ตอนที่ 629 แอบสมรู้ร่วมคิด / ตอนที่ 630 ตามติดเป็นเงาตามตัว

เช่าท่านประธานมาปิ๊งรัก

ตอนที่ 629 แอบสมรู้ร่วมคิด

 

 

“อย่าหลับไปอีกนะ” เหยียนเค่อกอดหล่อนให้ลุกขึ้นมาพร้อมกัน ลำตัวอ่อนของหล่อนพิงอยู่ในอ้อมกอดเขาทั้งตัว

 

 

ซย่าเสี่ยวมั่วอยากจะนอนหลับไปอีกรอบจริงๆ อายุมากแล้วอยากจะนอนก็เป็นเรื่องที่ห้ามไม่ได้จริงๆ

 

 

“ฉันยังง่วงอยู่” ซย่าเสี่ยวมั่วบ่นพึมพำ

 

 

เหยียนเค่อขยับปกเสื้อที่หลุดลุ่ยของหล่อนขึ้นไปให้เรียบร้อยเพื่อปกปิดผิวเนื้อที่เปิดเผยของหล่อน ซย่าเสี่ยวมั่วคิดว่าเขาเป็นสามีของหล่อนแล้วจริงๆหรืออย่างไร

 

 

“รีบตื่นเร็วๆ เดี๋ยวฉันก็เลิกงานแล้ว” ชายหนุ่มจูบไปที่เปลือกตาของซย่าเสี่ยวมั่ว ปะเหลาะให้หล่อนยอมตื่น

 

 

ซย่าเสี่ยวมั่วค่อยๆพยักหน้าอย่างหนักแน่น “ให้ฉันนั่งพักแปปหนึ่งเดี๋ยวก็ตื่นแล้ว”

 

 

เหยียนเค่อไม่เชื่อว่าหล่อนจะนั่งแค่แปปหนึ่งแล้วยอมตื่น สักพักต้องลงไปนอนต่อแน่ๆ

 

 

เหยียนเค่อประคองหล่อนออกจากตัวแล้ววางลงบนเตียง พอหมุนตัวไปใส่รองเท้าก็มีหัวเอนมาพิงที่แผ่นหลังของเขา จึงอดไม่ได้ที่จะยิ้มออกมา “ต้องง่วงมากขนาดไหนเนี่ย”

 

 

ซย่าเสี่ยวมั่วยังมีการมาสู้รบกับเขาอีก นั่งอยู่ตรงนั้นสักพักก็รู้สึกว่ามีอะไรเย็นๆมาประทะที่หน้าของตน

 

 

“อื้อ” สิ่งเย็นๆที่โดนใบหน้าของเธอทำให้เธอมีสติขึ้นมาก “อะไรเนี่ย”

 

 

เธอมองไปที่ผ้าเช็ดหน้าเปียกน้ำ ก็รู้สึกพูดอะไรไม่ออกเอามือทั้งสองปิดหน้าตัวเอง เหยียนเค่อยังไม่รู้เรื่องราวอะไรพยายามปัดมือหญิงสาวออกแล้วจะเช็ดหน้าให้หล่อนต่อ แต่ซย่าเสี่ยวมั่วก็ยังคงไม่ยอมปล่อยมือ

 

 

ครวญครางอย่างฟังไม่ค่อยชัด “ช่วยคิดถึงตอนที่ฉันโดนลบเครื่องสำอางค์ออกหน่อยได้ไหม”

 

 

“…อ้อ” เหยียนเค่อยัดผ้าเช็ดหน้าใส่มือหญิงสาวจากนั้นก็เดินออกจากห้องไป

 

 

พอซย่าเสี่ยวมั่วเดินออกมาเหยียนเค่อก็ยังคงยุ่งกับงานอยู่ เธอก็ไม่ได้เดินเข้าไปรบกวน ไปนั่งเล่นโทรศัพท์รออยู่บนโซฟา

 

 

เหยียนเค่อกวาดสายตามองมาอย่างอบอุ่น เห็นหล่อนนั่งนิ่งๆอยู่ตรงนั้นก็ยกยิ้มขึ้น เร่งปั่นงานที่อยู่ตรงหน้าต่อ

 

 

หลังจากที่ฉินซื่อหลานเลิกงานก็รีบบึ่งไปที่ ‘หลิวเยี่ยน’ ไม่รู้ว่าคุณชายทั้งสองรอที่จะพูดอะไรกับเขาอยู่ที่นั่น

