“คุณชายเย่ ผมอยู่ในยุทธภพมาหลายปี ไม่เคยได้ยินแก๊งหย่งเย่เลยครับ”
“แต่ถ้าหยุ่นหมัวไม่ได้โกหก แก๊งหย่งเย่อะไรนั่นมีตัวตนอยู่จริง ต้องเป็นการดำรงอยู่มหึมาที่ต่อกรด้วยยากอย่างแน่นอนครับ”
คิ้วของตี๋ต้าจื้อขมวดเข้าด้วยกัน หน้าตาหนักใจถึงขีดสุด
“ที่นายพูดมาฉันจะไม่รู้ได้ยังไงกัน”
สีหน้าเย่เทียนก็ไม่ได้ดีไปกว่ากันเท่าไหร่ เขาส่ายหัวอย่างเหนื่อยใจ “จากที่หยุ่นหมัวบอกมา ขอเพียงเป็นสิ่งที่แก๊งหย่งเย่อยากได้ พวกนั้นไม่เคยพลาดเลย ต่อให้ตอนนี้เราจัดการแก๊งS.P.Lไปได้แล้ว แต่แก๊งหย่งเย่ย่อมต้องส่งอิทธิพลที่แข็งแกร่งกว่านี้มา”
“การดำรงอยู่มหึมาอย่างแก๊งหย่งเย่ ต่อให้ฉันมั่นใจว่ากำจัดพวกเขาได้ แต่ไม่ใช่ตอนนี้แน่นอน ฉันต้องการเวลา”
เย่เทียนไม่คิดจะปิดบังตี๋ต้าจื้อเกี่ยวกับการมีอยู่ของแก๊งหย่งเย่ เรื่องนี้ทำให้เขาตะลึงมากจริงๆ หากไม่ระบายกับใครสักคนเขากลัวว่าตัวเองจะเป็นบ้าเอาได้
อีกอย่าง ไม่ว่ายังไงก่อนหน้านี้ตี๋ต้าจื้อก็เป็นนักฆ่าชั้นยอด ไม่แน่เขาอาจจะได้ข่าวเกี่ยวกับแก๊งหย่งเย่บ้างก็ได้
แต่ใครจะไปคิดว่าแม้แต่ตี๋ต้าจื้อก็ไม่รู้ว่ามีแก๊งหย่งเย่อยู่ เห็นได้เลยว่าแก๊งหย่งเย่ซ่อนตัวได้ลึกล้ำเพียงไหน
“คุณชายเย่ อย่าหาว่าผมปากมากเลยนะครับ”
ตี๋ต้าจื้อเงยหน้ามองเย่เทียนเล็กน้อยและพูดอย่างระมัดระวัง “ที่แก๊งหย่งเย่จัดการกับบริษัทแซ่เฉินท้ายที่สุดแล้วก็เพราะยาปฏิชีวนะ แก๊งหย่งเย่มีอำนาจยิ่งใหญ่ขนาดนี้ เรายอมมอบยาปฏิชีวินะให้ไม่ดีกว่าเหรอครับ”
“ยังไงซะ ที่ใดมีชีวิต ที่นั่นย่อมมีความหวังนะครับ”
“ไม่มีทาง!”
“รายละเอียดฉันยังบอกนายไม่ได้ แต่ฉันสามารถบอกนายเลยว่าระหว่างฉันกับแก๊งหย่งเย่ ต้องมีฝ่ายหนึ่งถูกล้มอย่างแน่นอน!”
สิ้นเสียงตี๋ต้าจื้อปุ๊บ เย่เทียนก็ปฏิเสธหัวชนฝา ใบหน้าฉายแววเคียดแค้น
ตลอดเวลาที่ผ่านมา การล่มสลายของบริษัทแซ่เฉินและความตายของเฉินหวั่นชิงเป็นเหมือนเข็มที่ทิ่มแทงอยู่ในใจของเย่เทียน จนเขาไม่อาจลืมได้
“เอ๋?!”
ราวกับว่าตี๋ต้าจื้อเดาคำตอบนี้ได้นานแล้ว เขาไม่มีปฏิกิริยาแปลกใจมากนัก แต่เปลี่ยนไปพูดเรื่องอื่น “คุณชายเย่ครับ ไม่ทราบว่าคุณเคยคิดอยากเข้าร่วมกองกำลังอิทธิพลใหญ่มั้ยครับ”
“ด้วยคุณสมบัติของคุณ แล้วยังเป็นปรมาจารย์การปรุงยาด้วย ผมคิดว่าไม่มีอิทธิพลไหนปฏิเสธไม่ให้คุณเข้าร่วมหรอกครับ”
“ถึงเวลานั้น ต่อให้แก๊งหย่งเย่มีอิทธิพลใหญ่โต จะมากจะน้อยพวกเขาก็ต้องเกรงใจอิทธิพลที่อยู่เบื้องหลังคุณบ้าง”
ตี๋ต้าจื้อรู้ดีว่าเย่เทียนเป็นคนอัจฉริยะที่หาได้ยาก ในอนาคตอาจจะล้างบางแก๊งหย่งเย่ได้จริงๆ แต่ประเด็นสำคัญคือแก๊งหย่งเย่จะให้เวลาเย่เทียนได้เติบโตเหรอ?
