Chapter 135 เข้ารับการทดสอบเป็นนายน้อยส่านัก

ข้าสามารถตรวจสอบได้ทุกสรรพสิ่ง I Can Track Everything

Chapter 135: เข้ารับการทดสอบเป็นนายน้อยส่านัก

 

ในขณะที่มองภาพหน้าตรงที่ถูกขยี้จนเละ หยวนฉิงเทียนก็อึ้งไปพักนึงแต่สายตาของเขาก็เต็มไปด้วยความเศร้าโศกที่ไม่สามารถอธิบายได้ เหมือนกับว่าเขาสูญเสียสิ่งที่สําคัญที่สุดไป

 

อย่างไรก็ตาม ในวินาทีต่อมานั้นเอง เขาก็ได้สติขึ้นมาอย่างกะทันหันและรีบลุกขึ้นจากพื้นเพื่อสังเกตมองดูเฉินเฉิน สายตาของเขาเต็มไปด้วยความตกตะลึงและความไม่แน่ใจ

 

“ศิษย์พี่! นี่ศิษย์พี่ตัวจริงใช่ไหม? ไม่ใช่หุ่นเชิดหรือศพเดินได้แน่นะ?”

 

“บ้าไปแล้วเหรอ! หุ่นเชิดกับศพเดินได้จะเลียนแบบอารมณ์ของข้าได้ซัก 1% รีไง?” เฉินเฉินตําหนิก่อนที่จะถอดหน้ากากออกเพื่อเผยให้เห็นใบหน้าของเขา

 

เมื่อได้เห็นใบหน้าอันหล่อเหลาที่เหมือนกับคนที่เขาจําได้จริงๆ หยวนฉิงเทียนก็อยากร้องไห้ออกมาอีกครั้ง แต่เขาก็ถูกหยุดด้วยสายตาดุร้ายของเฉินเฉิน

 

“ศิษย์พี่ นี่มันไม่สมเหตุสมผลเอาซะเลย ระเบิดนั่นรุนแรงจนข้าเองก็เกือบตายแม้ว่าข้าจะซ่อนอยู่ใต้ดินห่างออกไปหลายร้อยเมตรก็ตาม ท่านไม่ตายได้ยังไง? ในเมื่อท่านไม่มีอุปกรณ์ขุดแท้ๆ”

 

หยวนฉิงเทียนเช็ดน้ําตาด้วยสีหน้าสับสน

 

“อะไร? ข้าไม่ตาย เจ้าก็ไม่พอใจเหรอ? คิดว่าข้าจะเหมือนเจ้ารึไง?”

 

เฉินเฉินพูดไม่ออก ถ้าไม่ใช่เพราะความจริงที่ว่าหยวนฉิงเทียนถูกเขาอัดจนกลายเป็นคนปัญญาอ่อนในตอนแรก เขาก็คงจะได้สอนบทเรียนที่แสนสาหัสกับเขาแล้วจริงๆ

 

“ศิษย์พี่ นั่นศิษย์พี่จริงๆเหรอ!”

 

ก่อนที่หยวนฉิงเทียนจะพูดจบ เฉินเฉินก็สัมผัสได้ถึงพลังที่แข็งแกร่งจากที่ไกลๆ ซึ่งเขาก็ได้บินขึ้นฟ้าและมุ่งหน้าไปทาง

 

ในเวลาเดียวกันนั้นเอง เสียงๆหนึ่งก็ดังก้องไปทั่วสาขาที่หนึ่งของสํานักอสูร

 

“งานศพถูกยกเลิกแล้ว! ในอนาคตสํานักอสูรของข้าต้อง ไม่จัดพิธีกรรมไร้สาระแบบนี้อีก!”

 

….

 

ตุบ!

