรือ ?

มีลำแสงของฟ้าแลปสว่างขึ้น เผยให้เห้นถึงความกังวลบนใบหน้าของทุกคนได้อย่างชัดเจน

ดวงตาของฉีฉางเซี่ยวมองไปยังทุกคนที่รวมตัวกัน แต่สุดท้ายเขาก็มาหยุดอยู่ที่ใบหน้าขงอเหยี่ยวผู้โดดเดี่ยว

“ นกเหยี่ยว เจ้าต้องการแกนเชวียนนี่จริงๆหรือ ? ข้าเชื่อมาตลอดว่ามีเพียงคนเดียวในหมู่พวกเราที่ไม่สนใจในเรื่องของวัตถุ … และคนผู้นั้นคือเจ้า เหยี่ยวผู้โดดเดี่ยว ! ”

ตราบใดที่เขาสามารถโน้มน้าวให้เหยี่ยวผู้โดดเดี่ยวหลีกทางไปได้ แกนเชวียนก็จะเป็นของเขา ! ฉีฉางเซี่ยวมั่นใจว่าเขาสามารถที่จะสู้กับทุกคนได้ แม้แต่ผู้อาวุโสทั้งสามของเมืองพายุหิมะขาวก็ตามที !

“ ไร้สาระ แกนเชวียนนี่เป็นของหายาก แล้วเจ้าจะแปลกใจอะไรที่ข้าจะสนใจมัน ? เจ้าก็ต้องการมันมิใช่หรือ ? เจ้าออกมาตากฝนเพียงเพื่ออาบน้ำอย่างนั้นหรือ ? ”

เหยี่ยวผู้โดดเดี่ยวยิ้มอย่างเย้ยหยัน

“ ฉีฉางเซี่ยว ! เจ้ามันน่าผิดหวังยิ่งนัก ! ข้ามาที่นี่เพื่อที่จะต่อสู้กับเจ้า และเมื่อเจ้าแสดงความเย้อหยิ่งออกมาในวันนี้ ข้าชักจะเริ่มสนุกแล้วสิ ! ”

ฉีฉางเซี่ยวเริ่มหัวร้อนด้วยความโกรธ !

เจ้าเชื่อจริงๆหรือว่าข้านั้นเป็นคนบ้างเหมือนเจ้าผู้ที่คิดว่าการต่อสู้นั้นเป็นเรื่องสนุก ? เอ อย่างแรก เจ้าถือว่าตัวเจ้านั้นนเป็นหนึ่งในแปดยอดฝีมือ จากนั้นเจ้าก็เริ่มพูดจาอันธพาลในกลางเมืองนี้ได้หรือ ?

นอกจากนั้น เจ้าเลือกช่วงเวลาที่จะดึงข้าออกไปต่อสู้ที่ดีกว่านี้ไม่ได้หรือ ? เจ้าคิดว่าข้านั้นอยู่ในจุดที่กำลังสบายใจอย่างนั้นหรือ ? แล้วข้าควรจะทำเช่นไรกับแกนเชวียนนั้นละ ?

“ ฮ่าฮ่า ใครต้องการแกนเชวียนนั้นกันละ ? ข้าไม่ต้องการจะทำอะไรกับแกนเชวียนนั้น ! ”

เหยี่ยวผู้โดดเดี่ยวเงยหน้าขึ้นไปบนฟ้าและหัวเราะเสียงดัง จากนั้นเขาก้มองไปรอบๆและเริ่มนับคนที่เป็นยอดฝีมือเทพเชวียน …. หนึ่ง… สอง… สาม… สี่… วันนี้ดูเหมือนจะเป็นเกมส์ที่น่าสนุก !

