ตอนที่ 83-4 ความรักแสนหวาน

จำนนรักชายาตัวร้าย

“แมวน้อย หากเจ้าโกรธพี่ละก็ เจ้าก็ตีพี่ได้เลย พี่จะไม่ตอบโต้!”

 

 

ซย่าโหวฉิงเทียนจับมือของอวี้เฟยเยียน และเมื่อเห็นว่านางไม่เห็นตนเองเป็นคนนอกอีกแล้ว เขาก็จับมือของนางฟาดที่ใบหน้าของตนเอง

 

 

เพียะ!

 

 

ฝ่ามือฟาดลงบนใบหน้าของเขา เสียงดังฟังชัด

 

 

“ท่านทำบ้าอะไรน่ะ!”

 

 

อวี้เฟยเยียนรีบชักมือกลับทันที แล้วมองไปที่ใบหน้าของซย่าโหวฉิงเทียน

 

 

ผิวขาวเนียนละเอียดของเขา ที่แก้มซ้ายปรากฏรอยแดงจางๆ

 

 

“ท่านเป็นบ้าไปแล้วหรืออย่างไร มีใครเขาทำเช่นนี้กันบ้าง”

 

 

เห็นเช่นนี้ อวี้เฟยเยียนก็เริ่มโกรธขึ้นมา

 

 

นางหยิบขวดยาออกมา แล้วทาลงบนใบหน้าหน้าของซย่าโหวฉิงเทียนแรงๆ นึกอยากจะถลกหนังของเขาออกมาเสียด้วยซ้ำ

 

 

ถึงแม้ว่าในน้ำเสียงของอวี้เฟยเยียนจะเจือไว้ด้วยความโกรธเคือง แต่ที่แท้แล้วนางกำลังเป็นห่วงตนเอง ซย่าโหวฉิงเทียนอมยิ้มพร้อมกับรีบยื่นหน้าเข้ามาใกล้ทันที ทำนองว่าให้อวี้เฟยเยียนทายาให้มากๆ หน่อย

 

 

“ไม่ทาแล้ว เปลืองยาของข้า!”

 

 

อวี้เฟยเยียนกล่าวด้วยน้ำเสียงเย็นชา

 

 

“ที่หอนภาหอมยาของข้าขายด้วยราคาแพงลิบ ไม่ควรเอามาสิ้นเปลืองกับคนโง่เช่นท่าน!”

 

 

“ใช่ พี่เป็นคนโง่!”

 

 

โง่เพื่อเจ้า โง่งมเพื่อเจ้า บ้าคลั่งเพื่อเจ้า…

 

 

เมื่อเห็นว่าซย่าโหวฉิงเทียนหน้าด้านด้านหน้าทนเหลือเกิน อวี้เฟยเยียนจึงผลักเขาออกแล้วกล่าวว่า

 

 

“ข้ากำลังคุยเป็นการเป็นงานกับท่านอยู่นะ! ข้าขอถามท่าน คนที่ทำร้ายท่านคือใคร”

 

 

“คือมารดาผู้ให้กำเนิดพี่เอง”

 

 

ซย่าโหวฉิงเทียนไม่โกหกนางอีกต่อไป จึงกล่าวความจริงออกไป

 

 

มารดาผู้ให้กำเนิดเอง

 

 

คราวนี้อวี้เฟยเยียนงงงวยขึ้นมาอย่างหนัก มารดาผู้ให้กำเนิดของซย่าโหวฉิงเทียน ท่านมิได้จากโลกนี้ไปตั้งนานแล้วหรือ

 

 

“ซย่าจื่ออวี้ มารดาผู้ให้กำเนิดพี่”

 

 

ชื่อนี้แปลกหูสำหรับอวี้เฟยเยียนเป็นอย่างมาก นางไม่เคยได้ยินชื่อนี้มาก่อน เมื่อกล่าวถึงซย่าจื่ออวี้ วูบหนึ่งใบหน้าของซย่าโหวฉิงเทียนฉายแววเจ็บปวด สีหน้าเช่นนั้นทำให้อวี้เฟยเยียนทนไม่ได้ และไม่ซักไซ้ถามอะไรอีกต่อไป

 

 

รอให้เขาปล่อยวางทุกสิ่งทุกอย่าง ระบายสิ่งที่อยู่ในใจออกมาให้หมดจะดีกว่า!

