เฉียวเหลียงกระทืบคันเร่ง หมุนพวงมาลัยอย่างแรง กระแทกรถคันหนึ่งที่จอดขวางอยู่กระเด็นออกไป ทหารรับจ้างไม่คาดคิดว่าเหยื่อจะแหกออกจากวงล้อมด้วยความรุนแรงแบบนี้ รถยนต์ของพวกเขาถูกเฉียวเหลียงชนแหลกลาญไปตลอดทาง กว่าพวกเขาจะทันรู้ตัวและตอบโต้ใดๆ หลังจากชนรถพังพินาศไปหลายคัน เฉียวเหลียงก็หมุนพวงมาลัยเหยียบคันเร่งเต็มที่ ขับรถออกไปอย่างรวดเร็ว
กระสุนปืนยังคงพุ่งเข้าใส่กระจกรถราวกับห่าฝน ถังซีหลบหลีกกระสุน เฉียวเหลียงจับมือเธอไว้ และพยายามปลอบเธอ “ไม่ต้องกลัวนะ”
ถังซีส่ายศีรษะ “เปล่าค่ะ ฉันไม่ได้กลัว”
เธอมองตรงไปข้างหน้า ถามพร้อมกับขมวดคิ้ว “เราจะไปไหนกันคะ”
“ปราสาทโคลตัน ที่อยู่ของพวกตระกูลคลอส”
ทหารรับจ้างอยากไล่ตามรถพวกเขา แต่หนึ่งในนั้นห้ามคนอื่นๆ ไว้ เมื่อเห็นทิศทางที่พวกเขาขับไป เขากล่าวด้วยรอยยิ้มเยือกเย็น “ไม่ต้องไล่ล่าพวกมัน พวกมันกำลังเอาคอเข้าไปคล้องในบ่วง”
ทหารรับจ้างอีกคนมองตามรถที่เฉียวเหลียงขับไปแล้วหัวเราะเยาะ “ฮ่า ฮ่า พวกมันโง่มาก! ไม่รู้หรือไงว่าแหย่เท้าเข้ามาในอาณาเขตของตระกูลคลอสแล้ว”
เฉียวเหลียงโทรหาอาห้า ขณะขับรถ “มีแมลงฝูงหนึ่งอยู่บนถนน จัดการกับพวกมันด้วย”
เมื่อได้ยินอาห้ากล่าวว่า “ได้ครับ นายน้อย” เฉียวเหลียงก็วางสาย
ทหารรับจ้างเหล่านั้นยังคงหัวเราะเยาะเฉียวเหลียงกับถังซี เมื่อได้ยินเสียงเฮลิคอปเตอร์พวกเขาก็เงยหน้ามองขึ้นไป เห็นเฮลิคอปเตอร์หลายลำบินวนอยู่เหนือศีรษะ ทุกคนสงสัยว่าทำไมนายน้อยถึงต้องระดมเฮลิคอปเตอร์มาทั้งฝูงขนาดนี้ เพียงเพื่อจะจับคนสองคนที่ไม่มีน้ำยาอะไรเลย
อาห้ามองดูเหล่าทหารรับจ้างที่ไม่มีท่าทีจะหลบไป สายตาเขาเป็นประกาย และออกคำสั่งอย่างเยือกเย็น “ฆ่าพวกมันให้หมด”
ทหารรับจ้างยังคงมองขึ้นไปยังฝูงเฮลิคอปเตอร์ เมื่อจู่ๆ เฮลิคอปเตอร์ก็ทิ้งระเบิดลงมา ทหารรับจ้างคนหนึ่งกรีดร้องทันที “บัดซบ! พวกมันทิ้งระเบิดใส่พวกเรา!”
