ตอนที่ 166 ละครตลก โดย Ink Stone_Fantasy
งานเลี้ยงเพื่อการกุศลที่องค์กรซีซีทีวีจัดตั้งครั้งนี้ การดำเนินงานถือว่าค่อนข้างเป็นที่พึงพอใจ เงินบริจาคแปดล้านกว่าหยวนทั้งหมดมอบให้มูลนิธิแห่งความหวัง ท่านประธานทั้งหลายที่อยู่บนเวทีก็ล้วนเบิกบาน ด้วยการนำของรองผู้อำนวยการจาง ทุกคนจึงไปยืนส่งแขกคนสำคัญจำนวนหนึ่งอยู่หน้าประตู
ในฐานะที่เป็นหัวหน้าของสำนักงาน แน่นอนว่าฉีอี้ต้องติดตามผู้นำอย่างใกล้ชิด ครั้งนี้อาจเป็นโอกาสดีที่เขาจะได้ทำผลงานต่อหน้าผู้นำ เพราะวุ่นวายกับการต้อนรับแขกจากทางด้านหน้าและหลังจนเหงื่อท่วม จึงไม่ได้สนใจเรื่องของเยี่ยเทียนอีก
คราวนี้ท่านรองประธานจางกำลังยืนส่งภรรยาท่านประธานศูนย์วิทยุกระจายเสียงและโทรทัศน์แห่งชาติ โดยหัวหน้าฉีก็คอยฉีกยิ้มอยู่ข้างๆ จะทำงานดีสักเเค่ไหน ก็ไม่สู้เสนอหน้าให้ผู้นำเห็นบ่อยๆ นี่คือประสบการณ์ที่หัวหน้าฉีสรุปได้จากการทำงานมายี่สิบกว่าปี
งานเลี้ยงในคืนนี้ทั้งแขกและพนักงานที่มาจากซีซีทีวีทั้งหมดมีจำนวนหลายร้อยคน เรียงตามลำดับที่นั่งทั้งใกล้และไกลเมื่อเดินจากประตู เยี่ยเทียนถูกเว่ยหงจวินและพวกพ้องประกบให้อยู่ตรงกลาง เคลื่อนที่อย่างช้าๆ ไปตามกระแสคนตรงประตูทางออก
ขณะเดินเข้าใกล้ประตูใหญ่ ดวงตาเยี่ยเทียนก็ฉายแวววาบ เนื่องจากเขาเห็นเจ้าอ้วนฉียืนอยู่ข้างกายหัวหน้าซึ่งอายุราวห้าสิบกว่าปี ยิ้มให้กับแขกอยู่ข้างนอก ทั้งยังคอยมอบกล่องของขวัญทีละชิ้นให้ถึงมือแขกตลอดเวลา
สีหน้าของเยี่ยเทียนไม่เปลี่ยนแปลง แต่กลับเบียดร่างไปทางด้านข้าง ขณะเดียวกันมือขวาก็ไขว้นิ้ว พอมาถึงด้านหน้าของเจ้าอ้วนฉี นิ้วชี้ก็ดีดออก จากนั้นพลังงานวิญญาณกลุ่มหนึ่งก็แทรกเข้าไปภายในร่างกายของฉีอี้ ขณะเดียวกัน ฉีอี้มองเห็นเยี่ยเทียนที่เดินมาข้างหน้า รอยยิ้มน้อยบนใบหน้าอูมค้างแข็งทันที แค่นเสียงหยิ่งยโสแสดงความไม่พอใจออกมา ทำทีเสมือนว่ามองไม่เห็น แต่พอหันไปทางผู้จัดการ ใบหน้าก็เต็มไปด้วยรอยยิ้มขึ้นมาอีกครั้ง
“ชู่ว!”