 

 

“เลิกดื่มได้แล้ว ขืนกลับไปเจอพี่สะใภ้ฉันจะต้องตอบว่าอย่างไรฮะ” เซ่าหมิงฟ่านเอาขวดเหล้าหนีไป ไม่ให้สวีอันหรานดื่มต่อ

 

 

สวีอันหรานนอกจากจะใช้เหล้าขจัดความเศร้าแล้วก็ไม่รู้จะมีวิธีไหนดีไปกว่านี้อีก แต่พอได้ยินเพื่อนพูดแบบนี้ก็เริ่มดื่มน้ำเปล่าแทน

 

 

“เกิดอะไรขึ้น” ตอนที่ฉินซื่อหลานเดินเข้ามาก็เห็นคุณชายทั้งสองดื่มน้ำเปล่าแทนเหล้า ตอนแรกเขาก็นึกว่าเป็นเหล้า แต่พอมาดูใกล้ๆถึงได้รู้ว่าไม่มีกลิ่นของแอลกอฮอล์เลย

 

 

“พวกนายสองคนนึกครึ้มอะไรกันขึ้นมา มาเป็นอาหารตาให้สาวๆหรืออย่างไร”

 

 

รอบๆตัวเต็มไปด้วยสายตาร้อนแรงของสาวๆที่ส่งมาให้ ฉินซื่อหลานยังรู้สึกสยอง พอตนเดินเข้ามาเพิ่มก็ดึงดูดสายตาผู้คนได้มากขึ้นไปอีก

 

 

“พวกเราเหมาห้องแล้วค่อยคุยกันได้ไหม ตรงนี้มันน่าขนลุกเกินไป”

 

 

เซ่าหมิงฟ่านเองก็ไม่ค่อยชอบสถานที่แบบนี้สักเท่าไหร่ “ไปห้องส่วนตัวเถอะ”

 

 

บรรยากาศเงียบเหงาภายในห้องยิ่งทำให้สวีอันหรานเศร้าใจยิ่งกว่าเดิม ชายหนุ่มเอาแต่เพ้อกับฉินซื่อหลาน “นายว่า ตอนที่ผู้หญิงท้องจะรู้สึกรำคาญสามีของพวกเธอไหม”

 

 

ฉินซื่อหลานกระเถิบถอยหลังไป ส่งสายตาขอความช่วยเหลือไปให้เซ่าหมิงฟ่าน ถ้ารู้ว่าจะเป็นเรื่องแบบนี้ให้ตายเข้าก็ไม่ออกมาหาหรอก

 

 

“ช่วงนี้พี่สะใภ้ไม่สนใจมัน มันก็เลย…” เซ่าหมิงฟ่านพยายามช่วยอธิบาย

 

 

ฉินซื่อหลานก็ไม่ใช่หมอแผนกสูติ เขาจึงทำได้แค่พูดไปตามหลักของจิตวิทยาเท่านั้น “ว่าตามหลักแล้ว ก็มีทั้งที่ต้องตัวติดตลอดเวลา กับแบบที่เห็นหน้าก็เป็นต้องหงุดหงิดนะ”

 

 

สวีอันหรานตั้งสติ ความจริงเขาก็ไม่ได้ดื่มจนเมา ดังนั้นตอนนี้เลยรู้สึกแย่กว่าดื่มจนเมาเสียอีก “ฉันอยากจะจัดการเหยียนเค่อจริงๆ”

 

 

“พวกนายเรียกฉันมาไม่ใช่แค่จะให้มาปลอบอันหรานหรอกใช่ไหม” ฉินซื่อหลานรู้สึกเป็นห่วงเพื่อนๆแต่ทำไมต้องนัดเขามาเจอที่ผับแบบนี้

 

 

เซ่าหมิงฟ่านถือแก้วไวน์แบบทรงสูง น้ำใสๆกระเพื่อมเป็นลูกคลื่นอยู่ภายในแก้ว ทำให้แสงไฟที่กระทบกับน้ำดูมีสีสันมากยิ่งขึ้น

 

 

“นี่แหล่ะประเด็นสำคัญ เหยียนเค่อมีแฟนแล้ว”

 

 