 

ด้วยเสียงกระทบเบาๆ เฉินเฉินก็ลงมาอยู่ตรงหน้าโจวเหรินหลง

 

ในขณะที่มองโซ่บนร่างของโจวเหรินหลง เหงื่อที่หน้าผากของเขาก็ไหลออกมา

 

โชคดีที่โจวเหรินหลงถูกโซ่ล่ามเอาไว้อยู่ ไม่อย่างนั้นรัฐจีนคงจะทําอะไรไม่ได้เลย

 

มันไม่ใช่เรื่องแปลกที่สํานักอู๋ซินจะไม่ได้เอาจริงเอาจังในการต่อสู้กับสํานักอสูรขนาดนั้น ความแข็งแกร่งของยอดฝีมือขั้นวิญญาณแก่นแท้คนนี้สูงมากจนปกครองอํานาจของสํานักอสูรได้อย่างสมบูรณ์ไม่ว่าพวกเขาจะพยายามแค่ไหนก็ตาม ดังนั้น การปรับตัวตามปัญหาจึงเป็นวิธีที่ฉลาดกว่า

 

“เจ้าสํานักมีพลังที่ไร้ผู้ได้เปรียบ ข้ารู้สึกนับถือจริงๆ!”

 

เฉินเฉินเห็นสีหน้าไร้อารมณ์ของโจวเหรินหลงและตัดสินใจประจบเขา

 

“ทําไมเจ้าถึงไม่ตาย?” โจวเหรินหลงถามด้วยน้ําเสียงที่เรียบเฉย

 

“อันที่จริงคือข้าเกือบตายแล้วครับ ทั่วทั้งร่างของข้ากระจัดกระจายไปในตอนนั้น แต่วิชาอมตะไขว่คว้าสวรรค์เกิดทํางานขึ้นมาอย่างกะทันหัน และผนวกกับร่างกายที่พิ เศษของข้า ข้าก็เลยฟื้นกลับมาได้จริงๆ”

 

เฉินเฉินอธิบาย และให้เหตุผลที่เขาใช้เวลาคิดมานาน

 

เขาได้อ่านการทํางานของวิชาอมตะไขว่คว้าสวรรค์มาแล้ว ในช่วงขั้นต้นของการฝึกฝนวิชานี้จะทําให้เขาฟื้นคืนชีพได้และเมื่อเขาก้าวหน้าขึ้น โอกาสในการฟื้นคืนชีพก็จะยิ่งสูงขึ้น ตราบใดที่ร่างกายของเขามีแก่นกลางที่ไม่สามารถทําลายได้ เขาก็จะสามารถฟื้นคืนชีพได้ต่อไปได้เรื่อย ๆ และในทุกๆครั้งที่คืนชีพ เขาก็จะแข็งแกร่งขึ้นไปอีก

 

“เจ้านี้มันดวงดีจนน่าตกใจจริงๆ” โจวเหรินหลงพูดด้วยประกายในดวงตาของเขา เหมือนกับว่าเขากําลังคิดอะไรบางอย่างอยู่

 

“ทั้งหมดคงต้องขอบคุณพรของเทพอสูรครับ!” เฉิน เฉินพูดในขณะที่จ้องไปยังรูปปั้นเทพอสูรอย่างนับถือ

 

เมื่อได้ฟังเช่นนี้ โจวเหรินหลงก็ยิ้มแล้วพูดต่อ “ครั้งนี้เจ้าทําได้ดีมาก ไหนลองบอกมาซิ เจ้าอยากได้อะไร? หินวิญญาณ? หรือว่ามีของอย่างอื่นที่อยากได้ว”

 

เมื่อได้ฟังเช่นนี้ เฉินเฉินก็ยิ้มอย่างกระอักกระอ่วนแล้วพูดอย่างกล้าๆกลัวๆ “ถ้าเป็นไปได้ ข้าก็หวังว่าท่านจะให้โอกาสข้าเข้ารับการทดสอบครับ”

 

