ศิษย์ทั้งสิบของลี่วูเบ้ย รอจนกว่า ผู้อาสุโสทั้งสาม เหยี่ยวผู้โดดเดี่ยว และฉีฉางเซี่ยว จะเคลื่อยไหว อยู่รอบนอก เมื่อใดที่ชายทั้งห้านั้นเริ่มต่อสู่กัน พวกเขาจะเข้าไปหาแกนเชวียน และจะพยายามหนีไปพร้อมกับมัน

พวกเขารู้ดีว่าพวกเขาไม่สามารถที่จะต่อสู้กับยอดฝีมือระดับนั้นได้สักคนเดียว แต่พวกเขามั่นใจว่าพวกเขานั้นสามารถที่จะขโมยแกนเชวียนมาและ หนีออกไปได้อย่างแน่นอน เนื่องจากความแข็งแกร่งของพวกเขาที่รวมกัน และการทำงานเป็นทีม !

ผู้อาวุโสทั้งสามนั้นก็คิดที่จะทำเช่นเดียวกันนี้ และกำลังรอให้ฉีฉางเซี่ยวและเหยี่ยวผู้โดดเดี่ยวเริ่มการต่อสู้ ในตอนที่สองยอดฝีมือเริ่มต้นต่อสู้กัน พวกเขาจะไม่ถูกขัดขวาง และเหลือเพียงเฟ้ยเมิงเฉินเพียงคนเดียว และไม่สามารถที่จะหยุดเขาได้จากการคว้าเอาแกนเชวียนมาได้

ฉีฉางเซี่ยวรู้ทันสถานการณ์ที่ยากลำบากของเขา เขารู้ว่าเขาคือผู้ที่แข็งแกร่งที่สุดในหมู่คนเหล่านี้ และและยังมีผู้สนับสนุนเขาอีกอย่างน้อยเจ็ดคนหากเขาต้องการ อย่างไรก็ตาม เขาก็ตระหนักถึงความแข็งแกร่งของผู้อื่นด้วย และรู้ว่าเขาไม่สามารถที่จะละเลยการต่อสู้ในส่วนใหนได้เลย เขาเข้าใจว่าหากเขาเริ่มต่อสู้ ความสมดุลย์ของพลังจะมาต่อสู้กับเขา เพราะฉะนั้นเขาจึงต้องรอให้ใครสักคนเป็นผู้ที่เริ่มการต่อสู้ !

ยิ่งไปกว่านั้น การปรากฏตัวของเหยี่ยวผู้โดดเดี่ยวนั้นทำให่สถานการณ์ยากยิ่งขึ้นสำหรับเขา แม้ว่าเขาจะมั่นใจว่าเขาสามารถที่จะล้มเหยี่ยวผู้โดดเดี่ยวลงได้ แต่เขาก็รู้ว่าเขาไม่สามารถที่จะคว้าเอาแกนเชวียนมาได้ หากเขาถูกบังคับให้ต่อสู้กับชายผู้นี้ ! มันจะมีประโยชน์อะไรหากข้ามิได้แกนเชวียน ? ข้าไม่ได้มาเที่ยวนะ ….

โดยเฉพาะอย่างยิ่งตอนนี้ มียอดฝีมือจำนวนมากรวมกันอยู่ … แม้ว่าข้าจะสามารถออกไปจากการต่อสู้นี้ได้โดยที่ไม่เป็นอันตราย แต่สำหรับคนที่เหลือในกลุ่มของข้านั้นก็ไม่สามารถจะรู้ได้ หากมีการต่อสู้ระหว่างยอดฝีมือที่มีความแข็งแกร่งคละกันนี้ ข้าไม่มั่นใจเลยว่าเพื่อนของข้าจะรอดออกมาได้ หากเพื่อนของข้าต้องตายในการต่อสู้นี้ แม้แต่การได้แกนเชวียนมาก็ไม่มากพอที่จะเทียบกับการเสียเพื่อนไป !

