ความเศร้าและความโกรธที่ปะปนกันอย่างแปลกประหลาดปะปนอยู่ในน้ำเสียงของเซียงฮั่น
“ แม้ว่าข้าจะใช้ชีวิตของข้าเป็นหม้ายในสกุลจวิน ข้าก็ยังคงได้รับฐานะของ ลูกสะใภ้ แต่หากข้าได้แต่งงานเข้าไปสู่สกุลลี่ ข้าจะต้องกลายเป็นเมียน้อย ! หาก ยุนเบ้ยเฉินสนใจข้าขึ้นมาวันใหน สกุลลี่จะส่งข้าไปให้เป็นเมียน้อยของเขา … ทาสผู้ไม่สามารถออกความคิดเห็นได้ เป็นขี้ข้าพวกเขา ! และสกุลกวนก็จะยอมรับมัน เพราะว่า ยุนเบ้ยเฉินนั้นทรงอำนาจกว่าสกุลกวน และการมีความสัมพันธ์กับเขานั้น จะทำให้สกุลกวนได้ผลประโยชน์ ! ”
“ หัวหน้าสกุลยังคือถึงครอบครัวหรือไม่ ?! ท่านพ่อ เหตุใดสกุลของพวกเราถึงไม่มีความอับอายเอาเสียเลย ?! เหตุใดเขาไม่เห็นถึงความขายหน้าของข้า ? ข้าอยากจะมีชีวิตอยู่โดยเป็นลูกสะใภ้ของสกุลจวินดีกว่าที่จะต้องไปมีชีวิตอย่างอับอายเช่นนั้น ! และจะไม่ไปเพราะคนไร้ยางอาย ! ”
“ ข้าอยากจะปล่อยให้สกุลกุลตายไปในฐานะวีรบุรุษ ก่อนที่ข้าจะยอมให้คนแก่หัวขาวที่ไร้ประโยนชน์เหล่านั้นไปร้องของความเมตตาแก่ผู้ทรงอำนาจของโลก ! ”
ประโยคสุดท้ายของเซียงฮั่นเกือบจะระเบิดออกมาจากปากของนาง
กวนดุงหลิวเพ่งมองอย่างเจ็บปวดไปที่ลูกสาว ใบหน้าของเขาเปิดเผยความเจ็บปวดที่ได้จากการสนทนานี้ แม้ว่าร่างกายของเขาจะบึกบึน แต่ภาษากายของเขาไม่ได้สะท้อนออกมาเช่นนั้นเลย
เขาไม่มีคำตอบให้สำหรับคำพูดของลูกสาว ไม่มีเลย หัวใจของเขากำลังรู้สึกผิดอละอะบอาย เขาเริ่มกัดฟันขณะที่ความเจ็บปวดปกคลุมไปทั่วทั้งร่างของเขา !
