เมื่อก้าวเข้ามาในบริเวณห้องโถง ฉินเหยียนก็มองไปที่ฉินเฟิงก่อนใครพร้อมขมวดคิ้วเล็กน้อย อารมณ์ความรู้สึกที่อธิบายไม่ได้ฉายชัดในแววตาของนาง
“ประธานอวี้โม่ ตลอดหลายวันที่ผ่านมามีเรื่องมากมายในเมืองมายา ข้าจึงไม่มีเวลาไปเยี่ยมเยือนท่านที่สมาคมผู้ฝึกสัตว์อสูร เป็นอย่างไรบ้างกับการรับตำแหน่งประธานสมาคมผู้ฝึกสัตว์อสูร รู้สึกคุ้นชินแล้วรึยัง ?”
ด้วยรอยยิ้มที่ห่างเหิน ฉินเหยียนกล่าวขณะเดินเข้ามาข้างฉินอวี้โม่
“ฮ่า ๆ ๆ ขอบคุณท่านเจ้าเมืองสำหรับความเป็นห่วง”
ฉินอวี้โม่ยิ้มตอบพร้อมรอยยิ้มบาง ๆ
“ฮ่า ๆ ๆ ดูจากท่าทางของประธานอวี้โม่แล้วก็คงจะไม่มีปัญหา ทว่าหากมีปัญหาใดกับสมาคมผู้ฝึกสัตว์อสูรก็มาหาข้าได้ทุกเมื่อ แน่นอนว่าข้าจะช่วยเหลืออย่างเต็มที่”
เมื่อเห็นอากัปกิริยาสุภาพของฉินอวี้โม่ ฉินเหยียนก็ยิ้มให้อีกคราก่อนเดินตรงไปนั่งลงบนบัลลังก์ใหญ่ประจำตำแหน่ง
“ทุกคนนั่งลงก่อนเถอะ ที่ข้าเรียกทุกคนมารวมตัวกันในวันนี้เพราะมีเรื่องบางอย่าง”
หลังจากกวาดสายตามองทุกคน ฉินเหยียนก็ไม่รอช้าและกล่าวจุดประสงค์ของการรวมตัวในครานี้ “ท่านอาจารย์จะส่งคนมาที่โลกมายาของเราเพื่อตรวจตราสถานการณ์ปัจจุบันของเรา ยิ่งไปกว่านั้น จากการคำนวณแล้วเทพมายาคนใหม่ก็น่าจะปรากฏขึ้นมาแล้วเช่นกัน ท่านอาจารย์สัมผัสได้ถึงกลิ่นอายที่คุ้นเคยภายในโลกมายา เพราะฉะนั้น บรรดาคนที่ถูกส่งมา นอกเหนือจากการมาเพื่อสำรวจสถานการณ์ของที่นี่ พวกเขาก็ยังมีอีกจุดประสงค์หนึ่งเช่นกัน นั่นก็คือการตามหาเทพมายาคนใหม่ เมื่อถึงตอนนั้นข้าหวังว่าทุกคนจะให้ความร่วมมืออย่างเต็มที่”
เมื่อได้ยินวาจาของฉินเหยียน ทุกคนก็เข้าใจอย่างชัดเจน พวกเขาทราบเรื่องนี้มาตั้งแต่ต้นแล้ว เพียงแต่หากว่าฉินเหยียนไม่กล่าวออกมาก็ไม่มีใครกล้าเอ่ยถามก่อนเช่นกัน
“ท่านเจ้าเมือง ไม่ต้องกังวลเลย พวกเราจะให้ความร่วมมืออย่างเต็มที่”
ไป๋จั่ว—ผู้อาวุโสใหญ่ของเมืองมายากล่าวอย่างฮึกเหิม ความแข็งแกร่งของเขาอยู่ในระดับที่สูงกว่าฉินเหยียนเสียอีก ทว่าด้วยฐานะตัวตนของนาง เขาก็ยังแสดงท่าทีเคารพอย่างยิ่ง