 

 

แต่มีเรื่องหนึ่งที่อวี้เฟยเยียนจะต้องถามให้กระจ่าง

 

 

“หากว่า ซย่าจื่ออวี้ลงมือกับท่านอีก ท่านจะยังคงอดทนต่อไปหรือไม่”

 

 

“ไม่!”

 

 

ซย่าโหวฉิงเทียนส่ายหน้า

 

 

“เรื่องใดๆในโลก มิอาจเกิดซ้ำรอยสามครั้ง! พี่อดทนกับมันมาถึงสองครั้งแล้ว หากมีครั้งที่สาม ต่อให้ต้องไม่เหลือความเป็นคน พี่ก็ยอม!”

 

 

ถูกตามฆ่าขณะที่ยังเยาว์วัย ซย่าโหวฉิงเทียนก็เกิดความเคลือบแคลงในตัวมารดาอันเป็นที่รักอยู่แล้ว แต่ในโลกนี้ไม่มีเด็กคนไหนหรอกที่ส่วนลึกในจิตใจไม่รอคอยความรักจากมารดา ดังนั้นเมื่อเขาเติบโตขึ้นจึงมายังเมืองอู๋โยวตามหาซย่าจื่ออวี้

 

 

เดิมทีคิดว่าต่อให้ท่านไม่ชอบเขา แต่ก็คงจะเห็นแก่ที่เขาเป็นเลือดในอกบ้าง

 

 

ใครจะคาดคิด คราวนี้นางกลับใช้วิธีการที่แสนโหดร้ายจัดการกับเขา

 

 

ไข่มุกวารีปีศาจ เกือบจะเอาชีวิตของเขา!

 

 

ท่านเจ็บแค้นเขามากถึงเพียงนี้เชียวหรือ

 

 

เพราะเรื่องของไข่มุกวารีปีศาจ ทำให้ซย่าโหวฉิงเทียนตัดความสัมพันธ์กับมารดาบังเกิดเกล้าอย่างเด็ดขาด

 

 

ต่อไปนี้ก็ขอให้อยู่กันแบบน้ำบ่อไม่ยุ่งน้ำคลองอีกต่อไป ทุกคนต่างดำรงชีวิตอยู่ในที่ของตนเองอย่างสงบสุขเป็นดีที่สุด แต่หากนางต้องการรนหาที่ตายละก็ ก็อย่าหาว่าเขาไม่เห็นแก่ความเป็นแม่ลูกละกัน!

 

 

ซย่าโหวฉิงเทียนมิใช่คนที่จะมาลังเลอิดออด แต่ไหนแต่ไรมาเขาก็เป็นคนที่กล้าที่จะตัดสินใจเด็ดขาดด้วยตนเองอยู่แล้ว และเรื่องที่เขาตัดสินใจไปแล้วก็จะไม่มีวันเปลี่ยนใจอีก

 

 

เมื่อได้ฟังคำของซย่าโหวฉิงเทียน อวี้เฟยเยียนก็พยักหน้าเบาๆ

 

 

ใครต่างก็บอกว่าเสือร้ายไม่กินลูก สัตว์ทั้งหลายย่อมเป็นเช่นนี้ มนุษย์ที่จัดว่าเป็นสัตว์ประเสริฐผู้มีปัญญา ทว่าแม้แต่กลับลูกในไส้แท้ๆยังตามทำร้ายทำลายได้ เทียบไม่ได้แม้กระทั่งสัตว์จริงๆ มิคู่ควรจะเป็นแม่คนเลยด้วยซ้ำ!

 

 

อีกทั้ง ฝันร้ายของซย่าโหวฉิงเทียนเป็นสิ่งที่บ่งบอกได้อย่างชัดเจนว่า ในวัยเด็กเขาต้องพบกับความทุกข์ทรมานจากแม่บังเกิดเกล้าเพียงใด

 

 

เด็กน้อยถึงแม้จะยังเล็ก ไม่รู้ประสา ทว่าความรู้สึกเจ็บแค้นที่ถูกทอดทิ้งนั้น พวกเขามิมีวันลืมเลือน

 

 

ความทรงจำเช่นนี้ฝังลึกในใจของเขา กระทั่งกัดกร่อนหัวใจของเขามาจนถึงตอนนี้โดยมิมีทางฟื้นฟู นี่ล้วนแต่เป็นสิ่งที่ซย่าจื่ออวี้มอบให้กับเขาทั้งสิ้น!

