ตอนที่ 609: วังไปเหลียน

Crazy Leveling System

CLS ตอนที่ 609: วังไปเหลียน

 

“หามาตั้งนาน ในที่สุดข้าก็หาพบจนได้….”

 

อี้เทียนหยุนส่ายหัว ไม่คิดว่าเขาจะมาเจอมันที่ใต้วังไป๋เหลียน เขาก็คิดว่ายังต้องทําการค้นหาต่อ แต่ในเมื่อเรื่องเป็นแบบนี้ เขาก็ไม่จําเป็นต้องไปยังทวีปตี้จิ่งแล้ว เพราะว่าเขาได้สําเร็จในกระบวนการที่เป็นปัญหาและเสียเวลาที่สุดแล้ว

 

ตอนนี้เขาพบแล้วว่าที่ใต้วังไป๋เหลียนมีสมบัติล้ําค่าของราชาศักดิ์สิทธิ์อย่างที่คนคนอื่นว่าไว้จริงๆ

 

“เจ้ายืนเซ่ออยู่ที่นั่นทําไม ทําไมยังไม่เดินมาอีก?” จ้าวอวี่บ่นออกมา แม้ว่าพลังของอี้เทียนหยุนจะดี แต่เธอคิดว่าอย่างมากก็อยู่แค่ระดับผันแปรวิญญาณเท่านั้น ถึงแม้ว่าระดับนี้จะดีมาก แต่หากเทียบกับประมุขโหมวเทียนแล้ว ยังถือว่าห่างกันมาก

 

และที่สําคัญคืออี้เทียนหยุนเอาแต่ยืนนิ่งอยู่ที่นั่น พวกเธออยากจะไปแต่อี้เทียนหยุนกลับยืนเซ่อ แล้วอย่างนี้จะไม่ให้เธอบ่นออกมาได้ยังไง

 

“บอกแล้วไม่ใช่เหรอว่าให้พูดกับคุณชายดีๆ น่ะ?” อวี่ชีเชี่ยนถลึงตาใส่เธอ บอกให้เธออย่าใจร้อน

 

“ยังจะคิดอะไรอีก หรือว่าจะตกใจในวังไปเหลียนของพวกเรา?” จ้าวอวี่พูดอย่างมีความสุข “แม้ว่าวังไป๋เหลียนของเราจะไม่ใช่ขุมอํานาจชั้น 3 ที่แข็งแกร่งที่สุด แต่ก็ถือว่าเป็นขุมอ่านาจชั้น 3 ชั้นยอดอย่างแน่นอน!”

 

ที่พูดมาก็ถูก วังไป๋เหลียนในปัจจุบันนั้นโอ่อ่ามากจริงๆ ทั้งพื้นที่ที่ครอบครองยังกว้างใหญ่มาก พูดได้ว่าปกคลุมยอดเขาไปนับสิบลูก! แต่ละยอดเขาต่างก็มีศิษย์ของวังไป๋เหลียนอยู่ ซึ่งยอดเขาแต่ละลูกก็บอกถึงฐานะที่ต่างกัน

 

ซึ่งตรงกลางก็คือที่อยู่ของเหล่าแกนหลัก ขณะที่รอบๆ ก็เป็นของศิษย์สายในและอื่นๆ

 

พลังวิญญาณของที่นี่นั้นค่อนข้างสูง หากเทียบกับทั้งทวีปเทียนจึงแล้ว ถือเป็นสถานที่ฝึกที่ดีที่สุดเช่นกัน จะน่าเสียดายก็แต่ที่นี่รับแต่ศิษย์หญิง พูดไปแล้วก็เหมือนกับนิกายเทียนเฉวียนในรูปแบบที่แข็งแกร่งขึ้นนั่นเอง ศิษย์ของที่นี่หากเทียบกับนิกายเทียนเฉวียนแล้ว มากกว่ากันหลายเท่าหรืออาจจะสิบเท่า

 

ศิษย์หญิงของที่นี่มีมากมาย แต่ต่อให้มากกว่านี้ ก็ไม่อาจเทียบกับสํานักที่รับทั้งศิษย์ชายและหญิงได้ แต่วังไป๋เหลียนก็ยังรักษากฎนี้เอาไว้อย่างเคร่งครัด รับแต่เพียงศิษย์หญิงเท่านั้น ส่วนศิษย์ชายต่อให้พรสวรรค์จะมากมายเพียงใด ก็ไม่มีทางรับเข้ามา!

