บทที่ 2007+2008

ลำนำบุปผาพิษ

บทที่ 2007 แขกไม่ได้รับเชิญ 3

คบหามาหลายปี…

แววตาของตี้ฝูอีลุ่มลึกเล็กน้อย

แม่ทัพหลงผู้นี้คบหากับนางมาหลายปีแล้วจริงๆ อย่างน้อยๆ ตอนที่เขายังอยู่ในวัยเด็ก ก็เคยเห็นสองคนนี้ไปชมโคมด้วยกัน…

เขาสูดหายใจเบาๆ คราหนึ่ง ยามนี้ไม่ใช่เวลามาถกเถียงเรื่องพวกนี้ อาการบาดเจ็บของกู้ซีจิ่วยังคงสาหัสยิ่งนัก…

“ข้าผู้เป็นคุณชายก็คือเสินเนี่ยนโม่” ตี้ฝูอีขว้างระเบิดออกมาตรงๆ น้ำเสียงทรงพลัง “นางกล่าวต่อหน้าผู้คนมากมายว่าข้าคือว่าที่สามีของนาง จะแต่งกับข้า…”

หลงซือเย่ตะลึงงัน เขาถูกฟ้าผ่าเข้าแล้ว!

เขาย่อมเคยได้ยินข่าวลือเหล่านั้นมาเช่นกันเพียงแต่ไม่ได้เก็บมาใส่ใจ

เขาชอบกู้ซีจิ่ว และให้ความสำคัญกับบุรุษรวมถึงสหายที่อยู่รอบกายกู้ซีจิ่วด้วย เขาถึงขั้นที่ระแวดระวังองค์ชายอวิ๋นเยียนหลีผู้นั้น แต่ไม่ได้ระแวดระวังเสินเนี่ยนโม่เลย…

ผู้ใดจะไประแวงเด็กน้อยหกขวบคนหนึ่งกันเล่า?!

ต่อให้เขาได้ยินข่าวลือพวกนั้น ก็แค่ยิ้มแวบหนึ่ง เนื่องจากเขารู้ว่ากู้ซีจิ่วไม่ได้จริงจังอะไร แค่ยั่วโมโหคนอื่นเท่านั้น

แต่ยามนี้พอได้เห็นตี้ฝูอีที่หล่อเหลาจนทำให้คนอยากแต้มบุปผาไว้บนดวงหน้าผู้นี้แล้ว หลงซือเย่ก็อยู่ไม่สุข!

“เจ้า…เจ้าคือคุณชายฝูอีมิใช่หรือ?! จะเป็นฝ่าบาทเนี่ยนโม่ไปได้อย่างไร?” หลงซือเย่รู้สึกว่าโลกนี้พิสดารไปแล้ว!

ยามที่ตี้ฝูอีท่องโลกภายนอก ไม่เคยคิดจะหยิบยืมชื่อเสียงบุพการีเลย และยิ่งไม่ต้องการให้คนทราบว่าเขาคือใคร ถึงได้ใช้นามแฝง เขาต้องการท่องใต้หล้าด้วยความสามารถของตนเอง ดังนั้นเวลาที่เขาอยู่ด้านนอกจึงไม่เคยเผยฐานะของตนต่อหน้าผู้อื่นเลย

แต่ตอนนี้เขาไม่สนใจแล้ว และเขาก็คิดจะมีปัญหายืดเยื้อกับหลงซือเย่เรื่องฐานะของตนนานนัก ดังนั้นเขาจึงทำให้กำไลที่อยู่บนข้อมือเผยโฉมออกมา กำไลมังกรบนข้อมือทอแสงทองพราวระยับส่องประกายอยู่ใต้แสงไข่มุก “คุณชายฝูอีคือนามแฝงของข้ายามที่ท่องอยู่ภายนอก”

หลงซือเย่ถอยหลังไปก้าวหนึ่งอย่างไม่อาจควบคุมตัวเองได้ งานเลี้ยงวันเกิดของเสินเนี่ยนโม่เมื่อปีนั้นเขาก็อยู่ทำหน้าที่อารักขาคุ้มกันในเหตุการณ์ด้วย

