บทที่ 412 กินข้าวด้วยกัน

รักหวานอมเปรี้ยว

เมื่อเห็นความไม่พอใจของมายมิ้นท์ เปปเปอร์จึงกระแอมเบาๆหนึ่งที หดเปลือกตาลงพลางพูดโกหกว่า:“ดูเหมือนว่าบริษัทของหล่อนจะมีธุระด่วน หล่อนก็เลยออกไปรับโทรศัพท์อยู่ข้างนอก”

“ที่แท้เป็นแบบนี้นี่เอง”มายมิ้นท์เงยหน้าขึ้นมา เพื่อบอกเป็นนัยว่ารับทราบแล้ว

ช่างเถอะ หล่อนมีธุระก็อย่าคิดเล็กคิดน้อยเลย

“ตอนนี้ผมพยุงคุณได้แล้วหรือยัง?”เปปเปอร์เห็นว่าเธอเชื่อในคำพูดของเขาแล้ว เปลือกตาจึงค่อยๆยกขึ้น

มายมิ้นท์เม้มริมฝีปากแดง ไม่ได้ตอบกลับ ถือว่าได้รับคำแล้ว

เปปเปอร์พยุงแขนของเธออีกครั้ง และพยุงเธอมายังด้านหน้าโซฟา

“ใกล้จะเที่ยงแล้ว ผมสั่งข้าวกลางวันมา กินด้วยกันเถอะ?”หลังจากนั่งลง เปปเปอร์ก็พูดขึ้น

เดิมทีมายมิ้นท์ต้องการที่จะปฏิเสธ แต่ยังไม่ทันได้พูดออกมา เสียงท้องร้องก็ดังขึ้น

เธอลูบที่ท้อง สีหน้าแดงเล็กน้อย และรู้สึกกระอักกระอ่วนใจ“ฉัน……”

เธอคิดไม่ถึงเลยว่า ท้องของเธอจะไม่เอาไหน และส่งเสียงดังออกมาแบบนี้

ในเวลานี้ หากเธอปฏิเสธ ก็เท่ากับว่าจงใจไม่ไว้หน้าเขา

ขณะที่คิด มายมิ้นท์ถอดหายใจ ยอมรับชะตากรรม ปัดเส้นผมบริเวณหู พลางพูดขึ้นว่า:“ถ้าอย่างนั้นก็ต้องขอบคุณประธานเปปเปอร์มากนะคะ”

“ไม่ต้องหรอกครับ แค่ข้าวมื้อเดียวเอง”ริมฝีปากของเปปเปอร์เผยอออกมา มีรอยยิ้มแฝงอยู่ในดวงตาของเขา

เธอไม่ได้ดื้อดึงที่จะปฏิเสธเขา

เขาจะคิดว่า เธอยอมรับเขาแล้วหรือเปล่านะ

ด้วยความคิดนี้ จู่ๆในใจของเปปเปอร์ก็ปะทุความรู้สีกมีความสุขออกมา

เมื่อป้าทิพย์เห็นเขาเช่นนั้น ในใจก็อดดีใจไปกับเขาไม่ได้

แต่ว่าไม่นาน ความดีใจนี้ก็ค่อยๆเลือนหายไป

เนื่องจากหล่อนยังไม่เห็นความรู้สึกที่บนใบหน้าของคุณมายมิ้นท์ที่มีต่อคุณชายใหญ่ นั้นก็หมายความว่าตอนนี้ความรู้สึกดีๆของคุณมายมิ้นท์ที่มีต่อคุณชายใหญ่ยังไม่กลับมา

ดังนั้นคุณชายใหญ่ก็ยังคงต้องพยายามต่อไป

ไม่นาน ก็มีคนเคาะประตูของห้องรับรอง

ป้าทิพย์ต้องการไปเปิดประตูอย่างอัตโนมัติ แต่ถูกสายตาของเปปเปอร์ห้ามเอาไว้

ป้าทิพย์รีบถอยเท้าข้างหนึ่งที่กำลังก้าวออกไปถอยกลับมา ในเวลาจึงได้สติกลับมาว่า ตอนนี้หล่อนกำลังไป‘รับโทรศัพท์อยู่ด้านนอก’ยังไม่ได้กลับมา’เลย

