ตอนที่ 627 บทสวดที่อ่านยาก / ตอนที่ 628 ภาระที่ไม่อาจแบกรับได้

เช่าท่านประธานมาปิ๊งรัก

ตอนที่ 627 บทสวดที่อ่านยาก

 

 

“ก๊อก ก๊อก ก๊อก”

 

 

เสียงเคาะประตูที่เป็นจังหวะทำให้ซย่าเสี่ยวมั่วที่กำลังดูหนังอยู่อย่างเพลิดเพลินได้สติ

 

 

“ฉัน…” ซย่าเสี่ยวมั่วอยากจะลุกขึ้นจากตักของเหยียนเค่อ

 

 

แต่เหยียนเค่อกลับกอดเธออยู่อย่างนั้น รั้งไม่ให้เธอลุกขึ้น “เข้ามาได้…”

 

 

เบลล์ปิดประตูเสร็จพอหันหลังเดินเข้ามาก็นึกว่าตนเองตาฝาดไป

 

 

“เอ่อ นี่คือ..” พระเจ้า เพิ่งคบกันได้แปปเดี๋ยวก็พามาพลอดรักกันต่อที่บริษัทนี่นะ ไม่อยากให้คนมีชีวิตต่อกันแล้วใช่ไหม

 

 

ซย่าเสี่ยวมั่วแกล้งทำเป็นหลับอยู่ในอ้อมกอดของเหยียนเค่อ ไอแพดที่อยู่ในมือก็เอาไปวางไว้บนโต๊ะตั้งนานแล้ว

 

 

เหยียนเค่อก้มมองไปหน้าด้านข้างของซย่าเสี่ยวมั่วอยู่ครู่หนึ่ง ยิ้มอ่อนโยน “มีธุระอะไร”

 

 

เบลล์ลองนึกคิดดูแล้ว ที่เหมือนจะเป็นครั้งแรกที่ได้เห็นเหยียนเค่อยิ้มอย่างมีความสุขแบบนี้ “ประธานเหยียน นี่คือรายงานผลลัพธ์ทั้งหมดค่ะ”

 

 

“วางไว้นั่นแหล่ะ”

 

 

เบลล์คิดว่าซย่าเสี่ยวมั่วหลับไปแล้ว จึงเอ่ยพูดเสียงเบาออกมา “อย่าทำอะไรรีบร้อนไปนัก ถ้าคุณยังไม่ได้คิดให้ดีว่าพร้อมจะอยู่กับเธอไปตลอดชีวิตหรือเปล่าก็อย่าไปทำให้เธอมีความหวังมากนัก”

 

 

ความจริงเบลล์ก็ไม่ได้อยากจะพูดมากไปนัก แต่ว่าความน่าเชื่อถือของพี่น้องคู่นี้มันดูต่ำมาก ทำให้เธออดไม่ได้ต้องพูดเตือนออกมา

 

 

“อือ” เหยียนเค่อไม่ได้รำคาญที่หล่อนยุ่งไม่เข้าเรื่องแต่กลับยิ้มออกมาแทน “ชีวิตนี้ฉันต้องการแค่เธอ”

 

 

เบลล์พาใจดวงน้อยๆ ของตัวเองเดินออกไป ทำไมคนที่เธอต้องพบเจอคือเหยียนเฟิง ไม่ใช่เหยียนเค่อนะ! เธอก่นด่าอยู่ในใจ แต่พอมานึกขึ้นได้ว่าผู้หญิงที่บริสุทธิ์ ไร้เดียงสา ไม่มีอะไรซับซ้อนอย่างซย่าเสี่ยวมั่วสิถึงจะเหมาะสมกับผู้ชายแบบเหยียนเค่อ

 

 

“ได้ยินเหรอ” เหยียนเค่อเกยคางไว้ที่หัวของซย่าเสี่ยวมั่วแล้วเอ่ยถามเสียงเบา

 

 

ซย่าเสี่ยวมั่ว “…”

 

 

เพราะเมื่อคืนเธอนอนไม่หลับ เมื่อกี้เธอจึงผล็อยหลับไปจริงๆ

 

 

เหยียนเค่ออุ้มซย่าเสี่ยวมั่วไปวางบนเตียงที่ห้องพักอย่างเป็นห่วง หลังจากจัดที่จัดทางให้เรียบร้อย สอ’

 

 