ยามนั้นเขาไม่มีคุณสมบัติพอได้เข้าสู่ห้องโถง แต่ก็ได้ยินมาว่าราชโอรสน้อยผู้นั้นได้รับกำไลวงหนึ่ง หลังจากสวมแล้วไม่ว่าจะทำอย่างไรก็ถอดออกมาไม่ได้อีก…

ยามนั้นผู้ที่เข้าร่วมงานเลี้ยงมียอดศิลปินอยู่ด้วย พลันเกิดแรงบันดาลใจ วาดรูปร่างหน้าตาของกำไลวงนั้นออกมา หลงซือเย่ก็เคยเห็นมาแล้ว เป็นวงเดียวกับที่อยู่ข้อมือตี้ฝูอีในยามนี้…

ไม่น่าเชื่อว่าเขาคือเสินเนี่ยนโม่จริงๆ…

ในใจของหลงซือเย่ไม่รู้เลยว่ามีรู้สึกเช่นไร เรื่องราวที่เกิดขึ้นระหว่างกู้ซีจิ่วกับเสินเนี่ยนโม่ เขาไม่ได้ทราบมากไปกว่าคนอื่นเลย แต่มีอยู่ข้อหนึ่งที่เข้ารู้ดียิ่งนัก

ถ้อยคำทั้งหมดที่กู้ซีจิ่วเอ่ยออกมาเป็นเพราะโทสะ ไม่ใช่ความจริงเลย!

เขาสูดหายใจยาวๆ เฮือกหนึ่ง “ฝ่าบาทอาจจะเข้าใจผิดไป ความรู้สึกที่ซีจิ่วมีต่อฝ่าบาทคือชมชอบเอ็นดู นางมิได้มีความรู้สึกรักใคร่ของชายหญิง ตอนนั้นที่นางกล่าวไปเช่นนั้น น่าจะเป็นเพราะถูกคณะอาจารย์เหล่านั้นของท่านยั่วโทสะเข้า ถึงได้พูดไปด้วยแรงอารมณ์ ไม่ใช่ความจริง ฝ่าบาทไม่จำเป็นต้องเก็บมาใส่พระทัย หากว่าสร้างความเดือดร้อนให้ฝ่าบาท รอจนอาการบาดเจ็บของซีจิ่วดีขึ้นแล้ว ค่อยเชิญนางไปอธิบายกับคณะอาจารย์ของฝ่าบาทเถิดพ่ะย่ะค่ะ…”

สายตาของตี้ฝูอีร่อนลงบนร่างเขา “เรื่องของข้ากับนางพวกเราจะสะสางกันเอง ไม่รบกวนให้แม่ทัพหลงมาไต่ถามหรอก กลับเป็นอาการบาดเจ็บของนางที่ยืดเยื้อต่อไปไม่ได้แล้ว ท่านแน่ใจหรือว่าต้องการจะคุยเรื่องซุบซิบเหล่านี้กับข้าอยู่ที่นี่?”

หลงซือเย่ย่อมร้อนใจเช่นกัน เขาก็เอ่ยอย่างตรงไปตรงมาว่า “ข้าน้อยกำลังจะรักษาให้นาง หากมิใช่ฝ่าบาทบุกเข้ามา ป่านนี้พวกเราคงเริ่มกันไปแล้ว!”

ตี้ฝูอีมองอ่างไม้ที่มีควันกรุ่นใบนั้น “รักษาอย่างไร อ่างสองใบนี้ใช้ทำอันใดกัน?”