“ผู้อาวุโส ท่านน่าจะได้ประโยชน์จากการเก็บตัวครานี้มากแน่ ๆ ตอนนี้พลังของท่านดูจะไม่น้อยไปกว่าข้าเลย”
ฉินเหยียนยิ้มเล็กน้อยเมื่อได้ยินวาจาของผู้อาวุโสใหญ่
“ด้วยความช่วยเหลือของท่านเจ้าเมือง การเก็บตัวบ่มเพาะครานี้ของข้าจึงได้ผลลัพธ์ที่ดีมากทีเดียว หากว่าคนจากเบื้องบนทำตัวโอหังไม่ไว้หน้า ข้าจะแสดงให้พวกเขาได้เห็นเองว่าที่นี่ใครใหญ่”
ผู้อาวุโสใหญ่ไป๋จั่วกล่าวต่อพร้อมรอยยิ้ม ไม่มีข้อกังขาใด ๆ สำหรับความเคารพของเขาที่มีต่อฉินเหยียน
“ฮ่า ๆ ๆ ไม่ต้องห่วง คนเหล่านั้นถือเป็นคนใกล้ชิดของท่านอาจารย์และพวกเขาจงรักภักดีอย่างแท้จริง เพราะฉะนั้นผู้อาวุโสใหญ่ไม่ต้องกังวลเรื่องใดหรอก”
เมื่อได้ยินวาจาของผู้อาวุโสใหญ่ ฉินเหยียนก็ยิ้มและพยักศีรษะด้วยความพึงพอใจ
เวลานี้ผู้ที่แข็งแกร่งที่สุดในฝ่ายของนางคือผู้อาวุโสใหญ่ไป๋จั่วและผู้อาวุโสรองก็ถือว่าทรงพลังพอสมควรเช่นกัน นอกจากนี้คนอื่น ๆ ก็ถือว่าไม่ได้อ่อนแอนัก หากคนเหล่านั้นต้องการกดขี่ข่มเหงพวกเขาด้วยสถานะของตน พวกเขาย่อมไม่หวาดหวั่น
“ข้าส่งคนไปที่เมืองใหญ่ต่าง ๆ เพื่อเชิญฉินขุย ฉินจินและฉินส่าวชิงมาที่นี่แล้ว คำนวณจากเวลาแล้วคนจากเบื้องบนก็น่าจะมาถึงในอีกสามวัน เราต้องเตรียมความพร้อมไว้”
ทุกคนพยักศีรษะอย่างพร้อมเพรียงกันแสดงถึงความเชื่อฟังต่อคำสั่งทุกอย่างของฉินเหยียนอย่างไม่มีข้อแม้
ฉินอวี้โม่ไม่ได้เอ่ยปากกล่าวสิ่งใดและเพียงฟังการจัดการของฉินเหยียนอย่างเงียบ ๆ ก่อนที่คำพูดของฉินเหยียนจะดึงดูดความสนใจของนางอย่างกะทันหัน
“ดูเหมือนว่าครานี้คนจากเบื้องบนนำของบางอย่างมาด้วย ของสิ่งนั้นสามารถช่วยเราค้นหาตำแหน่งของเทพมายาคนใหม่ได้ ข้าเชื่อว่าหากเทพมายาคนใหม่ที่ตามหาอยู่ในโลกมายาแล้วจริง คนผู้นั้นจะไม่รอดไปจากเงื้อมมือของเราแน่”
วาจาของฉินเหยียนทำให้สีหน้าของฉินหวยและคนอื่น ๆ เปลี่ยนไปทันที พวกเขาชำเลืองมองไปที่ฉินอวี้โม่โดยอัตโนมัติทว่าปรับสีหน้าท่าทางกลับเป็นปกติอย่างรวดเร็ว
ฉินเฟิงก็ขมวดคิ้วมุ่น เหตุใดเขาจึงไม่เคยได้ยินเกี่ยวกับสิ่งของที่สามารถระบุตำแหน่งของเทพมายาเช่นนี้มาก่อน ?
