บัญชามังกรเดือด บทที่ 735 แสดงความยินดีกับคุณหนู
ฉินเทียนรีบเข้าไปดึงหูเฟยให้ลุกขึ้น และพูดเบาๆ ว่า “พี่อะเฟย แกยังไม่พร้อมจะเปิดเผยตัวตนอีกหรือ?”
“เพื่อรั่วหลัน แกควร___”
ท่าทีของหูรั่วหลัน ทำให้ผู้คนต่างรู้สึกสงสารมากจริงๆ ฉินเทียนบอกว่า หากหูเฟยเปิดเผยตัวตนของเขาแล้ว และถ้าหูรั่วหลันรู้ว่าพี่ชายของเขายังมีชีวิตอยู่ล่ะก็ คงต้องดีใจมากแน่ๆ
หูเฟยรีบพูดขึ้นทันทีว่า “ไม่ได้นะ!”
“ฉินเทียน แกเคยรับปากฉันไว้แล้ว ถ้าฉันไม่ยินยอม ยังไงก็ห้ามบอกเด็ดขาด”
“ตกลง” เมื่อเห็นท่าทีลนลานของหูเฟย ฉินเทียนเลยจำเป็นต้องพยักหน้าตอบตกลง
เขารู้ว่า หากไม่สามารถกำจัดเถียโถวออกไปและหากไม่สามารถทำให้หูเฟยกลับมาเป็นเหมือนก่อนได้ เกรงว่าคงเป็นเรื่องยากที่ชั่วชีวิตนี้ของหูเฟยจะเดินออกจากเงามืดได้
……
ผู้หญิงที่ไร้ญาติขาดมิตร คนฟังยังน้ำตาไหล
ทุกคนในที่นั้นต่างมองหูรั่วหลันกันอย่างเงียบๆ ด้วยความรู้สึกที่ยากจะบรรยาย หลายคนเริ่มตาแดงและร้องไห้ตามไปด้วย
ผ่านไปสักพัก ฉินเทียนก็ดึงหูรั่วหลันขึ้นมา เขาแสดงความเสียใจและคอยปลอบแกไปด้วย
หูรั่วหลันเศร้าโศกเสียใจเป็นอย่างมาก เขาโผเข้าไปในอ้อมแขนของฉินเทียน และปล่อยโฮอีกครั้ง
ตอนนี้เธอนับฉินเทียนเป็นญาติเพียงคนเดียวบนโลกนี้โดยไม่รู้ตัว
ฉินชวนเช็ดน้ำตา และป่าวประกาศอีกครั้ง
ทรัพย์สินของสามตระกูลหยางต้าว เว่ยเทียนเหอและ จ้าวคง ทั้งหมดจะถูกส่งคืนสู่ตระกูลหู
ภายใต้ชื่อของหูรั่วหลัน
ธุรกิจจำนวนไม่น้อยของทั้งสามตระกูลหยาง เว่ย จ้าว ถูกแบ่งมาจากตระกูลหู จากการดำเนินกิจการมานานหลายปี บริษัทยังคงขยายไปอย่างไม่หยุดยั้งบนพื้นฐานของธุรกิจเดิม
ก่อนหน้านี้พวกเขาสามคนร่วมกันครอบงำฮั่นจง ตอนนี้ทั้งสามตระกูลกลับคืนสู่ตระกูลหูอีกครั้ง กลายเป็นครอบครัวที่ใหญ่มากครอบครัวหนึ่ง
มันแข็งแกร่งกว่าตระกูลหูตอนที่หูชิงหยุนยังมีชีวิตอยู่ด้วยซ้ำ
ท่านจงโฮ่วพูดเสียงดังว่า “ขอเชิญคุณหนูแสดงความอาลัย!”
“ข้าขอแสดงความยินดีกับคุณหนูที่ได้กอบกู้ธุรกิจของตระกูลหูกลับคืนมา เวลานี้ ข้าขอเชิญคุณหนูขึ้นรับตำแหน่งผู้นำ!”
“ขอส่งมอบตราประทับของผู้นำให้กับคุณหนูอย่างเป็นทางการ!”
ชายชราตัวสั่นเทา โค้งคำนับด้วยความเคารพและส่งมอบตราประทับ
“ขอเชิญคุณหนูแสดงความอาลัย!”
“ขอเชิญคุณหนูขึ้นรับตำแหน่งผู้นำ!”
