จักรพรรดิเทพมังกร – บทที่ 913 : เผด็จศึกทางอากาศ!
ผึง..ผึง.. ผึง.. ผึง.. ผึง..
เสียงสายธนูซึ่งทำจากผ้าแพรไหมดำที่ถูกน้าวออกครั้งแล้วครั้งเล่านั้นดังขึ้นอย่างต่อเนื่องไม่หยุด และหากไม่ใช่คันธนูที่ทำจากทองคำ ป่านนี้ก็คงต้องหักไปแล้วอย่างแน่นอน!
ฟิ้ว..ฟิ้ว.. ฟิ้ว.. ฟิ้ว.. ฟิ้ว..
ลูกธนูแหลมคมที่อาบด้วยพลังหยินเย็นยะเยือกบ้างและพลังหยางที่ร้อนแผดเผาบ้าง สลับกันพุ่งเข้าใส่เหล่าแวมไพร์ที่กลายร่างเป็นมนุษย์บินได้ และกลายร่างเป็นค้างคาวตัวเล็ก ลูกธนูแต่ละดอกที่พุ่งออกไปนั้น จึงไม่ต่างจากตะปูที่ตอกร่างของพวกมันไว้กับพื้นของยอดเขาเทียนเหมาเฟิง!
ไม่ว่าจะเป็นลูกธนูที่อาบด้วยพลังหยินเยือกเย็นหรือพลังหยางเร่าร้อน ก็ล้วนแล้วแต่ทำให้แวมไพร์ที่ถูกยิงเข้าไปนั้น ได้รับบาดเจ็บสาหัสจนไม่สามารถลุกขึ้นมาต่อกรกับหลิงหยุนได้อีก!
“แย่แล้ว!ปีศาจตนนั้นมันกำลังบินไล่ยิงพวกเราอยู่ด้านบน!”
แวมไพร์ขั้นมาร์ควิสตนหนึ่งถึงกับร้องออกมาอย่างตระหนกตกใจและได้ตัดสินใจสั่งให้เหล่าแวมไพร์ทั้งหมดที่เหลืออยู่ จัดการลงมือสังหารหลิงหยุนให้เร็วที่สุด!
หลิงหยุนลงมือสังหารเหล่าแวมไพร์อย่างโหดเหี้ยมและดุดัน! เวลานี้เขาสามารถสังหารแวมไพร์ที่บินอยู่ด้านล่างไปได้กว่าร้อยตนแล้ว..
“ยิงถล่มเจ้าปีศาจนั่น!”
สิ้นเสียงสั่งการของแวมไพร์ขั้นมาร์ควิส..มนุษย์มีปีกร่างยักษ์จำนวนมากต่างก็เล็งปืนในมือไปทางหลิงหยุนและเจสเตอร์
แต่ครั้งนี้..พวกมันกลับต้องผิดหวัง เพราะลูกกระสุนที่ยิงขึ้นไปบนอากาศนั้น พุ่งไปได้ไกลเพียงแค่สามถึงสี่ร้อยเมตรเท่านั้น และการยิงขึ้นท้องฟ้าในลักษณะนี้ ทำให้ความรุนแรง และความเร็วของลูกกระสุนลดลงในทันที!
หลิงหยุนหัวเราะเสียงดังจากนั้นจึงน้าวสายธนู และยิงกราดออกไปพร้อมกับพูดเป็นภาษาอังกฤษว่า..
“Youcan shoot me only one time but I will repay you thousand of time. Come! ”
(พวกเจ้าสามารถยิงข้าได้เพียงแค่ครั้งเดียวแต่ข้าจะตอบแทนพวกเจ้ากลับไปเป็นพันครั้งทีเดียว เข้ามาได้เลย!)
หลังจากพูดจบ..หลิงหยุนก็เริ่มผิวปากโดยใช้มังกรคำราม!
และนี่คือการใช้มังกรคำรามในระดับสูงสุดขั้นปรังร่างกาย-9มันคือการโจมตีฝ่ายตรงข้ามด้วยเสียง..
เสียงผิวปากของหลิงหยุนผ่านมังกรคำรามนั้นต่อให้ยืนอยู่บนพื้นดินของยอดเขาเทียนเหมาเฟิง หากใครก็ตามที่ได้ยินเสียงผิวปากนี้ รับรองได้ว่าคนผู้นั้นจะต้องรู้สึกราวกับถูกเข็มทิ่มแทง หรือไม่ก็รู้สึกราวกับถูกแมลงจำนวนนับไม่ถ้วนกัดกินภายในช่องหู และจะรู้สึกเจ็บปวดอย่างมากจนต้องยกมือขึ้นอุดหูอย่างแน่นอน!
เสียงผิวปากที่แหลมและเสียดแทงแก้วหูอย่างรุนแรงนั้น โจมตีทั้งเหล่านกยักษ์และค้างคาวตัวเล็ก พวกที่มีมือก็ยกมือขึ้นอุดหูตัวเองไว้ ส่วนที่กลายร่างเป็นค้างคาวก็ใช้ปีกปกปิดใบหูไว้แทน!