ฉินเหยียนมองไปยังสีหน้าของทุกคนและพบว่าฉินเฟิงมีสีหน้าท่าทางปกติโดยเพียงแค่ขมวดคิ้วเล็กน้อยเท่านั้น ทว่าฉินอวี้โม่ยังคงใบหน้าเรียบเฉยขณะพยักศีรษะเบา ๆ
“ฮ่า ๆ ๆ ข้าเชื่อว่าทุกคนคงจะสงสัยใคร่รู้เกี่ยวกับเทพมายาคนใหม่เป็นอย่างมาก เมื่อคนจากเบื้องบนมาถึง แน่นอนว่าเราจะได้เห็นใบหน้าของเทพมายาคนใหม่ที่ว่านี้ และในตอนนั้น หอคอยต้องห้ามก็จะเปิดออกเช่นกัน ในบรรดาพวกเจ้าน่าจะมีบางคนที่ไม่เคยเข้าไปที่นั่นมาก่อน ทุกคนจะได้ตามข้าเข้าไปสำรวจด้วยตาตัวเอง”
มีข่าวอีกเรื่องหนึ่งส่งออกมาและฉินเหยียนกล่าวต่อ “ช่วงนี้ทุกคนควรจะพักอยู่ในจวนเจ้าเมืองไปก่อน จวนของเรากว้างใหญ่พอที่จะรองรับคนได้มาก มีโอกาสที่คนจากเบื้องบนจะมาถึงได้ทุกเมื่อ เพราะฉะนั้น เราจะต้องเตรียมให้พร้อมไว้ก่อน”
ถึงแม้ทุกคนไม่เข้าใจว่าเหตุใดฉินเหยียนจึงต้องการทำเช่นนี้ พวกเขาก็พยักศีรษะและไม่คัดค้านแต่อย่างใด
“เอาล่ะ ผู้อาวุโสฉินหวยจะพาทุกคนไปที่ห้องพัก ข้ามีบางอย่างต้องเตรียมความพร้อม ผู้อาวุโสใหญ่ ผู้อาวุโสรอง พวกท่านอยู่ต่อก่อน”
เมื่อฉินเหยียนประกาศคำสั่งเพื่อส่งทุกคนทยอยกันออกไป ทุกคนก็พยักศีรษะตอบรับและออกจากห้องโถงไปทันที
ฉินหวยก็สั่งให้คนของเขานำประธานสมาคมช่างหลอมและประธานสมาคมผู้หลอมโอสถไปยังห้องที่จัดเตรียมไว้ ในขณะที่ตัวเขานำทางฉินเฟิงและฉินอวี้โม่ไปยังห้องพักที่จัดให้พวกเขาด้วยตัวเอง
ฉินหวยจงใจจัดให้ฉินเฟิงและฉินอวี้โม่พักอยู่ในบริเวณลานกว้าง ห้องพักของทั้งสองอยู่ติดกัน เพราะฉะนั้นหากเกิดเรื่องใดขึ้นจะได้จัดการได้ทันท่วงที
“ฉินหวย ฉินเหยียนค้นพบเรื่องบางอย่างมารึไม่ ?”
ภายในห้องพัก ฉินเฟิงเอ่ยถามด้วยความสงสัยเพราะสัมผัสได้ถึงความผิดปกติของฉินเหยียนเมื่อครู่ เมื่อพิจารณาจากทัศนคติของฉินเหยียน ดูเหมือนว่านางจะสัมผัสได้ถึงอะไรบางอย่างจึงเตรียมความพร้อมไว้เช่นนี้
“คงจะไม่มีอะไรหรอก หากนางค้นพบบางอย่างจริง นางไม่มีทางนั่งเฉยเช่นนั้นแน่”
ฉินหวยส่ายศีรษะเบา ๆ และกล่าว “นางอาจได้รับข่าวว่าเทพมายาคนใหม่ปรากฏในโลกมายาแล้วจริง ๆ นางจึงต้องการเก็บทุกคนไว้ในสายตาและมิให้ข่าวแพร่งพรายไปถึงหูของเทพมายาคนใหม่ นางจึงได้ดำเนินการเช่นนี้”
ต้องกล่าวเลยว่าฉินหวยเข้าใจลักษณะนิสัย ความคิดและทัศนคติของฉินเหยียนพอสมควร เขาคาดเดาความคิดของนางได้เกือบจะสมบูรณ์รวมถึงสาเหตุของการกระทำนั้น ๆ
“ของสิ่งใดกันที่สามารถตรวจจับตำแหน่งของเทพมายาได้ ?”