อย่างไรก็ตาม ทันทีที่เขากรีดร้องเช่นนี้ ร่างกายเขาก็แหลกละเอียดเป็นชิ้นเล็กชิ้นน้อย ทหารรับจ้างทั้งหมดถูกสังหารหมู่ ซากศพพวกเขากระจัดกระจายไปทั่วทุกหนแห่ง ก่อนที่พวกเขาจะรู้ว่าเกิดอะไรขึ้น
เมื่อได้ยินเสียงระเบิด เฉียวเหลียงซึ่งอยู่ห่างออกไปจากบริเวณนั้นแล้ว ก็ขมวดคิ้ว ถังซีหันกลับไปมอง เห็นเพียงภาพรถยนต์ทั้งหมดถูกระเบิดเป็นชิ้นๆ และไฟลุกท่วม เธอเบิกตากว้าง หันไปมองเฉียวเหลียงซึ่งยังคงขับรถด้วยใบหน้าเรียบเฉย หางตาถังซีหรี่ลง “อาห้านี่สุดยอดจริงๆ!”
แต่นี่ไม่เป็นการสูญเสียทรัพยากรเกินไปหรือ! ทหารรับจ้างเพียงไม่กี่คนเอง ทำไมพวกเขาถึงทำเป็นเรื่องใหญ่ใช้ระเบิดสังหารขนาดนี้
เฉียวเหลียงกล่าวว่า “ผมสั่งให้เขาทำแบบนี้”
ถังซีพูดไม่ออก
เฉียวเหลียงหันมาสบตาถังซี ยิ้มให้เธอ แล้วกล่าวว่า “เรามาถึงแล้ว”
…
ในปราสาทโคลตัน คลอส อีฟส์จ้องมองคนของเขาถมึงทึงและตะคอก “แกว่าไงนะ”
“คนของเราถูกฆ่าตายระหว่างทาง ตอนนี้สำนักงานใหญ่ของเราถูกปิดล้อมด้วยเฮลิคอปเตอร์ติดอาวุธและ… ทหารติดอาวุธ พวกเขาดูเหมือนเป็นกองกำลังที่ได้รับการฝึกฝนมาเป็นอย่างดี…” พ่อบ้านก้มศีรษะลง แล้วกล่าวต่อไป “อีกเรื่องหนึ่ง ถังซีกับบอดีการ์ดของเธออยู่ที่ประตูปราสาทครับ”
คลอส อีฟส์ขมวดคิ้ว ประกายเย็นเยียบวาววับไปทั่วดวงตาเขา “พวกมันกล้าดียังไง ถึงได้เข้ามาถึงที่นี่”
พ่อบ้านกล่าวกับเขาอย่างนอบน้อม “นายท่านครับ ท่านไปดูสิครับ ตอนนี้นายน้อยออกไปคุยกับพวกเขาแล้ว”
คลอส อีฟส์ผุดลุกขึ้น แล้วรีบผลุนผลันออกไป
ที่ประตูปราสาท เฉียวเหลียงมองไปยังปราสาทหลังใหญ่พร้อมกับขมวดคิ้ว ถังซีเม้มริมฝีปากก่อนจะกล่าวว่า “ปราสาทหลังนี้ดูเยือกเย็น ไร้ชีวิตชีวา ฉันไม่ชอบเลย เรารอกันอยู่ข้างนอกนี่แหละ ฉันกลัวจะเป็นหวัด ถ้าเข้าไปในปราสาท”
ถังซีกล่าว ดวงตาเธอเป็นประกายซุกซน เฉียวเหลียงมองหน้าเธอ ยิ้มแล้วกล่าวว่า “ตกลง ถ้าอย่างนั้นเราเจรจากับพวกเขาตรงนี้ก็แล้วกัน”
ประตูปราสาทเปิดออก คลอส เลิฟเดินออกมาจากด้านใน ห้อมล้อมด้วยทหารรับจ้างหลายคน เขายิ้มอย่างเย็นชาเมื่อเห็นเฉียวเหลียง “คิดไม่ถึงเลยว่าพวกแกจะส่งตัวเองมาให้ฉัน! เยี่ยม! ฉันชอบความกล้าหาญของพวกแก!”