แม้สถานการณ์เหล่านั้นก็ห้อมล้อมความสนใจของเหยี่ยวผู้โดดเดี่ยว … เห็นได้ชัดว่าเขาไม่ได้มาที่นี้เพื่อแกนเชวียน … ยิ่งไปกว่านั้น เขาก็ตัวคนเดียว และไม่มีอะไรต้องเสีย … ความบ้าสงครามของเขานั้น ทำให้เขามองหาแค่คู่ต่อสู้ที่ดี … ข้ากลัวว่าเขาจะไม่ปล่อยโอกาสที่ดีนี้ไปแน่นอน

แม้ว่าฉีฉางเซี่ยวจะพยายามอย่างมากเพื่อหาทางออก เขาก็ยังไม่สามารถทำได้ !

สำหรับความกังวลของเทพเชวียนอีกคน

 คนเหล่านี้มารวมตัวกันเพื่อแกนเชวียน และพวกเขาก็พยายาเหลีกเลี่ยงการต่อสู้ …. ยกเว้นข้า ในกรณีที่มีใครบางคนสามารถขโมยแกนเชวียนมาจากมือของชายชุดดำได้ มันก็จะเป็นการไล่ตามกันอย่างไม่รู้จบ และฉีฉางเซี่ยวก็ไม่ชอบอยากมากที่จะต้องมาสนใจข้าหากมันเกิดขึ้น

สำหรับผลนั้น แม้ว่าทุกกลุ่มจะมีความแข็งแกร่งอย่างมาก แต่ก็ยังไม่มีผู้ใดเคลื่อนไหว

เสียงแหบห้าวที่เยือกเย็นดังขึ้นในทันที

“ แม่งเอ้ย พวกเจ้ามันปัญญาทึบหรืออย่างไร ? เอาสิ ! ฝนมันทำให้ข้าเริ่มหนาวแล้ว แม้แต่ผู้หญิงก็ยังไม่กลัวที่จะเข้าร่วมการต่อสู้เลย ! ”

คำพูดที่กล้าหาญเหล่านั้นทำให้ทุกคนที่นี่โกรธเคือง โดยปกตอแล้วเพียงแค่คำพูดนั้นยังไม่มากพอที่จะกระตุ้นคนเหล่านี้ได้ แต่คำพูดที่กล้าหาญและหยาบคายนี้มันได้ผลเป็นอย่างดี !

ดวงตาของทุกคนเพ่งมองไปยังต้นกำเนิดเหสียง และและประหลาดใจว่ามันมาจากกลางวงซึ่งชายในชุดดำยืนอยู่และตะโกนอย่างกระตือรือล้น ในขณะที่นิ้วของเขาชี้ไปยังสองยอดฝีมือเทพเชวียนสูงสุด

เจ้าเด็กนี่กำลังคิดอะไร … เห็นได้ชัดว่าเขาไม่มีความสามาถมากพอที่จะปกป้องแกนเชวียนได้ และเขาตั้งใจจะยั่วยุทุกๆคนอีก … เขานั้นโง่และกล้า หรือเป็นคนบ้ากันแน่ ?!

“ เงียบไปซะ ! ”

คนห้าหรือหกคนตะโกนออกมาในเวลาเดียวกันในขณะที่พวกเขาเชิดจมูดขึ้นด้วยความโกรธ

“ ขอให้ข้าได้สั่งสอนเจ้าเถอะ ! ”

โดยธรรมชาติแล้ว เหยี่ยวผู้โดดเดี่ยวนั้นจะขี้โมโห และเคลื่อนที่ไปข้างหน้า ร่างของเขาเคลื่อนไหวราวกับความเร็วของผี และไปอยู่เหนือร่างของชายชุดดำในไม่นาน ในขณะที่มืองของเขายื่นออกไปหมายจะตบหน้าของชายผู้นี้

ข้าต้องส่ังสอนเจ้าโง่นี่ ! เขาควรจะรู้ที่ต่ำที่สูง!