เหล่าแวมไพร์นั้นไม่ว่าจะอยู่ในร่างของมนุษย์มีปีกขนาดใหญ่หรือในร่างของค้างคาวตัวเล็ก หูของมันก็จะมีขนาดใหญ่กว่ามนุษย์ เสียงผิวปากผ่านมังกรคำรามของหลิงหยุนจึงเปรียบเสมือนฝันร้ายของพวกมันเลยทีเดียว..
ในเมื่อเหล่าแวมไพร์ต่างยกมือขึ้นปิดหูของตัวเองไว้..แล้วปืนยาวในมือของพวกมันล่ะ
ตุ้บ..ตุ้บ.. ตุ้บ..
เสียงปืนยาวในมือของเหล่านกยักษ์ร่วงลงสู่พื้นดินที่เป็นป่าด้านล่างบ้างตกลงบนพื้นยอดเขาเทียนเหมาเฟิงบ้าง..
และห่ากระสุนที่เหล่าแวมไพร์กระหน่ำยิงขึ้นใส่หลิงหยุนนั้นก็ลดค่อยๆ ความหนาแน่นไปมาก..
เสียงผิวปากผ่านมังกรคำรามของหลิงหยุนนั้นเหล่าแวมไพร์ขั้นบารอนที่ไม่สามารถทานทนคลื่นเสียงนี้ได้ บ้างก็รีบบินหนีไป บ้างก็รีบบินเข้าไปซุกซ่อนตามซอกหินต่างๆ..
“เอาล่ะ..ถึงแม้พวกเจ้าต้องการจะยิงข้าให้ตาย แต่ข้าก็จะร้องเพลงให้พวกเจ้าฟัง.. เห็นหรือไม่ว่าข้าเป็นคนจิตใจดีแค่ใหน”
จากนั้นหลิหงยุนก็เริ่มร้องเพลงผ่านมังกรคำราม..
ที่รัก..บินไปช้าๆ และคอยระวังลูกธนู
ที่รัก..อย่าได้ปิดหู เสียงเพลงของข้าจะคอยกล่อมเกลา
ที่รัก..บินเถิด.. บินด้วยกันท่ามกลางเมฆสีเทา เราสองมีเข็มเงินเป็นรางวัล
ที่รัก..มาร่ายรำไปพร้อมๆ กัน ท่ามกลางค่ำคืนที่มืดมน
..ก่อนที่จะเจ้าจะวายปราณ
ด้วยความเป็นอัจฉริยะของหลิงหยุนเขาสามารถแต่งเพลงใหม่ และร้องได้ในทันที!
“ได้โปรดเถิดเจ้านาย!หยุดร้องเพลงเถิด.. ขืนท่านร้องต่อ ข้าคงทนต่อไปไม่ไหว..”
เจสเตอร์พยามใช้มือปิดหูขนาดใหญ่ของมันไว้และปากก็อ้อนวอนให้หลิงหยุนหยุดร้องเพลงเสียที!
ในขั้นปรับร่างกาย-9นั้น หลิงหยุนสามารถควบคุมลมปราณเพื่อใช้สร้างเสียงเป็นอาวุธได้อย่างมีประสิทธิภาพ เขาใช้มังกรคำรามทำร้ายเหล่าแวมไพร์ และได้ควบคุมไม่ให้คลื่นเสียงนั้นไปทำร้ายเจสเตอร์เข้า แต่ถึงกระนั้นเมื่อได้ฟังไปนานๆ เจสเตอร์เองก็แทบทนไม่ได้เช่นกัน!
จึงแทบไม่ต้องพูดถึงเหล่าแวมไพร์ที่บินอยู่ด้านล่างว่าพวกมันจะเจ็บปวดกันมากเพียงใด
ประโยชน์จากการใช้มังกรคำรามทำร้ายศัตรูนั้นทำให้หลิงหยุนสามารถโจมตีคู่ต่อสู้ด้วยวิธีอื่นควบคู่ไปด้วยได้ หลิงหยุนจึงสามารถร้องเพลงไปพร้อมกับปลิดชีพเหล่าแวมไพร์ไปด้วย
หลิงหยุนบินอยู่ด้านบนเหนือเหล่าแวมไพร์คลื่นเสียงที่ทรงพลังนั้น จึงช่วยกดเหล่าแวมไพร์ไว้ให้ไม่ให้พวกมันกล้าบินขึ้นสูง แม้ว่าจะได้รับคำสั่งให้บินขึ้นไปก็ตาม!
เมื่อได้ยินเสียงร้องอ้อนวอนของเจสเตอร์หลิงหยุนจึงหยุดร้องเพลงทันที สายตาของเขากวาดไปทางทิศตะวันออกเฉียงใต้ และเห็นแวมไพร์กลุ่มหนึ่งกำลังบินหนีไป จึงรีบสั่งเจสเตอร์ให้พุ่งตามไปทันที!