“เดี๋ยวผมไปเปิดประตูก่อน อาหารที่ผมสั่งไว้น่าจะมาส่งแล้ว”เปปเปอร์ลุกขึ้น แล้วเดินไปยังประตู

ไม่นาน เขาก็หิ้วกับข้าวเข้ามาแล้ววางบนโต๊ะกาแฟที่อยู่เบื้องหน้า

มายมิ้นท์ได้กลิ่นหอมของอาหาร รีบเดาจากกลิ่นของอาหารว่าเขาสั่งอะไรมาบ้าง ในใจเผยความรู้สึกมหัศจรรย์ออกมาเล็กน้อย

เพราะอาหารเหล่านี้ ล้วนเป็นอาหารที่เธอชอบกิน

“คุณ……”มายมิ้นท์หันศีรษะไปยังชายหนุ่ม ริมฝีปากขยับเล็กน้อย ราวกับต้องการพูดอะไรบางอย่าง

เปปเปอร์กำลังคีบอาหารให้กับเธอ เมื่อได้ยินน้ำเสียงของเธอก็เงยหน้าขึ้นมา“มีอะไรเหรอครับ?”

“อาหารพวกนี้……”

“ล้วนเป็นของชอบของคุณทั้งนั้น”เปปเปอร์รู้ว่าเธอต้องการพูดอะไร จึงขัดจังหว่ะการพูดของเธอ

จากนั้น เขาก็คิดออกบางอย่าง จึงพูดเสริมขึ้นว่า“วางใจเถอะ อาหารพวกนี้ ผมก็เคยสั่งให้ส้มเปรี้ยวกิน”

มายมิ้นท์เลิกคิ้ว“คุณคิดว่าฉันจะเชื่อเหรอ?”

“ผมรู้ว่าคุณไม่เชื่อ แต่นี่เป็นความจริง หลังจากที่ส้มเปรี้ยวฟื้นจากสภาพการเป็นเจ้าหญิงนิทรา ก็มีอาหารหลายอย่างที่ไม่สามารถกินได้ ดังนั้นผมก็เลยไม่ได้สั่งอาหารพวกนี้ให้กับหล่อน แน่นอนว่าผมเคยสั่งมะม่วงและผลิตภัณฑ์ที่เกี่ยวกับมะม่วง ต้องขอโทษด้วยนะครับ”เปปเปอร์พูดขึ้นด้วยน้ำเสียงแผ่วเบา

ขนตาของมายมิ้นท์สั่นสองที“คุณไม่ต้องขอโทษฉันหรอกค่ะ บนโลกใบนี้มีคนชอบกินมะม่วงตั้งมากมาย ไม่ใช่แค่ฉันคนเดียวที่ชอบกินสักหน่อย อีกทั้งการกินมะม่วงก็ไม่ใช่สิทธิของฉันเพียงคนเดียว ดังนั้นคุณจะสั่งให้ใครก็ไม่ใช่เรื่องผิด”

“ผมรู้ แต่ว่าในที่ของผมสิทธิ์นี้เป็นของคุณเพียงคนเดียว แต่ไหนแต่ไรไม่เคยเปลี่ยนแปลง เพียงแต่ว่าเมื่อก่อนนี้ผมคิดว่าส้มเปรี้ยวเป็นคุณ ก็เลยสั่งมะม่วงให้กับหล่อน แต่ว่าต่อมาผมถึงได้รู้ว่าหล่อนแพ้มะม่วง”เปปเปอร์แยกตะเกียบคู่หนึ่งออกจากกัน แล้ววางไว้ในมือของเธอ

มายมิ้นท์แกว่งตะเกียบเล็กน้อย“ที่จริงแล้วฉันสงสัยมากกว่า ทำไมคุณถึงได้เข้าใจผิดคิดว่าส้มเปรี้ยวเป็นฉัน?แน่นอนว่าบนโลกใบนี้มีเรื่องให้เข้าใจผิดมากมาย แต่หกปีเข้าไปแล้วยังไม่รู้ตัวว่าตนเองเข้าใจผิด ทำให้ฉันรู้สึก……จริงๆ”

เธอหัวเราะอย่างเย้ยหยันหนึ่งที จากนั้นก็ไม่ได้พูดอะไรออกมา

แต่ความหมายนั้นเปปเปอร์เข้าใจดี

เขาก้มหน้าลงพลางดึงมุมปาก “หากผมบอกว่าผมถูกสะกดจิต ก็เลยดูไม่ออกว่าส้มเปรี้ยวเป็นตัวปลอม คุณจะเชื่อไหม?”

