บทที่ 1467 มุมมองของระดับแปด

Reverend Insanity เทพปีศาจหวนคืน

“พวกเราปลอดภัยแล้ว!”

 

“ท่านฟางหยวนจงเจริญ!”

 

ผู้อมตะเผ่ามนุษย์ขนสองคนกรีดร้องด้วยความยินดีเมื่อเห็นฟางหยวนเอาชนะมังกรหมื่นเศียร

 

แต่กลุ่มผู้อมตะของนิกายเงาเงียบ

 

ไป่หนิงปิงสูดหายใจลึก

 

อิงอู๋เซี่ยคิดถึงการเสียสละของราชันภูเขาม่วงเมื่อเห็นท่าไม้ตายอมตะบนเส้นทางแห่งปัญญาเหล่านี้

 

ไห่ลั่วหลันเงียบ ยิ่งฟางหยวนแข็งแกร่งเท่าใด โอกาสหลบหนีของนางก็ยิ่งน้อยเท่านั้น

 

เซี่ยเอ๋อกระพริบตาอย่างต่อเนื่อง หัวใจของนางสั่นสะท้านเมื่อนางมองดูสนามรบที่พังทลาย นางเข้าใจแล้วว่าเหตุใดเผ่าถึงต้องการให้นางแต่งงานกับฟางหยวน

 

‘นี่คือพลังการต่อสู้ระดับแปด?’

 

‘สัตว์อสูรแรกกำเนิดทั่วไปไม่ใช่คู่แข่งของผู้อมตะที่มีพลังการต่อสู้ระดับแปด เนื่องจากมนุษย์มีสติปัญญาและสามารถใช้ท่าไม้ตายอมตะ’

 

‘การแต่งงานกับชายผู้นี้ แม้จะพึ่งพาเพียงการเชื่อมต่อ เผ่าของเราก็จะไม่ถูกเผ่ามนุษย์หินรังแกอีกต่อไป เผ่าของเราจะเจริญรุ่งเรืองอย่างแน่นอน!’

 

ด้านฟางหยวน เขากำลังคำนวณกำไรในครั้งนี้

 

สัตว์อสูรแรกกำเนิดมีพลังการต่อสู้ระดับแปด แต่พวกมันถูกแบ่งออกเป็นระดับที่แตกต่างกัน มังกรหมื่นเศียรถือว่าอ่อนแอกว่าสัตว์อสูรแรกกำเนิดทั่วไป

 

นอกจากนั้นมันพึ่งตื่นจากการจำศีลและไม่สามารถตอบโต้ท่าไม้ตายอมตะบนเส้นทางแห่งปัญญาของฟางหยวน

 

หากฟางหยวนใช้วิธีอื่น เขาอาจต้องใช้ความพยายามมากขึ้น แต่ความคิดอุกกาบาตเพลิงและความคิดดอกไม้เบ่งบานกลับส่งผลกระทบที่ไม่น่าเชื่อ

 

‘ข้าควรจัดการมังกรหมื่นเศียรตัวนี้อย่างไร? โดยปราศจากศีรษะมังกรแรกกำเนิด มันจะเป็นเพียงสัตว์อสูรบรรพกาล แต่มันยังมีรากฐาน หลังจากนี้ศีรษะมังกรบรรพกาลจะค่อยๆกลายเป็นศีรษะมังกรแรกกำเนิด’

 

สัตว์อสูรแรกกำเนิดบนเส้นทางแห่งค่ายกลเช่นนี้หาได้ยาก แรกเริ่มฟางหยวนคิดที่จะย้ายมันไปไว้ในมิติช่องว่างจักรพรรดิ

 

แต่น่าเสียดายที่มังกรหมื่นเศียรอยู่ใต้ดิน มันไม่สามารถขยับเขยื้อน ในความเป็นจริงมันเชื่อมต่อกับเส้นโลหิตปฐพีและดูดกลืนสารอาหารจากที่นั่น

 

หากมันถูกขุดขึ้นมา มันจะเสียชีวิต

 

ผู้อมตะทั่วไปอาจไม่มีทางเลือกแต่ฟางหยวนมีวิธี

 

ไม่ว่าจะเป็นมรดกของนิกายเงาหรือมรดกของนิกายหลางหยา พวกมันต่างมีวิธีการมากมายในการย้ายที่อยู่ของมังกรหมื่นเศียร

 

แต่ฟางหยวนกลับเลิกคิดเรื่องนี้หลังจากไตร่ตรอง

 