มือเท้าแขนนั่งมองดูใบหน้าด้านข้างของซย่าเสี่ยวมั่ว ลังเลอยู่พักหนึ่ง จากนั้นก็เดินไปหอบเอกสารของตัวเองทั้งหมดแล้วเดินกลับเข้ามาใหม่

 

 

ช่วงหลายวันมานี้สวีอันหรานไม่ได้กลับบ้านเลย สวีรั่วชีอยู่กับพ่อแม่ที่บ้าน เขาทั้งเป็นห่วงทั้งคิดถึงหล่อน คิดอยู่ครู่หนึ่งก็ตัดสินใจเบนรถเปลี่ยนเป้าหมายลากเซ่าหมิงฟ่านกลับบ้านไปด้วย

 

 

“นายอย่าเอาฉันไปเป็นโล่กำบังสิ” เซ่าหมิงฟ่านรู้สึกว่าสถานะของตัวเองมันดูกระอักกระอ่วนเกินไป ถ้าสวีรั่วชีกับสวีอันหรานอยากจะใช้ชีวิตยามค่ำคืนด้วยกันก็ไม่เท่ากับว่าเขาไปเป็นก้างขวางคอหรือไง

 

 

“ไม่หรอก” สวีอันหรานอยากเจอหน้าสีรั่วชีจนจะเป็นบ้าอยู่แล้ว

 

 

สักพักก็หันมาเอ่ยขอความเห็นจากเซ่าหมิงฟ่านอย่างกังวล “นายว่าฉันจะเริ่มพูดกับเมียอย่างไรดี”

 

 

“ฉันจะไปรู้ได้อย่างไรเล่า” เขาไม่ได้มีเมียเสียหน่อย “ซย่าเสี่ยวมั่วคบกับเหยียนเค่อแล้วไม่ใช่เหรอ นายพูดเรื่องนี้ก็ได้”

 

 

สวีอันหรานหันไปมองเซ่าหมิงฟ่าน เอ่ยอย่างซาบซึ้ง “เพื่อน นายฉลาดมาก”

 

 

พอถึงบ้านสวี พ่อสวีแม่สวีต่างก็ไม่อยู่บ้านทั้งคู่ สวีรั่วชียังคงไม่สนใจสวีอันหราน พอเห็นเขากลับมาก็เอ่ยถามแค่ประโยคเดียว “ทำไมกลับมาตอนเช้า” จากนั้นก็เอ่ยทักทายเซ่าหมิงฟ่านไม่ได้สนใจสวีอันหรานอีกเลย

 

 

“คือว่า…” สวีอันหรานแอบสาปแช่งเหยียนเค่อว่าต่อไปขอให้เจอเหตุการณ์แบบเดียวกับที่เขาเจอ “เหยียนเค่อคบกับซย่าเสี่ยวมั่วแล้ว”

 

 

สวีรั่วชีตะลึงไปพักหนึ่งจากนั้นก็เอ่ยถามอย่างเข้าใจ “พี่มาบอกฉันทำไม เดี๋ยวซย่าเสี่ยวมั่วก็ต้องโทรมาบอกฉันอยู่ดี”

 

 

เซ่าหมิงฟ่านมองเห็นความลำบากของสวีอันหรานแล้ว แต่เขาก็ไม่มีปัญญาที่จะช่วยอยู่ดี

 

 

สวีอันหรานก็จนปัญญาเช่นกัน ชายหนุ่มพาเซ่าหมิงฟ่านขึ้นไปบนห้อง “เดี๋ยวฉันเอาเอกสารให้”

 

 

สวีรั่วชีมองตามแผ่นหลังของสวีอันหรานไปในใจก็รู้สึกปวดใจ แต่ว่าช่วงนี้อารมณ์ของเธอไม่คงที่ ไม่รู้ว่าจะระเบิดอารมณ์ออกมาช่วงไหน เธอกลัวว่าตัวเองจะพูดอะไรที่ไปทำร้ายจิตใจของสวีอันหรานเข้าจึงสู้ให้ชายหนุ่มไม่ต้องกลับมารองรับอารมณ์ของเธอเลยเสียจะดีกว่า

 

 

“ฉันเห็นใจนายจริงๆ” นอกจากคำพูดนี้แล้วเซ่าหมิงฟ่านก็ไม่รู้จะพูดอะไรที่เป็นคำปลอบโยนได้ดีไปกว่านี้แล้ว

 

 

สวีอันหรานมีท่าทีเศร้าสร้อย มองดูผู้ชายที่ดูยิ้มแย้มมีความสุขในรูปภาพแต่งงานที่แขวนอยู่บนผนังจากนั้นก็เปรียบเทียบกับตัวเองตอนนี้

