บทที่ 58 Scar โดย Ink Stone_Fantasy
สถานีตำรวจ
ชายหนุ่มนั่งก้มหน้าอยู่บนเตียงแข็งกระด้างภายในห้องขัง หลายวันมานี้เป็นฝันร้ายสำหรับเขา เขาผู้เป็นทายาทแห่งตระกูลดีคาปี้ถูกจับมาขังไว้ที่นี่ หลังจากเรื่องแดงออกไปแล้วคงกลายเป็นเรื่องสนุกปากเป็นแน่
ทันใดนั้น ประตูห้องขังก็เปิดออก ชายหนุ่มมองตำรวจที่เดินเข้ามา จำไม่ได้ว่าหลายวันมานี้เขาตะโกนร้องไปไม่รู้กี่ครั้งแล้ว ตอนนี้จึงมองอีกฝ่ายเงียบๆ ด้วยคร้านจะสนใจ
“แกไปได้แล้ว” ตำรวจพูดเสียงเรียบเฉย
ชายหนุ่มอึ้งไป เขาลุกจากที่นอนทันที พลางพูดอย่างแปลกใจว่า “ผมไปได้แล้ว? มีคนมารับผมแล้วเหรอ?”
“รับแก? จะมีใครมารับคนอย่างแก?” ตำรวจยักไหล่แล้วพูดว่า “ก็แค่หัวขโมยที่ถูกจับได้ เอาล่ะ อย่าเพ้อเจ้อ รีบเดินไป! อย่ามายืนตรงนี้ เกะกะพื้นที่พวกฉัน”
ชายหนุ่มพูดอย่างโมโหทันที “พวกคุณจับผิดคนแล้วยังจะกล้าอีก!”
แต่เขากลับต้องหยุดชะงัก เพราะตำรวจนายนี้ใช้กระบองเคาะไปที่ประตูอย่างแรง “ถ้าแกยังอยากอยู่ต่อล่ะก็ ฉันก็ยินดีปิดประตูบานนี้อีกครั้ง”
“เดี๋ยว! ผม ผมไปเดี๋ยวนี้แหละ”
ฉันจะจำตำรวจคนนี้เอาไว้!
ชายหนุ่มก้มหน้า แล้วรีบเดินลงบันไดหน้าสถานีตำรวจ เขารู้สึกว่าตัวเองโชคร้ายมาก ไม่เพียงแต่กระเป๋าเงิน บัตรประจำตัว โทรศัพท์และของอื่นๆ ที่หายไปเท่านั้น แถมยังต้องมาถูกจับขังคุกนานขนาดนี้อีก!
“เอดการ์ทำอะไรอยู่กันแน่! ฉันหายไปนานขนาดนี้ ยังไม่ออกตามหาอีก? เชอะ!”
เขาหาแท็กซี่ได้คันหนึ่ง พอขึ้นไปนั่ง ก็บอกที่อยู่หนึ่งไปอย่างไม่สบอารมณ์นัก
…
สำหรับเวร่าแล้ว ดูเหมือนว่าการชอบยุ่งเรื่องชาวบ้านจะถ่ายทอดมาทางพันธุกรรม เธอจำได้แม่นว่า ตอนเด็กๆ คนในครอบครัวพากันวิจารณ์ย่าของเธอว่า ยัยแก่ชอบยุ่งเรื่องชาวบ้าน สมควรตาย!
ครั้งนี้ ดูเหมือนเธอต้องชดใช้กรรมที่ไปสอดรู้สอดเห็นแล้วสินะ…นี่เป็นเรื่องแย่มากจริงๆ
ห้องวาดภาพที่ดูเหมือนเพิ่งตกแต่งไปได้ไม่นาน ตอนนี้มีสภาพราวกับถูกพายุไต้ฝุ่นถล่มไปอย่างนั้น เจ้าสองคนที่ร่างกายเหนือคนธรรมดาต่อสู้กันอยู่ที่นี่ และยังมีเธอที่ชอบยุ่งเรื่องชาวบ้านอยู่ตรงกลาง…เวร่าแอบคิดในใจว่า เจ้าของคฤหาสน์คงไม่เก็บค่าเสียหายจากเธอหรอกนะ
ปัง*!*
บ้าเอ๊ย!
เธอไขว้แขนทั้งสองไว้ข้างหน้าเพื่อสกัดกั้นหมัดของ ‘ยักษ์’ ตนนี้ไว้ เพียงแต่แรงปะทะมหาศาล ก็ทำให้เธอกระเด็นไปติดกำแพงทันที!