ไม่แปลก..เพราะอย่างน้อยการบินหนีก็เป็นการหลบหลีกการโจมตีด้วยคลื่นเสียงของหลิงหยุนได้!
สิ้นคำสั่งการของหลิงหยุนเจสเตอร์ก็พุ่งออกไปอย่างไม่รีรอ หลิงหยุนจัดการเรียกยันต์เตโชระดับห้าออกมาจำนวนมาก!
“พวกเจ้าเห็นในทีวีคงจะไม่ชัดสินะ..ข้าจะให้เจ้าได้เห็นมายากลด้วยตาตัวเอง!”
ท่ามกลางสายฝน..ยันต์เตโชจำนวนหลายสิบแผ่นพุ่งออกจากฝ่ามือของหลิงหยุนพร้อมกับเสียงตะโกนสั่งให้ยันต์ออกฤทธิ์
แทบไม่ต้องพูดถึงว่าพลังระเบิดและพลังเผาผลาญของยันต์เตโชนั้นจะรุนแรงเพียงใด เพราะแม้แต่หลิวเต๋อหมิงก็ตายเพราะอานุภาพของยันต์เตโชเช่นกัน!
ยันต์จำนวนหลายสิบแผ่นพุ่งเข้าใส่ร่างของของเหล่าแวมไพร์ขั้นเคานต์และเริ่มระเบิดเป็นลูกไฟขนาดใหญ่ เสียงระเบิดดังสนั่นหวั่นไหวไปทั่วท้องฟ้า ทำให้เหล่าสัตว์น้อยใหญ่บริเวณนั้นต่างก็พากันตกอกตกใจ..
แวมไพร์ขั้นเคานต์ที่น่าสงสาร..แรงระเบิดที่รุนแรงนั้น ทำให้พวกมันถึงกับแขนขาขาดบ้าง ปีกหักบ้าง แวมไพร์บางตัวเหลือร่างกายเพียงแค่ครึ่งท่อนเท่านั้น แม้แต่เหล่าแวมไพร์ด้วยกันยังถึงกับกรีดร้องออกมาอย่างหวาดผวาเมื่อได้พบเห็นภาพที่น่าสยดสยองเช่นนี้!
แวมไพร์ขั้นเคานต์ตนอื่นต่างก็พากันบินหนีแรงระเบิดอย่างรวดเร็ว หลิงหยุนกระโจนออกจากแผ่นหลังของเจสเตอร์ และพุ่งเข้าไปท่ามกลางเปลวไฟพร้อมกับใช้กระบี่โลหิตแดนใต้คร่าชีวิตของพวกมันทันที!
เจสเตอร์รีบินออกไปรับร่างของหลิงหยุนที่พุ่งออกไปไว้ทันที..
“งดงามมากเจ้านาย..”
หลิงหยุนยืนอยู่บนแผ่นหลังของเจสเตอร์จ้องมองเหล่าแวมไพร์มีปีกที่กำลังบินหนีหาที่หลบซ่อนตัวแต่ก็ยังคงต้องยืนหยัดต่อสู้ตามคำสั่งด้วยความรู้สึกท้อแท้..
“แวมไพร์ขั้นมาร์ควิสงั้นรึ!”
หลิงหยุนทำเสียงเย้ยหยันพร้อมกับน้าวสายธนูและยิงลูกธนูเงินทั้งสามดอกเข้าใส่ร่างของแวมไพร์ขั้นมาร์ควิสสามตนพร้อมกัน!
“โอ๊ย!”
“อ๊าก!”
“โอ๊ย!”
เสียงกรีดร้องของแวมไพร์ขั้นมาร์ควิสทั้งสามตนดังขึ้นพร้อมกันสองในสามโดนลูกธนูเงินของหลิงหยุนปักร่างเข้ากับก้อนหินบนภูเขา ส่วนอีกคนถูกลูกธนูของหลิงหยุนเข้าที่ศรีษะ และกำลังร่วงหล่นไปบนหน้าผา
ปัง!ปัง!
เสียงปืนดังขึ้นอีกครั้งลูกกระสุนเฉียดร่างของหลิงหยุนไป หลิงหยุนพุ่งเข้าใส่ร่างของแวมไพร์ตนนั้นพร้อมกับร้องตะโกนว่า
“อย่าอยู่เลย!”
หลิงหยุนร้องตะโกนพร้อมกับน้าวสายธนูยิงใส่แวมไพร์ทั้งสามตนตายทันที!
“เจ้านาย..เจ้าสามตัวนั่นเป็นแวมไพร์ขั้นเคานต์!”
เจสเตอร์ไม่ลืมที่จะร้องเตือนหลิงหยุนให้ระวังตัวตัวเมื่อมีแวมไพร์ขั้นเคานต์บุกเข้ามาอีกหลิงหยุนจัดการยิงธนูออกไปอีกสองดอกพร้อมกับร้องสั่งเจสเตอร์
“ข้ารู้!บินขึ้นไป ข้าจะสังหารมันด้วยกระบี่!”