รองผู้นำทั้งสามกล่าวเสียงดัง
จากนั้น บรรดาเถ้าแก่ที่เหลืออยู่ในที่แห่งนั้น เมื่อได้ทราบเรื่องการก่ออาชญากรรมของหยางต้าวและคนอื่นๆแล้ว และเมื่อเห็นว่าเว่ยเทียนเหอและจ้าวคงถูกประหารชีวิตกับตาตัวเอง พวกเขาต่างก็รู้สึกตื่นตระหนกเป็นอย่างมาก
ตอนนี้ชัดเจนแล้วว่าใครเป็นคนที่เหมาะสมที่สุด
โดยเฉพาะบรรดาคนที่เคยสนับสนุนหยางต้าวและคนอื่นๆ เพื่อเป็นการปกป้องตัวเอง พวกเขาต่างร้องขอชีวิตด้วยความกลัว
ในเวลานั้น ภายในสวนด้านหลังก็เต็มไปด้วยเสียงเรียกร้องเชิญให้คุณหนูขึ้นรับตำแหน่งผู้นำระงมกันไปหมด
หูรั่วหลันรู้สึกตกใจอยู่บ้างเหมือนกัน เขาเงยหน้าขึ้นมองฉินเทียน และพูดอย่างร้อนใจว่า “พี่เทียนฉันไม่รู้เรื่องการทำธุรกิจเลย ก่อนหน้านี้ที่ฉันบอกว่าจะนั่งดำรงตำแหน่งผู้นำ ก็เพื่อแค่การแก้แค้นเท่านั้น”
“ตอนนี้แก้แค้นสำเร็จแล้ว ฉันไม่เป็นผู้นำแล้ว ฉันอยากจะไปตามล่าฆ่าหยางต้าว!”
“ต่อให้สุดหล้าฟ้าเขียว ยังไงฉันก็ต้องฆ่ามันด้วยมือของฉันเองให้ได้!”
ฉินเทียนมองไปยังใบหน้าอันลุกลี้ลุกลนที่อยู่ตรงหน้านั้น ราวกับได้กลับไปเห็นหญิงสาวที่ขี้อายและดื้อรั้นคนนั้นอีกครั้ง
เขาอดไม่ได้ที่จะหัวเราะและพูดว่า “แกโตเป็นผู้ใหญ่แล้วนะ เรื่องบางเรื่อง ต้องกล้าที่จะเผชิญหน้ากับมันสิ”
“หยางต้าวก็ต้องฆ่า ตำแหน่งผู้นำก็ต้องทำเหมือนกัน”
“แล้วก็___” เขาแสดงท่าทางขี้เล่น “แกตอบตกลงไปก่อน บางทีอาจจะอีกไม่นานนัก ฉันมีเรื่องจะเซอร์ไพรส์แกอีกเรื่องหนึ่ง”
หูรั่วหลันเข้าใจความหมายของฉินเทียนผิดไป เมื่อได้ยินที่เขาบอกว่าตนโตเป็นผู้ใหญ่แล้ว เธอถึงมีสติคิดได้ว่า ตนเองยังโผกอดอยู่ในอ้อมแขนของฉินเทียนอยู่เลย
เธอรู้สึกอายและรีบลุกขึ้นยืน สีหน้าของแกแดงก่ำไปหมด
จิตใจของแกรู้สึกสับสนวุ่นวายไปหมด ภายใต้คำร้องขอซ้ำๆ ของจงโฮ่วและคนอื่นๆ ในที่สุดแกก็พยักหน้าตอบรับอย่างไม่เต็มใจ
“ขอแสดงความยินดีกับคุณหนู!”
ที่แห่งนั้นเต็มไปด้วยเสียงโห่ร้องดังสนั่น
“ขอแสดงความยินดีกับคุณหนู!”
“ยินดีด้วยกับคุณฉิน!”
“ยินดีด้วยกับราชาเถียสิบสาม!”
“ราชาเถียสิบสาม พวกเราเป็นครอบครัวเดียวกันแล้วนะ!”
