“เหนี่ยนซี…”
นี่เป็นครั้งแรกที่อวี้เชียนเสวี่ยถูกสตรีกดร่างเอาไว้ ทั้งยังอยู่ในท่าขี่ม้าอีกด้วย ว่าแล้วแก้มเขาก็แดงก่ำ สถานการณ์ในตอนนี้ไม่ชอบมาพากลสักเท่าไหร่
“หา เหตุใดเสวี่ยของข้าถึงได้รูปร่างหน้าตาหล่อเหลาขนาดนี้นะ…”
เพราะว่านางดื่มจนเมา สายตามู่เหนี่ยนซีจึงพร่าเลือนมองไม่ชัดเจน
เหตุใดนางถึงมองใบหน้าของเขาได้ไม่ชัดเจนเอาเสียเลย ต้องขยับหน้าเข้าไปใกล้ ใกล้เสียจนใบหน้าแทบจะติดกัน
“เหอะๆ ผิวขาวจริงๆ เนียนละเอียด นุ่มลื่น! น่าอิจฉาชะมัด!”
กลิ่นสุราผสมผสานกับกลิ่นหอมเนื้อนางสตรี อบอวลวนเวียนอยู่ที่จมูกของอวี้เชียนเสวี่ย
อยากตายให้รู้แล้วรู้รอด!
ความทรมานเช่นนี้!
เลือดในกายอวี้เชียนเสวี่ยเดือดพล่าน เขาจับข้อมือของมู่เหนี่ยนซีเอาไว้แน่น เพื่อที่จะลุกขึ้นนั่ง แล้วประคองนางไปที่เตียง ใครจะไปคิดว่ามู่เหนี่ยนซีจะใช้พละกำลัง กดอวี้เชียนเสวี่ยเอาไว้อย่างแน่นหนา
“สุดหล่อ ท่านจะไปไหนกัน”
คราวนี้มู่เหนี่ยนซีนั่งหลังตรงแน่ว พร้อมกับยื่นมือออกมาลูบไล้ผิวพรรณของอวี้เชียนเสวี่ย
“เหตุใดถึงได้ขาวขนาดนี้นะ ราวกับหนุ่มน้อยหน้าใส น่าเบื่อที่สุด! ทำไมข้าไม่ขาวบ้างนะ ไม่ได้ ข้าจะต้องไปหาน้องอวี้ถามหาตำราความขาว…”
เมื่อกล่าวมาถึงตรงนี้ มู่เหนี่ยนซีก็ยิ้ม ‘อิอิ’ ออกมา แล้วก็ตบที่ปากตนเองหนึ่งครั้ง
“ไอ้หยา เสี่ยวอวี้ ไม่ใช่น้องอวี้! หากนางเป็นน้องสาวของข้า ข้าก็มิอาจอยู่ร่วมกับเสวี่ยได้!”
มู่เหนี่ยนซีตอนเมาสุรา ราวกับเด็กหญิงตัวน้อยก็ไม่ปาน เดี๋ยวงงงวยเดี๋ยวเข้าใจ ว่านอนสอนง่าย
แล้วก็บังเอิญที่ใบหน้าของนางราวกับพี่สาวที่เข้าใจโลกถ่องแท้กับร่างที่เป็นผู้ใหญ่
ทั้งสองสิ่งที่แตกต่างกันโดยสิ้นเชิงรวมอยู่ในร่างของคนคนเดียว เดิมทีแล้วมันควรที่จะมีความขัดแย้งกันอยู่มาก ทว่าในสายตาอวี้เชียนเสวี่ย มู่เหนี่ยนซีในแบบนี้ กลับน่ารักเอาเรื่องทีเดียว!
แต่ว่า นางดื่มจนเมา เขาเป็นสุภาพบุรุษ มิควรฉวยโอกาสเอาเปรียบหญิงสาวในขณะที่นางเมามายเช่นนี้ คิดได้ดังนั้น อวี้เชียนเสวี่ยจึงต้องหาสารพัดคำมาปลุกปลอบ เพื่อให้มู่เหนี่ยนซีปล่อยตนเอง
หากว่านางกำลังมีสติที่ครบถ้วนสมบูรณ์ วิธีของอวี้เชียนเสวี่ยต้องได้ผลอย่างแน่นอน แต่กับคนเมาคนหนึ่งหรือว่ากับหญิงสาวแล้วหากจะพูดด้วยเหตุผลละก็ นางจะทำให้ชายหนุ่มไร้ซึ่งเหตุผลใดๆ มาพูดอีกเลย
ซึ่งก็จริงอย่างที่คาดไว้ เมื่อมู่เหนี่ยนซีได้ฟังคำพูดของอวี้เชียนเสวี่ยแล้ว ก็ยื่นมือมาอุดปากอวี้เชียนเสวี่ยทันที
“ไม่ต้องพูดแล้ว! น่ารำคาญชะมัด!”