เหตุผลง่ายมาก วิธีการเหล่านั้นพึ่งพาวิญญาณอมตะซึ่งฟางหยวนไม่มี แม้เขาจะใช้แสงแห่งปัญญา เวลา ความพยายาม และทรัพยากรมหาศาล แต่มันไม่คุ้มที่จะทำเพื่อสัตว์อสูรแรกกำเนิดเพียงตัวเดียว

 

แต่การฆ่ามันและขายชิ้นส่วนร่างกายถือเป็นเรื่องสิ้นเปลือง

 

ท้ายที่สุดสัตว์อสูรแรกกำเนิดที่มีชีวิตก็มีค่ามากกว่าซากศพที่ตายแล้ว

 

กลุ่มก้อนความคิดปะทะกันในใจของฟางหยวนก่อนที่เขาจะพบวิธีแก้ปัญหาที่ดีที่สุด นั่นคือนิกายหลางหยา!

 

เขากำลังจะติดต่อจิตวิญญาณแผ่นดินหลางหยาแต่ฝ่ายหลังชิงติดต่อเขามาก่อน

 

จิตวิญญาณแผ่นดินหลางหยามีความสุขมากที่ฟางหยวนเอาชนะสัตว์อสูรแรกกำเนิดและสามารถช่วยชีวิตผู้อมตะเผ่ามนุษย์ขนสองคน เขาขอบคุณฟางหยวนด้วยน้ำเสียงที่อบอุ่น

 

ฟางหยวนเผยรอยยิ้มอย่างเงียบๆ

 

พลังการต่อสู้ระดับแปดทำให้ทุกอย่างแตกต่างออกไปอย่างสิ้นเชิง

 

แม้ฟางหยวนจะไม่ใช่ผู้อมตะระดับแปด แต่พลังการต่อสู้ระดับแปดทำให้เขาถูกพิจารณาว่าเป็นกึ่งระดับแปด ตอนนี้เขาสามารถสัมผัสได้ถึงความอัศจรรย์ของตัวตนระดับนี้

 

ฟางหยวนกล่าวกับจิตวิญญาณแผ่นดินหลางหยา “มังกรหมื่นเศียรตัวนี้ยังมีชีวิตอยู่ ศีรษะมังกรแรกกำเนิดจะเกิดขึ้นอีกครั้งในอนาคต หากข้าต้องการขายสัตว์อสูรแรกกำเนิดตัวนี้ให้กับนิกายหลางหยา ข้าจะได้แต้มผลงานเท่าใด?”

 

จิตวิญญาณแผ่นดินหลางหยาตกตะลึงก่อนตะโกน “เป็นความคิดที่ดี!”

 

นิกายหลางหยากำลังสำรวจไท่ชิว พวกเขาใช้ซากศพของสัตว์อสูรแรกกำเนิดเพื่อสร้างค่ายกลวิญญาณขนส่ง

 

แต่ไท่ชิวใหญ่โตเกินไป ค่ายกลวิญญาณขนส่งเพียงหนึ่งเดียวยังไม่เพียงพอ ตัวอย่างเช่นครั้งนี้ เนื่องจากระยะทางที่ห่างไกลเกินไป มันไม่ง่ายที่ความช่วยเหลือจะไปถึงได้ทันเวลา

 

“มังกรหมื่นเศียรเป็นค่ายกลวิญญาณตามธรรมชาติ พวกเราไม่จำเป็นต้องทำสิ่งใด ตราบเท่าที่พวกเราสามารถกำหราบมัน พวกเราจะสามารถสร้างรากฐานที่สอง สำหรับแต้มผลงาน…” จิตวิญญาณแผ่นดินหลางหยาพิจารณาก่อนจะมอบคำตอบที่น่าพอใจให้กับฟางหยวน

 

ภารกิจหลอมรวมวิญญาณอมตะของฟางหยวนทำให้เขาเสียแต้มผลงานไปมากมาย เขาจำเป็นต้องเติมเต็มเพื่อใช้มันหลอมรวมวิญญาณอีกครั้ง

 

ตอนนี้ภารกิจหลักของฟางหยวนที่มอบให้นิกายหลางหยาคือการหลอมรวมวิญญาณอมตะความลับสวรรค์

 

ฟางหยวนนำกลุ่มผู้อมตะกลับด้วยชัยชนะ

 