“ ในฐานะลูกสาว ข้าเพียงแต่อยากรู้ว่าตอนนี้ท่านพ่อได้ว่าแผนอะไรเอาไว้ … ”
กวนเซี่ยงฮั่นมองไปยังพ่อของนางอีกครั้ง น้ำเสียงของนางฟังดูหดหู่ อ่อนแอ แต่ก็ยังแสดงถึงความโกรธ …
“ จวินวูอี้ได้ตอบคำถามนั้นแล้ว ! ”
กวนดุงหลิวยิ้มอย่างโศกเศร้า
“ สำหรับสิ่งที่ทำได้ในขณะนี้ … หากพวกเราถอนหารแต่งงาน พวกเราจะทำได้เพียงส่งตัวเจ้าให้สกุลลี่โดยข้ามซากศพของสกุลจวินไป ! ”
กวนดุงหลิวเผยรอยยิ้มที่ไม่เห็นด้วย
“ ข้าอาจจะเป็นกวนดุงหลิว … หัวหน้าสกุลกวน … แต่ข้าจะไม่แตะต้องสกุลจวิน … หรือสกุลลี่ ”
“ ยิ่งไปกว่านั้น ในสิ่งที่เจ้าพูดมาก่อนหน้านี้ … สกุลจวินนั้นเป็นผู้มีพระคุณกับเรา และพวกเราจะไม่อกตัญญูกับผู้มีพระคุณ ! ”
ทันใดนนั้น น้ำเสียงของกวนดุงหลิวมีพลังมากขึ้น
“ นี่คือการตัดสินใจของข้า ข้าตัดสินใจที่จะทิ้งลูกสาวเพื่อสวัสดิภาพของสกุลของข้า ! ข้าจะไม่ทำอะไรเมื่อสกุลจวินตัดสินใจที่จะลุกขึ้นมาปกป้องเจ้า ! ข้ายอมให้เขตซือฮั่นทำให้ลูกสาวของข้าเสื่อมเสียและโดนดูถูก ! ข้าทำผิดกับเจ้ามาตลอดชีวิต … เพราะข้าเลือกที่จะมองไปยังอนาคตของสกุลเป็นอันดับหนึ่ง แต่ตอนนี้ข้าต้องการ …. ”
“ ข้าต้องการทำในฐานะของพ่อ ! ”
ใบหน้าของกวนดุงหลิวแข็งทื่อ และดวงตาสีแดงก่ำของเขามองไปยังแสงสว่างในขณะที่ตาดำของเขาขยายใหญ่ขึ้น
“ ข้าต้องการจะทำในฐานะของพ่ออีกครั้ง ! ”
ทันใดนนั้นหัวใจของกวนดุงหลิวรู้สึกถึงความผ่อนคลายขณะที่เขาพูดออกมา ราวกับว่าเขาได้วางภาระที่อยู่บนบ่าของเขาลงไป !
จะเป็นหรือตาย !
เจ้าเด็กจวินนั่นพูดถูก … หากสกุลของข้าไม่มีความกล้า พวกเขาก็จะต้องรอคอยอยู่รอบๆประตูแห่งความตายตลอดไป …. อะไรคือการอยู่รอด ?!
“ ท่านพ่อ ! ”
ทั่วทั้งร่างของกวนเซียงฮั่นสั่นใขณะที่นางเพ่งมองไปยังพ่อของนางอีกครั้ง แต่ครั้งนี้มีร่องรอยแห่งความประหลาดในปรากฏขึ้นในแววตาของนาง
กวนดุงหลิวยิ้มอย่างลึกซึ้ง ขณะที่เขาพยักหน้า
“ เซียงฮั่น สกุลจวินมิใช่สุภาพบุรุษคนเดียวในโลกนี้ สกุลกวนก็เป็นสุภาพบุรุษเช่นกัน ! ”
กวนเซียงฮั่นมีสีหน้าที่ภูมิใจขณะที่นางพูด
“ ข้าไม่เคยรู้เลยว่าท่านพ่อนั้นมีจิตวิญญาณแห่งความกล้าอยู่ภายใน … ”
กวนดุงหลิวพยายามยิ้มขณะที่เขาพูด
“ คำสาปแช่งของน้องเขยของเจ้านั้นโหดเหี้ยมจริงๆ แต่ต้องของคุณเขา … ตอนนี้พ่อของเจ้ารู้แล้วว่าสิ่งเล็กน้อยในโลกนี้นั้นสำคัญกว่าภาพรวม ”
เขาหัวเราะสองครั้ง แต่จากนั้นก็ถามด้วยความสับสน
“ เจ้าเล่าเรื่องของเขามากมาย แต่น้องเขยของเจ้ามิใช่พวกเสเพลอย่างที่เจ้าเคยบอกหรือ ? ”
ใบหน้าของกวนเซียงฮั่นแดงขึ้นมาในทันที ในขณะที่นางพูดอะไรไม่ออกอีกครั้ง