 

และก็เพราะอย่างนี้ จึงทําให้ไม่สามารถขยายอิทธิพลขึ้นไปได้ ทำได้เพียงอยู่ในระดับกลางๆ ซึ่งยังหากจากพวกระดับสูงอยู่

 

แม้จะรับเพียงศิษย์หญิง แต่ไม่ว่าวังไป๋เหลียนจะมีแต่ผู้ฝึกตนหญิงทั้งหมด เพียงแต่ที่นี่เป็นขุมอํานาจที่ดีที่สุดสําหรับผู้ฝึกตนหญิงที่แท้จริงเท่านั้น เพราะถึงยังไงผู้ฝึกตนหญิงก็ต้องการผู้ชายอยู่ดี ดังนั้น พวกเธอจึงมีการแต่งเขยที่ร่ํารวยเข้ามา หากพบกับคู่บําเพ็ญเต๋าที่ทรงพลัง ก็จะเป็นโอกาสที่ยิ่งใหญ่มากสําหรับพวกเธอ

 

ยิ่งกว่านั้น คู่ชายหญิงก็ไม่ได้เท่าเทียมกัน ศิษย์ชายล้วนแต่ยินดีที่ได้ช่วยตนเอง แล้วอย่างนี้ทําไมพวกเธอถึงไม่ทาต่อไปล่ะ?

 

แต่ก็เพราะอิทธิพลไม่สามารถขยายขึ้นมาได้ จึงทําให้ถูกวังโหมวเทียนเข้าข่ม โดยพึ่งอิทธิพลของอาณาจักรเทียนหยุนเป็นสําคัญ ทั้งยังกล้าพูดว่าจะทําการขับไล่วังไป๋เหลียนออกไป ซึ่งนี้ ทางวังไป๋เหลียนเองก็ยังไม่มีวิธีดีๆ ที่จะจัดการเลย

 

“ก็ดี” เทียนหยุนกวาดตามองคราหนึ่ง แต่ก็ไม่พูดอะไรอีก ที่ที่โอ่อ่ากว่านี้เขาก็เคยเห็นมาแล้ว เพียงแค่ที่รั่งฟีนิกซ์ก็เหนือกว่าที่นี่ไปไม่รู้กี่เท่า

 

“ปากแข็ง!” จ้าวอวี่แค่นเสียงออกมา จากนั้นก็สะบัดหน้าหนี ไม่สนใจเขาอีก

 

ในสายตาของเธอ อี้เทียนหยุนก็เป็นแค่คนขี้โม้คนหนึ่ง นอกจากคําพูดขี้คุยแล้ว ก็ไม่มีอะไรอีก นี่จึงทําให้เธอรู้สึกไม่พอใจอย่างมาก และก็ไม่เชื่อคําที่เขาพูดออกมา

“เอาล่ะ คุณชายอี้ เข้าไปกันเถอะ” อวี่ชีเชี่ยนคิดแล้วพูดออกมา “หลังจากเข้าไปแล้ว ขอคุณชายอื้อย่าได้เดินเพ่นพ่าน เนื่องเพราะที่นี่ห้ามผู้ชายเข้า ดังนั้นจึงต้องมีคนพาเข้าไป”

 

ทั่วทุกที่ของที่นี่ต่างก็เต็มไปด้วยผู้หญิง ดังนั้นจึงมีหลายที่ที่ไม่สะดวก อีกทั้งอี้เทียนหยุนยังเป็นคนนอก จึงไม่สามารถเดินไปไหนได้ตามใจ

 