ผู้อมตะนิกายเงาได้รับบาดเจ็บทั้งหมด อาการบาดเจ็บของไห่ลั่วหลันรุนแรงที่สุด แม้นางจะมีวิธีการบนเส้นทางแห่งไฟที่ดี แต่มันไม่เหมาะสมกับสุดยอดกายาเทพยุทธ์ที่แท้จริงของนาง

 

โชคไม่ดีที่ฟางหยวนใช้วิธีการบนเส้นทางความแข็งแกร่งเช่นกัน มันจึงเกิดความขัดแย้งระหว่างคนทั้งสอง

 

ฟางหยวนต้องพิจารณาถึงความแข็งแกร่งของตนเองเป็นอันดับแรกก่อนจะส่งผ่านวิญญาณอมตะให้ผู้อมตะของนิกายเงา หลังจากทั้งหมดวังสวรรค์แข็งแกร่งเกินไป

 

‘อย่างไรก็ตามข้าสามารถดัดแปลงท่าไม้ตายอมตะบนเส้นทางแห่งไฟของนางเพื่อให้เหมาะสมกับนางมากขึ้น ข้ายังสามารถดัดแปลงท่าไม้ตายอมตะบนเส้นทางความแข็งแกร่งเพื่อให้นางใช้งาน’ ฟางหยวนคิด

 

ไห่ลั่วหลันภักดีต่อนิกายเงาเพราะข้อตกลงพันธมิตร แต่ในความคิดของฟางหยวน เทพธิดาเมี่ยวหยินและเทพธิดากระต่ายขาวเชื่อถือได้มากกว่า

 

แต่ฟางหยวนก็มีวิธีควบคุมไห่ลั่วหลัน นั่นคือไห่เจิ้ง

 

ไพ่ใบนี้อยู่ในมือของฟางหยวนขณะที่ไห่ลั่วหลันถูกทิ้งไว้ในความมืด

 

‘ข้าสามารถดูแลไห่ลั่วหลันได้เล็กน้อย การดัดแปลงท่าไม้ตายเหล่านี้เป็นเรื่องง่าย มันใช้เวลาและความพยายามไม่มาก ข้าสามารถทำมันได้อย่างรวดเร็ว’

 

หลังจากไม่กี่วันอาการบาดเจ็บของผู้อมตะของนิกายเงาก็ฟื้นฟูขึ้น

 

ฟางหยวนมอบวิญญาณอมตะเนตรดาราให้ไห่ลั่วหลันและปล่อยให้นางใช้งานมัน

 

เขาไม่มีเวลาและพลังงานสำหรับการปรับแต่งดวงดาวบนท้องฟ้า มันจะดีกว่าที่จะให้ไห่ลั่วหลันทำให้วิญญาณอมตะดวงนี้แสดงคุณค่าของมันออกมา

 

เมื่อไห่ลั่วหลันประสบความสำเร็จ ฟางหยวนจะให้รางวัลนางเป็นท่าไม้ตายอมตะที่ดัดแปลงแล้ว

 

ฟางหยวนเคยสร้างองค์กรขึ้นในชีวิตแรกของเขา เขาเลี้ยงดูผู้คนมากมาย เขาไม่สามารถให้รางวัลโดยไร้เหตุผล มิฉะนั้นมันจะกลายเป็นปัญหาในอนาคต การเลื่อนตำแหน่งหรือลดระดับใดๆล้วนต้องพึ่งพาเหตุผลที่เหมาะสมทั้งสิ้น

 

หากไร้เหตุผลก็ต้องสร้างมันขึ้นมา

 

ฟางหยวนมีประสบการณ์มากมายในเรื่องนี้

 

หลังจากจัดการเรื่องมังกรหมื่นเศียร ฟางหยวนตระหนักว่าผู้อมตะของนิกายหลางหยาก็ต้องการพลังการต่อสู้เช่นกัน เมื่อพวกเขาแข็งแกร่งขึ้น พวกเขาจะช่วยฟางหยวนได้มากขึ้น

 

อย่างไรก็ตามสิ่งสำคัญที่สุดยังเป็นความก้าวหน้าของตัวเขาเอง

 

คนที่เชื่อถือได้มากที่สุดมีเพียงตัวเอง บุคคลที่ยิ่งใหญ่ไม่จำเป็นต้องพึ่งพาผู้อื่น นิกายหลางหยาเป็นเพียงตัวช่วยส่วนหนึ่งของฟางหยวนเท่านั้น

 

หลังจากกลับมาที่เมืองเมฆา ฟางหยวนใช้ท่าไม้ตายอมตะกินความแข็งแกร่งดูดซับร่องรอยของพลังงานแห่งเต๋าบนเส้นทางความแข็งแกร่งจากทรัพยากรอมตะระดับหก