“ ท่านพ่อ … อย่าทำให้ข้าหัวเราะ … เขาได้เปลี่ยนไปมาเมื่อเร็วๆนี้ … เขามิใช่คนที่เขาเป็นก่อนหน้านี้ .. ตอนนี้เขากลายเป็ยลูกผู้ชายจริงๆแล้ว ”
กวนดุงหลิวยิ้งอย่างมีความสุข
“ จริงหรือ หรือเพราะเขาเริ่มตำหนิพ่อของเจ้า เจ้าเลยเริ่มนับถือเขาหรือ ? ”
กวนเซียงฮั่นกลับไปเป็นเด็กสาวที่หม่นหมองในทันที และนางเริ่มเกรี้ยวกราด
“ ข้าเกลียดท่า ท่านพ่อ ! ”
กวนดุงหลิวระเบิดหัวเราะขึ้น
“ ท่านพ่อ เข้ามาข้างใน ไม่เช่นนั้นท่านจะต้องเหน็บหนาวกลางสายฝนฤดูใบไม้ร่วงนี้ ”
ทันใดนนั้นนางก็ตระหนักได้ถึงสภาพของพ่อของนาง
“ เอ แล้วสุดท้ายเจ้าก็เป็นห่วงข้า ? ฝนนั้นซึมเข้าไปในกระดูกของพ่อของเจ้าแล้ว ”
กวนดุงหลิวหัวเราะอย่างติดตลก
“ อย่างไรก็ตาม ฝนนี่มันดีสำหรับข้า ! มันทำให้ข้าเข้าถึงหัวใจของลูกสาวและทำให้ข้าตื่น … ข้าต้องการจะแลกเปลี่ยนลูกสาวของข้าเพื่อให้สกุลของข้าอยู่รอด … แต่การอยู่รอดนั้น ไม่ดีไปกว่าการมีชีวิตเลย ”
เขาพูดจบประโยค มองไปยังลูกสาวด้วยความรักอีกครั้ง และจากนั้นก็หันหลัง
ร่างอันกำยำของเขาเดินฝ่าสายลมและฝนไป แต่ทุกๆก้าวของเขานั้นมั่นคงและแข็งแรง !
ดวงตาของกวนเซียงฮั่นพร่ามัวอีกครั้ง …
ไม่ไกลออกไป จวินวูอี้ยืนอยู่เงียบๆตรงมุมด้วยรอยย่นบนใบหน้า เขายิ้มกับตัวขณะที่พูดเบาๆ
“ กวนดุงหลิว เจ้าเป็นเพียงแค่กวนดุงหลิวจนวันนี้ .. แต่ตอนนี้เจ้ามีคุณสมบัติพอที่จะเป็นพ่อและวีรบุรุษในสายตาของข้า ! ”
ดวงตาของเขาเพ่งมองผ่านสายฝนออกไป
“ จวินโม่เซี่ยหายไปในช่วงเวลาที่น่าอัศจรรย์นี้ … เหตุใดข้าถึงรู้สึกว่ามีเรื่องใหญ่กำลังจะเกิดขึ้น ? เหตุใดเขายังไม่กลับมาอีก ? ข้าไม่รู้จะทำยังไงกับหลานชาย .. เขาช่างแปลกเสียจริง .. ข้าปล่อยให้เขาทำอะไรได้อย่างอิสระด้วยอำนาจของข้า แต่ยิ่งวันเวลาผ่านไปเขายิ่งทำตัวลึกลับ ! ”
เขาถอนหายใจขณะที่มีแสงเปล่งประกายออกมาจากร่างของเขา และจากนั้นเขาก็หายไปอย่างไร้ร่องรอย
… …
ชายหน้ากากดำลอยออกมาจากวงล้อมด้วยการโจมตีของเหยี่ยวผู้โดดเดี่ยว แต่เขาได้โยนแกนเชวียนใส่ไปในมือของผู้ที่มาโจมตีเขาก่อนที่เขาจะถุกโยนออกไป
ร่างของเขาเกือบจะกระแทกเข้ากับต้นไม้ แต่ทันใดนนั้นจวินโม่เซี่ยก็ใช้เคล็ดอิสระหยินหยางและหายไปต่อหน้าต่อตาและหลบออกไปจากการสังเหตุของทุกคน
จากทั้งหมด ที่เขาโดนเทพเชวียนสูงสุดโจมตี ! แม้ว่าในสายตาของเขานั้น การโจมตีของเหยี่ยวผู้โดดเดี่ยวนั้นจะแผ่วเบา และมันก็รุนแรงพอที่จะทำให้จวินโม่เซี่ยเจ็บปวด และทำให้เขาต้องติดอยู่กับความรู้สึกพะอืดพะอม
แม้ว่าจวินโม่เซี่ยจะไม่ได้รับบาดเจ็บรุนแรง แต่ร่างของเขาก็ยังคงอยู่ในสภาวะช็อค !