หลงซือเย่คิ้วขมวด อันที่จริงเขาคร้านจะแจกแจงแก่ผู้อื่นเสมอมา กับคนที่เรียกขานตนว่าคู่หมั้นของกู้ซีจิ่วในยามนี้ เขายิ่งไม่อยากอธิบายเลย…

———————————————————————-

บทที่ 2008 แขกไม่ได้รับเชิญ 4

แต่คนที่อยู่เบื้องหน้าผู้นี้กลับมีทีท่าว่าจะถามซักไซ้ให้ถึงที่สุด ถ้าเขาไม่อธิบาย เกรงว่าคนผู้นี้คงไม่ปล่อยให้เขารักษากู้ซีจิ่วอย่างเป็นสุข เพียงแต่คนผู้นี้ฐานะสูงส่งวรยุทธ์เลิศล้ำ เขาจึงไม่สามารถเตะโด่งอีกฝ่ายออกไปได้…

ภายใต้ความจนปัญญา หลงซือเย่จึงทำได้เพียงอธิบายอย่างรวดเร็ว

บอกเล่าถึงอาการบาดเจ็บของส่วนใหญ่ของกู้ซีจิ่ว กล่าวเน้นอย่างชัดเจนว่าวิธีรักษานี้เป็นกู้ซีจิ่วที่เสนอมาเอง…

ตี้ฝูอีฟังอยู่เงียบๆ จนจบ หลังจากใคร่ครวญอยู่ครู่หนึ่งก็ยื่นทางเลือกให้หลงซือเย่สองข้อ

หนึ่ง เขากับหลงซือเย่สู้กันสักยก ใครชนะคนนั้นได้รักษาให้กู้ซีจิ่ว

สอง หลงซือเย่ยอมเป็นฝ่ายถอยไปเอง อารักขาอยู่นอกประตู เขาจะไปรักษากู้ซีจิ่ว หลังจากรักษาเสร็จสิ้นแล้ว เขาจะรีบไปขอยารักษาจากซานจิ่งเจินเหรินทันที ทำให้กู้ซีจิ่วดีขึ้นอย่างสมบูรณ์

หลงซือเย่โมโหแล้ว!

สองเงื่อนไขนี้ไม่ว่าเขาจะเลือกข้อใดล้วนเป็นการเอื้อให้ตี้ฝูอีได้รักษาให้นาง…

เขาลองต่อรองกับตี้ฝูอีดู “ฝ่าบาท วิธีรักษานี้ซับซ้อนยิ่งนัก มิใช่เอ่ยอธิบายเพียงรอบสองรอบแล้วจะเรียนรู้ได้เลย อาการบาดเจ็บของนางหนักหนาสาหัส ปล่อยให้เกิดอุบัติเหตุใดๆ ไม่ได้แล้ว หากฝ่าบาทหวังดีต่อนางจริง มิสู้อย่าทะเลาะกันเรื่องนี้ในเวลาเช่นนี้เลย…”

ถ้อยคำของเขากล่าวได้จริงใจนัก แต่ตี้ฝูอีกลับไม่นำพาเลย “วางใจเถอะ ขอเพียงท่านสอนขั้นตอนของวิธีนี้ให้ข้าอย่างถูกต้อง ข้าก็จะไม่ปล่อยให้เกิดเรื่องผิดพลาดใดๆ ขึ้น!”

“ฝ่าบาท!”

“ข้าตัดสินใจแล้ว!”

หลงซือเย่พูดไม่ออก เขาสูดหายใจลึกๆ คราหนึ่ง แล้วก็สูดเข้าไปอีกครั้ง “ฝ่าบาทก็คงชอบซีจิ่วยิ่งนักเช่นกัน แล้วเหตุใดจึงนำเรื่องความปลอดภัยของนางมาล้อเล่นเล่า?”

ตี้ฝูอีกอดอกทันที ไม่เอ่ยวาจาเลย เพียงมองเขาอย่างเยือกเย็น

ชัดเจนยิ่งนัก ตี้ฝูอีคิดจะวัดกับเขาแล้ว…

หลงซือเย่ยิ้มเย็นๆ แวบหนึ่ง “ดูเหมือนฝ่าบาทก็ไม่ได้ชมชอบซีจิ่วจริงๆ นี่”

ตี้ฝูอีหลุบตาลงเล็กน้อย น้ำเสียงเฉยเมย “ท่านเข้าใจผิดแล้ว ข้าไม่ได้บอกว่าชอบนาง…แต่ในเมื่อนางเรียกขานตัวเองว่าเป็นว่าที่ภรรยาของข้า ข้าย่อมต้องใส่ใจความบริสุทธิ์ผุดผ่องของนางเป็นธรรมดา ไม่ให้ถูกผู้ที่ไม่มีความเกี่ยวข้องได้เห็น!”