หลิงหยุนยืนอยู่บนแผ่นหลังของเจสเตอร์เสียงปืนดังขึ้น และลูกปืนก็พุ่งเข้าใส่ลูกธนูของหลิงหยุน เจสเตอร์บินเข้าไปหาแวมไพร์ขั้นเคานต์ทั้งสามตนอย่างรวดเร็ว หลิงหยุนเองก็เรียกกระบี่โลหิตแดนใต้ออกมารอ!
และนี่คือการสังหารและไล่ล่าศัตรูกลางอากาศ!
หลังจากที่หลิงหยุนได้ทำการสังหารแวมไพร์ไปมากมายแล้วพวกมันก็ได้แต่มองหลิงหยุนด้วยแววตาราวกับได้พบเห็นเทพเจ้าแห่งปีศาจ! และต่างก็พากันหวาดผวาอย่างที่สุด!
ในการต่อสู้ครั้งนี้..หลิงหยุนไล่ล่าเหล่าแวมไพร์มากมายหลายร้อยตน ซึ่งมีแต่แวมไพร์ขั้นเคานต์ และไวส์เคานต์ทั้งสิ้น!
“บินต่ำลงไปอีก..ข้าต้องจัดการสังหารพวกมันให้ได้เร็วที่สุด แต่เจ้าต้องระมัดระวังอย่าให้พวกมันบินสูงกว่าข้า เพราะพวกมันล้วนมีปืนทุกคนคน!”
เจสเตอร์รับคำสั่งอย่างรวดเร็วและบินโฉบลงไปด้านล่างทันที..
เวลานี้เจสเตอร์บินอยู่ในระดับที่สูงจากยอดเขาเทียนเหมาเฟิงสามร้อยเมตรและระหว่างที่เจสเตอร์ลดเพดานบินลงนั้น หลิงหยุนก็ไม่ลืมที่จะยิงลูกธนูออกไป และสามารถสังหารเหล่าแวมไพร์ได้ทันทีถึงสิบกว่าตน
ระหว่างที่ไล่ยิงเหล่าแวมไพร์อย่างเพลิดเพลินนั้นหลิงหยุนก็พบว่าลูกธนูธรรมดาที่อยู่ในแหวนพื้นที่นั้นได้ถูกใช้ไปจนหมดแล้ว เหลือเพียงลูกธนูเงินกว่าหนึ่งร้อยดอกเท่านั้น!
แต่นับว่าโชคดีที่เหล่าแวมไพร์มีเพียงแค่ปืนยาวไม่มีอาวุธที่มีประสิทธิภาพพอที่จะจู่โจมเขาได้มากกว่านี้..
ดังนั้น..แวมไพร์ที่เหลืออยู่ราวสองร้อยตนนี้ จึงไม่สามารถโจมตีอะไรหลิงหยุนได้มากนัก..
“เจสเตอร์..เจ้าบินต่ำลงไปอีกหนึ่งร้อยเมตร แล้วมองหาแวมไพร์ขั้นมาร์ควิส เมื่อพบแล้วบอกให้ข้ารู้ด้วย..”
อาวุธที่ทรงพลังและมีประสิทธิภาพในการทำลายล้างสูงย่อมต้องใช้กับศัตรูที่มีพลังต่อสู้ที่แข็งแกร่งเท่านั้น หลิงหยุนจึงไม่ต้องการใช้ลูกธนูเงินอย่างสะเปะสะปะ!
เจสเตอร์ลดเพดานบินลงทันทีและสายตาของมันก็สอดส่ายหาแวมไพร์ขั้นมาร์ควิสตามคำสั่งของหลิงหยุน..
“เจ้านาย..มาร์ควิสอยู่นั่น!”
ทันทีที่เห็นเป้าหมายหลิงหยุนก็ไม่รีรอ และรีบจัดการยิงลูกธนูเงินออกไปสามดอกสังหาร เพื่อสังหารแวมไพร์ระดับหัวหน้าทันที!
“มัน..มันเป็นปีศาจ! พวกเรารับมือมันไม่ได้หรอก เร็วเข้าทุกคน! รีบหนีลงเขา แล้วเข้าไปซ่อนตัวในป่าก่อน!”
ผู้ที่ร้องตะโกนสั่งก็คือแวมไพร์ขั้นมาร์ควิสที่มีอายุกว่าห้าร้อยปีมันมีชื่อว่าแอนเดอร์สัน!
เมื่อเห็นว่าหลิงหยุนสามารถสังหารแวมไพร์ขั้นเคานต์ได้อย่างง่ายดายมันจึงหวาดผวาและตกใจอย่างที่สุด และรีบร้องสั่งให้แวมไพร์ที่เหลือล่าถอยทันที!