ท่ามกลางฝูงชน มีร่างชราร่างหนึ่ง วิ่งตรงเข้ามาด้วยความตื่นเต้น นั่นคือหานขุย คุณปู่ของหานหลิงนั่นเอง
เถียโถวกับหานหลิง ได้หมั้นหมายกันไว้ก่อนแล้ว คนตระกูลหานเฝ้าดูมาโดยตลอด อยากรู้ว่าราชาเถียสิบสามแห่งวิหารเทพคนนี้ จะมีคุณค่าและคู่ควรจริงๆ ไหม
ตอนนี้ พวกเขาประจักษ์ด้วยตาตัวเองทุกอย่างแล้ว
แม้ว่าหูรั่วหลันจะดำรงตำแหน่งหัวหน้าผู้นำ แต่ถือว่าทั้งหมดนี้ต้องขอบคุณราชาเถียสิบสาม
เป็นเพราะมีวิหารเทพชักใยอยู่เบื้องหลัง
พูดง่ายๆ ก็คือ เถ้าแก่ตัวจริง ก็คือราชาเถียสิบสามแห่งวิหารเทพนั่นเอง!
ตอนนี้เขารีบร้อนอยากจะรวมญาติกับเขาเสียเหลือเกิน
ท่าทีของเถียโถวดูมีความขัดแข้ง เขาพูดเบาๆ ว่า “หานหลิงล่ะ?เธอสบายดีใช่ไหม?”
เนื่องจากสถานการณ์อันซับซ้อนก่อนหน้านี้ คฤหาสน์ตระกูลหูตกเป็นสถานที่ที่อันตราย ดังนั้นหานหลิงเลยถูกส่งกลับไปยังบ้านตระกูลหานและได้รับการคุ้มครองอย่างลับลับ
“สบายดี!”
“สบายดีมากซะด้วยซ้ำ!”
“ราชาเถียสิบสามวางใจเถอะ เมื่อครู่ฉันแจ้งเขาไปแล้ว ให้เขารีบมาพบแกโดยทันที!”
ทันทีที่สิ้นเสียง ก็มีเสียงดังขึ้นมาจากบริเวณหน้าประตูใหญ่
“พ่อ หานหลิงมาแล้ว!”
“ฮูหยินของราชาเถียสิบสามมาแล้ว!” คนตระกูลหานกรูกันเข้าไปหาหานหลิง และเดินเข้ามาด้วยความตื่นเต้น
สีหน้าของหานหลิงดูสงบนิ่ง และสิ่งที่ไม่เข้ากับบรรยากาศเฉลิมฉลองเอาซะเลย นั่นก็คือ แกสวมใส่ชุดสีดำและรวบผมขึ้น ดูราวกับหญิงสาวที่เป็นหม้ายอย่างไรอย่างนั้น
เธอเดินมาถึงหน้าหลุมฝังศพของหูเฟย วางช่อดอกไม้ลง และร้องไห้จนเสียงแหบแห้งด้วยความขมขื่น
จากนั้นไม่นาน เขาก็เก็บความโศกเศร้านั้น มองไปยังเถียโถว และพูดอย่างหนักแน่นว่า “ฉันเคยบอกไว้ว่า วันที่แกล้างแค้นให้คนตระกูลหูสำเร็จ วันนั้นแกจะได้ตัวฉันไป”
“ตอนนี้ ฉันขอสัญญากับแกอย่างเป็นทางการ นับตั้งแต่วันนี้เป็นต้นไป ฉันคือผู้หญิงของแก”
“ถ้าแกยอมล่ะก็ คืนนี้ฉันจะร่วมหอลงโรงกับแก”
เมื่อเห็นผู้หญิงที่เขารักมากยืนอยู่ตรงหน้า แววตาของหูเฟย มีทั้งความสุข รู้สึกต่ำต้อย ละอายใจ และความเจ็บปวด
เขากัดฟันและกำลังจะตอบปฏิเสธ แต่จู่ๆ ฉินเทียนที่อยู่ข้างๆ ก็เข้ามาจับมือเขาและพูดเสียงดังว่า “ยินดีด้วยนะราชาเถียสิบสาม!”
“และยินดีกับหานหลิงด้วยเช่นกัน!”
“แต่ยังไงฉันก็คิดว่า การแต่งงานเป็นเรื่องสำคัญมากในชีวิต ไม่ควรเร่งรีบจนเกินไป ดังนั้นฉันขอประกาศไว้ ณ ที่นี้ว่า งานแต่งงานของราชาเถียสิบสามกับหานหลิง จะถูกจัดขึ้นในอีกหนึ่งเดือนหลังจากนี้!”