“เจ้าอยากกลายเป็นนายน้อยสํานักอสูรและเจ้าชายของรัฐโจวงั้นเหรอ?” โจวเหรินหลงถามด้วยรอยยิ้มเสแสร้ง เจ้าสํานักอดที่จะรู้สึกหัวชาขึ้นมาไม่ได้

 

“ยอดฝีมือระดับวิญญาณแก่นแท้คนนี้น่ากลัวเกินไปแล้วจริงๆ เขาอยู่คนละระดับกับขั้นก่อกําเนิดวิญญาณเลย ในตอนที่เขาพูดน้ําเสียงของเขาดูเหมือนจะเต็มไปด้วย การยับยั้งที่รุนแรง คนอื่นจะกลัวก็ช่วยไม่ได้ล่ะนะ

 

อย่างไรก็ตาม เฉินเฉินก็ไม่ได้อ่อนแอเหมือนกัน สายตาของเขาแสดงความคุกคามออกมาในทันทีและเขาก็พูดด้วยน้ําเสียงจริงจัง “ท่านเจ้าสํานัก! ข้าอยากฟื้นฟูสํานักอสูรขึ้นมาใหม่ครับ! แล้วข้าก็อยากทําลายโซ่พวกนี้เพื่อท่านเจ้าสํานักด้วย!”

 

เมื่อได้ฟังคําพูดของเขา โจวเหรินหลงก็ตกตะลึงและร่างกายของเขาก็เริ่มสั่นอีกครั้งในทันที ในท้ายที่สุดนั้น เขาก็หัวเราะออกมาดังลั่น และสร้างความเสียวสันหลังให้กับทุกคน

 

“จางเฉิน เจ้าอยากจะถอดโซ่พวกนี้ให้ข้าเหรอ? ฮ่าฮ่า เจ้ารู้รึไงว่าใครเป็นคนนําโซ่พวกนี้มาสวมให้ข้า?”

 

เฉินเฉินไม่รู้คําตอบ สายตาของเขานั้นสงบนิ่งและเขาก็ดูไม่มีทีท่าว่าจะยอมแพ้เลย ในตอนนี้ เขามีความกล้าที่จะท้าทายแม้แต่สวรรค์!

 

“ข้าไม่สนหรอกว่ามันเป็นใคร! ต่อให้เป็นสวรรค์ก็ตาม แล้วจะยังไงล่ะครับ!?! พวกเราเซียนสํานักอสูรต้องทําลายโซ่แห่งสวรรค์และผืนดินด้วยความมุ่งมั่นของพวกเราเอง! พวกเราอยู่เหนือโลก!

 

“ดังนั้นแล้วถ้าข้าไม่กลัวแม้แต่สวรรค์ ข้าจะกลัวมนุษย์ไปทําไม? ท่านเจ้าสํานัก ท่านคือคนที่แข็งแกร่งที่สุดในโลกนี้ ข้ารู้สึกเสียใจกับการที่ท่านต้องมาติดอยู่ที่นี่ ตั้งแต่ตอนที่ข้าได้เห็นท่านในวันแรก ข้าก็มีความปรารถนาอย่างแรงกล้าในใจแล้วว่าข้าจะทําลายโซ่พวกนี้ให้ท่านในซักวันหนึ่ง!”

 

โจวเหรินหลงมองเข้าไปในดวงตาของเฉินเฉินอยู่พักใหญ่ๆโดยไม่ได้พูดอะไร ในขณะนั้น เขาก็ถอนหาย ใจเงียบๆอย่างต่อเนื่อง

 

“เขาเป็นเซียนสํานักอสูรโดยธรรมชาติ ถ้าแค่เขาเป็นชาวรัฐโจวแท้ๆล่ะก็

 

หลังจากผ่านไปพักใหญ่ๆ โจวเหรินหลงก็ถอนหายใจแล้วพูดขึ้น “ข้าให้โอกาสเจ้าได้ ข้าสามารถทําให้เจ้าเป็น

 