“ไม่ต้องหรอก พาข้าไปเจอประมุขของเจ้าก็พอ” อี้เทียนหยุนมองไปที่เธอแล้วพูดขึ้น

 

“เจ้าคิดว่าอยากจะเจอประมุขของพวกเราก็ได้เจอง่ายๆ อย่างงั้นเหรอ?” จ้าวอวี่แค่นเสียงออกมา

 

“เกิดอะไรขึ้น ทําไมข้างนอกถึงได้เสียงดังจัง” ในตอนนี้เอง ก็ได้มีผู้หญิงที่ทรงเสน่ห์เดินออกมาจากข้างในพร้อมกับใบหน้าที่จริงจัง

 

“ผู้อาวุโสไป๋อวี่…”

 

หลังจากพวกเธอเห็น ก็รีบทําการทักทายอย่างรวดเร็ว

 

อี้เทียนหยุนหันไปดู แล้วก็รู้ว่าผู้หญิงคนนี้ระดับไม่ธรรมดา เป็นถึงระดับผันแปรวิญญาณขั้นที่ 2 เห็นได้ชัดว่า เป็นระดับผู้อาวุโสของวังไป๋เหลียน ขุมอํานาจชั้น 3 อย่างมากก็มีพลังสูงสุดแค่ระดับวิญญาณเที่ยงแท้ แต่ผู้เชี่ยวชาญระดับวิญญาณเที่ยงแท้ก็มีอยู่น้อยมาก ส่วนใหญ่จึงมีพลังแค่ระดับผันแปรวิญญาณกัน

 

“หืม?” ไป๋อวี่จับจ้องไปที่อี้เทียนหยุน และก็พบว่าตนมองไม่เห็นว่าอีกฝ่ายมาจากขุมอํานาจไหน ดังนั้นจึงถามขึ้นอย่างสงสัยว่า “แล้วไม่ทราบว่านี่คือ?”

 

“ข้าคือมหาจักรพรรดิเทียนหยุน มาที่นี่เพราะมีเรื่องบางอย่าง ตอนนี้ข้าอยากจะประมุขของท่าน” อี้เทียนหยุนพูดออกมาตรงๆ

 

“มหาจักรพรรดิเทียนหยุน เจ้าน่ะเหรอ?” ไป๋อวี่สีหน้าจมลง พร้อมกับพูดด้วยสีหน้าจริงจังว่า “เรื่องตลกนี้ไม่ขำเลยนะ ใครให้ความกล้ากับเจ้า ถึงได้กล้าบอกว่าตัวเองเป็นมหาจักรพรรดิเทียนหยุน? รู้หรือเปล่าว่านี่เป็นความผิดแบบไหน วังไป๋เหลียนของพวกเรารับไม่ได้หรอกนะ!”

 

“ข้าว่าแล้ว…” จ้าวอวี่ถอนหายใจ นี่ตัวเองพาราชาขี้โม้มาหรือยังไง?

 

“ใช่แล้ว พวกเจ้าสองคนพาเขามาใช่ไหม หากว่าเขาเป็นมหาจักรพรรดิเทียนหยุน งั้นข้าก็เป็นจักรพรรดินีน่ะสิ!” ในตอนนี้เอง ก็ได้มีหญิงสาวเดินเข้ามา พร้อมกับพูดหาเรื่องพวกเธอ “ผู้อาวุโสไป๋อวี่ คราวนี้ไม่รู้ว่าพวกเธอไปพาคนรักมาจากไหน ไม่ใช่ว่าบอกว่าออกไปหาสมุนไพรหรอกเหรอ แล้วทําไมถึงได้พาผู้ชายมา!”

 

คําพูดนี้ค่อนข้างคุ้นอย่างมาก ก่อนหน้านี้จ้าวอวี่ก็เคยพูดออกมา อี้เทียนหยุนยังเด็กเกินไป บอกว่าตัวเองเป็นราชา พูดไปใครจะเชื่อ?

 

มีมหาจักรพรรดิที่ไหนที่เด็กอย่างนี้กัน? อย่างน้อยก็ต้อง 30-40 ปีขึ้น แต่นี่ดูแล้วเพิ่งจะอายุ 20 เอง แล้วใครจะเชื่อกัน?