หลังจากเดินผ่านฉีอี้ไกลประมาณสี่ห้าเมตร เยี่ยเทียนก็คำรามเสียงต่ำออกมา แต่ว่าภายในห้องโถงใหญ่ของงานเลี้ยงซึ่งมีเสียงดังอึกทึก ต่อให้ตัวติดกัน ก็ยังฟังเสียงที่ออกมาจากปากของเยี่ยเทียนไม่ชัด
ทว่าหลังจากที่เยี่ยเทียนคำรามออกไป ใบหน้าของหัวหน้าฉีที่เดิมทีเปี่ยมด้วยรอยยิ้ม พลันรู้สึกเหน็บหนาวไปทั่วทั้งร่าง ราวกับแผ่นดินน้ำแข็งแห่งขั้วโลกเหนือได้มาเยือนยังฤดูร้อนอันแห้งแล้งช่วงเดือนแปดในชั่วพริบตา
“ทำไมถึงหนาวขนาดนี้? ให้ตายสิ นี่มันอะไรกัน?”
เพิ่งจะรู้สึกถึงความหนาวเหน็บบนร่าง พอหัวหน้าฉีกวาดตามองไป เบื้องหน้าของเขาก็ปรากฏหมีขั้วโลกเขี้ยวยาวน่ากลัวตัวหนึ่ง แลบลิ้นสีแดงกลบไปด้วยเลือด มุ่งหน้าเข้ามาหมายจะกัดเขา
หลายปีมานี้หัวหน้าฉีเพียรสร้างภาพลักษณ์ที่ดีมาตลอด ทันทีที่เห็นสัตว์ดุร้ายน่ากลัวซึ่งควรจะเห็นได้แค่ในทีวีปรากฏอยู่ตรงหน้า จึงทำให้เขาหวาดกลัวราวตับและถุงน้ำดีจะแตกออกเป็นสองส่วน กรีดร้องโหยหวนออกมาจากปาก “แม่จ๋า!”
ดวงตามองเห็นปากที่เต็มไปด้วยเลือดกำลังจะกัดเข้าที่ตัวของเขา ความหวาดกลัวที่เหลืออยู่ของหัวหน้าฉี และความโกรธที่ผุดขึ้นมาในใจ ทำให้หน้ามืดตามัว ยกมือขวาขึ้นตบเข้าที่หน้าหมีขั้วโลกเหนือ ปากก็ด่าไปด้วยว่า “ฉันจะสู้กับแก”
ไม่รู้ว่าเป็นเพราะความกล้าหาญของตัวเองจึงเอาชนะความชั่วร้ายได้หรือไม่ ฉีอี้พบว่าหลังจากตนตบเข้าไป หมีขั้วโลกตัวนั้นก็หนีกระเจิดกระเจิง จึงกระตุ้นให้เขารู้สึกฮึกเหิมยิ่งขึ้น สาวเท้าวิ่งไล่ตามทันที
แต่ว่าเวลานั้นเอง ฉีอี้ค้นพบว่าหมีขั้วโลกเหนืออีกหลายตัววิ่งเข้ามาล้อมรอบเขา ตัวหนึ่งมีฝ่ามือขนาดเท่าใบพัดตบลงบนตัวเขาอย่างจัง
“ทุกอย่างล้วนเป็นแค่เสือกระดาษ!”
เสี้ยววินาทีแห่งความเป็นความตายนั้น หัวหน้าฉีพลันนึกถึงคำพูดหนึ่งของผู้นำที่ยิ่งใหญ่ รู้สึกใจกล้ามาขึ้นทันใด พุ่งเข้าไปหาหมีขั้วโลกเหนือตัวนั้นแล้วจู่โจมต่อสู้
แต่ว่าสองหมัดยากจะสู้สี่มือ ไม่นานฉีอี้จึงถูกกลุ่มหมีกรูกันพุ่งเข้าใส่กดทับอยู่บนตัว มีเพียงปากที่ส่งเสียง “แฮ่กๆ “ ออกมาอย่างไร้เรี่ยวเเรง
แขกเหรื่อทั้งหมดที่มาร่วมงานในวันนี้ ไม่มีใครคาดคิดว่าจะได้เห็นการแสดงพิเศษขณะที่ทุกคนเตรียมตัวแยกย้ายกันกลับบ้าน