เรื่องแบบนี้ไม่จำเป็นต้องคิดเลย เชื่อว่าทุกคนย่อมยินดีจะทำลายภัยคุกคามตั้งแต่ยังอยู่ในเปล!
เทียบกับหวาดระแวงทุกวันว่าแก๊งหย่งเย่จะมาล้างแค้น สู้หากองกำลังอิทธิพลใหญ่คุ้มกันไว้ก่อนจะดีกว่า วันหน้าเติบโตขึ้นมาเมื่อไหร่ถึงจะมีต้นทุนต่อกรกับแก๊งหย่งเย่!
“ฉันต้องยอมรับว่าฉันมีความคิดนี้อยู่เหมือนกัน”
เย่เทียนกระตุกรอยยิ้มมุมปากอย่างทำอะไรไม่ได้ “ปัญหาสำคัญคือฉันไม่รู้จักกองกำลังอิทธิพลใหญ่อะไรเลย นายว่าฉันจะไปเข้าพวกกับใครดีล่ะ”
“อีกอย่าง แก๊งS.P.Lยังเป็นเพียงลูกกระจ๊อกในแก๊งหย่งเย่ ใครจะรู้ว่าแก๊งหย่งเย่ควบคุมอิทธิพลไหนไว้อีกบ้าง? ขืนบังเอิญเข้าร่วมกับอิทธิพลที่อยู่ในการควบคุมของแก๊งหย่งเย่จริงๆ ก็เท่ากับวิ่งเข้ากับดักเองน่ะสิ”
ตี๋ต้าจื้อพยักหน้าอย่างใช้ความคิด “ที่คุณชายเย่พูดมาก็มีเหตุผล ในเมื่อเป็นเช่นนี้ ดูเหมือนว่าจะเหลือเพียงวิธีสุดท้ายเท่านั้น”
“วิธีอะไร?”
“ต้นหลี่ตายแทนต้นท้อ!”
ตี๋ต้าจื้อยิ้มมุมปากอย่างมีเลศนัย “ก่อนหน้านี้คุณสั่งให้ผมง้างปากของพี่น้องหยวนซื่อไม่ใช่เหรอครับ ถึงแม้จะไม่ได้ข้อมูลที่เป็นประโยชน์จากปากของพวกเขา แต่ผมพบว่าน้องหยวนเป็นคนกลัวตายมาก!”
“ตามสิ่งที่หยุ่นหมัวบอก ด้านแก๊งหย่งเย่ไม่สนใจว่าใครจะเป็นผู้นำแก๊งS.P.L พวกเขากังวลแค่ว่าแก๊งS.P.Lจะยังทำงานให้พวกเขาอยู่มั้ย!”
“ในเมื่อเป็นเช่นนี้ ทำไมเราไม่สนับสนุนให้น้องหยวนขึ้นนั่งตำแหน่งผู้นำแก๊งS.P.Lล่ะครับ?”
นัยน์ตาสีนิลของเย่เทียนเป็นประกายทันที ความคิดของตี๋ต้าจื้อไม่เลวเลย ขอเพียงน้องหยวนขึ้นแทนที่หยุ่นหมัว ก่อนประกาศว่าล้มเหลวโดยสมบูรณ์ แก๊งหย่งเย่จะยังไม่ส่งคนอื่นมาแน่นอน
กระทั่งไม่แน่ว่าอาจจะรู้ข่าวของแก๊งหย่งเย่ได้มากกว่าผ่านน้องหยวนก็ได้!
ทว่าไม่นานนักนัยน์ตาเย่เทียนก็หม่นหมองลง เขาส่ายหัวอย่างเหนื่อยใจ
“ความคิดดีก็จริง แต่ฉันว่าทำไม่ได้หรอก”
“นายไม่รู้ ก่อนหน้านี้ตอนฉันเอาชนะพี่หยวน เจ้านั่นยอมอดทนโดนฉันอัดจนบาดเจ็บสาหัสเพียงเพื่อเข้ารับศพของงูขาวสัตว์เลี้ยงของเขา คิดดูว่าเขาผูกพันกับงูเขาตัวนั้นมากขนาดไหน”
“เขาต้องแค้นฉันเข้ากระดูกดำ ไม่ยอมถูกฉันควบคุมแน่ๆ”
“และเขากับน้องหยวนเป็นแฝดกัน ด้วยอิทธิพลของเขา เกรงว่าน้องหยวนก็คงไม่ยอมให้ฉันควบคุม
“คุณชายเย่ คุณเชื่อใจผมมั้ยครับ?”