เมื่อเห็นถังซียืนอยู่ข้างหลังเฉียวเหลียง คลอส เลิฟก็ยิ้มด้วยท่าทางคึกคะนอง และกล่าวอย่างหยาบคาย “ฉันสงสัยอยู่เหมือนกันว่าทำไมเธอถึงโกรธฉันมากในคืนนั้น เพราะเธอมีไอ้รูปหล่อคนนี้อยู่แล้วนั่นเอง เธอก็เลยคิดว่าฉันจะไม่สามารถทำให้เธอพอใจได้” จากนั้นเขาก็หันไปมองเฉียวเหลียง “แกโกรธฉันมาก เพราะแกเป็นผู้ชายของเธอใช่ไหม”
เฉียวเหลียงหรี่ตาลง กล่าวอย่างเย็นชา “ดูเหมือนว่าคืนนั้นแกจะไม่ได้เรียนรู้อะไรจากการสั่งสอนของฉันเลย แกคงอยากให้ฉันสั่งสอนบทเรียนอื่นให้แกอีกใช่ไหม”
“แกรู้ไหมว่ายืนอยู่ในอาณาเขตของใคร” คลอส เลิฟกล่าวเสียงเข้ม “ฉันจะตอบแทนแก ในสิ่งที่แกทำกับฉันในวันนั้น ขอให้สนุกก็แล้วกัน”
จากนั้นเขาก็ยกมือขึ้น ส่งสัญญาณให้คนของเขาจับตัวเฉียวเหลียง
เฉียวเหลียงยืนนิ่งอยู่กับที่ หัวเราะอย่างเย็นชา เลิกคิ้ว แล้วกล่าวว่า “ฮ่าๆ นายน้อยคลอส ช่างน่าชื่นชมความสงบนิ่งของแกจริงๆ ตอนนี้ตระกูลคลอสทั้งตระกูลกำลังตกอยู่ในอันตราย แกยังคิดว่าแกจะทำอะไรฉันได้อีกเหรอ”
คลอส เลิฟขมวดคิ้ว มองหน้าเฉียวเหลียงแล้วถามว่า “แกหมายความว่ายังไง”
เฉียวเหลียงเลิกคิ้วมองหน้าคลอส เลิฟ “ให้พ่อแกอธิบายให้ฟังสิ” คลอส เลิฟจ้องหน้าเฉียวเหลียงด้วยสายตามีคำถาม เฉียวเหลียงมีท่าทีไม่แยแส มองไปที่คลอส อีฟส์ซึ่งกำลังเดินเข้ามา คลอส เลิฟมองตามสายตาเฉียวเหลียง และเห็นพ่อของเขากำลังเดินเข้ามา เลิฟรีบเข้าไปหาพ่อทันทีและถามด้วยท่าทางยำเกรง “พ่อครับ มาตรงนี้ทำไม”
คลอส อีฟส์มองหน้าลูกชายอย่างเย็นชา และตะคอก “แกไม่รู้เหรอ ว่าทำไมฉันถึงมาตรงนี้!”
คลอส เลิฟยิ้ม “พ่อไม่ต้องกังวลนะครับ ผมจะจัดการกับพวกมันเอง ไม่ต้องให้มือพ่อสกปรก”
“แกรู้ไหมว่าคนของเราเสียชีวิตทั้งหมด” คลอส อีฟส์ส่งสายตาจ้องมองลูกชายเขม็ง แล้วรีบเดินเข้าไปหาเฉียวเหลียง กล่าวกับเขาด้วยสีหน้าเคร่งเครียด “ขอโทษนะครับ คนที่ปิดล้อมบ้านเราอยู่ตอนนี้ เป็นคนที่มากับท่านหรือเปล่า”
เฉียวเหลียงยิ้มมุมปาก “คุณคลอส อีฟส์ คุณไม่รู้หรือว่าทำไมผมถึงมาที่นี่”
คลอส อีฟส์ขมวดคิ้ว “ท่านหมายความว่า ท่านไม่มีส่วนเกี่ยวข้องกับคนพวกนั้นเหรอ”
“ทำไมผมต้องตอบคำถามนี้” เฉียวเหลียงเลิกคิ้ว มองหน้าคลอส อีฟส์ เขายิ้มอย่างเยือกเย็น กล่าวว่า “ผมจำได้ว่าคุณหรือคนของคุณ ก็ไม่มีใครตอบคำถามของผม”