เมื่อหนึ่งนาทีก่อนหน้านี้ ไม่รู้ว่าหัวหน้าฉีที่เนื้อตัวขาวอวบอ้วนกำลังยืนส่งเเขกเหรื่ออยู่หน้าประตูคนนั้นเป็นบ้าอะไรขึ้นมา อยู่ดีๆ จึงไปยืนตรงหน้าภรรยาท่านประธานพลางกรีดร้องด้วยสีหน้าหวาดกลัวว่า “แม่”
เหตุการณ์ที่เกิดขึ้นอย่างกระทันหันนี้ ผู้ชมยังไม่ทันแสดงความตกอกตกใจ หัวหน้าฉีกลับยกของขวัญขึ้นมา ตบเข้าไปที่หน้า “แม่” ของเขา ภรรยาของท่านประธานซึ่งยังไม่ทันตั้งตัวใดๆ จึงมีเลือดไหลจากจมูกเลอะเต็มหน้า
เหตุการณ์นี้ทำให้ทุกคนตกใจกันหมด ผู้คนมากมายต่างตกตะลึง แต่ว่าเสียงกรีดร้องของภรรยาท่านประธาน ทำให้รองประธานจางที่ยืนอยู่ข้างหัวหน้าฉี ได้สติขึ้นมา พุ่งเข้ารวบตัวฉีอี้ไว้
แม้ว่าท่านรองประธานจางจะมีปฏิกิริยารับมือต่อเหตุการณ์นี้อย่างรวดเร็ว แต่ก็ไม่อาจต้านทานวัยห้าสิบกว่าในปีนี้ของเขาได้ ถึงเขาจะดูแลตัวเองเป็นอย่างดี แต่พอเปรียบเทียบกับฉีอี้ที่แข็งแรงสมวัยสี่สิบต้นๆ ก็ยังแตกต่างกันอยู่มาก ไม่เพียงเเต่หยุดอ้วนฉีไม่ได้ ยังถูกเขาทับไว้ข้างใต้ลำตัวอีกต่างหาก
โชคดีที่คนรอบข้างล้วนไหวตัวทัน ช่วยกันยื่นมือหยุดหัวหน้าฉีอี้ไว้ รองผู้อำนวยการจางจึงลุกขึ้นยืนได้อย่างยากลำบาก แต่เพราะศรีษะโดนเข้าไปหลายหมัด สมองจึงมึนงงเล็กน้อย
“สถุล!”
“คนนี้เขาเป็นอะไร? ยังไม่ทันใส่กางเกงก็ลุกขึ้นยืนแล้ว?”
“คนในสถานีโทรทัศน์ทำไมถึงเป็นบ้ากันไปหมด? ถือว่าวันนี้ไม่ได้มาเสียเที่ยว ฮ่าๆ!”
รองประธานจางเพิ่งจะยืดตัวตรง ก็ได้ยินเสียงกลุ่มหญิงสาวกรีดร้องอย่างหวาดกลัวทั่วทั้งสี่ทิศ หลังจากได้ยินเสียงซุบซิบข้างหู ก้มหัวลงมอง ภาพข้างหน้าสายตาก็มืดมนทันใด อยากขุดโพรงให้ตัวเองมุดเข้าไปเหลือเกิน
ที่แท้เมื่อครู่ตอนต่อสู้กัน กางเกงของรองประธานจางถูกฉีอี้ดึงลงตั้งแต่เมื่อไหร่ไม่รู้ กระทั่งกางเกงบ็อกเซอร์ยังกองที่ช่วงเข่า พอลุกขึ้นยืนคราวนี้ เจ้าหนอนน้อยอัปลักษณ์ของเขาจึงปรากฎออกมาต่อหน้าสาธารณะชนในทันที
“แม่เอ้ย ไอ้…ไอ้เวรนี่มันเป็นอะไรของมัน?”
รองประธานจางดึงกางเกงขึ้นมาอย่างรวดเร็วปานสายฟ้า ใบหน้าเหี่ยวชราน้ันเหมือนกุ้งตัวใหญ่ถูกต้ม แดงลามไปถึงต้นคอ มองไปที่ฉีอี้แล้วร้องว่า “บ้า มันบ้าไปแล้ว ฉันจะทุบมัน ไม่สิ ไสหัวมันออกไป!”
