แม้ว่าข้างในจะยิ้มร้ายมากแค่ไหนแต่ภายนอกชูฮันยังคงรักษาท่าทีนิ่งๆและเย่อหยิ่งเอาไว้จนมันยั่วอารมณ์โกรธของอีกฝ่ายได้”อย่าให้มันมากไปรุ่นพี่!”
ยิ่งเห็นการตอบรับของชูฮันฉางกวนหลงก็ยิ่งมั่นใจในการตัดสินใจของตัวเองเข้าไปอีก “มันเป็นสิ่งที่ไม่อาจจะปฏิเสธได้ เอาล่ะ ฉันจะให้เวลาลูกน้องทั้งหลายของคุณได้ไปซ่อมแซมสถานที่สำหรับพักผ่อนคืนนี้ แล้วก็ฉันจะให้คนของฉันหนึ่งคนอยู่ที่นี้คอยจัดการเรื่องเสื้อผ้าและอาหารให้ ไม่ต้องปฏิเสธ ในฐานะผู้นำของค่ายนี่เป็นข้อสรุปสุดท้าย”
ความคิดของฉางกวนหลงยิ่งดิ่งลงลึกเข้าไปอีกยิ่งเขาคิดมากเท่าไหร่ก็คิดไม่ตก หากเขามักสัมผัสได้เสมอว่าชูฮันมีแผนการลับที่ร้ายกาจซ่อนเอาไว้คอยควบคุมสถานการณ์ทั้งหมดอยู่
”ถอนกำลังออกไปทั้งหมด?”ชูฮันไม่คิดว่าตาแก่ฉางกวนหลงจะตัดสินใจแบบนี้ เป็นอีกครั้งที่อีกฝ่ายให้โอกาสเขาได้สร้างโอกาส ดังนั้นชูฮันที่ไตร่ตรองได้แล้วก็พยักหน้าตอบรับ “ถ้างั้นผมก็ไม่มีปัญหาอะไรอีก แต่เรื่องสภาพที่พักของผม ท่านจะปล่อยให้ผมนอนในที่แบบนี้ต่อไป? ผมรอจนเช้าแล้ว อย่าบอกนะว่าท่านยังไม่เตรียมการอะไรให้เลย!”
ฉางกวนหลงตะลึงกับอารมณ์ของชูฮัน”ทางเราจะจัดเตรียมที่พักใหม่ไว้ให้คุณ และจะได้อยู่ในตัวเมืองเลยแหละ!”
”อะไรน่ะ?ในตัวเมือง?” ชูฮันอดไม่ได้ที่จะประหลาดใจ “ท่านมั่นใจที่จะให้ผมพักอยู่ใกล้ฉางกวนยวีซินเหรอ?”
”อย่ามาทำพูดดี!”ทันใดนั้นฉางกวนหลงก็โมโหขึ้นมาอีกครั้ง “แขกทุกคนต้องอยู่ในตัวเมืองหลัก ฉันจะคอยจับตาดูพวกคุณเองทุกฝีเก้า ส่วนลูกสาวของฉัน อย่ายุ่ง อย่าเข้าใกล้เธอ!”
”วัยกลางคนนี่อารมณ์รุนแรงจัง”ชูฮันไม่สนใจฉางกวนหลงเลยแม้แต่น้อย
เพราะงั้นท่ามกลางเสียงคุยที่ตะคอกใส่กันไปมาระหว่างทั้งคู่ความเครียดกังวลในใจที่เหล่านายพลหรือผู้นำค่ายเล็กๆทั้งหลายมีนั้นก่อตัวเพิ่มขึ้นเรื่อยๆจนแทบจะกระอักออกมาเป็นเลือด…พลเอกชูฮันหมายความว่ายังไงที่บอกจะให้ทุกคนชดใช้คำพูดที่เคยพูดไม่ดีเกี่ยวกับชูฮัน?
ตลอดเวลาที่เหลือในวันนั้นชูฮันใช้เวลาอยู่ในที่พักบอกเล่าถึงแผนการกับทีมกุ้งเสือดำยกเว้นแต่หลูปิงเซ่อที่คอยติดตามชูฮันมาตลอดและรู้เรื่องราวดีอยู่แล้ว หลังจากประชุมเรียบร้อยทีมกุ้งเสือดำทั้ง 50 คนก็เก็บข้าวของทันที เตรียมตัวจะไปจากค่ายหนานตู้
ฉางกวนหลงที่จากไปพร้อมกับความหงุดหงิดในใจยิ่งคิดมากเท่าไหร่ เขาก็ยิ่งรู้สึกโกรธมากเท่านั้น “ไหนนายบอกว่าชูฮันมันเป็นคนมีเกียรติไง แล้วเป็นไง มันแสดงความรับผิดชอบอะไรมั้ย?”