เจ้านกเหยี่ยวเอ้ย ! ข้าจะเอาคืนเจ้าในวันหนึ่ง !
จวินโม่เซี่ยสถบขณะที่เขามองการต่อสู้ที่เกิดขึ้นตรงหน้าของเขา !
จวินโม่เซี่ยจ้องมองการต่อสู้ต่อไปจากระยะที่ห่างไกลพร้อมกับใบหน้าที่บึ้งตึง ในขณะที่ปากของเขาขยับอยู่ตลอดเวลา
ข้าไม่ต้องการให้เกิดการต่อสู่ที่ใหญ่เช่นนี้ …
จวินโม่เซี่ไม่ต้องการที่จะเริ่มต้นการต่อสู้ที่รุนแรงเช่นนี้ และวางแผนไว้ว่ามันจะเกิดแค่ความวุ่นวายเท่านั้น เป้าหมายของเขาคือการตรวจสอบว่าแกนเชวียนปลอมนั้นสามารถใช้การได้หรือไม่ สำหรับอนาคต
แน่นอน เรื่องราวของเขตซือฮั่นนั้นยังไม่เป็นที่เปิดเผยในตอนนี้ แล้วจวินโม่เซี่ยได้ว่าแผนเรื่องนี้อย่างระมัดระวัง และเขาจะรอดจนกว่าเขาจะมีแผนการที่ผปลอดภัย ยิ่งไปกว่านั้น เขายังรอให้มียอดฝีมือจำนวนมากมารวมตัวกันในเมืองก่อนที่เขาจะเริ่มการเคลื่อนไหวนี้ จากทั้งหมดนั้น การเกิดขึ้นของแกนเชวียนนี้รวดเร็วมากหลังจากที่มันได้สร้างความคลางแคลงใจในหัวใจของคนส่วนใหญ่
แต่เรื่องของเขตซือฮันนั้นทำให้แผนการของจวินโม่เซี่ยต้องยุ่งยาก และแม้ว่าการคุกคามของสกุลลี่นั้นยังไม่ได้เกิดขึ้นในเร็ววัน แต่มันเหมือนกับระเบิดที่อยู่ด้านหลังซึ่งมันสามารถระเบิดขึ้นมาเมื่อใหร่ก็ได้ ดังนั้น จวินโม่เซี่ยจึงโยนแกนเชวียนปลอมออกไปก่อนที่จะถึงเวลาที่เหมาะสม และตอนนี้เขาไม่มีทางเลือกอื่นนอกจากดูว่ามันจะสิ่งที่ไม่ต้องการ หากเขาปล่อยให้แผนการนี้ล่าช้าออกไปอีก มันอาจจะมีผลกับความปลอดภัยของสกุลจวินและสกุลกวน
ในตอนนี้ ฉีฉางเซี่ยวเตรียมการที่จะโจมตีใส่เหยี่ยวผู้โดดเดี่ยว ในขณะที่กำลังปัดป้องจากผู้อาวุโสทั้งสามจากเมืองพายุหิมะขาว ผู้ที่ล้อมรอบเหยี่ยวผู้โดดเดี่ยว เช่นเดียวกันศิษย์ทั้งสิบของลี่วูเบ้ย และผู้ช่วยสวรรค์เชวียนทั้งหกของฉีฉาเซียว พวกเรารักษาระยะเอาไว้โดยที่ไม่มีใครกล้าเข้ามาใกล้กว่านี้โดยไม่มีใครช่วยสนับสนุน