ผู้เฒ่าทั้งสามแห่งเมืองพายุหิมะเพ่งมองไปด้วยความกังวล

เหยี่ยวผู้โดดเดี่ยวเริ่มการต่อสู้อย่างเลี่ยงไม่ได้ !

คนอื่นๆไม่รู้ถึงสิ่งที่ผู้อาวุโสสามเห็นก่อนหน้านี้

ชายผู้นี้มิใช่คนธรรมดา … แม้แต่เหยี่ยวผู้โดดเดี่ยวก็ไม่สามารถล้มเขาลงได้อย่างง่ายดาย และข้าก็ยังประเมินชายผู้นี้ต่ำไป ข้าจึงไม่สามารถรู้ถึงโชคชะตาของเหยี่ยวผู้โดดเดี่ยวได้ !

ชายชุดดำนี้เป็นดั่งผู้ทรงพลัง หรืออย่างน้อยเขาจะต้องเป็นยอดฝีมือระดับสูง !

แม้ว่าการที่เขาได้เห็นการเปลี่ยนไปของสีขอแสงเชวียนนั้นยังทำให้เขาใจสั่น ! เขานั้นรู้ดีว่าแม้แต่ตัวเขาเองก็ไม่สามารถดึงปราณเชวียนส่วนใหนมาทำเช่นนี้ได้ ! ความจริง ลืมความแข็งแกร่งของเขาไปซะ แม้แต่ฮั่นเฟิงฉีนั้นยังไม่ทรงพลังพอที่จะเช่นนี้ได้ !

อย่างไรก็ตาม ผู้อาวุโสสามรู้ว่าเขาไม่สามารถที่จะต่อสู้กับเหยี่ยวผู้โดดเดี่ยวได้ และไม่ต้องคิดถึงความจริงที่ว่า ศัตรูของเขาได้เดินเข้าไปติดกับ ซึ่งมันจำนำพาผลร้ายให้แก่คนผู้นั้น เขาจึงยืนรอดูเหยี่ยวผู้โดดเดี่ยวตกตะลึงอยู่ตรงนี้ !

อย่างไรก็ตาม ….

ชายในหน้ากากสีดำลึกลับนั้นพยายามหลบหลีกอย่างลนลาน

“ ตุ๊บ ! ”

เสียงเหมือนอะไรแตกดังขึ้นขณะที่เหยี่ยวผู้โดดเดี่ยวตบลงไปที่หน้าอกของชายผู้นี้

“ เอ๋ ! … ข้า …. ”

ชายผู้นั้นร้องออกมาด้วยความกลัวในขณะที่ร่างของเขาถูกส่งลอยขึ้นไปในอากาศ ราวกับว่าวที่ขาดจากเชือกขณะที่เขาตะโกน

“ ช่วย … ใครก็ได้ช่วยข้า … ไว้ชีวิตข้า … ”

ทุกคนตกตะลึงอย่างมาก ! ตอนนี้ลูกตาของทุกคนเกือบจะหลุดออกมาจากเบ้า

เกิดอะไรขึ้น ?! เขาทำตัวกล้าหาญ … ราวกับเขาเป็นยอดฝีมือผู้ไร้เทียมทาน และตอนนี้เขาร้องขอความช่วยเหลือ ….

สิ่งที่น่าประหลาดใจที่สุดคือชายผู้นั้นได้โยนแกนเชวียนทิ้งไปเพื่อที่จะหวังว่าจะตั้งรับการโจมตี แต่ก็ไม่สามารถจะคว้ามันกลับมาได้ก่อนที่เขาจะลอยไปเนื่องจากการโดนโจมตีนั้น … และตอนนี้ แกนเชวียนก็ได้ลอยเข้าไปสู่มือของเหยี่ยวผู้โดดเดี่ยวอย่างช้าๆ …

เหยี่ยวผู้โดดเดี่ยวรู้สึกถึงความรุนแรงและการเพิ่มขึ้นของปราณเชวียนอย่างรวดเร็วในตอนที่แกนเชวียนหล่นลงมาในมือของเขาในทันที และทันใดนั้นนิ้วของเขาก็กำแกนเชวียนนั้นไปโดยไม่รู้ตัว