“ เหยี่ยวผู้โดดเดี่ยว หากวันนี้เจ้าหลีกทางไป ข้าจะยอมต่อสู้กับเจ้าในวันอื่นข้างหน้า ! ”

ฉีฉางเซี่ยวยิ้มอย่างเยือกเย็น ขณะที่แววตาของเขาเพ่งมองผ่านสายฝนกระหน่ำไปยังเหยี่ยวผู้โดดเดี่ยว

“ ข้ารู้ว่าแกนเชวียนนี้ไม่เคยเป็นเป้าหมายของเจ้า และข้าจะให้โอกาสเจ้าได้เผชิญหน้ากับข้าในวันหลัง ! ”

“ พอกันทีกับการต่อรองของเจ้า ! เขาบอกปัดโอกาสนี้เพื่อช่วงชิงเอาแกนเชวียน ! ข้ามิได้เกี่ยวดองอะไรกับเจ้า แล้วเหตุใดข้าต้องฟังคำของของเจ้า ?! ข้าต้องการจะต่อสู้กับเจ้าในวันนี้ เจ้ามีตัวเลือกอะไรหรือ ? ”

เหยี่ยวผู้โดดเดี่ยวเพ่งมองกลับไปยังเหยี่ยวผู้โดดเดี่ยว ไม่แสงถึงความอ่อนแอแม้แต่น้อย

แม้ว่าทั้งสองจะอยู่ในขั้นเทพเชวียนสูงสุด แต่ตามระดับของพวกเขาในลำดับของยอดฝีมือทั้งแปด เหยี่ยวผู้โดดเดี่ยวนั้นอ่อนแอกว่าฉีฉางเซียว อย่างไรก็ตาม หากทั้งสองเริ่มการต่อสู้กัน ก็จะไม่รู้ผลแพ้ชนะ จนกว่าทั้งสองจะตัดสินใจสู้กันจนเหลือผู้รอดเพียงคนเดียว !

ดังนั้น หากเหยี่ยวผู้โดดเดี่ยวตั้งใจจะต่อสู้กับฉีฉางเซี่ยว อีกฝ่ายก็จะไม่มีทางเลือกอื่นนอกจากเผชิยหน้ากับอีกฝ่ายอย่างไร้ประโยชน์ !

แปดยอดปรมาจารย์นี้ไม่เคยจะพ่ายแพ้ในการต่อสู้ ถึงแม้ว่าจะมีสักสอง หรือมากกว่านั้นเลือกที่จะเผชิญหน้ากัน ผู้ที่มั่นใจแล้วว่าเขาต้องพ่ายแพ้คนผู้นั้นจะหนีออกมาได้ตลอดเวลาในขณะที่กำลังต่อสู้กัน !

โอกาสที่จะได้ช่วงชิงแกนเชวียนนั้นอาจจะเรียกได้ว่าเป็นโอกาสที่ดี และในกรณีที่มีใครทำการต่อสู้ที่นานเกินไป มั่นใจได้เลยว่าคนผู้นั้นจะพลาดโอกาสที่จะได้แกนเชวียน !

โดยเฉพาะอย่างยิ่งเมื่อเฟ้ยเมิงเฉินและผู้อาวุโสทั้งสามจากเมืองพายุหิมะขาวก็หวังสิ่งนั้นเช่นกัน !

แม้แต่เหล่าสวรรค์เชวียน ผู้ที่เป็นเพียงแค่มดปลวกในสายตาของยอดฝีมือเทพเชวียน ก็ยังมองหาโอกาสที่จะคว้าเอาแกนเชวียนไป !

ยิ่งไปกว่านั้น ยังมีเสียงของการเคลื่อนไหวที่ดังมาแต่ไกลอีก มีคนมากมายที่รีบเร่งมุ่งหน้ามาหาแกนเชวียน และคนเหล่านั้นก็ไม่ได้เป็นแค่เพียงยอดฝีมือเทพเชวียน บางคนเป็นสวรรค์เชวียน บางคนเป็นปฐพีเชวียน หยกเชวียน และแม้แต่เชวียนทอง ซึ่งยังคงเว้นระยะห่างอยู่ในส่วนของเมือง เนื่องจากมียอดฝีมือระดับสูงอยู่ในพื้นที่นี้ พวกเขาจึงวางแผนที่จะรออยู่ในระยะที่ปลอดภัย และเฝ้ามองสถานการณ์ ไม่เข้าไปไกล้ หรือถอยออกไปไกล เห็นได้ชัดว่าพวกเขารอคอยโอกาสที่จะขโมยสมบัติชิ้นนี้  และไม่สนใจถึงความแข็งแกร่งของตัวเองเพื่อการที่จะคว้าเอาสมบัติชิ้นนี้