 

 

“เฮ้อ บ้านไหนๆ ก็ต้องมีบดสวดอ่านยาก[1]ทั้งนั้นแหล่ะ ผ่านช่วงนี้ไปเดี๋ยวก็ดีขึ้นเอง”

 

 

 

 

——

 

 

[1] เป็นสำนวนแปลว่า ไม่ว่าครอบครัวไหนๆ ก็ต้องเผชิญกับปัญหาภายในครอบครัวทั้งนั้นแหล่ะ

 

 

 

 

 

 

ตอนที่ 628 ภาระที่ไม่อาจแบกรับได้

 

 

กว่าซย่าเสี่ยวมั่วจะตื่นก็เป็นเวลาบ่ายสองโมงแล้ว เธอสะลึมสะลืออยากจะพลิกตัวแต่ก็รู้สึกเหมือนมีอะไรบางอย่างกดทับอยู่บริเวณช่วงเอวของตัวเอง อยากจะผลักออกแต่ก็ดูเหมือนว่าจะถูกรัดแน่นขึ้น

 

 

“อื้อ” ซย่าเสี่ยวมั่วลืมตาตื่นขึ้นอย่างมึนๆ พอตะแคงหน้าไปมองก็เห็นใบหน้าหล่อเหลาอยู่ข้างๆ ไปหน้าเธอ

 

 

แต่ดูเหมือนว่าเธอยังไม่ได้สติสักเท่าไหร่ เอื้อมมือไปลูบหน้าเหยียนเค่อ จากนั้นก็เปลี่ยนเป็นโอบรอบคอชายหนุ่มแล้วหลับต่อ

 

 

ราวกับเป็นสามีภรรยากัน เหยียนเค่อกำลังหลับสบายๆ เกือบถูกหล่อนรัดคอจนขาดอากาศหายใจจึงได้ตื่นขึ้นมา ขยับแขนหล่อนให้คลายออกนิดหนึ่ง มองดูหล่อนอยู่ครู่หนึ่งจากนั้นก็หลับต่อ

 

 

หลังจากที่ได้สมหวังตามต้องการแล้วก็ไม่มีการแสดงออกอย่างรุนแรงอีกมีแต่ความอบอุ่นราวกับสายน้ำไหล ก่อนที่เหยียนเค่อจะหลับไปเขานึกได้ถึงคำพูดที่เสิ่นมั่วหลีเคยพูดเอาไว้ โรคทางใจก็ต้องใช้ยาใจรักษา ตอนนี้รู้สึกว่าเขาไม่ต้องเป็นโรคนอนไม่หลับอีกแล้ว

 

 

สวีอันหรานกลับบ้านไปได้ไม่เท่าไหร่ก็ออกไปพร้อมเซ่าหมิงฟ่าน ทั้งคู่มานั่งมองมองหน้ากันอยู่ในผับแห่งหนึ่ง

 

 

“ผู้หญิงเย็นชาแบบเมียนายน่ากลัวจริงๆ เป็นแบบซย่าเสี่ยวมั่วไม่ได้เหรอ” เซ่าหมิงฟ่านรู้สึกว่าผู้หญิงแบบสวีรั่วชีเขาเจอต้องรีบหนีไปให้ไกลไม่อยากอยู่ใกล้ๆ

 

 

สวีอันหรานจ้องไปที่เพื่อนตน “เมียฉันออกจะดี พวกนายชอบแบบธรรมดาเองยังจะมาใส่ร้ายเมียฉันอีก ฝันไปเถอะ”

 

 

“ก็จริง ก็เหมาะกับนายนี่แหล่ะ ถ้าเปลี่ยนเป็นเหยียนเค่อล่ะก็คงตีกันบ้านแตก เรื่องแบบนี้มันคือพรหมลิขิต”

 

 

เซ่าหมิงฟ่านดูจากหลายๆ คู่ที่อยู่รอบตัวเองก็ต้องยอมรับว่าตนไม่เหมาะสมกับฉินจานแม้แต่นิด

 

 