รองประธานจางยังพอมีสติปัญญา สุดท้ายก็สามารถห้ามความโกรธในใจไว้ได้ แต่ว่าขณะที่ทุกคนช่วยกันยกเจ้าอ้วนฉีออกไปข้างนอก ยังฉวยโอกาสเข้าไปกระทืบซ้ำอยู่หลายที
“พี่จ้าวครับ ขออภัยด้วย ต้องขออภัยจริงๆ เจ้า… เจ้าหมอนี่มันบ้าไปแล้ว…”
เพราะไม่มีเวลาไปสะสางปัญหากับหัวหน้าฉี รองประธานจางจึงปรี่ไปด้านหน้าภรรยาของท่านประธานแล้วขอโทษขอโพยอย่างนอบน้อม สำหรับผู้อื่นนี่คืออุบัติภัยอันไม่คาดฝัน แค่ให้เกียรติมาร่วมงานเลี้ยง แต่กลับถูกคนตบจนจมูกหัก
จมูกของภรรยาท่านประธานห้ามเลือดไว้ได้แล้ว แต่สีหน้าดูไม่จืดอย่างยิ่ง กล่าวตำหนิด้วยความโมโห “เสี่ยวจาง สถานีของพวกเธอนี่จ้างคนบ้ามาทำงานด้วยหรือ? นี่… นี่มันคดีอาญาเลยนะ!”
ความจริงนอกเหนือความโกรธแค้นของภรรยาท่านประธาน ภายในใจของเธอยังออกจะปิติยินดี โชคดีที่เจ้าบ้านั้นตบเธอแค่หนเดียว ถ้าหากเหตุอุบาทว์ของรองประธานจางเกิดขึ้นกับตัวเธอ นั่นคงจะทำให้ขายขี้หน้าเป็นอย่างมาก
หลังจากรองประธานจางได้ยินคำพูดของภรรยาท่านประธาน ก็หวังจะให้ฉีอี้ถูกลงโทษอย่างสาสม แต่ปากกลับไม่ได้พูดตามที่คิด “พี่จ้าวครับ ผมจะตรวจสอบเรื่องให้กระจ่าง แล้วรายงานกับท่านประธาน เสี่ยวหลี่ ส่งพี่จ้าวไปโรงพยาบาลไปหาหมอก่อนสิ”
พอก้มหัวส่งภรรยาท่านประธานด้วยความเคารพแล้ว รองประธานจางก็ไม่ทันได้ดูแลแขกท่านอื่น เดินไปยังประตูข้างที่เจ้าอ้วนฉีเพิ่งถูกยกออกไปจากตรงนั้นด้วยความโกรธแค้น
ฉีอี้พบว่าตัวเองกำลังฝัน ฝันว่าเขาถูกสัตว์ป่าดุร้ายมากมายรุมโจมตี หลังจากวิ่งหนีหมีขั้วโลกเหนือตัวหนึ่งมาได้ ดันถูกพวกสัตว์ดุร้ายทับอยู่บนตัว พอฝันถึงตรงนี้ก็ค่อยๆ ได้สติกลับคืนมา
“หืม? นี่พวกนายกำลังทำอะไร?”
พอหัวหน้าฉีได้สติกลับมาก็พบว่า เขาถูกเพื่อนร่วมงานสองสามคนกดเขาลงบนพื้น ใบหน้าอ้วนนั่นแนบประกบกับพื้นหินอ่อนอันเยียบเย็น ทำให้เขาไม่สามารถส่งเสียงออกมาได้ชัดเจน
“ปล่อยฉัน ปล่อยฉันนะ!”
หัวหน้าฉีที่ไม่รู้ว่าเกิดอะไรขึ้นดิ้นรนขัดขืนลุกมา แต่กลับไม่นึกว่าพอยกใบหน้า ฝ่าเท้าใหญ่ก็ร่วงลงมาจากฟ้า เหยียบลงเข้าที่หน้าของเขาอย่างแรง
“โอ้ย!” เสียงร้องโหยหวนเปล่งออกมาจากปาก ไม่ทันได้ใส่ใจอาการเจ็บแปลบที่จมูก ฉีอี้ก็ยกหัวขึ้นมาอย่างลำบาก เห็นใบหน้าบิดเบี้ยวไปด้วยความโกรธของรองประธานจาง
“รองประธานจาง นี่มัน… เกิดอะไรขึ้นหรือครับ?”
ในใจหัวหน้าฉีรู้สึกไม่ได้รับความเป็นธรรม พวกพ้องทำงานรับใช้กันมานานขนาดนี้ ถึงไม่มีคุณงามความดีแต่ก็มีความทุกข์ยากลำบากไม่ใช่หรือ? ไม่ต้องพูดถึงเรื่องส่งคนมาจับตัวเขากดไว้ จู่ๆ ก็กระทืบใส่โดยไม่ถามต้นสายปลายเหตุกันเลยหรือไง?