 

 

“ซย่าโหวฉิงเทียน!”

 

 

อวี้เฟยเยียนยื่มมือออกไปกุมมือซย่าโหวฉิงเทียนเอาไว้

 

 

“ข้าเคยกล่าวไว้ ไม่ว่าท่านจะพบเจอกับเรื่องอะไรก็ตามแต่ ข้าจะสนับสนุนท่านสุดกำลังที่มีของข้า! และยืนอยู่เคียงข้างท่าน!”

 

 

“ในวันนี้ สัญญายังคงเดิม”

 

 

“ถึงแม้ข้าจะไม่รู้ว่าซย่าจื่ออวี้เป็นเทพสวรรค์มาจากไหน แต่หากว่านางมาหาเรื่องท่านละก็ ก็นับว่าหาเรื่องข้าด้วย หากท่านไม่สะดวกที่จะจัดการลงมือ เช่นนั้นแล้วก็ให้ข้าเป็นตัวแทนจัดการปัญหานี้ให้ท่านเอง!”

 

 

“ขอบคุณนะ!”

 

 

ซย่าโหวฉิงเทียนโอบกอดอวี้เฟยเยียนเอาไว้แน่นอย่างอดมิได้

 

 

แมวน้อย พี่มีเจ้าเพียงคนเดียวเท่านั้นนะ!

 

 

“เพราะฉะนั้น ได้โปรดอย่าไปจากพี่!”

 

 

ประโยคหลังซย่าโหวฉิงเทียนมิได้เอ่ยออกมา เพียงแค่กล่าวย้ำแผ่วเบา

 

 

“ท่านว่าอะไรนะ!”

 

 

เมื่อเห็นว่าซย่าโหวฉิงเทียนเริ่มออกอาการดื้อดึง อวี้เฟยเยียนก็อดมิได้ที่จะฟาดเขาด้วยฝ่ามือเบาๆ

 

 

“ท่านมิเพียงมีข้า ยังมีหลิวเซิง ชิงหง เสวี่ยเยี่ยน พวกเขาล้วนแต่จงรักภักดีกับท่านนะ”

 

 

“เหลียนจิ่น มั่วซาง เชียนเยี่ยเสวี่ย เซวียเฉียง เซวียจื่ออี๋ หมอเทวดาฮั่ว พวกของเจ้าสำนักหลิน พวกเขาล้วนแต่เป็นเพื่อนที่ดีของข้า และเป็นเพื่อนที่ดีของท่านด้วย อีกทั้งยังมีฝ่าบาท พระองค์โปรดปรานท่านมากเสียจนข้ายังอิจฉาไม่หายเลย!”

 

 

“ซย่าโหวฉิงเทียนข้างกายของท่านยังมีคนอีกมากมายนัก พวกเราล้วนแต่อยู่ตรงนี้นะ!”

 

 

เสียงอันแผ่วเบานุ่มนวลของอวี้เฟยเยียน เปี่ยมด้วยพลังปลอบโยน

 

 

ซย่าโหวฉิงเทียนเองก็ค้นพบว่า นับตั้งแต่พบกับอวี้เฟยเยียน ได้รับอานิสงส์จากนาง ทำให้ข้างกายของเขาก็มีคนเพิ่มขึ้นมามากมาย

 

 

เมื่อก่อนผู้คนเห็นเขาต่างก็หวาดกลัว

 

 

แต่มาตอนนี้ ผู้คนที่รายล้อมอวี้เฟยเยียนอยู่ก็ค่อยๆ ยอมรับเขา แตกต่างจากคนอื่นที่เอาแต่มองเขาว่าเป็นดาวเคราห์นำมาความโชคร้ายให้ นี่ล้วนแต่เป็นสิ่งที่อวี้เฟยเยียนนำพามาให้กับเขา!

 

 

“แต่พี่ไม่ชอบหน้าเชียนเยี่ยเสวี่ยเอาเสียเลย”

 

 

ซย่าโหวฉิงเทียนคิดไปคิดมาก็เอ่ยนามออกมาหนึ่งราย

 

 

“เจ้าหน้าขาวนั่นตามตอแยเจ้าตลอด พี่อยากจะฆ่ามันนัก!”