หลังจากที่ฉินซื่อหลานได้ยินก็ไม่มีปฏิกิริยาตอบสนองใดๆ มีแฟนแล้วแล้วทำไมต้องแอบมาบอกกับเขาตามลำพังแบบนี้ “แฟนของมันก็ไม่ใช่น้อยๆ ซะเมื่อไหร่ คู่หมั้นยังมีแล้วเลย มีแฟนแล้วมีอะไรน่าแปลกนักหนาฮะ”

 

 

 

 

 

 

ตอนที่ 630 ตามติดเป็นเงาตามตัว

 

 

เซ่าหมิงฟ่านยิ้มขำฉินซื่อหลานที่ยังไม่รู้เรื่องราวทั้งหมดที่เกิดขึ้น “นายลองเดาสิว่าแฟนของมันคือใคร”

 

 

ฉินซื่อหลานพยายามกระตุ้นสมองที่ดูว่างเปล่าของตัวเอง สายตามองสลับไปยังเซ่าหมิงฟ่านกับสวีอันหรานอยู่สองสามที “คงไม่ใช่นายหรอกใช่ไหม” ฉินซื่อหลานชี้มือไปทางเซ่าหมิงฟ่านอย่างตกใจ

 

 

“…” เซ่าหมิงฟ่านชะงักค้างอยู่กับที่ มือที่ถือแก้งน้ำอยู่เอนไปทางฉินซื่อหลานราวกับอยากจะสาดใส่หน้าชายหนุ่ม

 

 

“เอ่อ ฮะ ฮะ” ฉินซื่อหลานรีบพูดแก้ไข จากนั้นนิ้วมือก็เริ่มชี้ไปทางสวีอันหราน “ไม่ใช่สวีรั่วชีหรอกใช่ไหม”

 

 

“ไปไกลๆเลย!” สวีอันหรานอยากจะฆ่าเพื่อนให้ตายจริงๆ

 

 

“ไอ้นี่มันวอนจริงๆ” เซ่าหมิงฟ่านยิ้มอย่างมาดร้าย “ครั้งหนึ่งหาเรื่องถึงสองคน”

 

 

ฉินซื่อหลานยิ้มแห้ง “อย่างนั้นพวกนายก็ช่วยบอกให้ฉันรู้ซะทีสิว่าเป็นใครกันแน่”

 

 

“ซย่าเสี่ยวมั่ว”

 

 

สวีอันหรานก็ไม่ได้อ้อมค้อมต่อ เอ่ยบอกออกมาตรงๆ

 

 

ฉินซื่อหลานรู้สึกราวกับอยู่ในความฝัน “ว่าไงนะ”

 

 

“นายได้ยินไม่ผิดหรอก เหยียนเค่อคบกับซย่าเสี่ยวมั่วแล้ว” เซ่าหมิงฟ่านเอ่ยทวนให้อีกรอบ

 

 

ฉินซื่อหลานเอามือทาบอกตัวเอง “คนที่ฉันเล็งเอาไว้อยู่ดีๆก็เดินไปหาอ้อมกอดของเหยียนเค่อซะแล้ว”

 

 

“ยังกล้าพูดว่าเล็งไว้ เดี๋ยวเหยียนเค่อมาได้ยินก็จับแกโยนลงน้ำเป็นอาหารปลาหรอก” สวีอันหรานเอ่ยโจมตีเพื่อน “ถ้าเสิ่นจิ้งเฉินรู้เรื่องนี้คงต้องร้องไห้แน่ๆ ดูเหมือนมันจะสนใจซย่าเสี่ยวมั่วโดยไม่ได้เกรงกลัวเหยียนเค่อเลยนะ”

 

 

“ฉันจะต้องทำให้เหยียนเค่อเสียใจที่ไปคบกับซย่าเสี่ยวมั่ว” ฉินซื่อหลานยิ้มอย่างชั่วร้าย ในใจเริ่มคิดแผนการที่จะทำให้เหยียนเค่ออยู่อย่างไม่สงบสุข

 

 

เซ่าหมิงฟ่านไม่รู้ว่าพวกเพื่อนชอบซย่าเสี่ยวมั่วขนาดนี้กันตั้งแต่เมื่อไหร่ เอ่ยอย่างเหนื่อยใจ “ไม่ให้เหยียนเค่อสมหวัง พวกนายก็ไม่ใช่ว่าจะสมหวังซะเมื่อไหร่ จะทรมานอย่างไง ซย่าเสี่ยวมั่วก็คือของมันอยู่ดี อย่าหาเรื่องวอนตายกันดีกว่า”