สวีรั่วชีเย็นชากับคนทั่วไปดังนั้นหล่อนต้องการคนอบอุ่นใจเย็นอย่างสวีอันหรานมาคอยปราม ซย่าเสี่ยวมั่วเป็นคนนิ่งๆ จนแทบจะธรรมดา ต้องนั้นจึงต้องการคนที่ขี้แกล้งอย่างเหยียนเค่อมาช่วยเพิ่มสีสัน ส่วนผู้หญิงที่มีความคิดไม่ค่อยเหมือนใครอย่างฉินจานก็คงต้องเป็นผู้ชายอย่างซูอี้มาคอยเอาใจ ส่วนตัวเองก็ไม่รู้เหมือนกันว่าจะได้ลงเอยกับผู้หญิงแบบไหน

 

 

“เหยียนเค่อมีแฟนแล้วเราควรจะนัดฉลองกันหน่อยไหม” สวีอันหรานดื่มเหล้าไปค่อนข้างเยอะ มือประคองเอาแต่ชนแก้ว

 

 

“รอให้เสิ่นจิ้งเฉินกลับมาก่อนค่อยว่ากันดีกว่า เดี๋ยวเรียกฉินซื่อหลานออกมาปรึกษากันก่อน” เรื่องบางอย่างต้องใช้เวลาในการวางแผนถึงจะสำเร็จได้ เขาไม่เชื่อว่าพวกเขาสี่คนรวมหัวกันวางแผนแล้วเหยียนเค่อจะยังอยู่อย่างสงบได้

 

 

ไม่ได้รู้เลยว่าเหยียนเค่อที่พวกเขาถึงนึกนอนจนเต็มอิ่มแล้วจึงจะตื่นขึ้นได้ ตอนนี้ก็กำลังใช้ความพยายามในการปลุกซย่าเสี่ยวมั่วให้ตื่น

 

 

“ตื่นได้แล้ว ไม่ต้องนอนแล้ว” ใบหน้าของเหยียนเค่อยังมีฝ่ามือร้อนๆ ของซย่าเสี่ยวมั่วแปะอยู่

 

 

“ฮื้อ” ซย่าเสี่ยวมั่วส่งเสียงอย่างไม่พอใจ

 

 

เหยียนเค่อจูบไปที่แก้มเนียนใสของหญิงสาว จากนั้นเลื่อนไปที่ใบหน้าของหล่อน “ตื่นได้แล้ว ถ้ายังไม่ตื่นก็อย่างหวังจะได้ลงจากเตียงแล้วนะ”

 

 

ไม่รู้ว่าเป็นเพราะคำขู่ของชายหนุ่มหรือว่าเป็นเพราะอาการคันยิบๆ ที่ใบหน้ากันแน่ ซย่าเสี่ยวมั่วจึงได้ยอมตื่นขึ้นมา สมองของหล่อนยังว่างเปล่าอยู่ แต่พอเห็นหน้าเหยียนเค่อถึงได้ตกใจจนกระเถิบถอยหลังไป ถ้าไม่ใช่เพราะเหยียนเค่อประคองเอวเธออยู่ เธอคงได้กลิ้งตกเตียงไปแล้วแน่ๆ

 

 

“ฉันหน้าตาน่ากลัวขนาดนั้นเลยหรือไง” เหยียนเค่อถามอย่างหาเรื่อง

 

 

“เปล่าๆ หน้าตาของนายเป็นเรื่องที่ฉันแบกรับไม่ไหวจริงๆ ” ซย่าเสี่ยวมั่วเอ่ยอย่างเอาตัวรอด จากนั้นก็เอ่ยอย่างร้องขอ “นายปล่อยฉันก่อนได้ไหม”

 

 

เหยียนเค่อมองไปทางด้านหลังของหล่อน จากนั้นก็ยอมปล่อยมือ

 

 

“อ้าย” พอแขนที่โอบอยู่ด้านหลังปล่อยมือลง ซย่าเสี่ยวมั่วก็แทบจะกลิ้งตกจากเตียง เธอร้องออกมาอย่างตกใจ เหยียนเค่อรีบเอื้อมมือไปโอบรัดหล่อนไว้อีกครั้ง แล้วออกแรงดึงรั้งหล่อนเข้ามาแนบอก

 

 

“นายอยากให้ฉันตกใจตายหรือไง” ซย่าเสี่ยวมั่วตกใจอยู่ในอ้อมกอดของเหยียนเค่อ

 

 

“เธอเป็นคนให้ฉันปล่อยมือเองนะ” เหยียนเค่ออยากให้หล่อนเข็ดหลาบ คราวหน้าจะได้ไม่กล้าบอกเขาปล่อยมืออีก

 

 

ซย่าเสี่ยวมั่วยังระแวงอยู่ มือกอดเอวชายหนุ่มไว้แน่นไม่ยอมปล่อย