“ประธานเปปเปอร์สถานะสูงส่งขนาดนั้น ใครจะกล้าสะกดจิตคุณ”มายมิ้นท์พูดขึ้นอย่างราบเรียบหนึ่งประโยค

สะกดจิต?

เป็นข้ออ้างที่ดีทีเดียว!

เปปเปอร์ดูออกว่ามายมิ้นท์ไม่พอใจกับคำอธิบายของเขา จึงยิ้มออกมาอย่างขมขื่น

ที่แท้ เธอก็ไม่เชื่อ

“ช่างเถอะ ไม่พูดเรื่องพวกนี้แล้ว กินข้าวก่อนเถอะ หิวแล้วไม่ใช่เหรอครับ?”เปปเปอร์วางถ้วยที่คีบอาหารใส่ไว้เรียบร้อยแล้วในมือของเธอ “คีบอาหารแต่ละชนิดใส่ลงไปเล็กน้อย กินเถอะ”

เขาอยากป้อนเธอกับมือ

แต่เขารู้ว่า เธอต้องยอมที่จะไม่กินเพื่อปฏิเสธเขาแน่

ดังนั้นความคิดที่อยากจะป้อนข้าวเธอนั้น จึงถูกเขากดทับไว้

ไม่แน่ต่อไปหากความสัมพันธ์ระหว่างพวกเขากลับมาดีขึ้นกว่านี้อีกหน่อย เขาก็หวังว่าความปรารถนานี้ของเขาจะเป็นจริง

มายมิ้นท์ไม่รู้ว่าเปปเปอร์กำลังคิดอะไรอยู่ พลางกินข้าวอยู่อย่างเงียบๆ

เปปเปอร์งอเองลงเล็กน้อย ข้อศอกวางที่ต้นขา ฝ่ามือกำหมัดเล็กน้อยประคองหน้าผาก พลางมองดูเธอด้วยริมฝีปากที่เผยรอยยิ้มออกมา

มองดูเธอค่อยๆกินอาหารที่เขาสั่งมาทีละคำ ทีละคำ ในใจของเขาก็รู้สึกพึงพอใจเป็นอย่างมาก

ฝั่งตรงข้าม สีหน้าของป้าทิพย์ที่มองดูอยู่อย่างเงียบๆ ในใจก็รู้สึกเต็มไปด้วยความสุขเช่นเดียวกัน

โดยเฉพาะอย่างยิ่งเมื่อเห็นรอยยิ้มบนสีหน้าของเปปเปอร์ มีความอบอุ่นเล็กน้อยในดวงตา

เพราะว่ารอยยิ้มแบบนี้ของคุณชายใหญ่ทำให้หล่อนได้เห็นความอ่อนโยนของคุณชายใหญ่เมื่อหกปีก่อนอีกครั้ง

ในตอนนี้หล่อนจะสามารถคิดได้ไหมว่าคุณชายใหญ่ค่อยๆเปลี่ยนกลับกลายเป็นคนในสมัยก่อนแล้ว?