 

 

เขามองเห็นอย่างชัดเจน ตอนหาเรื่องดูเหมือนจะง่าย แต่คงต้องโดนเหยียนเค่อตามคิดบัญชีทีหลังแน่ๆ

 

 

“แล้วยังไงล่ะ ก็แค่ไม่อยากเห็นมันได้คบกับซย่าเสี่ยวมั่วง่ายๆแบบนี้ ฉันคิดดูก่อนนะว่าเหยียนเค่อมีความลับอะไรให้เอาออกมาแฉบ้าง” ฉินซื่อหลานยกนิ้วขึ้นมานับ ถมยังระดมสมองกับสวีอันหรานอีกต่างหาก

 

 

หลังจากเหยียนเค่อเก็บของเสร็จแล้วก็เดินมาลูบหัวซย่าเสี่ยวมั่ว “กลับบ้านกัน”

 

 

ตอนที่เขาพูดว่ากลับบ้านในใจรู้สึกเต็มไปด้วยความอบอุ่น

 

 

ซย่าเสี่ยวมั่วหาวขึ้น เก็บโทรศัพท์แล้วเดินตามเหยียนเค่อออกไป

 

 

“ยังง่วงอยู่เหรอ” เหยียนเค่อเดินจูงมือหล่อนออกมา มองหล่อนที่ก้มหัวอยู่อย่างยิ้มๆ “ล้างหน้าออกหมดแล้วเหรอ”

 

 

“อือ” ซย่าเสี่ยวมั่วเงยหน้าขึ้น ใบหน้าเกลี้ยงเกลาไร้เครื่องสำอางทำเอาอยากจะกัดลงไปจริงๆ

 

 

“ต่อไปไม่ต้องแต่งหน้าแล้ว” แม้ว่าแต่งหน้าจะดูดีกว่า แต่เพื่อความปลอดภัยของชีวิตเขา ไม่แต่งหน้าจะดีกว่า เขาไม่อยากจูบกับเครื่องสำอางค์

 

 

ซย่าเสี่ยวมั่วเหล่มองชายหนุ่มแวบหนึ่ง “ไหนใครเคยบอกว่าการแต่งหน้าเป็นมารยาทพื้นฐานของผู้หญิงกันนะ”

 

 

เหยียนเค่อไม่คิดว่าซย่าเสี่ยวมั่วจะจำคำพูดที่เขาเคยพูดไว้ได้แม่นขนาดนี้ “ตอนนั้นเธอไม่ได้ให้ฉันจูบซะหน่อยนิ”

 

 

“ไปตายซะ” ซย่าเสี่ยวมั่วผลักเอวชายหนุ่มออกไป ไอ้คนทะลึ่งคนนี้ทำให้เธอขนลุกได้ตลอดจริงๆ

 

 

“ฉันพูดจริงๆนี่” เหยียนเค่อโอบไหล่ซย่าเสี่ยวมั่วให้เดินเข้าไปในลิฟต์ด้วยกัน

 

 

เขาตรงไปตรงมาขนาดนี้แล้วถ้าไม่พูดความจริงด้วยก็ไม่ได้สิ ซย่าเสี่ยวมั่วจ้องไปที่ชายหนุ่มอย่างไม่ค่อยสบอามรณ์ “รสนิยาท่านประธานเหยียนนี่ช่างจืดจริงนะคะ”

 

 

เหยียนเค่อยิ้มๆ “ความจริงเรามาทำให้มีสีสันหน่อยก็ได้นะ”

 

 

“…” ซย่าเสี่ยวมั่วอดหน้าแดงขึ้นไม่ได้ ถ้ามีทางเลือกเธอคงไม่ตอบตกลงเหยียนเค่อง่ายๆขนาดนั้นหรอก

 

 

“โอเคๆ ไม่แกล้งแล้ว” เหยียนเค่อเห็นว่าหล่อนหันหน้าหนีไม่สนใจเขาแล้ว จริงหยิกไปที่แก้มหล่อน “เดี๋ยวพาไปกินข้าว”

 

 

ตอนนี้เหยียนเค่ออยากจะสัมผัสกับอารมณ์ที่ว่าไม่ว่าจะทำอะไรก็มีซย่าเสี่ยมั่วทำด้วยกัน จูงมือหล่อนอยู่ไม่ว่าไปที่ไหนก็ได้ทั้งหมด