ฉินอวี้โม่ขมวดเล็กน้อยขณะใช้ความคิดเรื่องนี้ หากมีสิ่งใดที่สามารถตรวจจับและระบุตำแหน่งของนางได้ มันคงไม่น่าอภิรมย์นัก
“ข้าก็ไม่ทราบ ข้าไม่เคยได้ยินเกี่ยวกับของสิ่งนั้นมาก่อน มันอาจจะเป็นของใหม่ที่ฉินเหยียนพัฒนาขึ้นมาเมื่อไม่นานมานี้ มันก็เป็นไปได้อยู่เหมือนกัน”
ฉินเฟิงมิได้ปิดบัง เขาไม่เคยได้ยินเกี่ยวกับของสิ่งนั้นมาก่อนจริง ๆ
ฉินหวยส่ายศีรษะเบา ๆ เพื่อบ่งบอกว่าเขาเองก็ไม่เคยได้ยินเกี่ยวกับมันเช่นกัน
“เมื่อคนพวกนั้นมาถึง เราจะได้ทราบเอง เมื่อถึงตอนนั้น อวี้โม่ เจ้าจะต้องระวังตัวให้มากขึ้นและอย่าเผยให้เห็นช่องโหว่ใด ๆ”
ฉินเฟิงกล่าวเตือนฉินอวี้โม่ เขาเหมือนจะสัมผัสได้ถึงวิกฤติที่อธิบายไม่ได้
“ไม่ต้องห่วง ทหารมาก็ใช้ขุนพลต้านรับ น้ำมาก็ใช้ดินต้าน เราไม่พลาดแน่”
*兵来将挡,水来土掩 ทหารมาใช้ขุนพลต้านรับ น้ำมาใช้ดินต้าน เปรียบถึงไม่ว่าจะมาวิธีไหนก็สามารถรับมือได้
ฉินอวี้โม่ยกยิ้มมุมปากเล็กน้อยด้วยความผ่อนคลายอย่างยิ่ง นางเองก็สงสัยใคร่รู้ยิ่งนักว่าสิ่งใดที่จะมีความสามารถในการระบุตำแหน่งของนางดังที่กล่าวไว้
“ฉินขุยและคนอื่น ๆ น่าจะมาถึงในอีกสองวันและข้าจะจัดให้พวกเขาทั้งหมดมาอยู่ที่ลานนี้ ข้าจัดการเรื่องต่าง ๆ ที่จวนเจ้าเมืองมาเสมอ เพราะเหตุนั้นจึงไม่ต้องกังวลว่าฉินเหยียนจะนึกสงสัยในตัวข้า”
ฉินหวยกล่าว เวลานี้พวกเขาทำได้เพียงดำเนินการไปตามสถานการณ์
ฉินอวี้โม่และฉินเฟิงมองหน้ากันก่อนพยักหน้าเบา ๆ
เป็นจริงดังที่คิดไว้ ในวันที่สอง ฉินขุยและอีกหลายคนก็ปรากฏตัวในลานเล็กซึ่งเป็นบริเวณที่ฉินอวี้โม่และฉินเฟิงพักอยู่เป็นการชั่วคราว ห้องพักของพวกเขาก็ถูกจัดไว้ในลานนี้เช่นกันซึ่งอยู่ถัดจากฉินอวี้โม่และฉินเฟิง ด้วยวิธีนี้ พวกเขาทั้งหมดจะได้หารือกันง่าย ๆ
หลังจากเล่าเรื่องสถานการณ์ปัจจุบันให้พวกเขาได้ทราบ ฉินขุยและคนอื่น ๆ ก็กังวลเล็กน้อย อย่างไรก็ตาม เมื่อเห็นสีหน้าแววตามั่นใจและไม่หวาดหวั่นของฉินอวี้โม่ พวกเขาก็ถอนหายใจด้วยความโล่งอก ในเมื่อมีฉินอวี้โม่อยู่ที่นี่ พวกเขาก็ไม่ต้องกังวลสิ่งใด
เช้าตรู่ของวันที่สาม ทันทีที่ฉินอวี้โม่ตื่นลืมตาขึ้นมา นางก็สัมผัสได้ถึงสภาวะพลังแกร่งกล้าที่ปรากฏขึ้นในจวนเจ้าเมืองแห่งเมืองมายา หากเดาไม่ผิด ที่มาของคลื่นพลังเหล่านี้น่าจะเป็นกลุ่มคนจากเบื้องบน
“อวี้โม่ เจ้าตื่นหรือยัง ? ฉินเหยียนเรียกพวกเราทั้งหมดไปที่ห้องโถง ดูเหมือนว่าคนที่เบื้องบนส่งมาจะมาถึงที่นี่แล้ว”
เสียงของเลี่ยหยางดังขึ้นที่หน้าประตู เวลานี้เขายังคงปลอมตัวเป็นฉินส่าวชิง และเพื่อมิให้ฉินเหยียนสงสัยสิ่งใด เขาจึงต้องเก็บตัวสงบเสงี่ยมและทำตัวให้แนบเนียน
ฉินอวี้โม่จัดการธุระของตนเองก่อนเปิดประตูและก้าวออกไป
กลุ่มของพวกนางก็รวมตัวกันและสบตากันอย่างรู้กันโดยไม่ต้องเอ่ย จากนั้นพวกนางก็มุ่งหน้าตรงไปยังห้องโถงด้านหน้า
แม้ยังไม่ทันเข้าใกล้ ทุกคนก็สัมผัสได้ถึงกลิ่นอายความสูงส่งและความน่าเกรงขามที่ครอบงำทั่วทั้งจวนเจ้าเมืองจนทุกคนรู้สึกอึดอัดไม่น้อย
“ดูเหมือนว่าคนพวกนั้นจะพยายามกดขี่เราตั้งแต่ต้น !”