 

 

ครั้งนี้ กลายเป็นอวี้เฟยเยียนที่ตกตะลึงตาโต

 

 

ให้มองอย่างไร เชียนเยี่ยเสวี่ยก็นับว่าเป็น ชายหนุ่ม ที่เต็มไปด้วยเสน่ห์แห่งความชั่วร้ายที่ชวนให้ลุ่มหลงเชียวนะ ถึงแม้จะขาดความสง่างามเฉกเช่นวีรบุรุษไป แต่ก็คงไม่ถึงกับเป็นแค่ไอ้หน้าขาวนี่นา!

 

 

อวี้เฟยเยียนเกรงว่าซย่าโหวฉิงเทียนจะผลีผลามสังหารเชียนเยี่ยเสวี่ยโดยไร้ซึ่งการไตร่ตรอง ด้วย     วรยุทธ์เขา สามารถฆ่าคนได้โดยไร้ร่องรอย เชียนเยี่ยเสวี่ยไหนเลยจะเป็นคู่ต่อสู้ของเขาได้

 

 

“ซย่าโหวฉิงเทียน ท่านมานี่!”

 

 

อวี้เฟยเยียนกวักมือเรียกซย่าโหวฉิงเทียนเข้ามา จากนั้นนางเข้าไปหาเขาพร้อมเขย่งปลายเท้ายกร่างขึ้นกระซิบบอกความลับอย่างหนึ่งแก่เขา

 

 

“อะไรนะ!”

 

 

ครั้งนี้กลับกลายเป็นซย่าโหวฉิงเทียนบ้างที่ตกใจจนตาโต

 

 

ที่แท้แล้วตั้งแต่ต้นจนตอนนี้ นี่เขากำลังหึงหวงสตรีคนหนึ่งอยู่หรือนี่!

 

 

ก่อนหน้านี้ซย่าโหวฉิงเทียนก็เคยคิดคาดการณ์วางแผน รอให้เดินทางออกจากหุบเขาลั่วสยา เขาจะลอบโจมตีเชียนเยี่ยเสวี่ยในระหว่างทางที่นางกำลังเดินทางกลับอาณาฉินจื้อ…โชคดีที่วันนี้สารภาพกับอวี้เฟยเยียนออกไป มิเช่นนั้นมันจะต้องกลายเป็นความผิดครั้งใหญ่แน่

 

 

เหนือความคาดหมายยิ่งนัก!

 

 

“นางก็มีความลำบากเช่นเดียวกัน!”

 

 

“ข้าจะบอกท่านไว้ก่อนนะ เชียนเยี่ยเสวี่ยเป็นเพื่อนที่ดีของข้า ท่านห้ามรังแกนางเด็ดขาดนะ!”

 

 

แม้ว่าอวี้เฟยเยียนจะมิได้กล่าวลงรายละเอียดมาก แต่จะชั่วดีอย่างไรซย่าโหวฉิงเทียนก็เติบโตมาในราชสำนักของแคว้นฉินจื้อ คงจะรับรู้เรื่องราวภายในวังหลวงอยู่บ้าง แน่นอนว่าเขาจะต้องคาดเดามูลเหตุได้อย่างแน่นอน

 

 

ในเมื่อมิใช่ศัตรูหัวใจ เช่นนั้นก็พูดกันง่าย!

 

 

เมื่อรู้ความจริง ซย่าโหวฉิงเทียนก็คลายความระมัดระวังลง

 

 

เพื่อเป็นการแสดงออกว่ารักนางก็ต้องรักครอบครัวของนางด้วย เขาจึงเริ่มที่จะเป็นห่วงอนาคตของเชียนเยี่ยเสวี่ยขึ้นมา

 

 

“ครั้งนี้หูซาตายแล้ว เชียนเยี่ยเสวี่ยกลับไปเกรงว่านางจะตกที่นั่งลำบาก”

 

 

สิ่งที่ซย่าโหวฉิงเทียนกล่าวตรงกับสิ่งที่อวี้เฟยเยียนกำลังคิด

 

 

 ถึงแม้ว่าหูซาจะตายด้วยน้ำมือของซย่าโหวฉิงเทียน แต่ที่เชียนเยี่ยเสวี่ย เห็นคนจะตายแล้วไม่ช่วย มีผู้คนมากมายที่เห็น

 

 