ตี๋ต้าจื้อไม่ตอบเย่เทียนตรงๆ แต่ส่งเสียงถามขึ้นมางงๆ
“นายทำเพื่อฉันขนาดนี้ ฉันเชื่อใจนายอยู่แล้ว”
เย่เทียนมองตี๋ต้าจื้ออย่างมีความหมาย และคลี่ยิ้ม “อีกอย่าง นายกินยาพิษที่ฉันปรุงขึ้นมาโดยเฉพาะไป ต้องกินยาแก้พิษทุกเดือนถึงจะรอด”
“คุณชายเย่ เลิกเอาเรื่องนี้มาขู่ผมได้แล้วครับ”
ตี๋ต้าจื้อมองค้อนเย่เทียนและเบ้ปาก “ถึงผมจะไม่ใช่ปรมาจารย์ในการปรุงยา แต่อย่างน้อยผมก็ผ่านโลกมาตั้งหลายปีแล้วนะครับ รสชาติยาแก้พิษเป็นยังไงผมก็รู้อยู่”
“ที่แท้นายรู้ตั้งนานแล้วเหรอ”
เย่เทียนผงะ ก่อนจะลูบจมูกอย่างกระอักกระอ่วน พร้อมถามอย่างแปลกใจ “แล้วทำไมนายไม่เปิดโปงฉันล่ะ”
ตี๋ต้าจื้อยักไหล่ “จำเป็นด้วยเหรอครับ?”
เย่เทียนพูดอะไรไม่ออก สายตาที่มองตี๋ต้าจื้อฉายแววยิ้มแย้มมากกว่าเดิม
บัดนี้ตี๋ต้าจื้อเปิดใจกับเขาแล้ว หมายความว่าตี๋ต้าจื้อยอมช่วยเขาจากใจจริง การสยบยอดฝีมือที่อยู่ชั้นสูงสุดของระดับดำได้แบบนี้ เย่เทียนจะไม่ดีใจได้ยังไง
“คุณชายเย่ครับ ถ้าเอาตามความคิดของผม คนอย่างพี่หยวนไม่จำเป็นต้องอยู่ต่อไปครับ”
ตี๋ต้าจื้อดึงประเด็นกลับมาอีกครั้งและเอ่ยเสียงเข้ม “ตามที่คุณสั่งไว้ ผมสอบสวนสองพี่น้องหยวนซื่อแยก ตอนสอบสวนผมก็ระวังตัวมากครับ ไม่ได้เปิดเผยเรื่องที่เกี่ยวกับคุณเลย พวกเขาไม่ทราบความสัมพันธ์ของผมกับคุณ”
“อีกอย่าง ตอนที่น้องหยวนสลบไป เขาไม่รู้ว่าพี่หยวนอยู่หรือตายไปแล้ว”
“ผมเสนอว่าทำไมเราไม่เก็บหยุ่นหมัวและพี่หยวนไปเลยครับ แล้วโบ้ยทุกอย่างไปที่คุณ ส่วนผมจะออกหน้าควบคุมน้องหยวน”
“ขอเพียงน้องหยวนกลับไปได้ ภายในแก๊งS.P.Lก็มีเขานี่แหละที่มีพลังแข็งแกร่งสุด คิดจะขึ้นนั่งตำแหน่งผู้นำไม่ยากครับ”
“ถึงตอนนั้นด้วยนิสัยกลัวตายของน้องหยวน บวกกับเสียงห้ามของผม ก่อนที่เขาจะมั่นใจว่าเอาชนะคุณได้ เขาไม่มาหาเรื่องเราอีกแน่นอนครับ”
“แล้วเดี๋ยวคุณค่อยส่งข้อมูลวิจัยยาปฏิชีวนะแบบไม่ค่อยมีสาระจากคุณเฉินมาให้ผม คนของแก๊งหย่งเย่เห็นว่าน้องหยวนทำงานได้ดี ไม่ส่งคนอื่นมายุ่งเรื่องนี้ในระยะสั้นๆแน่นอนครับ”
“ดี! ทำตามที่นายบอกเลย!”
เย่เทียนฟังไปด้วยพยักหน้าไปด้วย เขาแทบจะพยักหน้ารับแรงๆนาทีเดียวกับที่ตี๋ต้าจื้อพูดจบ……