“บ่นมากอยู่ได้ บ่นยิ่งกว่าท่านแม่อีก น่ารำคาญที่สุด หากท่านยังพูดอีก ข้าจะกัดท่าน!”
พูดจบ มู่เหนี่ยนซีก็นอนคว่ำบนลงบนร่างของอวี้เชียนเสวี่ย อ้าปาก แล้วกัดที่คางของเขาอย่างแรง
งับ…
คราวนี้ เจ็บจริงจนอวี้เชียนเสวี่ยร้องออกมา
“อ๊าก…”
มู่เหนี่ยนซีมองเห็นอวี้เชียนเสวี่ยขมวดคิ้วทำหน้าตาน่าสงสารแล้ว นางกลับชอบใจเป็นอย่างมาก
“นี่คือการลงโทษท่าน! ใครใช้ให้ท่านชอบรังแกข้ามาตลอดเล่า”
“ข้าเปล่า…”
“ข้าบอกว่ารังแกก็คือรังแกสิ!”
ว่าแล้วมู่เหนี่ยนซีก็งับเข้าที่หัวไหล่ของอวี้เชียนเสวี่ยอีกครั้ง
“ท่านไล่ข้าไป ทั้งยังรังเกียจว่าข้าเป็นโจร ท่านร้ายยิ่งนัก! ข้าต้องแก้แค้น”
“ได้ๆ เจ้าแก้แค้น!”
“แต่ว่าเจ้าเบามือหน่อยนะ แม่ทูนหัว เนื้อของข้าถูกเจ้ากัดจนหลุดหมดแล้ว…”
อวี้เชียนเสวี่ยกำลังใช้อุบายหลอกเด็กหล่อกล่อมู่เหนี่ยนซี
“ข้ามิใช่อาหรือย่าของท่านเสียหน่อย! อายุยังห่างอีกตั้งเยอะ ข้าไม่แก่ถึงขนาดนั้นนะ!”
มู่เหนี่ยนซีเห็นอวี้เชียนเสวี่ยอยู่ตรงหน้าก็ยื่นหน้าเข้าไปหา หน้าชนหน้า สายตาประสานกัน นางจ้องอวี้เชียนเสวี่ยนิ่ง ดวงตาไม่ขยับเขยื้อน
“ท่านเป็นบุรุษ ข้าเป็นสตรี! ข้าเคยบอกกับท่านไปตั้งนานแล้ว ว่าท่านหนีไม่พ้นเงื้อมมือของข้าหรอก!”
คำปฏิญาณที่เร่าร้อน พริบตานั้นมันจุดเปลวไฟในหัวใจของอวี้เชียนเสวี่ยให้ติดขึ้น
รูปแบบความรักของชาวโจรสลัดก็ง่ายๆ พวกเขาจะไม่ใช้ สามี ภรรยา สองคำนี้เรียกขานคนรักของตนเอง
ที่ทะเลหมอก คำหยาบที่อวี้เชียนเสวี่ยได้ยินบ่อยครั้งที่สุดนั่นก็คือ ‘บุรุษของข้า สตรีของข้า’ มีหยาบยิ่งกว่านั้น นั่นก็คือพวกเขาถึงกับใช้คำเรียกว่า ‘นี่คือผัวของข้า นี่คือเมียของข้า’ เลยทีเดียว
ง่ายและตรง ในทางตรงกันข้ามมันสามารถแสดงถึงความสัมพันธ์ที่ใกล้ชิดระหว่างคนสองคนได้เป็นอย่างดี ไม่มีความห่างเหินด้วยคำว่าความสุภาพและมารยาท มีเพียงแค่ความรักที่ร้อนแรงเท่านั้น
ตอนนี้มู่เหนี่ยนซีกำลังใช้วิธีการของโจรสลัดแสดงความรู้สึกตนออกไป ทำให้เลือดหนุ่มในร่างกายของอวี้เชียนเสวี่ยฉีดพล่าน ขณะเดียวกันจิตใจเตลิดเปิดเปิง
เพียงแต่ม้าที่กำลังวิ่งพุ่งออกไปก็ถูกสติปัญญาอันฉลาดหลักแหลมของอวี้เชียนเสวี่ยตวัดกลับมาจนได้
ใจสั่นหวั่นไหวก็ส่วนหนึ่ง แต่อย่างไรเสียเขาก็ยังต้องให้เกียรติด้วยความที่นางเป็นสตรีด้วย!