ฟิ้ว..
หลิงหยุนจ้องมองมาร์ควิสแอนเดอร์สันที่กำลังสั่งให้แวมไพร์ที่เหลือล่าถอยจากนั้นจึงน้าวคันธนูทอง และลูกธนูเงินเตรียมพร้อม
“มาร์ควิส..คนอื่นหนีไปได้ แต่เจ้าจะหนีไปใหนไม่ได้!”
จากนั้นหลิงหยุนก็สั่งให้เจสเตอร์พุ่งเข้าไปหามาร์ควิสแอนเดอร์สันทันที!
จักรพรรดิเทพมังกร – บทที่ 914 : ฝันร้ายของเหล่าแวมไพร์!
เมื่อเห็นหลิงหยุนพุ่งเข้าหมายจะทำร้ายมาร์ควิสแอนเดอร์สันเช่นนั้นเหล่าแวมไพร์ที่กำลังบินหนีต่างก็บินหันหลังกลับทันที และพุ่งเข้าใส่หลิงหยุนกับเจสเตอร์อย่างพร้อมเพรียงกัน!
มาร์ควิสแอนเดอร์สัน..แวมไพร์อายุกว่าห้าร้อยปีตนนี้ เป็นบริวารที่จงรักภักดีของท่านดยุคแดร๊กคิวล่า มาร์ควิสแอนเดอร์สันมีทั้งแวมไพร์ขั้นเคานต์ ไวส์เคานต์ และบารอนเป็นบริวารอีกมากมาย บริวารของมันก็ล้วนแล้วแต่จงรักภักดี และพร้อมที่จะปกป้องเจ้านายของตนเองด้วยชีวิต
เมื่อสถานการณ์พลิกผันเช่นนี้หลิงหยุนจึงรู้ว่าการสังหารมาร์ควิสแอนเดอร์สันคงไม่ใช่เรื่องง่าย หากไม่กำจัดมดไรเหล่านี้ก่อน..
หลิงหยุนถือเก็บคันธนูทองเข้าไปและเรียกกระบี่โลหิตแดนใต้กับดาบพายุขึ้นมาแทน และหันไปสั่งเจสเตอร์ว่า
“เจสเตอร์..ประจันหน้ากับพวกมัน!”
ในเวลานั้น..ดูเหมือนค้างคาวที่ซ่อนตัวอยู่ตามซอกหินต่างๆ ไม่ว่าจะเป็นแวมไพร์ขั้นใหน ต่างก็พากันบินกรูออกมาอย่างไม่เกรงกลัวต่อมังกรคำรามและยันต์เตโชของหลิงหยุนอีก พวกมันพากันกลายร่างจากค้างคาวเป็นนกยักษ์กันหมด และใบหน้าก็เปลี่ยนเป็นสีเขียว มีเขี้ยวงอกยาวออกมากันทุกตน และพากันกระพือปีกใหญ่ยักษ์พุ่งเข้าใส่หลิงหยุนทันที!
เจสเตอร์เองก็ไม่เกรงกลัวเช่นกันมันกระพืบปีกใหญ่ยักษ์พาหลิงหยุนพุ่งเข้าใส่เหล่านักยักษ์ที่อยู่ตรงหน้าห่างไปราวหนึ่งร้อยเมตรทันที!
การต่อสู้ที่นองไปด้วยเลือดได้เริ่มต้นขึ้นอีกครั้งอย่างรวดเร็ว!
มือซ้ายของหลิงหยุนถือกระบี่โลหิตแดนใต้ส่วนมือขวามถือดาบพายุ และยืนอย่างสง่าผ่าเผยอยู่บนแผ่นหลังของเจสเตอร์ พร้อมกับฟาดฟันกระบี่และดาบในมือเข้าใส่ศัตรูอย่างห้าวเหาญ!
“อ๊าก!”
“โอ๊ย!”
ทันทีที่ปลายกระบี่และดาบที่คมกริบฟาดฟันเข้าใส่ร่างของเหล่าแวมไพร์ ก็จะเกิดเสียงกรีดร้องตามมา..
แขนขามากมายร่วงหล่นจากท้องฟ้าสู่พื้นดินและเสียงกรีดร้องที่โหยหวนของเหล่าแวมไพร์ก็ดังก้องทะลุผ่านม่านเมฆ แต่หลิงหยุนยังคงมีสีหน้าท่าทางที่สงบนิ่ง และแววตาแน่วแน่มั่นคง..
จากการปะทะกันเพียงแค่พริบตาเดียวนั้นหลิงหยุนสามารถสังหารแวมไพร์ไปได้อีกมากกว่ายี่สิบตน และด้วยความรวดเร็วปานสายฟ้าแลบของหลิงหยุนนั้น ก็ไม่มีแวมไพร์ตนใหนสามารถรอดพ้นคมดาบ และปลายกระบี่ของเขาไปได้แม้แต่ตนเดียว..
“ตายซะ!”