หลงซือเย่เงียบงัน

เขาชิงชังยิ่งนัก “ความเข้าใจผิดนี้นางจะอธิบายให้กระจ่างในภายหลังแน่…”

“เช่นนั้นก็รอหลังจากนางอธิบายให้กระจ่างแล้วค่อยว่ากัน ส่วนตอนนี้ อาการบาดเจ็บของนางมีเพียงข้าที่รักษาได้!”

หลงซือเย่หมดคำจะพูดแล้ว เขาก็เถียงไม่ออก สุดท้ายหมดหนทาง ทำได้เพียงยอมถ่ายทอดวิธีรักษาแขนงนี้ให้ตี้ฝูอี…

เพียงแต่เขาก็มีเงื่อนไขเช่นกัน “อาการบาดเจ็บของซีจิ่วยืดเยื้อต่อไปไม่ได้จริงๆ ท่านจะต้องเรียนรู้เคล็ดนี้ให้ได้ภายในครึ่งชั่วยาม หากว่าทำไม่ได้ ก็ต้องมอบให้ข้าทำ ข้าไม่อาจเบิกตามองกู้ซีจิ่วสิ้นชีพได้!”

“ได้” ตี้ฝูอีก็ตอบรับอย่างตรงไปตรงมายิ่งนัก

วิธีนี้ความจริงแล้วเป็นวิธีใช้พลังวิญญาณในการรักษาวิธีหนึ่ง ขั้นตอนซับซ้อน ต้องจรดนิ้วทำมุทราอย่างรวดเร็วรวมถึงมีความชำนาญด้านการควบคุมพลังวิญญาณด้วย

ตอนแรกยามที่หลงซือเย่เห็นเคล็ดนี้ในตำราแพทย์กู้ซีจิ่วมอบให้ ตอนนั้นเขาศึกษาค้นคว้าอยู่สิบวันถึงจะศึกษาได้กระจ่าง ผ่านไปหนึ่งเดือนถึงได้แตกฉาน เพียงแต่ยังไม่เคยได้ลองภาคปฏิบัติ…

ยามนี้เมื่อหลงซือเย่ถ่ายทอดให้ตี้ฝูอี ก็จงใจพูดอย่างรวดเร็วยิ่ง และสาธิตอย่างรวดเร็ว

ในใจเขายังคงโอบกอดความคิดเล็กๆ เอาไว้ หวังให้ตี้ฝูอีก้าวข้ามความยากลำบากไปไม่ได้…

นึกไม่ถึงว่าเขาเพิ่งจะพูดจบ ตี้ฝูอีก็เริ่มสาธิตให้ดูแล้ว…

ทุกการเคลื่อนไหวไม่ผิดเพี้ยนเลยสักนิด! ถึงขั้นที่ดูคล่องแคล่วยิ่งกว่าที่เขาทำเสียอีก…

หลงซือเย่แทบจะนึกสงสัยแล้วว่าอีกฝ่ายอาจเคยเรียนรู้วิชาแพทย์แขนงนี้มาก่อน!

เพียงแต่หากว่าอีกฝ่ายเคยเรียนมาก่อน ยามนี้ก็คงไม่มาเรียนรู้จากเขาอีกกระมัง? นิสัยของบุตรแห่งเทพมารผู้นี้เย่อหยิ่งยิ่งนัก!

วิปริต!

เฉลียวฉลาดจนขั้นวิปริตแล้ว…

ในใจของหลงซือเย่ก็ไม่ทราบเช่นกันว่ามีความรู้สึกเช่นใด

ตี้ฝูอีแสดงให้ดูไปรอบหนึ่ง เอ่ยถามเขาว่า “เป็นอย่างไร?”

———————————–