ตอนที่ 74-2 ทิศทางของลูกตุ้มที่โอนเอียง

ซ่อนรักเคียงบัลลังก์

กโยซึลเฝ้ารอในความเงียบ ความเงียบยาวนานขึ้นระหว่างสองฟากประตู ไม่มีใครรู้ได้ว่าแม่นมคิดอะไรอยู่ในใจ กโยซึลจิตใจกระสับกระส่ายประหนึ่งนักโทษที่รอการพิพากษา ไม่แม้แต่จะเร่งเอาคำตอบได้ 

 

 

มือที่วางอยู่บนบานประตูชื้นไปด้วยเหงื่อที่ซึมออกมา 

 

 

“วันนี้พระชายาจะแช่น้ำอุ่นก่อนจะเข้าบรรทมหรือไม่เพคะ” 

 

 

เป็นคำถามที่ไม่มีที่มาที่ไป นอกจากจะไม่ต่อเนื่องกับบทสนทนาก่อนหน้านี้แล้ว กโยซึลเองยังบอกไปแล้วว่าไม่ต้องการการปรนนิบัติใดๆ แต่ทว่าอยู่ๆ จะให้แช่น้ำอุ่นในเวลานี้อย่างนั้นหรือ เวลาแช่น้ำอุ่นจะมีข้ารับใช้มาติดสอยห้อยตามคอยเฝ้าปรนนิบัติดูแลอยู่ข้างๆ เป็นสถานการณ์ที่ยากจะหลีกเลี่ยงมากที่สุดระหว่างที่อยู่กับรูแฮ กโยซึลที่งุนงงกำลังจะถามกลับ หากแต่แม่นมพูดสวนขึ้นมาก่อน ประหนึ่งได้จัดแจงความคิดตัวเองในความเงียบเรียบร้อยแล้ว คำพูดของแม่นมช่างราบรื่นไม่ติดขัด 

 

 

“ช่วงราวๆ หลังสามทุ่มไป หม่อมชั้นจะเตรียมบ่อแช่น้ำไว้ให้ ทรงไม่ต้องการการปรนนิบัติใดๆ จากข้ารับใช้ระหว่างแช่น้ำใช่หรือไม่เพคะ” 

 

 

“อา…อืม” 

 

 

กลับกลายเป็นกโยซึลที่อ้ำอึ้งตอบแม่นมไป ไม่มีเหตุผลที่จะต้องปฏิเสธการแช่น้ำที่ไม่มีคนคอยรับใช้ กโยซึลกำลังใจเต้นเบาๆ ด้วยความคาดหวังบางอย่าง 

 

 

แม่นมพูดต่อด้วยน้ำเสียงฟังชัด 

 

 

“หากพระชายาทรงอยากพักผ่อนตามลำพัง หม่อมชั้นจะจัดการกับผู้คนที่วุ่นวายนี้เองเพคะ จะไม่ให้เหลือใครในตำหนักหลังจากห้าทุ่มเป็นต้นไป ไม่ว่าจะเป็นข้ารับใช้ ข้าหลวง หรือกระทั่งหม่อมฉันเอง” 

 

 

ก่อนที่กโยซึลจะได้บอกความต้องการของตน นางกลับได้รับข้อเสนอที่มากกว่าคำขอของตนกลับมา 

 

 

“หากทำให้เช่นนั้น เราจะขอบคุณมาก” 

 

 

“พรุ่งนี้ช่วงสายๆ หม่อมชั้นจะเตรียมพระกายาหารเช้าไว้ให้นะเพคะ” 

 

 

มันทั้งเป็นไปอย่างธรรมชาติและราบรื่น กโยซึลกับรูแฮส่งสายตาให้กันพลางส่งยิ้มเคอะเขินออกมา ยังไม่ทันได้พูดอะไร ปัญหาก็แก้ไขตัวมันเอง แม้จะติดค้างในใจไปบ้างแต่ก็คิดว่าดีแล้วที่ผลออกมาเป็นเยี่ยงนี้ 

 

 

แม่นมกล่าวลาด้วยน้ำเสียงสุขุม ไม่รู้ว่านางรู้ถึงความสับสนในใจของกโยซึลหรืออย่างไร 