เมื่อเจสเตอร์ชะลอความเร็วลงหลิงหยุนก็ร้องตะโกนออกมาพร้อมกับร่ายรำเพลงกระบี่เข้าใส่เหล่าแวมไพร์อย่างไม่หยุดยั้ง..
แน่นอนว่าที่เจสเตอร์ชะลอความเร็วนั้นก็เพราะมันตื่นเต้นที่ไม่ว่าจะบินไปแห่งหนใด ก็มีแต่เลือดเจิ่งนองทั่วไปหมด!
“หากพวกเจ้าไม่ยุ่งกับข้าข้าก็ไม่ยุ่งกับพวกเจ้า! แต่ในเมื่อพวกเจ้าเป็นฝ่ายเข้ามายุ่งกับข้าเอง ก็อย่าได้ตำหนิว่าข้าใจคอโหดเหี้ยมก็แล้วกัน!”
ในเวลานี้..หลิงหยุนนั้นไม่ต่างจากเทพเจ้าแห่งขุมนรก ที่ไล่ล่าเอาชีวิตของเหล่าแวมไพร์อย่างเหี้ยมโหดไร้ซึ่งความปราณี..
เสียงดังปัง..สนั่นหวั่นไหวขึ้นสองครั้ง ร่างของเจสเตอร์ถึงกับสั่นสะเทือน แม้แต่หลิงหยุนที่ยืนอยู่บนแผ่นหลังยังรับรู้ได้!
หลิงหยุนเปิดจิตหยั่งรู้ออกสำรวจทันทีและพบว่าแวมไพร์ขั้นเคานต์สองตนอาศัยจังหวะที่เจสเตอร์กำลังเผลอ พุ่งขึ้นมาจากด้านล่าง และชกเข้ากับร่างของเจสเตอร์ถึงสองหมัด!
เวลานี้เจสเตอร์กำลังบินอยู่กลางอากาศปีกของมันจึงสยายออกกว้าง ทำให้หลิงหยุนไม่สามารถปกป้องร่างของมันจากการถูกโจมตีด้านล่างได้..
ระหว่างที่บินอยู่บนท้องฟ้าที่มีแวมไพร์อยู่เต็มไปหมดนั้นเจสเตอร์เองก็พยายามบินหลบซ้ายหลบขวา แต่ถึงกระนั้นก็เป็นไปอย่างยากลำบาก เมื่อถูกโจมตีจากด้านล่างเช่นนี้ มันจึงได้รับบาดเจ็บค่อนข้างสาหัส!
“เจสเตอร์..ข้าจะเปิดทางให้เจ้าบินขึ้นเอง!”
หลิงหยุนไม่ได้รู้สึกตระหนกตกใจแต่อย่างใดยังคงร่ายรำเพลงกระบี่ฟาดฟันดาบพายุ และกระบี่โลหิตแดนใต้เข้าใส่เหล่าแวมไพร์อย่างหยุดยั้ง และสามารถสังหารเหล่าแวมไพร์ที่บินอยู่ด้านบนไปได้อีกจำนวนหนึ่ง
ระหว่างนั้น..หลิงหยุนก็เริ่มเดินลมปราณตามคัมภีร์เสวีนหวงทันที!
พลังของปราณเสวียนกับปราณหวงกระจายออกจากร่างของหลิงหยุนและได้กลายเป็นเกราะป้องกันร่างของหลิงหยุนกับเจสเตอร์ไว้ หลังจากที่เจสเตอร์ได้รับบาดเจ็บ กำลังของมันจึงลดลงอย่างมาก แต่ด้วยอานุภาพของปราณเสวียนกับปราณหวง เจสเตอร์จึงรู้สึกมีกำลังวังชาและสบายกายขึ้นมาอีกครั้ง มันจึงใช้เล็บที่ยาวและแข็งแกร่งฉีกร่างของแวมไพร์ที่อยู่ใกล้ๆทั้งเป็น!
ปราณเสวียนกับปราณหวงนั้นไม่ต่างจากยาบำรุงที่น่าอัศจรรย์สำหรับเจสเตอร์แต่สำหรับแวมไพร์ตนอื่นนั้น มันคือพิษชนิดร้ายแรงที่มีอันตรายถึงชีวิต พวกมันถึงกับกรีดร้องออกมาด้วยความรู้สึกอ่อนแรง..
“เอาล่ะ..ได้เวลาสังหารพวกเจ้าอีกครั้งแล้ว!”
กระบี่โลหิตแดนใต้และดาบพายุของหลิงหยุนฟันเข้ากับร่างของเหล่าแวมไพร์อย่างไร้ความปราณี และแวมไพร์สิบกว่าตนก็ขาดใจตายในทันที!
ไม่นาน..หลิงหยุนกับเจสเตอร์ก็สามารถฝ่าวงล้อมของเหล่าแวมไพร์ไปได้ และสามารถสังหารแวมไพร์ไปได้อีกราวร้อยกว่าตัว!