นายน้อยของสํานักอสูร แต่ไม่ใช่เจ้าชายของรัฐโจว ถึงยังไงเจ้าก็ไม่ใช่ชาวรัฐโจวตั้งแต่กําเนิด

 

“คนของรัฐโจวเกลียดรัฐจินมาโดยตลอด ถ้าเจ้ากลายเป็นเจ้าชายรัชทายาท ข้าเกรงว่ารัฐโจวจะตกอยู่ในความวุ่นวาย”

 

เมื่อได้ฟังเช่นนี้ เฉินเฉินก็อุทานด้วยความไม่เชื่อ “รัฐโจว ไม่ได้รวมเป็นหนึ่งหรือครับ? การเปลี่ยนแปลงระบบเพื่อข้าคงจะมากเกินไป ข้าคิดว่ามันคงไม่เหมาะสมสินะครับ!”

 

โจวเหรินหลงเย้ยหยัน “เปลี่ยนแปลงระบบ? มันไม่ถึงขนาดนั้นหรอก ถึงยังไง นายน้อยสํานักก็ไม่ได้เท่าเทียมกับเจ้าสํานัก ถ้าเกิดเจ้าพลาดตายขึ้นมาจะเป็นยังไงล่ะ? พูดตามตรง ข้าเป็นเจ้าสํานักมา 200 ปีแล้วและจนถึงตอนนี้นายน้อยสํานักก็ได้ตายไปสองคนแล้ว เจ้าอาจจะเป็นคนที่สามก็ได้”

 

ใบหน้าของเฉินเฉินหม่นหมองอย่างมากแต่โชคดีที่เขายังมีหน้ากากปกปิดสีหน้าของเขาเอาไว้

 

เขาได้เอาหน้ากากนี้ออกมาจากดินแดนลึกลับและมันก็ยังเป็นสมบัติชิ้นหนึ่งที่เขาคิดว่าโจวเหรินหลงไม่น่าจะมองออก

 

“ไอ้เวรนี้ ข้าอยากจะคลายพันธนาการให้เจ้าแต่เจ้าอยากให้ข้าตายเนี่ยนะ! มันมีคนที่เจ้าคิดเจ้าแค้นขนาดนี้อยู่ในโลกด้วยเหรอเนี่ย!?! คอยดูเถอะในอนาคตข้าจะจับเจ้า ขังกรง! ข้าจะขังเจ้าเอาไว้!”

 

แม้ว่าจะคิดเช่นนั้นอยู่ในใจ แต่น้ําเสียงของเฉินเฉินก็ฟังดูจริงใจมากในขณะที่เขาพูด “ท่านเจ้าสํานัก ท่านพูดถูกแล้ว ข้าจะพยายามให้หนักเพื่อสร้างความเชื่อใจให้กับ ชาวรัฐโจว”

 

“เจ้าเข้าใจก็ดีแล้ว หึหึ นายน้อยของ 35 สาขาอื่นบังเอิญมางานศพของเจ้าพอดี ไม่มีความจําเป็นที่ข้าจะต้องเรียกตัวพวกเขา ถ้าเจ้าอยากรับการทดสอบจากพวกเขาก็ไปเถอะ”

 

ในทันทีที่โจวเหรินหลงพูดออกมาเช่นนั้น เฉินเฉินก็มองออกไปด้านนอกและเสียงของเขาก็ดังก้องไปทั่วทั้งสํานักอสูร

 

“ข้า จางเฉิน ศิษย์สาขาขัดเกลาร่างกายแห่งสํานักอสูร ขอเข้ารับการทดสอบเพื่อขึ้นเป็นนายน้อยสํานัก คนที่ 1 เหลือทั้งหมด จงเตรียมตัวให้พร้อม

 

ครู่ต่อมา เฉินเฉินก็ได้มาถึงแท่นใหญ่อีกครั้งหนึ่ง

 