“เกิดอะไรขึ้นงั้นหรือ? แกไปคุยกับตำรวจเถอะ?!“
รองประธานจางเผยสีหน้าโหดเหี้ยม ปีนี้เขาแค่อายุห้าสิบสองปี ยังมีความหวังพัฒนาไปอีกก้าว แต่เรื่องที่เกิดขึ้นเมื่อครู่นั้น ทำให้ความหวังของเขาทั้งหมดแหลกสลายกลายเป็นฟองสบู่
“ฉีอี้เจตนาประทุษร้าย โทรศัพท์แจ้งตำรวจซะ!”
เวลานี้รองประธานจาง อยากจะฆ่าเจ้าหมูอ้วนที่อยู่บนพื้นนี่เสียเหลือเกิน แต่ว่าเมื่อเทียบกันแล้วการจัดการกับปัญหายังสำคัญยิ่งกว่าสั่งสอนฉีอี้ หลังจากสั่งการแล้ว รองประธานจางก็หมุนตัวเดินออกไป เขาต้องคิดหาวิธีชดเชยต่อสิ่งที่ฉีอี้ทำร้ายร่างกายภรรยาของท่านประธาน!
…………………………-
“มีใครบอกฉันได้บ้าง เมื่อ… เมื่อครู่นี้เกิดอะไรขึ้น”
หลังจากที่รองประธานจางออกไปนั้นเอง คนที่มามุงดูถึงเพิ่งรู้สึกตัว เรื่องวุ่นวายที่เกิดขึ้นเมื่อครู่เกิดขึ้นอย่างฉับพลัน โดยไม่มีสัญญาณบอกล่วงหน้าใดๆ ถึงแม้ว่าจบลงอย่างรวดเร็ว แต่ผู้คนที่อยู่หน้าประตูกลับต่างเห็นเหตุการณ์ทั้งหมดอย่างชัดเจน
“สงสัยหัวหน้าฉีไม่พอใจท่านประธาน จึงหาโอกาสที่จะแก้แค้นท่านประธานล่ะมั้ง…”
“ฉันว่าไม่ใช่ น่าจะเป็นลมบ้าหมูกำเริบ แต่มันก็แปลก ถ้าลมบ้าหมูปากจะมีฟองน้ำลายออกมาไม่ใช่หรือ?”
“อะแฮ่ม ฉันว่าเขาถูกใจภรรยาของประธาน หลังจากโดนปฏิเสธก็เกิดอาการคุ้มคลั่ง เลยเกิดเป็นโศกนาฏกรรมในครั้งนี้!”
ความอยากรู้อยากเห็นของคนเราไม่มีที่สิ้นสุด ก่อนจะรู้ความจริง คำซุบซิบนินทาหลากรูปแบบก็กระจายไปทั่วภายในงาน ต่างคนต่างมีความคิดเห็น วิพากษ์วิจารณ์กันอย่างสนุกปาก
ที่กลุ่มเล็กๆ ข้างตัวเยี่ยเทียน หลงเสวี่ยเหลียนเจอเกาเฉียนจิ้นที่เพิ่งแทรกเข้ามา จึงพูดว่า “เกาเฉียนจิ้น ตระกูลคุณดูแลวิทยุกระจายเสียงและโทรทัศน์แห่งชาติไม่ใช่หรือ? เดี๋ยวกลับไปสืบดูสิว่าเรื่องนี้มันเกิดขึ้นได้อย่างไรกัน?”
“ผมจะไปรู้ได้อย่างไรว่ามันเกิดอะไรขึ้น? แม่เอ๊ยขายหน้าจริงๆ! ไปเถอะๆ อย่าเอาแต่มุงดูเรื่องวุ่นวายอยู่ตรงนี้เลย…” เกาเฉียนจิ้นตอบกลับไปอย่างอารมณ์เสีย ในฐานะที่เป็นลูกหลานหัวหน้ากระทรวง ครั้งนี้เขารู้สึกว่าเสื่อมเสียชื่อเสียงเช่นกัน…
………………