“ปีศาจ!มันคือปีศาจที่ผุดมาจากขุมนรก เป็นไปได้ยังไงกัน”
บนยอดเขาเทียนเหมาเฟิงแวมไพร์ขั้นมาร์ควิสอายุหลายร้อยปีที่มีใบหน้าซีดขาวตนหนึ่งถึงกับตกตะลึงจนพูดไม่ออก มันมาที่นี่ตามคำสั่งของดยุคแดร๊กคิวล่า และมาพร้อมแวมไพร์ขั้นมาร์ควิสอีกห้าตน แวมไพร์ขั้นเคานต์อีกเป็นร้อย และขั้นไวส์เคานต์กับบารอนอีกมากกว่าสี่ร้อยตน..
แต่แวมไพร์ขั้นมาร์ควิสทั้งห้าตนที่มาพร้อมกันนั้นได้ถูกหลิงหยุนฆ่าตายไปสามแล้ว ส่วนตัวมันเองก็ถูกลูกธนูเงินของหลิงหยุนจนป่านนี้เลือดยังไหลไม่หยุด และหากโดนธนูเงินเข้าเช่นนี้ ต่อให้เป็นแวมไพร์ขั้นมาร์ควิสก็ยากที่จะฟื้นตัวได้ในเวลาอันรวดเร็ว..
แวมไพร์มากมายเวลานี้เหลือเพียงแค่ร้อยกว่า..การต่อสู้ครั้งนี้นับว่าสร้างความสูญเสียให้กับเหล่าแวมไพร์อย่างมากทีเดียว!
มาร์ควิสแอนเดอร์สันคอตกอย่างสิ้นหวัง..และจ้องมองหลิงหยุนที่ไล่สังหารแวมไพร์บริวารของตนด้วยความหวาดผวา
“นั่น..นั่นมันดาบพายุ.. ดาบพายุซึ่งเป็นสมบัติของแวมไพร์ แล้วดาบสีดำนั่นล่ะ”
“ไม่นะ!หรือจะเป็นจอมยุทธผู้มีกำลังภายในอย่างที่เล่าขานกันในหมู่แวมไพร์มานมนาน..!”
มาร์ควิสแอนเดอร์สันถึงกับลืมความเจ็บปวดไปชั่วครู่และร่างสูงใหญ่นั้นก็ถึงกับสั่นเทิ้มด้วยความหวาดกลัว
“มาร์ควิสแอนเดอร์สัน..ตอนนี้พวกเราควรทำเช่นไรดี”
แวมไพร์ขั้นมาร์ควิสอีกตนจ้องมองบริวารที่กำลังร่วงลงจากท้องฟ้าด้วยความตระหนกตกใจและกระวนกระวายใจอย่างมาก
“ดาบพายุ!ดาบพายุเป็นมหันตภัยของเหล่าแวมไพร์ พวกเราต้องหาทางเอาชนะ และช่วงชิงมาให้ได้!”
พูดจบ..มาร์ควิสแอนเดอร์สันก็กระพือปีก พร้อมกับร่ายมนต์รักษาบาดแผลให้กับแวมไพร์ขั้นมาร์ควิสอีกสองตน..
“ท่านเทพแห่งซาตาน..ข้าคือบริวารที่จงรักภักดีของท่าน ได้โปรดส่งพลังแห่งความชั่วร้ายให้กับพวกข้าด้วยเถิด!”
มนต์ซาตาน!
ระหว่างที่มาร์ควิสแอนเดอร์สันกำลังร่ายมนต์ซานตานเพื่อขอพลังความชั่วร้ายจากเทพแห่งซานตานอยู่นั้นเขี้ยวทั้งสองข้างของมันก็งอกยาวออกมา ดวงตาสีแดงเข้มเป็นประกายขึ้นมาทันที และอาการบาดเจ็บต่างๆของตัวมัน และแวมไพร์ขั้นมาร์ควิสอีกสองตนก็ค่อยๆ เลือนหายไปอย่างช้าๆ!
แวมไพร์ขั้นมาร์ควิสทั้งสองตนถูกลูกธนูเงินของหลิงหยุนเข้าบาดแผลจึงยังไม่หาย และยังคงมีเลือดไหลออกมาอยู่ตลอดเวลา แต่หลังจากที่มาร์ควิสแอนเดอร์สันร่ายมนต์ซาตานขอพลังความชั่วร้าย บาดแผลของแวมไพร์ขั้นมาร์ควิสก็ค่อยๆ เลือนหายไปทีละน้อย..
และนี่คือเวทย์มนต์ชั้นสูงสำหรับใช้รักษาอาการบาดเจ็บของเหล่าแวมไพร์ซึ่งต้องอาศัยเลือดในกายรักษาแต่เพราะต้องการนำดาบพายุกลับไปให้ได้ มาร์ควิสแอนเดอร์สันจึงต้องทำเช่นนี้..