เขาไม่คาดว่าฝ่ามือของเขาจะไปโดนหน้าอกของชายผู้นั้น ! ชายสวมหน้ากากผู้นั้นถือแกนเชวียนไว้ในมือ และเขายืนอยู่ท่ามกลางยอดฝีมือที่ไร้เทียมทานจำนวนมากที่ยืนนิ่งอยู่เป็นเวลานาน ยิ่งไปกว่านั้น เขายังกล้าที่จะเหยียดหยามทุกคนที่อยู่ที่นั่นอย่างเปิดเผย รวมถึงตัวเขาและฉีฉางเซียว เหยี่ยวผู้โดดเดี่ยวหวังว่าชายผู้นี้จะเป็นยอดฝีมือที่คู่ควรกับเขา

พูดกันตามความจริง เหยี่ยวผู้โดดเดี่ยวไม่ได้โจมตีชายผู้นี้เพื่อแกนเชวียน แต่เขาต้องการที่จะต่อสู่กับยอดฝีมือลึกลับนี้ ความจริง มันไม่เป็นไปตามที่เขามองไว้ เหยี่ยวผู้โดดเดี่ยวประเมินชายผู้นี้ไว้สูงมาก !

ดังนั้น เหยี่ยวผู้โดดเดี่ยวจึงเอามืออีกข้างหนึ่งซ่อนไว้ข้างหลังของเขา และเตรียมตัวที่จะโจมตีชายผู้นี้อีกครั้งเมื่อเขาปัดป้องการโจมตีครั้งแรกได้

ฝามือที่ถูกซ่อนไว้นั้นทรงพลังและอันตรายมาก

แต่เมื่อเทียบกับการโจมตีที่เขาซ่อนไว้นั้น การโจมตีในครั้งแรกนั้นเปรียบได้กับการตบเบาๆ และเป็นเพียงการหยอกล้อกับชายผู้นี้มากกว่าการส่งเขาขึ้นไปในอากาศ !

เหยี่ยวผู้โดดเดี่ยวสีบสนอย่างมากเมื่อได้เห็นว่าชายผู้นี้ลอยไปเนื่องจากการโจมตีของเขา

มันจะง่ายเกินไปไหม ? ข้าคิดว่าเขาจะเป็นคู่ต่อสู้ที่ดี … แต่กลายเป็นว่าเขานั้นอ่อนหัด !

จากนั้นเขาก็ยกมือขึ้นมาอย่างผู้ดี และมองไปที่แกนเชวียนที่เขาถือไว้ในมือ มันเป็นเวลาชั่วขณะหนึ่งก่อนที่เขาจะพูดคำแรกขึ้นมา

“ ข้า … เอ่อ ! ”

นอกจากคนทั้งหมดที่มารวมตัวกันที่นี่ เหยี่ยวผู้โดดเดี่ยวเป็นเพียงผู้เดียวที่ไม่สนใจในแกนเชวียน และตอนนี้โชคชะตากลับเล่นตลก … มากกว่าที่คิดเอาไว้ เขาคือคนแรกที่ได้ครอบครองแกนเชวียน !

และเขาก็ได้มันมาอย่างง่ายดาย !

เหตุการณ์ที่เปลี่ยนไปนี้นั้นทำให้ทุกคนตกใจ ยิ่งไปกว่านั้น แม้แต่ฉีฉางเซี่ยวก็อ้าปากค้างด้วยความตกใจ !

ใครจะไปคิดว่าชายหน้ากากดำผู้นี้จะเป็นเพียงแค่เทียนสีเงิน?!

แม้แต่เทียนไขก็จะไม่ละลายก่อนถึงอุณหภูมิที่เหมาะสม … ชายผู้นี้นั้นอ่อนหัดเกินจะเปรียบ !