มู๋หรงยู่เฉิงเม้มปากไม่อยากจะพูดเลยว่าพฤติกรรมของฉางกวนหลงที่แสดงกับชูฮันก่อนหน้านี้มันงี่เง่าเหมือนเด็กน้อยมากขนาดไหน มันไม่ใช่ผู้นำของค่ายที่เล่นสงครามประสาทกับคนกระทำผิดเลยสักนิด?
อยากจะบ้าตาย!
”ท่านพลเอกครับ!”ขณะที่ฉางกวนหลงและมู๋หรงยู่เฉิงกำลังเดินกลับไปที่ห้องทำงาน จู่ๆก็มีนายทหารวิ่งเข้ามาด้วยสีหน้ากังวล “แย่แล้วครับ มีบางอย่างผิดปกติ!”
ฉางกวนหลงตกใจ”เกิดอะไรขึ้น?”
”ความคิดเห็นสาธารณะครับ”นายทหารเอ่ยขึ้นอย่างตระหนก ปาดเหงื่อที่หน้าผากตัวเองออก “มีข่าวไม่ดีของผู้นำของค่ายอื่นๆสองท่านหลุดออกมาครับ และตอนนี้มันก็กระจายไปทั่วถนนค่ายหนานตู้ไปทั่วแล้วครับ!”
”ฮึ่มมมม…!”ฉางกวนหลงคำรามในลำคอ ไม่คาดเลยว่าจะได้ยินเรื่องราวแบบนี้ ในขณะเดียวกันก็อดประหลาดใจกับความรวดเร็วในการทำงานของราชานักล่าอย่างฟานเจี้ยนไม่ได้ ฉางกวนหลงหยุดยืนนิ่งและเอ่ยถาม “บอกมาโดยละเอียดว่าข่าวมันมีอะไรบ้าง แล้วมันถูกแพร่ออกมาได้ยังไง?”
ฉางกวนหลงรู้สึกว่า…ราชานักล่าเริ่มจะน่ากลัวหน่อย!
”พวกเราไม่รู้ครับว่าข่าวมันส่งมาทางไหนแล้วแพร่ไปได้ยังไงเรารู้แค่ว่าหลังจากข่าวถูกปล่อยออกมา ชาวบ้านก็พูดคุยเรื่องนี้กันไปทั่วค่ายแล้วครับ เป็นเนื้อหาเกี่ยวกับอดีตของผู้นำค่ายที่เป็นแขกของเราครับ บอกว่าหนึ่งในนั้นเป็นพวกรักสองเพศครับ” เมื่อนายทหารรายงานข้อมูลเสร็จ ก็เหมือนกับมีอะไรมาล็อคขาของฉางกวนหลงเอาไว้ไม่ให้เดินต่อ และดูเหมือนจะเป็นการจงใจของใครสักคนเพราะดูจากเหตุการณ์ทั้งหลายในวันนี้
ฉางกวนหลงยืนตะลึงหลังจากได้สติก็พยายามกวาดตามองรอบๆและไปหยุดที่มู๋หรงยู่เฉิง “แล้วพวกมันกล้าคิดจะแต่งงานกับลูกสาวฉัน? มาจากค่ายไหน ส่งมันกลับค่ายมันไปเดี๋ยวนี้!”
”ครับ!”มู๋หรงยู่เฉิงตอบรับทันที ในใจก็กังวลและปวดหัวกับเรื่องราวมากมายที่เกิดขึ้นไล่เรี่ยกัน รวมถึงตกใจกับความสามารถของราชานักล่าเช่นกัน
ขณะที่ทั้งฉางกวนหลงและมู๋หรงยู่เฉิงกำลังสับสนและก่อนที่ทั้งคู่จะทันได้คิดว่าราชานักล่าสามารถสร้างเรื่องในค่ายหนานตู้ได้ยังไง จู่ๆมันก็มีเสียงร้องตะโกนดังมาจากที่ไกล
”อ๊ากกกก!”
”อ๊ากกกก!”