ดวงตาของเหยี่ยวผู้โดดเดี่ยวมองไปไกลผ่านม่านสายฝน และเห็นทุกคนโดยไม่คิดถึงระยะห่างจากพื้นที่หลัก ดังนั้น เขาจึงมองขึ้นมาและตะโกน เสียงคำรามของเขาดังก้องไปทั่วท้องฟ้า ราวกับเสียงของฟ้าร้อง ในขณะที่เสียงเห่าหอนของเขาสัตว์ป่าของเขาบดขยี่หัวใจและความปราถนาของเหล่ายอดฝีมือในทันที !

ยอดฝีมือที่อ่อนแอที่สุดในหมู่พวกเขารวมตัวเข้าหากัน หรือไม่ก้หลบไปในทันทีเมื่อสัมผัสได้ถึงอันตราย หัวใจและสมองของพวกเขาเริ่มเตือนให้พวกเขาออกไปห่างๆ ในขณะที่พวกเขาบางคนไม่สามารถกำจัดความกลัวออกไปได้ ในขระที่ใบหน้าของเขาซีดเผือกด้วยความกลัวเมื่อต้องเผชิญกับโหดร้ายที่อยู่เบื่อหลังของเสียงนี้

“ ข้าคือเหยี่ยมผู้โดดเดี่ยว ! และข้ายืนอยู่ตรงข้ามกับ ฉีฉางเซี่ยว ! ”

เหยี่ยวผู้โดดเดี่ยวหัวเราะลั่น

“ สำหรับผู้ที่คิดว่าชีวิตตัวเองมีค่ามาก จงทำตัวอย่างมีเหตุผล หรือไม่ ข้าจะมีความสุขที่ได้ล้มพวกเจ้า ! ”

ยอดฝีมือเกือบทั้งหมดนั้น ตัวแข็งจนขยับไม่ได้ !

ใครจะไปคิดว่าสองในแปดยอดฝีมือจะอยู่ในเมืองเทียนเชียงในวันเดียวกัน ?!

จะช่วงชิงแกนเชวียนมาจากมือของสองคนนี้หรือ ? มันจะไปต่างอะไรจากความตาย ?

ความคิดนี้เกิดขึ้นในความคิดของคำจพนวนหนึ่ง และพวกเขาถอนหายใจในทันที จากนั้นก็หันหลัง และเดินหายไปในสายฝน และอยู่ให้ห่างจากการแข่งขันเพื่อแกนเชวียนนี้

อย่างไรก็ตาม ยังมีบางคนที่ยังอยู่

 แล้วยังไงหากเจ้าเป็นเทพเชวียนจริง ? พวกเราจะรอให้เจ้าและฉีฉางเซียวต่อสู้กัน และจากนั้นก็ขโมยเอาแกนเชวียนมาจากศพของเจ้าไม่ได้หรือ ?

มีคนจำนวนไม่น้อยที่มีความคิดนี้อยู่ในหัว

“ ชายคนนั้นคือเหยี่ยวผู้โดดเดี่ยวหรือ ? หนึ่งในแปดยอดปรมาจารย์แห่งดินแดนเชวียนๆ ? เขาช่างดุร้าาย .. และยังสงบนิ่งในเวลาเดียวกน …. ”

หญิงสาวที่ดูบอบบางถามขึ้นด้วยน้ำเสียงที่ซุกซน

มูซื่อทงผู้ที่ยืนอยู่ข้างๆนาง ถอนหายใจลึก และตอบกลับด้วยรอยยิ้มอันบิดเบี้ยว

“ องค์หญิงน้อย มันไม่ใช่เวลาที่จะอยู่ที่นี่ … มันอันตรายอย่างมาก ”

“ มูซือทง เจ้านั้นมีความสามารถพอที่จะปกป้ององค์หญิงน้อยไหม ? เห็นได้ชัดว่าเจ้าเป็นชายที่อ่อนแอ ! ”

