บทที่ 1069 กล่าวหาอย่างไร้เหตุผล / บทที่ 1070 มีสิทธิ์อะไรมาคู่กับฉัน

แผนรักร้ายคว้าหัวใจคุณสามี

บทที่ 1069 กล่าวหาอย่างไร้เหตุผล

“ยังไม่ได้ตรวจกระเป๋าเยี่ยหวันหวั่นเลยนะ! เมื่อกี้เธอก็ขึ้นไปกับพวกเราเหมือนกันนี่!” เหลียงซือหานเอ่ยเตือน

สิ้นเสียงของเหลียงซือหาน สายตาทุกคู่ก็หันมามองเยี่ยหวันหวั่นเป็นตาเดียว

หลังจากที่บรรดาแขกรู้เรื่องที่เกิดขึ้น ก็เริ่มวิพากษ์วิจารณ์กันไปต่างๆ นานา…

“หาทั่วแล้วก็ยังไม่เจอ แถมเพิ่งจะรู้ว่าหายไปหลังจากที่เด็กผู้หญิงพวกนั้นขึ้นไป เป็นไปได้มากว่าพวกเธอคนใดคนหนึ่งเอาไปแน่นอน!”

“แต่เด็กผู้หญิงพวกนั้น ทั้งเหลียงซือหาน หวงอี๋ แล้วก็หลิวหนานหนาน…มีใครบ้างไม่ใช่ลูกคุณหนู ใครจะไปทำเรื่องลักเล็กขโมยน้อยอย่างนี้ล่ะ ชาติตระกูลของพวกเธอร่ำรวยจะตายไป เงินแค่นั้นจะเอาไปทำอะไร? มีแค่คนเดียวเท่านั้นแหละ…”

“เธอหมายถึงเยี่ยหวันหวั่น คุณหนูรองของบ้านใหญ่ตระกูลเยี่ยสินะ?” เพื่อนของเธอเอ่ยขึ้นอย่างรู้ทัน

“ที่นี่นอกจากหล่อนจะมีใครน่าสงสัยว่าขโมยของอีกล่ะ?”

“ฉันว่าต้องเป็นเธอแน่ๆ! ได้ยินว่าหลังจากโดนไล่ออกจากบ้าน ยัยนั่นก็ใช้ชีวิตไปวันๆ ถึงตอนนี้จะมีสภาพเป็นผู้เป็นคนขึ้นมาบ้างแล้ว แต่คนเราสันดอนขุดง่าย สันดานขุดยาก ใครจะไปรู้ว่าหล่อนจะทำอะไรได้บ้าง!”

……

“เยี่ยหวันหวั่น ยังไม่เอากระเป๋าของเธอมาให้พ่อบ้านหวงตรวจอีก!” เหลียงซือหานมั่นใจว่าเยี่ยหวันหวั่นเป็นคนเอาไป สายตาของเธอเต็มไปด้วยความตื่นเต้น เธอตวาดสั่งด้วยน้ำเสียงเกรี้ยวกราด

เยี่ยหวันหวั่นยิ้มอย่างไม่ยี่หระ “ทำไมฉันต้องเอาให้เขาตรวจด้วยล่ะ?”

“พวกฉันตรวจหมดแล้ว เหลือเธอคนเดียว เธอมีสิทธิ์อะไรจะไม่ตรวจอยู่คนเดียว! หรือว่าเธอเป็นคนเอาไป ก็เลยร้อนตัว?”

ตอนนั้นเอง เยี่ยอีอีกับกู้เยว่เจ๋อก็เดินมาสมทบด้วย

“พ่อบ้านหวง หาแหวนเจอรึยัง?” เยี่ยอีอีถามด้วยสีหน้าร้อนรน

หวงหมิงคุนทำหน้าลำบากใจ “ขอโทษด้วยครับคุณหนูอีอี ผมกำลังหาอยู่…”

“อะไรกัน? ยังหาแหวนไม่เจออีกเหรอ?” ไม่นาน เยี่ยหงเวยกับถานอี้หลันและคนอื่นๆ ก็ตามมาด้วย

เหลียงซือหานถือโอกาสฟ้องทันที “ตอนนี้มั่นใจได้ว่าคนใดคนหนึ่งในพวกเราที่ขึ้นข้างบนเมื่อกี้เป็นคนเอาไป พวกเราเพิ่งเอากระเป๋าให้พ่อบ้านตรวจ มีแค่เยี่ยหวันหวั่นคนเดียวที่ไม่ยอมให้พ่อบ้านตรวจกระเป๋าค่ะ!”

คำพูดของเธอเท่ากับว่าเยี่ยหวันหวั่นเป็นคนเอาไป

เยี่ยหงเวยหน้าเครียดเล็กน้อย “ซือหาน ถ้าไม่มีหลักฐาน ก็ห้ามพูดจาไปเรื่อย”

เยี่ยเส่าถิงที่ยืนอยู่ด้านหนึ่งก้าวออกมาปกป้องเยี่ยหวันหวั่น “พ่อครับ หวันหวั่นไม่มีทางทำเรื่องอย่างนั้นแน่นอนครับ!”