 

“เว่ยอวิ๋น เจ้าหมายความว่ายังไง?” จ้าวอวี่หัวร้อนขึ้นมาอีกครั้ง พร้อมกับพูดอย่างเย็นชาว่า “คนรักอะไรกัน พวกเราถูกคนของวังโหมวเทียนขวางทางไว้ จากนั้นเขาจึงได้ปรากฏตัวออกมาช่วย พวกเราจึงได้พาเขามาด้วย”

 

“คนของวังโหมวเทียน?” สายตาของผู้อาวุโสไป๋อวี่เย็นชา พร้อมกับถามขึ้นว่า “บอกข้ามาว่าเรื่องมันเป็นมายังไง!”

 

จากนั้นจ้าวอวี่ก็เล่าเรื่องคร่าวๆ ออกไป ทําให้สายตาของพวกเธอพากันตกอยู่ที่ร่างของอี้เทียนหยุน ไม่คิดเลยว่าเขาจะใจกล้าขนาดนี้ ถึงกับกล้าสังหารคนของวังโหมวเทียนอย่างไม่คาดคิด

 

“อืม นี่เจ้ากล้าสังหารคนของวังโหมวหยุนด้วยอย่างงั้นเหรอ! ผู้อาวุโสไป๋อวี่ คราวนี้พวกเธอทําเรื่องผิดพลาดครั้งใหญ่แล้ว สถานการณ์ของวังโหมวเทียนนั้นข้ารู้ดี นายน้อยฉีผู้นั้นมีความสัมพันธ์กับมหาจักรพรรดิเทียนหยุนดีมาก เจ้าหนูนี้จะต้องเป็นตัวปลอมอย่างแน่นอน คงต้องการหลอกให้ศิษย์น้องทั้งสองคนเชื่อ ดังนั้นจึงได้ลงมือไป แต่ใครจะรู้ล่ะว่าจะไปหาเรื่องวังโหมวเทียนเข้า…” เว่ยอวิ๋นคอยใส่ไข่อยู่ข้างๆ ขณะที่สายตามีประกายแห่งความโหดเหี้ยมวาบผ่าน

 

ผู้อาวุโสไป๋อวี่สีหน้าดําคล้ํา นี่ไม่ใช่เรื่องดีจริงๆ

 

“ข้ารู้สึกว่าการที่นายน้อยฉีส่งคนมาขวางทางคุณหนูอวี่ อาจเป็นเพราะเขาได้รับข้อมูลจากเจ้าหรือเปล่า?” อี้เทียนหยุนมองเธออย่างเฉยชา ราวกับว่ามองทะลุทุกอย่าง “ยิ่งกว่านั้น ดูเหมือนว่าเจ้าจะสนิทกับนายน้อยฉีคนนั้นดีใช่ไหม? เป็นคนนอกแต่กลับช่วยพูดให้กับวังโหมวเทียน”

 

“เจ้า เจ้าพูดเหลวไหลอะไร!” เว่ยอวิ๋นราวกับแมวถูกเหยียบหาง รีบกรีดร้องปฏิเสธออกมา “กลับกัน เจ้าผู้ชายที่เปรียบดังสุนัขอย่างเจ้าต่างหาก เจ้าต้องเป็นคนวางแผนเองแน่ๆ!”

 

“หุบปาก!” อี้เทียนหยุนสายตาเย็นชา พร้อมกับปล่อยจิตสังหารออกมา ส่งเข้าไปในหัวใจเว่ยอวิ๋นในพริบตา

 

เว่ยอวิ๋นสองขาอ่อนแรง ราวกับเห็นความตายมาเยือนตรงหน้า ทรุดตัวลงกับพื้นพร้อมกับท่าทางหอบเหนื่อย หลั่งเหงื่ออาบหลัง เพียงแค่มองก็ทําให้เธอสูญเสียจิตใจที่จะสู้ไปเรียบร้อยแล้ว!