ป้าทิพย์อดไม่ได้ที่จะยกแขนขึ้นมา พลางใช้แขนเสื้อเช็ดคราบน้ำตา

“คุณไม่กินเหรอ?”มายมิ้นท์กินได้ครึ่งหนึ่ง ในที่สุดก็คิดขึ้นได้ว่าตนไม่ได้ยินเสียงกินข้าวของเปปเปอร์เลย จึงวางตะเกียบลงพลางถามขึ้น

เปปเปอร์เงยหน้าขึ้น แล้ววางแขนลง“จะกินเดี๋ยวนี้ครับ”

เปปเปอร์ยกถ้วยขึ้น แล้วจึงเริ่มกิน

ขณะที่เธอกำลังกินข้าวอย่างตั้งอกตั้งใจ แต่ก็ยังสังเกตเห็นว่าเขายังไม่ได้กิน

ดูเหมือนว่า เธอก็ยังคงใส่ใจเขาอยู่

ขณะที่เปปเปอร์คิดในใจก็อ่อนปวกเปียก

และในขณะนี้เอง โทรศัพท์ของมายมิ้นท์ก็ดังขึ้น

มายมิ้นท์วางถ้วยและตะเกียบลง ยื่นมือออกไปลูบที่โทรศัพท์มือถือของตนเอง

เปปเปอร์เหลือบมองที่หน้าจอโทรศัพท์ของเธอ นัยน์ตาบีบตัวแน่น“เป็นทามทอย”

เมื่อได้ยินสิ่งที่เขาพูดเตือน สีหน้าของมายมิ้นท์ก็เคร่งขรึมในทันที รับโทรศัพท์ตามความทรงจำของเธอ “ทามทอย ผลออกมาแล้วเหรอคะ?”

“……”เสียงถอนหายใจหนักของทามทอยดังออกมาจากข้างในโทรศัพท์

มายมิ้นท์เห็นเขาไม่พูดไม่จา ในใจรู้สึกไม่สบายใจเล็กน้อย อดไม่ได้ที่จะกำโทรศัพท์แน่น“ทามทอย?คุณอยู่ไหม?”

ผมอยู่ครับ”ทามทอยตอบกลับด้วยน้ำเสียงแหบ

มายมิ้นท์กัดริมฝีปาก“แล้วทำไมเมื่อกี้คุณไม่พูดล่ะคะ?”

อีกด้านหนึ่งของคู่สาย ทามทอยมองดูผลการตรวจพิสูจน์ดีเอ็นเอในโทรศัพท์ รู้สึกเพียงว่ามีบางอย่างอุดลำคอไว้แน่น

เขากำผลตรวจพิสูจน์ดีเอ็นเอแน่นอย่างอัตโนมัติ สูดหายใจเข้าลึก พร้อมพยายามตอบกลับอย่างราบเรียบ:“มายมิ้นท์……ผลตรวจพิสูจน์ดีเอ็นเอออกมาแล้ว แต่ว่าผลไม่ได้ตรงตามความต้องการของพวกเรา”

“หมายความว่ายังไงเหรอคะ?”ดวงตาของมายมิ้นท์ขยับเล็กน้อย ริมฝีปากก็ขยับเช่นกัน“ความหมายของคุณก็คือ ……เจินเจิน……”

“หล่อนไม่ใช่ลูกสาวของสามีภรรยาสุเวทย์ แต่เป็นลูกของสองสามีภรรยาเยี่ยมบุญ ผลตรวจพิสูจน์ดีเอ็นเอของหลายๆหน่วยงานก็ออกมาแบบเดียวกันนี้”ริมฝีปากของทามทอยเผยมุมโค้งเยาะเย้ยออกมา

มายมิ้นท์ตกใจจนลุกขึ้น“นี่มันจะเป็นไปได้ยังไง!หล่อนจะไม่ใช่ลูกสาวของสองสามีภรรยาสุเวทย์ได้ยังไง?”

ด้านข้าง เปปเปอร์ได้ยินคำพูดนี้ของเธอ ก็กำตะเกียบที่อยู่ข้างกายแน่น เปลือกตาหย่อนลงมา ปกปิดความผิดไว้

อีกฝั่งหนึ่งของคู่สาย ทามทอยถอนหายใจยาวหนึ่งเฮือก“ใช่ หล่อนหน้าตาเหมือนสุเวทย์ขนาดนั้น ทำไมจะไม่ใช่ลูกสาวของสุเวทย์ล่ะ อีกทั้งสุเวทย์ก็เคยพูดหลายครั้งว่า เขาเห็นเจินเจินคลอดออกมากับตา แต่ผลตรวจพิสูจน์ดีเอ็นเอ กลับทำให้ผู้คนต่างต้องตกตะลึง”