ในครั้งนี้ ผ้าสีดําได้ถูกถอดออกทั้งหมด โถงงานหายไปอย่างไร้ร่องรอย กระดาษทิชชูที่ลอยอยู่เป็นระยะๆคือหลักฐานเดียวที่บ่งบอกว่าเคยมีงานศพจัดขึ้นที่นี่

 

ความเศร้าเสียใจทั้งหมดที่พวกเขารู้สึกก่อนหน้านี้ได้หายไปแล้วในขณะที่พวกเขาเริ่มดูเยือกเย็นและสงบนิ่งอีกครั้ง

 

นายน้อยสาขาทมิฬหยวนฉิงเทียน

 

นายน้อยสาขาลวงตา

 

นายน้อยสาขาอสูรตั้งฟางตั้ง

 

นายน้อยสํานักทั้ง 35 คนได้มารวมตัวกันบนแท่นทั้งหมดและกําลังมองเฉินเฉินด้วยสายตาที่เย็นชาอย่างเหลือเชื่อ

 

มันเหมือนกับว่าพวกเขาเป็นคนละคนพวกที่เคยร้องห่มร้องไห้เมื่อชั่วโมงก่อน

 

“สํานักอสูรจะจริงจังเกินไปแล้ว!”

 

เฉินเฉินมองไปทางตัวประหลาดห้าสิบตัว เขาอยากจะร้องไห้แต่ไม่มีน้ําตาออกมา

 

สาขาดัดแปลงศพและสาขาหุ่นเชิดได้เอาศพออกมาและศพพวกนี้ก็น้ําลายไหลไม่หยุด

 

เมื่อเห็นว่าเฉินเฉินกําลังเข้ามา ตั้งฟางตั้งก็เริ่มสะบัดชาย ผ้าบนร่างกายของเขา เผยให้เห็นบรรยากาศอันน่าหวาดหวัน

 

เฉินเฉินละสายตาออกจากเขา

 

“ศิษย์พี่ เข้ามาใกล้ๆสิ!”

 

อย่างไรก็ตาม ชายแก่คนหนึ่งที่อยู่อีกฝั่งได้เข้ามาในครั้งนี้

 

“เจ้าจะทําอะไร?” เฉินเฉินถาม

 

ชายแก่ไม่ได้ตอบ แต่หยิบแว่นขยายออกมาวิเคราะห์เฉินเฉินก่อนที่จะเอาหุ่นคําสาปออกมาจากแขนของเขาเจ็ดหรือแปดตัว พวกมันทั้งหมดดูคล้ายกับเฉินเฉิน

 

“ไอ้เวรนี่!”

 

เฉินเฉินสบถแล้วรีบเดินหนีออกมาจากชายแก่

 

อย่างไรก็ตาม ชายแก่ยังไม่ละทิ้งความพยายาม เขาแค่นอนอยู่บนพื้นและคลานตามหลังเฉินเฉินในขณะที่มองหาของอย่างพวกเส้นผม ซึ่งนี้ทําให้เฉินเฉินขนลุกจนเขา ต้องรีบเร่งฝีเท้า

 

“ศิษย์พี่ นี่คืองานใหญ่ของสํานักอสูร อย่ามาโทษที่ข้าไร้ความปราณีในภายหลังนะครับ!”

 

ในตอนที่หยวนฉิงเทียนเห็นเฉินเฉิน เขาเองก็มีสีหน้าจริงจังในเวลานี้ เขาไม่ได้เก็บซ่อนออร่าแก่นทองคําของเขาเอาไว้เลย

 

ในขณะที่มองกลุ่มคนที่ไม่ธรรมดานี้ เฉินเฉินก็สูดหายใจเข้าลึกๆ

 

ถ้าเขาอยากกลายเป็นนายน้อยสํานักอสูร เขาก็ต้องเอาชนะทั้งสามสิบห้าคนนี้ติดต่อกันในวันนี้!