แน่นอนว่าพวกเขาไม่ได้กลัวปราณเชวียนระดับสูงของเขา แต่เป็นประสบการณ์การเป็นแม่ทัพของเขา ชายที่อยู่กลางวงล้อมนั้นรวดเร็วมาจนไม่มียอดฝีมือที่อยู่ต่ำกว่าสวรรค์เชวียนผู้ใดสามารถจะรับมือกับเขาได้เกินกว่าหนึ่งวินาที
ศิษย์ทั้งสิบของลีวูเบ้ย ผู้ที่ลี่โย่วหลานเชิญให้มาร่วมการแย่งชิงแกนเชวียนนี้ ดูเหมือนว่าพวกเขาจะเผชิยหน้ากับ เทพเชวียนทั้งสองโดยไม่มีร่องรอยแห่งความเกร่งกลัวในแววตาเลย ความจริง ตอนนี้พวกเขารู้สึกมั่นใจอย่างมาก !
เนื่องจากความเร็วในการต่อสู้นั้นสูงมาก จวินโม่เซี่ยก็เห็นเพียงแต่เงาอันคลุมเครือของพวกเขา แต่ไม่สามารถบอกได้ว่าเป็นใคร
ทันใดนนั้น ร่างนับสิบก็โจมตีไปยังเหยี่ยวผู้โดดเดี่ยวอีกครั้ง ปราณเชวียนของเหยี่ยวผู้โดดเดี่ยวพุ่งกระจายออกมาจากร่างของเขา ขณะที่เขาตะโกนออกไปโดยไร้ซึ่งความกลัว
“ เข้ามา ! ”
จากนั้นร่างของเขาก็โค้งอย่างแปลกประหลาดราวกับเหยี่ยวที่อยู่กลางอากาศ ขณะที่เขาหลบการโจมตีแรกของฉีฉาเซี่ยว และจากนั้น ก็หมุนตัวกลางอากาศ และเตะออกไป !
ฉีฉางเซี่ยวถูกแรงกระแทกถอยหลังไป !
จากนั้น ฉีฉางเซี่ยวคำรามออกมาด้วยความโมโห !
แม้ว่าเขาจะเป็นคนแรกที่เริ่มโจมตี แต่เขาก็เป็นเทพเชวียนสูงสุด ! ยิ่งไปกว่านั้น อันดับของเขายังสูงกว่าเหยี่ยวผู้โดดเดี่ยว ! หากเขาไม่สามารถสังหารเหยี่ยวผู้โดดเดี่ยวในขณะที่โดนรุมได้ ข่าวลือที่ว่าเขานั้นอ่อนด้อยกว่าเหยี่ยวผู้โดดเดี่ยวจะแพร่กระจายออกไป โดยเฉพาะอย่างยิ่งเมื่อมีคนอื่นให้การช่วยเหลือเขาด้วย !
ความเสียหายของชื่อเสียงที่มาจากข่าวลือนั้นจะไม่สามารถ … แก้ไขได้ !
จากทั้งหมดนั้น ผู้คนจะถามเพียงสิ่งเดียว
ทำไมเขาถึงยอมให้กุ้งมากมายมีส่วนร่วมในการต่อสู้ระหว่างวาฬสองตัว ?