 

 

“พระชายาพักผ่อนให้สบายเถิดเพคะ” 

 

 

แม่นมช่างน่าอัศจรรย์ใจนัก ไม่ว่าเมื่อใดนางก็เสนอแต่สิ่งที่กโยซึลปรารถนาออกมาโดยไม่ต้องถามอะไร ครั้งนี้เองก็คงจะเป็นเช่นนั้น ด้วยความที่เป็นคนสนิทของกโยซึล คอยดูแลนางมาตลอดในช่วงที่ผ่านมา แม่นมคาดเดาจิตใจของกโยซึลได้ และไม่เคยต้องพูดมันออกมา ถึงจะประหยัดคำพูด แต่ก็แสดงออกด้วยการกระทำเสมอ ครั้งนี้ก็เช่นกัน แม่นมเดาได้ก่อนที่กโยซึลจะเอ่ยอะไรออกมา 

 

 

กึกกัก เสียงก้าวเท้าเดินหนักๆ ที่เหมือนตั้งใจให้กโยซึลได้ยินไกลออกไป เสียงฝีเท้ามากมายดังตามขึ้นมาหลังจากนั้น เป็นที่ชัดเจนว่าแม่นมนำบรรดาข้ารับใช้ในตำหนักออกไปแล้ว หัวใจของกโยซึลสั่นไหวขณะตั้งใจฟังเสียงฝีเท้านั้น 

 

 

ตึกตัก 

 

 

เมื่อหูจดจ่ออยู่กับเสียงฝีเท้า หัวใจก็พลันเต้นแรงขึ้น 

 

 

กึกกัก  

 

 

ตึกตัก 

 

 

กึกกัก ตึกตัก ใจเต้นเป็นจังหวะเดียวกับเสียงฝีเท้า ยิ่งเสียงเดินไกลออกไป เสียงหัวใจก็ยิ่งดังขึ้น  

 

 

กโยซึลวางมือไว้บนบานประตู พลางฟังเสียงก้าวเดินอยู่ครู่หนึ่ง จนกระทั่งไม่ได้ยินเสียงใดอีก นางจึงค่อยๆ ถอยห่างจากประตูหลังจากยืนอยู่ตรงนั้นราวกับคนที่รอคอยสิ่งใดสิ่งหนึ่งอย่างร้อนรุ่มอยู่พักใหญ่ มือของนางค่อยๆ ลดลงจากบานประตูช้าๆ 

 

 

“รูแฮ” 

 

 

กโยซึลเหลียวมองรูแฮตาแป๋ว กล่าวข้อเสนอใจกล้าที่ตัวนางเองยังไม่อยากเชื่อว่าจะหลุดออกมาจากปากตน 

 

 

“แช่น้ำด้วยกันไหม” 

 

 

*** 

 

 

หลังสี่ห้าทุ่มไปแล้ว กโยซึลย่องออกจากที่พักด้วยฝีเท้าเบาราวกับแมวเดิน พลางมองไปรอบด้านอย่างระมัดระวัง รูแฮเองเองก็เดินตามหลังกโยซึลไปติดๆ ด้วยความระมัดระวัง กระแสความประหม่าแปลกประหลาดไหลไปตามแนวกระดูกสันหลัง เมื่อคนระดับชายาฮวางแทจาและฮวางเซจาต้องมาเดินย่องๆ ในตำหนักเช่นนี้ 

 

 

“อยู่กับกโยซึลทีไร ต้องได้ทำอะไรที่น่าสนุกเสมอเลย” 

 

 

“ชู่ ชู่ ยังต้องระวังอยู่นะ” 

 

 