 

ด้วยการใช้วิญญาณอมตะสัมผัสแห่งเต๋า เขาตระหนักว่าร่องรอยของพลังงานแห่งเต๋าบนเส้นทางความแข็งแกร่งของเขาเพิ่มขึ้นไม่มาก

 

ฟางหยวนไม่ผิดหวัง นี่เป็นผลลัพธ์ที่เขาคาดไว้

 

วิธีหลักในการเพิ่มร่องรอยของพลังงานแห่งเต๋าของผู้อมตะคือการก้าวข้ามภัยพิบัติ สำหรับฟางหยวน เขายังมีวิธีการกลืนกินแดนศักดิ์สิทธิ์ สำหรับท่าไม้ตายอมตะกินความแข็งแกร่ง มันสามารถสะสมร่องรอยของพลังงานแห่งเต๋าอย่างค่อยเป็นค่อยไปเท่านั้น

 

‘หากข้าสามารถหลอมรวมวิญญาณอมตะอาหารว่างระดับเจ็ด ท่าไม้ตายอมตะกินความแข็งแกร่งจะมีประสิทธิภาพมากขึ้น’

 

ความคิดนี้ปรากฏขึ้นในใจของฟางหยวนก่อนจะถูกปัดเป่าออกไปอย่างรวดเร็ว

 

มันไม่ใช่เวลาที่เหมาะสมสำหรับการทำเรื่องนี้

 

การหลอมรวมวิญญาณอมตะความลับสวรรค์มีความสำคัญที่สุด ตามมาด้วยการพัฒนามิติช่องว่างจักรพรรดิเพื่อตอบสนองความอยากอาหารของวิญญาณอมตะ

 

ตอนนี้หินวิญญาณอมตะสิบล้านก้อนของเขาเกือบหมดลงแล้ว

 

แต่ความพยายามของเขายังมอบรางวัลให้เขามากมาย

 

‘รากฐานจิตวิญญาณของข้าอยู่ที่ระดับสิบล้านคนแล้ว ข้าจะทำเรื่องนี้ต่อไป’

 

‘ในแง่ของท่าไม้ตายอมตะ ข้าคุ้นเคยกับท่าไม้ตายอมตะบนเส้นทางแห่งปัญญาของราชันภูเขาม่วงแล้ว ต่อไปข้าจะดัดแปลงท่าไม้ตายอมตะบนเส้นทางแห่งดาบของโป้ชิง’

 

ฟางหยวนเป็นปรมาจารย์บนเส้นทางแห่งปัญญา ดังนั้นเขาจึงให้ความสำคัญกับมันเป็นอันดับหนึ่ง

 

ในแง่ของเส้นทางแห่งดาบ แม้เขาจะมีวิญญาณอมตะบนเส้นทางแห่งดาบหลายดวง แต่เขายังขาดความสำเร็จบนเส้นทางสายนี้ อย่างไรก็ตามมันยังมีความสำคัญกับเขา

 

สำหรับเส้นทางแห่งจิตวิญญาณ ไม่เพียงเขาจะขาดความสำเร็จ เขายังขาดวิญญาณอมตะ เขามีเพียงวิญญาณอมตะเปลี่ยวิญญาณระดับเจ็ดและวิญญาณอมตะล้างใจระดับหก นี่ทำให้ความสำคัญของมันต่ำกว่าอีกสองเส้นทาง

 

ฟางหยวนกำลังเตรียมความพร้อมให้กับตนเอง เขาต้องเลือกสิ่งที่ดีที่สุด

 

‘ในขณะที่ข้าดัดแปลงท่าไม้ตายอมตะบนเส้นทางแห่งดาบของโป้ชิง ข้าสามารถดัดแปลงท่าไม้ตายอมตะของไห่ลั่วหลันไปพร้อมกัน ปัญหาเดียวคือหลังจากเรื่องนี้ สถานะทางการเงินของข้าจะอยู่ในจุดที่อันตราย’

 

ฟางหยวนกังวลเล็กน้อย แต่หลังจากสามวัน เผ่ามนุษย์หิมะก็ส่งของขวัญชุดที่สามมาให้เขา

 

ของขวัญชุดที่สามมีมูลค่าสูงที่สุดอย่างไม่ต้องสงสัย

 

หลังจากได้รับสิ่งนี้ ฟางหยวนก็ไม่มีปัญหาเรื่องเงินทุนอีกต่อไป