เหลียงหว่านจวินที่ยากจะโกรธใคร พูดด้วยน้ำเสียงขุ่นเคือง “คุณพ่อคุณแม่ต้องเชื่อหวันหวั่นนะคะ! มากล่าวหากันแบบนี้ทำเกินไปแล้ว!”

เยี่ยมู่ฝานกำหมัดแน่น สีหน้าเริ่มตึงเครียด

เรื่องนี้มัน…แปลกๆ ชอบกล…

หวงหมิงคุนไม่มีทางจงใจหาเรื่องหวันหวั่นในสถานที่แบบนี้แน่ เหมือนที่หวันหวั่นบอกเมื่อกี้ ยิ่งคนเยอะ พวกเขาก็ยิ่งต้องแสร้งทำเป็นเกรงใจ และมีมารยาทถึงจะถูก

นอกเสียจากว่า…พวกเขาจะมั่นใจว่าจะเล่นงานหวันหวั่นได้แน่นอน!

หรือว่าไอ้เลวหวงหมิงคุนแอบเอาแหวนใส่กระเป๋าหวันหวั่นก่อนแล้ว?

ไม่ได้การล่ะ! จะปล่อยให้พวกเขาค้นกระเป๋าหวันหวั่นไม่ได้เด็ดขาด!

เยี่ยมู่ฝานหน้าเครียดขึ้นเรื่อยๆ เขารีบพูดขึ้นว่า “พวกเธอเต็มใจให้ค้นเอง ก็ไม่ได้หมายความว่าหวันหวั่นจะต้องยอมด้วยนี่ มีกฎหมายข้อไหนบอกไว้ว่าบุคคลธรรมดาสามารถค้นตัวคนอื่นได้ตามอำเภอใจ?”

ตอนนี้เหลียงซือหานมั่นใจเต็มร้อยว่าเยี่ยหวันหวั่นเป็นคนขโมยแหวนไป จึงไม่ยอมรามือง่ายๆ “พวกคุณเอาแต่บอกว่าเยี่ยหวันหวั่นไม่ได้เป็นคนเอาไป แต่ก็ไม่ยอมให้ค้นกระเป๋าเยี่ยหวันหวั่น ถ้าไม่เรียกว่าร้อนตัวแล้วจะเรียกว่าอะไร? ตกลงเอาไปหรือไม่ได้เอาไป แค่ค้นดูก็รู้แล้วไม่ใช่หรือไง?”

……………………………………………………….

บทที่ 1070 มีสิทธิ์อะไรมาคู่กับฉัน

“ตลกน่ะ!” เยี่ยมู่ฝานมองเหลียงซือหาน หัวเราะเยาะเอ่ยว่า “พูดว่าค้นก็จะค้นได้? แกไม่ขึ้นสวรรค์ไปกระทบไหล่ดวงอาทิตย์เลยล่ะ”

เยี่ยมู่ฝานในใจสงสัย ต้องเป็นพวกเยี่ยอีอีที่เอาแหวนยัดใส่ตัวเยี่ยหวันหวั่นล่วงหน้าแน่นอน ไม่อย่างนั้นไม่มีทางสร้างสถานการณ์ใหญ่อย่างนี้ในเวลาแบบนี้ได้หรอก ถ้าพวกเขาเอาแหวนใส่ตัวเยี่ยหวันหวั่นไม่ได้ กรณีที่ค้นไม่เจอ คนที่ขายหน้าก็จะเป็นเยี่ยอีอี ในวันอย่างนี้ เป็นไปได้ยากที่เยี่ยหวันหวั่นจะทำเรื่องอย่างนี้ออกมา

เยี่ยมู่ฝานวางแผนแล้วว่า ไม่ว่ายังไงก็ห้ามให้คนไปค้นกระเป๋าเยี่ยหวันหวั่นเด็ดขาด

เวลานี้ สายตาของแขกทุกคนในงานทยอยกันมองมาที่นี่ อีกทั้งยังเริ่มกระซิบกระซาบกัน

“ถ้าไม่ได้เอาไป แล้วทำไมถึงให้คนค้นไม่ได้…”

“ถูกต้อง ค้นสักครั้งก็ไม่ได้เสียหายสักหน่อย แถมยังพิสูจน์ความบริสุทธิ์ตัวเองได้ ถ้าค้นไม่เจอ คนที่ขายหน้าก็คือเยี่ยอีอี…”

“หึๆ มีอะไรให้น่าสงสัยกัน คนอื่นๆ เขายินดีส่งกระเป๋าให้ค้นกันหนึ่งรอบ มีแค่คุณหนูรองแสนสง่างามคนนั้นคนเดียวที่ไม่ยอม นี่ยังอธิบายปัญหานี้ไม่ได้อีกเหรอ เธอต้องเป็นคนขโมยแน่นอน ฉันกล้ารับประกัน แหวนต้อง อยู่ในกระเป๋าเธอแน่!”