เขาจะฉวยโอกาสได้อย่างไร เขาจะมีความคิดเช่นนั้นในขณะอีกฝ่ายเมาสุราได้อย่างไรกัน…
ยิ่งคิด อวี้เชียนเสวี่ยก็ยิ่งรู้สึกว่าตนเองเป็นคนที่เลวนัก ถึงกับมีความคิดเช่นนั้นกับมู่เหนี่ยนซีได้
“ต้องสงบใจไว้ ต้องอดทน!”
อวี้เชียนเสวี่ยกระซิบบอกตนเอง
“อดทนอะไร”
มู่เหนี่ยนซีเท้าคางถามขึ้น แล้วจ้องมองอวี้เชียนเสวี่ยสายตาแป๋วแหวว
“เสวี่ย หน้าท่านแดง ป่วยหรือเปล่า”
พูดไป ก็ยื่นมือมาทาบดูที่หน้าผากของอวี้เชียนเสวี่ย
ใครจะคาดคิด มือของนางยิ่งอุ่นร้อนกว่าปกติเสียอีก เมื่อครู่ที่สัมผัสกับผิวของอวี้เชียนเสวี่ย
ซ่า!
ทำให้ใบหน้าของเขายิ่งแดงก่ำ ราวก้อนเมฆที่ถูกแสงตะวันสาดส่อง
“ป่วยจริงๆหรือ”
คราวนี้มู่เหนี่ยนซีร้อนใจขึ้นมาจริงๆเสียแล้ว นางพลิกกายลงจากเตียง เดินอาดๆ มุ่งหน้าจะออกไปจากห้อง
“เสี่ยวอวี้ เสวี่ย ไม่สบาย เสี่ยงอวี้…”
“ข้าไม่เป็นอะไร!”
เสียงมู่เหนี่ยนซีตะโกนออกไป ทำให้อวี้เชียนเสวี่ยอับอายยิ่งนัก
หากมู่เหนี่ยนซีเรียกอวี้เฟยเยียนเข้ามา เข้าจะอธิบายอย่างไรกัน
หรือจะให้เขาบอกกับหลานสาวว่า ลุงสามของนางเกิดอารมณ์ขึ้นมา ตอนนี้ถูกไฟปรารถนาแผดเผาอย่างนั้นหรือ
แล้วเขาจะเอาหน้าไปไว้ที่ไหนกัน!
อวี้เชียนเสวี่ยยื่นมือออกไปโอบกอดมู่เหนี่ยนซีไว้ เพื่อไม่ให้นางออกไป แต่ทว่ามู่เหนี่ยนซีกลับไม่รู้ไปเอาเรี่ยวแรงมาจากไหนขืนตัว คนทั้งสองจึงกลิ้งไปมาบนพื้น
คราวนี้กลายเป็นมู่เหนี่ยนซีที่อยู่ด้านล่าง โดยที่อวี้เชียนเสวี่ยอยู่ข้างบน
“เหนี่ยนซี เจ็บหรือเปล่า รีบลุกขึ้นเร็ว!”