เสียงแหกปากร้องตามมาด้วยเสียงกระแทกบางอย่างราวกับมีอะไรแตกหัก
”เกิดบ้าอะไรอีก?!”ฉางกวนหลงทนไม่ไหวกับเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นต่อเนื่องไม่หยุด เขาไม่สามารถกลั้นอารมณ์ได้อีกต่อไป
”จากที่ได้ยินดูเหมือนจะเป็นเสียงของจงไคครับ!”มู๋หรงยู่เฉิงเองก็ตกใจกับเสียงขอองคนที่ได้ยิน
”ไปดูสิ!”ฉางกวนหลงตอนนี้หัวหมุนไปหมดหากเขาก็รีบออกเดินทันที
”ระวังครับท่านผมขอเดินนำเองครับ!” นายทหารที่มารายงานสถานการณ์เป็นคนเดินนำไปตามจุดที่เสียงดัง และทันทีที่เลี้ยวมุมเข้ามา เมื่อภาพตรงหน้าปรากฏต่อสายตา ฉางกวนหลงและมู๋หรงยู่เฉิงก็ตกใจและหวาดกลัวขึ้นมา
แน่นอนว่าคนที่ส่งเสียงร้องคือจงไคจริงๆอย่างที่คิดและภาพตรงหน้าทั้งสามคนคือภาพนองเลือดสยดสยองจนฉางกวนหลงแทบจะเป็นลมทันทีที่เห็น
สังหารหมู่!
ถนนที่เดิมสะอาดและเป็นระเบียบตอนนี้มีแต่คราบเลือดเต็มไปหมด ทุกๆที่มีเลือดสาดกระเซ็นไปทั่ว ส่วนจงไคก็นอนจมกองเลือดที่เจิ่งนองที่พื้น เนื้อตัวบิดเบี้ยวเหมือนกระดูกหักหลายจุด ที่น่าอับอายและสยดสยองที่สุดก็คือช่วงล่างตัวของจงไค ขาทั้งสองข้างหักอย่างเห็นได้ชัดเจน เนื้อขาถูกกรีดเปิดออกจนถึงกระดูก น้ำในไขกระดูกไหลหยดทีละหยดลงพื้นอย่างสยองขวัญต่อคนที่ได้เห็น
อย่างไรก็ตามในบริเวณนี้กลับไม่มีใครสักคนที่น่าต้องสงสัยเลยสักนิด ไม่มีแม้แต่อาวุธมีคมที่ใช้ แล้วขาทั้งสองข้างของจงไคเป็นแบบนี้ได้ยังไง? หรือว่าเป็นฝีมือของผี?
”อ๊ากก!ชะ ช่วยฉัน ช่วยฉันด้วย!” จงไคที่นอนอยู่ที่พื้นดิ้นรน พยายามเค้นเสียงร้องออกมา สีหน้ามีแต่ความสิ้นหวัง
”เกิดอะไรขึ้น?”ฉางกวนหลงถามด้วยความเดือดดาลจนน้ำเสียงแทบจะเป็นตะคอกใส่
”มีบางอย่างผิดปกติครับท่านมายืนข้างหลังผมไว้ครับ” มู๋หรงยู่เฉิงเองก็ตกใจและรีบดันตัวฉางกวนหลงไปไว้ด้านหลังตัวเอง จากนั้นก็หันไปออกคำสั่งกับนายทหารที่ยืนตะลึงอยู่ข้างๆ “ไป ไปตามคนมา”
”ก่อนอื่นตามทีมแพทย์มาด่วน!เราต้องช่วยชีวิตเขา!” ฉางกวนหลงที่ได้สติรีบออกคำสั่งขึ้นมา ตอนนี้มันมีความกังวลอัดแน่นเต็มอกเขา…ลูกชายของผู้นำค่ายจินหยางอย่างจงไคถูกกระทำแบบนี้ในที่ของเขาเอง ค่ายหนานตู้และจินหยางจะกลายเป็นมีปัญหาหรืออาจเกิดสงครามขึ้นได้!
ฉางกวนหลงเองก็ได้แต่หวังว่าจงไคจะแค่สูญเสียขาไปเท่านั้นแต่ไม่เสียชีวิต
ทีมแพทย์รีบกรูเข้ามาล้อมจงไคเพื่อประคองชีวิตไว้อย่างทันเวลาก่อนจะพาตัวเข้าห้องผ่าตัดไปหากพวกเขาไม่สามารถยื้อขาทั้งสองข้างของจงไคเอาไว้ได้ ที่พักทั้งหมดในบริเวณ VIP ถูกปิดกั้นทันที ภายในวันๆเดียวมีเหตุการณ์และกรณีมากมายเกิดขึ้น ทั่วทั้งค่ายหนานตู้เละเทะไม่เหลือสภาพ
ทว่าไม่มีใครรู้ว่าเบื้องหลังความวุ่นวายทั้งหมดนี้มีหลายอย่างได้เกิดขึ้นและสำเร็จไปแล้วตามแผนของชูฮัน