เวลานี้หวงหมิงคุนขึ้นหน้าหนึ่งก้าว มองทางเยี่ยหวันหวั่น “คุณหนูหวันหวั่น ขอโทษด้วยครับ เพราะวันนี้เป็นวันพิเศษจริงๆ ขอความกรุณาคุณหนูหวันหวั่นช่วยให้ความร่วมมือหน่อยนะครับ”

“พ่อบ้านหวง หวันหวั่นไม่ได้เอาไปจริงๆ …” เวลานี้เยี่ยอีอีช่วยเอ่ยแก้ตัวให้

ได้ยินดังนั้น พ่อบ้านหวงก็ถอนหายใจส่ายหน้า “คุณหนูอีอี แขกท่านๆ อื่นถูกค้นหมดแล้ว ถ้าไม่ค้นคุณหนูหวันหวั่น จะเป็นการไม่เคารพแขกท่านอื่นๆ อย่างสูง ยิ่งไปกว่านั้น พวกราทำเพื่อล้างข้อสงสัยในตัวคุณหนูหวันหวั่น เปล่าจงใจกลั่นแกล้งคุณหนูหวันหวั่นนะครับ”

“เรื่องนี้…” เยี่ยอีอีมีสีหน้าลังเล

“อีอี ลูกก็ไร้เดียงสาไป ทุกคนให้ค้นแล้ว ก็มีเยี่ยหวันหวั่นนี่แหละที่ไม่ให้ค้น แม่ว่า เธอต้องเป็นคนขโมยแหวนแน่นอน เยี่ยหวันหวั่นทำกับลูกแบบนี้ ลูกยังจะปกป้องเธออีก!” เหลียงเหม่ยเซวียนหัวเราะเย็นชา

“คุณแม่คะ…อย่าพูดว่าหวันหวั่นแบบนั้นสิคะ” เยี่ยอีอีขมวดคิ้วเอ่ย

“แล้วจะให้แม่พูดยังไง ถ้าเธอไม่ได้ขโมยจริง ก็น่าจะส่งกระเป๋ามาล้างข้อสงสัยตัวเองนานแล้ว ตอนนี้ดูท่า เธอน่าจะเป็นคนขโมยนั่นแหละ!” เหลียงเหม่ยเซวียนแค่นเสียงเย็น “ตระกูลเยี่ยยังมีคนเนรคุณอยู่จริงๆ! แถมยังทำเรื่องอย่างขโมยนี้ได้อีก!”

ตอนนี้บรรดาลูกคุณหนูที่ออกตัวส่งกระเป๋าถือให้เอง ต่างพากันมองเยี่ยหวันหวั่นอย่างรังเกียจ และเว้นระยะห่างช่วงหนึ่งจากเยี่ยหวันหวั่น ราวกับว่าแค่อยู่ใกล้เยี่ยหวันหวั่นนิดหน่อย ตัวเองก็จะถูกทำขายหน้าไปด้วย

เหลี่ยงหวั่นจินกับเยี่ยเส่าถิงมองเยี่ยหวันหวั่นอย่างแปลกใจเล็กน้อย พวกเขาเชื่อว่าลูกสาวตัวเองไม่มีทางทำเรื่องอย่างขโมยนี้ แต่กลับไม่เข้าใจว่า ทำไมเยี่ยหวันหวั่นไม่ยอมส่งกระเป๋าถือไป

“คุณหนูหวันหวั่น หวังว่าคุณจะไม่ผลาญเวลาของแขกท่านอื่นๆ …” หวงหมิงคุนมองเยี่ยหวันหวั่น

“ทำไมฉันต้องให้คุณค้นด้วย” เยี่ยหวันหวั่นจ้องหวงหมิงคุน แค่นหัวเราะเย็น

“เพราะคุณหนูหวันหวั่นเป็นผู้ต้องสงสัยว่าจะขโมยแหวน เพื่อล้างข้อสงสัยเลยยังขอรบกวนคุณหนูหวันหวั่นให้ความร่วมมือครับ” หวงหมิงคุนเอ่ย

แต่เยี่ยหวันหวั่นกลับไม่ใส่ใจสักนิด “ต้องสงสัยพวกคุณตัดสินใจกันเอง ไม่ใช่ฉันตัดสินใจ ฉันต้องสงสัยหรือไม่ ในใจฉันรู้ดี เพราะงั้นไม่ว่ายังไงก็ต้องพูดกันตามกฎหมาย ฉันจะไม่ให้ความร่วมมือคุณใดๆ ทั้งนั้น”

………………….