ฉินหวยถอนหายใจเบา ๆ ทว่าไร้ซึ่งความหวาดหวั่น เขาเคยพบกับคนจากเบื้องบนมาก่อน คนเหล่านั้นโอหังและทะนงตนยิ่งนัก พวกเขามักดูถูกเหยียดหยามคนอื่นอย่างมาก การที่พวกเขามาที่เมืองมายาก็ย่อมต้องการแสดงท่าทีเช่นนั้น
“ฮ่า ๆ ๆ น่าสนใจจริง ๆ”
ฉินอวี้โม่ยิ้มอย่างเย็นชาและไม่สนใจเรื่องนั้นมากนัก แม้ว่าคลื่นพลังจะไม่อ่อนแอ แต่มันก็ไม่ได้ส่งผลกระทบใด ๆ ต่อฉินอวี้โม่ ด้วยความแข็งแกร่งของนางในตอนนี้ ไม่ว่าอีกฝ่ายจะทรงพลังเพียงใด มันก็ไม่สามารถทำให้นางรู้สึกอึดอัดได้
สีหน้าของฉินเฟิงเรียบเฉยอย่างยิ่งเช่นกัน ในบรรดาพวกเขาทั้งหมด เขาคือคนที่แข็งแกร่งที่สุด แน่นอนว่าเพียงแรงกดดันเล็ก ๆ น้อย ๆ นี้ไม่สามารถทำอะไรเขาได้
เมื่อเดินมาถึงทางเข้าห้องโถง ทุกคนก็ได้ยินน้ำเสียงยั่วยุโทสะดังมาจากข้างใน
“ฮ่า ๆ ๆ ฉินเหยียน เดิมทีพวกเราก็คิดว่าโลกมายาแห่งนี้จะทรงพลังขึ้นมากภายใต้การปกครองของเจ้า ทว่าตอนนี้เห็นได้ชัดว่ามันไม่ได้ต่างไปจากเดิมเลย อย่าบอกล่ะว่าผู้อาวุโสใหญ่และผู้อาวุโสรองคือคนที่แข็งแกร่งที่สุดในจวนเจ้าเมืองนี้”
น้ำเสียงเยาะเย้ยดังมาถึงหูฉินอวี้โม่และคณะ นอกจากนี้เสียงนั้นยังเจือด้วยความดุดันก้าวร้าวบางอย่าง
“ฮ่า ๆ ๆ หากเจ้ามีปัญหาใด ๆ เกี่ยวกับการปกครองของข้า ก็เชิญไปหาท่านอาจารย์และบอกให้ท่านส่งเจ้ามาปกครองโลกมายาแห่งนี้แทนข้า หากเป็นเช่นนั้นข้าสัญญาว่าข้าจะไม่คัดค้านใด ๆ สำหรับวาจาถากถางของเจ้า ข้าก็คิดว่าเจ้าควรจะหลีกเลี่ยงเพื่อไม่ให้เกิดปัญหา”
ฉินเหยียนไม่เกรงกลัวแม้แต่น้อยและไม่เคยนำวาจาเยาะเย้ยของเขามาคิดให้ปวดหัว นางเพียงกล่าวออกไปเบา ๆ ด้วยสีหน้าเรียบเฉย
“เหอะ !”
บุรุษคนนั้นแค่นเสียงอย่างไม่สบอารมณ์ราวกับฉินเหยียนกล่าววาจาเสียดแทงใจ
“ไม่คิดเลยว่าคนของโลกมายาจะชอบแอบดักฟังผู้อื่นอยู่ข้างนอก !”
เมื่อสัมผัสได้ถึงกลิ่นอายของฉินอวี้โม่และคณะที่เดินเข้ามาถึงหน้าประตูครู่ใหญ่แล้ว บุรุษผู้นั้นก็กล่าวเย้ยหยันทันที
.