รูแฮหัวเราะออกมาพร้อมกับกโยซึลที่แตะนิ้วชี้ส่ายไปมาที่ปากเขา รูแฮที่เห็นภาพนั้นหัวเราะออกมาอีกครั้งและปิดปากลงฉับ เป็นอย่างที่แม่นมกล่าวไว้ กโยซึลไม่เห็นใครในที่พักเลย ไม่มีแม้แต่เงาใด มีเพียงกโยซึลและรูแฮเหลืออยู่ในตำหนักที่เงียบสงบนี้ หากเป็นเมื่อวานความเงียบสงบนี้มันช่างน่าเบื่อและน่าอึดอัดนัก เป็นความรู้สึกหายใจไม่ออกอึดอัดไปหมด แต่พอได้มาเดินข้างรูแฮเงียบๆ อย่างนี้กลับเหมือนได้มาเดินในสรวงสวรรค์ที่ทั้งกว้างขวางและสงบสุข รู้สึกถึงความสบายใจและผ่อนคลายที่โอบล้อมลอบตัวอยู่อย่างอบอุ่น น่าประหลาดใจกับความจริงที่ว่าการอยู่กับใครสักคน โลกก็สามารถเปลี่ยนแปลงไปในทางตรงกันข้ามได้ 

 

 

เป็นสิ่งเล็กๆ น้อยๆ ที่น่าแปลกใจ 

 

 

กโยซึลและรูแฮมาถึงบ่อแช่น้ำโดยไม่พบใคร บ่อถูกเตรียมการให้พร้อมลงแช่ได้ทันที และไม่มีข้ารับใช้มาคอยปรนนิบัติอย่างที่แม่นมบอกไว้ 

 

 

“ไม่เคยคิดเลยว่าจะได้มาแช่น้ำกับรูแฮแบบนี้ ระหว่างที่อยู่ที่นี่เรามาแช่น้ำทุกวัน มันดีมากๆ เลย เข้าใจแล้วว่าทำไมรูแฮถึงแนะนำตำหนักนี้ให้กัน” 

 

 

กโยซึลพูดพึมพำออกมาไม่หยุดด้วยความตื่นเต้น นางจับมือของรูแฮแล้วพาเขาไปใกล้บ่อ บ่อที่อยู่ติดกับที่พักนั้นมีขนาดเล็กจึงไม่มีห้องเปลี่ยนเสื้อผ้าแยก หลังบ่อแช่น้ำมีเตียงไม้กว้างหลังหนึ่ง มีเสื้อคลุมตัวยาวเบาสบายไม่กี่ชุด และมีผ้าขนหนูวางอยู่หลายผืน กโยซึลหยิบเสื้อคลุมตัวยาวขึ้นมาด้วยความเคยชินพลางพูดพร่ำ 

 

 

“บ่อน้ำร้อนมันดีจริงๆ ทั้งสะอาดและอุ่น รูแฮคงเหนื่อยน่าดูจากการไปตรวจตราเมืองทางใต้ แช่น้ำแล้วจะหายเหนื่อยเป็นปลิดทิ้งเลยทีเดียว” 

 

 

“มันดีถึงเพียงนั้นเลยหรือ” 

 

 

“แน่นอนสิ น่าแปลกใช่หรือไม่ ความจริงเราเคยบังเอิญเจอฝ่าพระบาทและแช่น้ำด้วยกันด้วย ตอนนั้นเราทั้งกลัวและอึดอัดใจ ตัวเกร็งไปหมด เราได้แต่หนักใจ แต่พอได้มาแช่น้ำร้อนกับรูแฮ ถึงแม้จะเขินอายไปบ้าง แต่ก็น่าสนุกมากกว่า” 

 

 

ต้องโทษที่ตื่นเต้นจนเกินไป จนกโยซึลพูดบางอย่างออกมาแบบไม่เลือกสถานการณ์ กโยซึลยังไม่ทันรู้ตัว คิ้วของรูแฮโค้งขึ้น 

 

 

“กโยซึลคงจะลืมไปแล้ว” 

 

 

“หือ? เราลืมอะไรหรือ” 

 

 

กโยซึลหันหลังกลับไปพร้อมกับถือเสื้อคลุมที่จะมอบให้กับรูแฮไว้ ไม่รู้ตั้งแต่เมื่อไรที่รูแฮเข้ามายืนซ้อนอยู่ข้างหลังนาง รูแฮจ้องมองกโยซึลพลางยื่นมือไปจับหลังคอของนางไว้ 

 

 

“ลืมว่าข้าเองก็เป็นบุรุษ บุรุษผู้หนึ่งที่ปรารถนาอยากจะครอบครองเจ้าไว้แต่เพียงผู้เดียว”