“เมื่อถึงเวลานั้น ขอเรียนเชิญทุกท่านมาร่วมดื่มเหล้ามงคลด้วยกันนะครับ!”
“ตกลง!”
“ขอแสดงความยินดีกับราชาเถียสิบสาม และหานหลิง!” เสียงอึกทึกครึกโครมไปทั่วสถานที่แห่งนั้น คนตระกูลหานต่างพากันตื่นเต้นดีใจกันอย่างท่วมท้น
หวังเหล่าหู่รีบวิ่งเข้าไปคุกเข่าลงต่อหน้าและพูดด้วยความหวาดกลัวว่า “ฉันรู้ว่าฉันเป็นคนบาป จะให้ชดเชยมากแค่ไหน ก็ยากที่จะไถ่โทษความผิดนั้นไปได้!”
“แต่ได้โปรดให้โอกาสฉันอีกสักครั้ง!”
“ได้โปรดมอบภารกิจฟื้นฟูคฤหาสน์ให้กับฉันเถอะ”
“แม้ว่าลูกชายของฉันจะไม่ได้เรื่อง แต่บริษัทก่อสร้างโบราณสถานของเขาก็ยอดเยี่ยมมากจริงๆ นะ!”
ฉินเทียนพยักหน้า หวังเป่ายู่ยังมีความฉลาดในการทำธุรกิจอยู่บ้าง บรรดาปรมาจารย์ที่จ้างมาด้วยเงินมหาศาลเหล่านั้น ก็ดูสุขุมและมีความระมัดระวัง มีความสามารถมากพอที่จะได้รับหน้าที่ฟื้นฟูคฤหาสน์แห่งนั้นจริงๆ
“ถ้างั้นก็ดี จากนี้อีกหนึ่งเดือน ราชาเถียสิบสามกับคุณหนูหานจะจัดงานแต่งงานอันยิ่งใหญ่กันที่นี่ ฉันหวังว่าแกคงจะไม่ถ่วงเวลาหรอกนะ!”
หวังเหล่าหู่รีบตอบตกลงทันที
หูเฟยคิดไม่ถึงว่าฉินเทียนจะทำเรื่องนี้โดยพลการ เขาลังเลอยู่ครู่หนึ่ง ก็พูดแย้งขึ้นมาว่า “ฉินเทียน อันที่จริงแล้วฉัน___”
เขารู้สึกว่าตอนนี้เขาไม่คู่ควรกับหานหลิงอีกแล้ว ขอแค่ได้เห็นว่าหานหลิงมีชีวิตที่ดี เขาก็พร้อมที่จะยอมจากไปอย่างเงียบๆ
ฉินเทียนพูดเบาๆ ว่า “พี่อะเฟย ฉันรู้ดีถึงปมในใจของแก”
“วางใจเถอะ ฉันเตรียมการณ์ทุกอย่างไว้หมดแล้ว”
เมื่อเห็นท่าทีที่มั่นใจของเขาแล้ว หูเฟยเลยทำได้เพียงพยักหน้าด้วยความกังวลใจ
เนื่องจากคฤหาสน์จำเป็นที่จะต้องซ่อมแซม ประกอบกับหยางต้าวที่กำลังหลบหนีอยู่ มันจึงเป็นปัจจัยสำคัญที่ทำให้เกิดความไม่มั่นคงอย่างมาก
ดังนั้น ฉินเทียน หูรั่วหลันและคนอื่นๆ เลยจำเป็นต้องพักอาศัยที่สำนักงานใหญ่ของมังกรซ่อนรูปเป็นการชั่วคราว
เมื่อกลับถึงสำนักงานใหญ่แล้ว ฉินชวนกับเฟ่ยเทียนอิงก็รีบออกคำสั่งไปทั่วสารทิศถึงเรื่องเงินรางวัลนำจับหยางต้าว ตอนนี้เขาเป็นแค่ตั๊กแตนหลังฤดูใบไม้ร่วง คงดิ้นรนเอาตัวรอดได้อีกไม่นาน
เหลิ่งหยุนที่ฟื้นตัวขึ้นมาบ้างแล้ว ในที่สุดเธอก็กัดฟันเล่าเรื่องราวระหว่างการเดินทางไปทางตอนเหนือของเขาออกมา
รวมทั้งสาเหตุที่ได้รับบาดเจ็บอีกด้วย