มูซือทงคำรามออกทางจมูกขณะที่เขาตอบ

“ เหยี่ยวผู้โดดเดี่ยวและฉีฉางเซี่ยวนั้นอยู่ที่นั่น หากเมืองพายุหิมะขาวของพวกเราสามารถชิงแกนเชวียนมาได้ สองคนนี้ก็อาจจะกลายมาเป็นศัตรู … แม้ว่าผู้อาวุโสทั้งสามอาจจะไม่สามารถที่จะต่อสู้กับชายทั้งสองนั้นไม่ได้ … ท่านไม่คิดหรือว่าพวกเราจะโดนตัดหัว ? ท่านเห็นจำนวนของยอดฝีมือเชวียนระดับสูงไหม ? ท่านคิดหรือว่าสวรรค์เชวียนนั้นสามารถที่จะล้มพวกเขาได้ ?! โง่เง่า ! ”

เห็นได้ชัดจากคำพูดของมูซือทงว่าเขานั้นมีเหตุผล ความแข็งแกร่งของคนที่รวมกันอยู่ตรงนั้น นั้นสูงกว่ายอดฝีมือสวรรค์เชวียนที่ล้อมอยู่นัก หากการต่อสู้นั้นหลุดมาถึงที่นี่ ผลมันจะต้องเป็นที่น่าสลดอย่างแน่นอน … ไม่จำเป็นต้องพูดถึงโชคชะตาของเซีายวฮั่น หรือผู้ที่ต่ำกว่าสวรรค์เชวียน ในเมื่อโชคชะตาของเทพเชวียนเช่น ผู้อาวุโสสาม หก และเก้านั้นยังไม่ปลอดภัย ….

เซี่ยวฮั่นพูดเยาะเย้ยเพื่อนของเขา ขณะที่นางมองไปรอบๆ จากนั้นก็ตระหนักได้ถึงความรุนแรงของสถานการณ์นั้น นางตัวสั่น และสุดท้ายก็กลืนน้ำลายตัวเองอย่างเงียบๆ

สถานการณ์ในสนามรบนั้นซับซ้อนมากในตอนนี้ แกนเชวียนอยู่ในมือของจวินโม่เซี่ย ผู้ที่ยืนอยู่กลางวงล้อม …. ชั้นแรกล้อมไปด้วยผู้เข้าแข่งขัน โดยผู้ที่อ่อนแอที่สุดอยู่ในขั้นสวรรค์เชวียน ! ในชั้นถัดออกมานั้นมียอดฝีมืออยู่ราวๆสิบหกคน ผู้ที่แข็งแกร่งที่สุดอยู่ในระดับปฐพีเชวียน ความแข็งแกร่งของชั้นสุดท้ายนั้นอาจจะไม่สูงนัก แต่พวกเขานั้นมีจำนวนมากอย่างน่าประทับใจ !

เห็นได้ชัดว่ามันมีมากเกินกว่าที่จวินโม่เซี่ยจะเคยได้เห็น ความจริง ผู้เข้าแข่งขันเหล่านี้นั้นจะทำให้ทุกคนปวดหัว แม้แต่ยุนเบ้ยเฉิน !

อย่างไรก็ตาม แม้จะมีผู้ทรงพลังมากมายมารวมกันที่นี่ … ก็ยังไม่มีผู้ใดกล้าที่จะเริ่มขยับตัว !

พร้อมกับเทพเชวียนสูงสุดที่กำลังเผชิญหน้ากัน ผู้ใดกันที่จะกล้าขยับตัวก่อน ?

สถานการณ์ที่ละเอียดอ่อนทั้งหมดนี้ถูกจัดวางไว้อย่างสมดุลย์ ! และความสมดุลย์เช่นนี้ไม่เป็นผลดีกับการดึงดูดความสนใจของจวินโม่เซี่ย ! เห็นได้ชัดว่าเขาต้องการทำลายมัน !

ดังนั้น ข้าคิดว่ามันถึงเวลาที่ต้องเริ่มการต่อสู้ที่แตกหักกันแล้ว