อวี้เชียนเสวี่ยลุกขึ้นแล้วฉุดรั้งมู่เหนี่ยนซีขึ้นมาด้วย แต่นางกลับยื่นมือขึ้นมาโอบรอบคออวี้เชียนเสวี่ย
“เสวี่ย ท่านชอบข้าหรือไม่”
ริมฝีปากมู่เหนี่ยนซี ชุ่มฉ่ำอวบอิ่ม สีแดงระเรื่อ ราวกับดอกไม้แรกแย้มก็ไม่ปาน
และดวงตานางก็มิใช่สีดำปกติทั่วไป หากแต่เป็นสีเดียวกับสีผิวนาง เป็นสีน้ำตาลเข้ม เจือความด้วยความเป็นเลือดผสมเอาไว้ ซึ่งให้ความรู้สึกพิเศษอีกแบบหนึ่ง
“ท่านรักข้าหรือไม่”
ชั่วชีวิตอวี้เชียนเสวี่ยนี่เป็นครั้งแรกที่เขาถูกไล่ถามคำถามเช่นนี้
ถึงแม้ว่าเขาจะเคยชินกับความกล้าหาญชาญชัยและความเผ็ดร้อนของมู่เหนี่ยนซีอยู่แล้ว แต่อวี้เชียนเสวี่ยก็รู้ดีกว่า นางมิใช่หญิงง่ายๆ
ที่ทะเลหมอก มีโจรสลัดหนุ่มมากมายที่ชอบพอในตัวมู่เหนี่ยนซี พวกเขาต่างคอยไล่ตามนาง
แต่นางก็มิสนใจเลยแม้แต่น้อย ถึงแม้จะมียิ้ม หัวเราะ ด่าทอ แต่จนแล้วจนเล่านางก็ยังรักษาระยะห่างระหว่างตนเองกับเด็กหนุ่มพวกนั้นไว้อย่างดี ราวกับกุหลาบงามที่เต็มไปด้วยหนามแหลม ทำได้เพียงมองอยู่ไกลๆ แต่มิอาจเด็ดมาดอมดมได้ง่ายดาย
เพราะว่านางมีความสามารถและเป็นที่ดึงดูด ทั้งรักษากายให้สะอาดมิมีด่างพร้อย มีความกล้าหาญ มีคุณธรรม ดังนั้นจึงทำให้ผู้คนต่างพากันรักและเทิดทูน กลายเป็นโจรสลัดหญิงแถวหน้าที่มีชื่อเสียงเลื่องลือ
มู่เหนี่ยนซี เป็นสตรีที่ดีงามคนหนึ่ง!
“ข้าชอบเจ้า! ข้ารักเจ้า!”
อวี้เชียนเสวี่ยยกมือขึ้นปัดเส้นผมที่ปรกหน้าของนางให้คลายออก เพื่อเผยความงดงามของหน้าผากและคิ้วแสนสวยของนาง
“ข้าไม่เชื่อ!”
มู่เหนี่ยนซีตาปรือ
“เห็นๆ กันอยู่ว่าข้าคอยไล่ตามท่านมาโดยตลอด ไล่ตามท่านอยู่เบื้องหลังด้วยความยากลำบาก แต่ท่านก็มักจะเย็นชาใส่ เอาแต่รักษาระยะห่างระหว่างท่านและข้า! ตอนนี้ ท่านเพียงแต่หลอกให้ข้าดีใจเท่านั้น!”
“ใช่ ข้าผิดเอง!”
อวี้เชียนเสวี่ยรีบเอ่ยปากขอโทษ
ข้าอายุมากเกินไป ไม่คู่ควรกับเจ้า!
อวี้เชียนเสวี่ยเปิดเผยความในใจของตนเอง ซึ่งเป็นสิ่งที่เขาเองยังนึกไม่ถึงว่าตนเองจะทำ
เมื่อตอนที่เขาพบกับมู่เหนี่ยนซีนั้น เขาอายุสามสิบกว่าแล้ว จึงเป็นชายที่อายุมากแล้วคนหนึ่ง อีกทั้งยังเป็นคนพิการที่ลมปราณสูญสิ้นอีกด้วย
แต่นาง นางกลับเต็มไปด้วยชีวิตชีวาและพลัง ประหนึ่งแสงอาทิตย์ยามเช้าที่สาดส่องลงมาให้กับมนุษย์
พวกเขาทั้งสองอายุต่างกันมากกว่าหนึ่งรอบได้!
หากว่าเขาแต่งงานเร็วละก็ ไม่แน่ว่าลูกของเขาคงอายุเท่ามู่เหนี่ยนซีไปแล้ว!
อวี้เชียนเสวี่ยทำในสิ่งที่เรียกว่าวัวแก่เคี้ยวหญ้าอ่อนเรื่องพรรค์นั้นไม่ได้จริงๆ!