หากว่าหลิวกุ้ยเฟยนำเรื่องนี้ไปใช้ใส่สีตีไข่ ขณะที่ฮ่องเต้แห่งฉินจื้อก็ทรงเป็นพวกฮ่องเต้ที่เลอะเลือนที่แค่ได้ฟังก็ทรงเชื่อเสียด้วยแล้ว แล้วเชียนเยี่ยเสวี่ยจะทำอย่างไรดีละทีนี้

 

 

สิ่งที่อวี้เฟยเยียนกังวลใจไม่นานก็แปรเปลี่ยนกลายเป็นความจริง เช้าวันที่สอง เชียนเยี่ยเสวี่ยหน้านิ่วคิ้วขมวดมาบอกลาทุกคน

 

 

“เสวี่ย ฉินจื้อเกิดเรื่องอะไรขึ้นหรือเปล่า”

 

 

อวี้เฟยเยียนกล่าวถามขึ้นตรงจุดสำคัญพอดิบพอดี

 

 

“ไอ้เฮงซวยนั่นกักขังเสด็จแม่ของข้า บีบให้ข้ากลับไป!”

 

 

เชียนเยี่ยเสวี่ยกัดฟันกรอดในขณะที่กล่าวต่อว่า

 

 

“เขารู้ดีว่าเสด็จแม่คือจุดอ่อนของข้า วันนี้ใช้เสด็จแม่มาข่มขู่ข้า คิดว่าควบคุมข้าได้”

 

 

ขณะที่เชียนเยี่ยเสวี่ยกล่าวถึงฮ่องเต้องค์ปัจจุบันแห่งแคว้นฉินจื้อ ดวงตานั้นเต็มไปด้วยความโกรธแค้น

 

 

“ข้าไปกับเจ้าด้วย!

 

 

เชียนเยี่ยเสวี่ยในขณะนี้ อวี้เฟยเยียนจะปล่อยให้นางกลับไปคนเดียวได้อย่างไรกัน

 

 

จักรพรรดิฉินจื้อเชียนลั่วเฉิงโปรดปรานหลิวกุ้ยเฟยและเย่อ๋องมากเพียงใด อวี้เฟยเยียนเคยได้ประจักษ์กับสายตาตนเองแล้ว หากว่าหลิวกุ้ยเฟยคอยยุแหย่เป่าหูเติมเชื้อไฟให้โหมกระหน่ำ อีกทั้งฮองเฮายังตกอยู่ในมือของพวกเขาด้วย ลำบากเชียนเยี่ยเสวี่ยจริงๆ

 

 

น้ำใจอวี้เฟยเยียนที่มีต่อนาง ทำให้เชียนเยี่ยเสวี่ยซาบซึ้งใจยิ่งนัก

 

 

ชีวิตนี้สิ่งที่นางดีใจที่สุดนั่นก็คือได้รู้จักและมีสหายเฉกเช่นอวี้เฟยเยียน นับว่าเป็นวาสนาของนาง!

 

 

แต่ทว่า เมื่อนึกถึงเนื้อหาในจดหมายที่เชียนลั่วเฉิงเขียนส่งมาให้แล้ว เชียนเย่เสวี่ยก็เลือกที่จะส่ายหน้าเบาๆ

 

 

ชายโฉดหญิงชั่วสองคนนั้นหน้าไม่อายสักเพียงใด เชียนเยี่ยเสวี่ยรู้ดีที่รู้ดีที่สุด

 

 

ที่เชียนลั่วเฉิงต้องการที่จะให้นางพาอวี้เฟยเยียนกลับ นั่นก็ชัดเจนว่าเขาสนใจตำแหน่งจอมเทวาและจักรพรรดิโอสถของอวี้เฟยเยียนเข้าให้แล้ว เขาต้องการหลอกใช้อวี้เฟยเยียน

 

 

ในฐานะที่นางเป็นเพื่อนรักเพื่อนตายของอวี้เฟยเยียน แล้วเชียนเยี่ยเสวี่ยมีหรือที่จะยอมให้เพื่อนรักของนางต้องตกอยู่ในอันตราย

 

 

ถึงแม้ว่าอวี้เฟยเยียนจะเก่งกาจสักเพียงใด แต่น้ำมือที่เลวทรามต่ำช้าของคนพวกนั้น มันน่าขยะแขยงกว่าที่ใครจะคาดคิดมากนัก!