แม้ว่าเหยี่ยวผู้โดดเดี่ยวจะเป็นหนึ่งในแปดปรมาจารย์  จากการโจมตีของเขาในครั้งนี้ก็แผ่วเบามากจนทุกคนสามารถที่จะรับมือกับมันได้อย่างง่ายดาย !

ผลก็คือ ทุกคนรู้สึกผิดในโชคชะตาของตัวเอง !

เดิมทีแล้ว ไม่มีผู้ใดกล้าที่จะผลีผลามโจมตีเหยี่ยวผู้โดดเดี่ยว ไม่เลยแม้แต่ฉีฉางเซี่ยว การโจมตีชายผู้นี้นั้นเทียบได้กับการเล่นกับความตาย !

สำหรับผลลัพธ์นั้น ทุกคนมองตามเงาของชายชายลึกลับและอ่อนหัดผู้นั้นไป หวังว่าเขาจะร่วงลงมาต่อหน้าพวกเขา แล้วพวกเขาจะรุมตัดเขาเป็นชิ้นๆ ใบหน้าของพวกเขาสะท้อนถึงว่ทเกลี่ยนชังคนผู้นี้ !

แม่งเอ้ย ! เขานั้นช่างไร้น้ำยา ! หือ … ข้าต้องเสียโอกาสไปเพราะเขา !

ข้าละอยากจะโจมตีผู้นั้นแทนที่จะเป็นเหยี่ยวผู้โดดเดี่ยว ! … เขานั้นเป็นเป้าหมายที่จัดการได้ง่ายดาย !

ในขณะที่ดวงตาของทุกคนมองตามร่างที่ลอยไปของชายผู้นั้น ทันใดนั้นเอง ร่างของเขาก็หายไปในอากาศอย่างเงียบๆ !

เจ้าเด็กนี่ทำจากกระดาษหรือ …. เขาตายเพราะการโจมตีเพียงครั้งเดียวเนี่ยนะ ?

ร่างกายขนาดใหญ่ของคนหายไปต่อหน้าต่อตา ยอดฝีมือเทพเชวียนสูงสุดสองคน เทพเชวียนสี่คน ยอดฝีมือสวรรค์เชวียนเกือบๆยี่สิบคน และปฐพีเชวียนจำนวนหนึ่ง ! และพวกเขาทั้งหมดรู้สึกว่ามันเป็นเพราะการโจมตีของเหยี่ยวผู้โดดเดี่ยว !

“ เปี๊ยะ ! ”

เสียงที่ชัดเจนดังขึ้น

ยังไม่มีผู้ใดรู้สึกตัวจากการตกตะลึง ขณะที่ดวงตาของพวกเขามองไปยังต้นเสียงที่เกิดขึ้นนั้น และพบว่ามันดังมาจากทางผู้อาวุโสสามจากเมืองพายุหิมะขาว ผู้ที่ยืนมือออกมาและตบหน้าตัวเอง !

เสียงนั้นดังชัดเจนและรื่นหูราวกับดนตรี !

แล้วยังไงต่อ ?

ผู้อาวุโสหกและเก้าขมวดคิ้วและถามด้วยน้ำเสียงที่เป็นกังวล

“ เกิดอะไรขึ้นท่านพี่ ? ”

ผู้อาวุโสสสาม หกและเก้านั้นมีความสัมพันธ์ และความเข้าใจที่ดีต่อกันเสมอ !

“ หือ … ไม่มีอะไร … ที่นี่ยุงเยอะมาก ”

ผู้อาวุโสสามตอบด้วยน้ำเสียงเขิลอาย

บางคนถึงกับอ่อนแรง !

ฝนยังคงตกลงมาในช่วงค่ำของฤดูใบไม้ร่วง เหยี่ยวผู้โดดเดี่ยวกำลังถือแกนเชวียนอยู่ในมือ และและเขายังเป็นกังวลเรื่องของยงเนี่ยนะ …. ? ยุงมันเป็นอันตรายไปเมื่อใหร่กัน ?

ทุกคนสามารถจินตนาการถึงสภาพจิตใจของผู้อาวุโสสามได้ !