หลังจากที่ฝ่าวงล้อมของเหล่าแวมไพร์ออกมาได้แล้วหลิงหยุนก็ร้องถามเจสเตอร์ว่า “เจสเตอร์.. เจ้าทนไหวหรือไม่”
หลิงหยุนนั้นมีพลังป้องกันที่แข็งแกร่ง..และจนถึงตอนนี้เขายังไม่ได้รับบาดเจ็บเลยแม้แต่น้อย แต่ถึงกระนั้น.. หากเจสเตอร์ไม่สามารถทนต่ออาการบาดเจ็บได้ เขาแข็งแกร่งมากเพียงใดก็คงไม่มีประโยชน์อะไร..
พรึบ..พรึบ.. พรึบ..
เจสเตอร์กระพือปีกพร้อมกับสูดลมหายใจลึกแล้วจึงตอบหลิงหยุนไปว่า “เจ้านาย.. ข้าคงต้องหยุดพักประเดี๋ยว พวกมันมากันมากมายเหลือเกิน!”
การต่อสู้ท่ามกลางแวมไพร์มากมายนับไม่ถ้วนเช่นนี้อย่าว่าแต่เจสเตอร์เลย แม้แต่แวมไพร์ขั้นเคานต์ และมาร์ควิสก็ยังถึงกับหมดแรงเช่นกัน..
หลิงหยุนเรียกยันต์เตโชออกมาและจัดการสังหารแวมไพร์ที่พุ่งเข้ามาได้อีกหลายตน ส่วนมืออีกข้างก็ถ่ายเทปราณเสวียนและปราณหวงเข้าสู่ร่างกายของเจสเตอร์..
หลิงหยุนดีใจมากที่ปราณเสวียนปราณหวงของตนเองนั้นสามารถช่วยรักษาอาการบาดเจ็บของเจสเตอร์ได้อีกทั้งยังช่วยคืนความแข็งแกร่งให้กับมันได้อีกด้วย
“น่าแปลก..พวกมันถูกข้าสังหารตายไปมากมายเช่นนี้ เหตุใดจึงไม่ยอมหนี”
ระหว่างที่กำลังรักษาอาการบาดเจ็บให้กับเจสเตอร์สายตาของหลิงหยุนก็จับจ้องอยู่ที่เหล่าแวมไพร์ซึ่งถูกเขาสังหารตายไปกว่าแปดสิบเปอร์เซ็นต์ แต่ถึงกระนั้นพวกมันก็ยังไม่ยอมหลบหนี และดูเหมือนยินดีที่จะสู้ตายกับเขาด้วย!
เจสเตอร์ได้ยินจึงตอบกลับไปว่า“เจ้านาย.. ดาบพายุที่ท่านเรียกออกมาก่อนหน้านี้ เมื่อเหล่าแวมไพร์ได้พบเห็น พวกมันจะมีทางเลือกเพียงสองทางเท่านั้นคือ.. ถอยหนี หรือไม่ก็ต้องแย่งมาให้ได้!”
“หากข้าเดาไม่ผิด..มาร์ควิสเฒ่านั่นคงจะจำดาบพายุได้ และมันเลือกที่จะนำดาบพายุกลับไปด้วย! เพราะดาบพายุของท่านนั้นเป็นเหมือนฝันร้ายของแวมไพร์อย่างพวกเรา!”
หลิงหยุนได้ฟังถึงกับอึ้งไปแต่แล้วก็ยิ้มเย็นและตอบกลับไปว่า “งั้นรึ ที่แท้ก็เป็นเช่นนี้เอง พวกมันจึงเลือกที่จะไม่หนี แต่กลับยินดีตายสินะ!”
เจสเตอร์พยักหน้า..และได้แต่บอกหลิงหยุนให้ระมัดระวังตัวมากขึ้น “เจ้านาย.. ท่านต้องระมัดระวังตัวให้มากขึ้น มาร์ควิสตนนั้นมีชีวิตมายาวนาน มันจึงสามารถใช้เวทย์มนต์ชั้นสูงของแวมไพร์ได้..”
“ข้างกายมันยังมีแวมไพร์ขั้นมาร์ควิสอีกถึงสองตนที่คอยช่วยอยู่การจะสังหารมันจึงไม่ใช่เรื่องที่ทำได้ง่าย..”
เวลานี้หลิงหยุนอยู่เหนือยอดเขาเทียนเหมาเฟิงๆผราวสามร้อยเมตรและใช้เนตรหยิน-หยางมองลงไปที่ร่างของมาร์ควิสแอนเดอร์สันซึ่งกำลังทำการรักษาอาการบาดเจ็บให้กับแวมไพร์ขั้นมาร์ควิสทั้งสองตนอยู่..
“เจ้าไม่ต้องห่วง..เราจะสังหารแวมไพร์ปลายแถวก่อน จากนั้นจึงค่อยลงมือสังหารแวมไพร์ขั้นมาร์ควิสทั้งสามตนนั้น!”