หากร่างกายไม่ได้รับเลือดสกปรกของครอบครัว และโครงสร้างร่างกายแตกต่างจากคนธรรมดามาก พอถูกหมัดนี้อัดเข้า กระดูกมือทั้งสองข้างก็คงหักทันทีแต่ตอนนี้ก็เหมือนว่าจะสูญเสียการรับรู้ไปแล้ว ด้วยเพราะชาไปตั้งแต่ข้อมือจนถึงหัวไหล่
ป้าบ! ตุบ!
ร่างของเธอกระแทกไปบนตู้ที่ตั้งอยู่ชิดผนังอย่างจังจนตู้พังยับเยิน ดูเหมือนว่าตู้นี้จะเป็นที่เก็บอุปกรณ์วาดภาพ
พู่กันที่หัก สีที่กระจุกอยู่ และขวดต่างๆ ร่วงกระจายลงบนพื้นทันที ความรู้สึกไม่กระปรี้กระเปร่าทำให้เวร่ารู้สึกเจ็บปวดอย่างยิ่ง
เธอมองเงาสะท้อนตัวเองบนกระจกที่แตกอยู่แวบหนึ่ง…เพราะใบหน้าในตอนนี้เปื้อนสีขาวข้น
บนจมูก ใบหน้าข้างซ้าย บนหน้าผากก็มี แม้กระทั่งตาขวา…ใช่แล้ว มุมปากก็ยัง…
“!!”
แต่ตอนนี้ไม่ใช่เวลาที่เธอจะไปคิดหยุมหยิมหรือจัดการสิ่งเหล่านี้ ลองคิดดูก่อนว่าควรจัดการ ‘ยักษ์’ ตนนี้ และ ‘หมาป่า’ ตัวนี้อย่างไรถึงเป็นเรื่องที่สำคัญกว่า
“ฉันไม่น่ายุ่งเรื่องชาวบ้านเลย” เวร่าลุกขึ้นยืนทันที เธอพูดกับตัวเองแบบไม่พอใจมาก…จากนั้น รูม่านตาของเธอก็เริ่มหดเล็กลงอย่างรวดเร็วด้วยการแปลงร่างอันน่าอัศจรรย์
รูปร่างตาดำของเธอแตกกระจายแล้วกลับมารวมตัวใหม่อีกครั้ง กลายเป็นดวงตารูปประหลาด โครงสร้างคล้ายรูปร่มที่งดงามโดดเด่น แม้กระทั่งแก้ม ก็ยังมีขนสีเงินเส้นเล็กๆ ผุดขึ้นมา
ใบหูของเธอยาวขึ้นเล็กน้อย และเส้นผมก็ยาวเกือบถึงเอว
“แกก็เป็นหมาป่าเหรอ!!” น้ำเสียงเทียนไป้แหบพร่า ราวกับเส้นเสียงถูกเผาไหม้จนถึงขั้นระเบิดความเกรี้ยวกราดออกมา
เขาไม่สามารถควบคุมการเปลี่ยนแปลงนี้ได้เลย เขาต้องสูญเสียหลายสิ่งเพื่อให้ได้ร่างกายที่แข็งแกร่งนี้มา แล้วจิตสังหารโหดเหี้ยมก็ได้ปะทุขึ้นมาจากจิตใจเขา
เขาต้องทำลายสิ่งมีชีวิตทั้งหมดตรงหน้า ถึงจะสะกดความเดือดดาลที่พลุ่งพล่านในร่างกายอย่างไม่ขาดสายได้
เวลานี้
ในชั่วพริบตาที่เกิดการเปลี่ยนแปลงขึ้นกับเวร่า เยียร์เกอร์ที่สูญสิ้นสติไปกลับหยุดชะงักทันที ดูเหมือนว่าเขาจะเผชิญหน้ากับศัตรูที่อันตรายกว่าเดิม ทั้งตัวเขาโก่งงอ สองมือสองเท้าเกาะพื้นไว้แน่น แยกเขี้ยวขู่ ราวกับศัตรูตัวฉกาจใกล้เข้ามา…หรือจะบอกว่า หวาดกลัวเป็นทุนเดิมอยู่แล้ว
“สิบวินาที” เวร่าเสียงเข้มขึ้นมาทันที วินาทีที่เธอหรี่ตาลง เธอก็ตรงดิ่งพุ่งชนเทียนไป้ตรงๆ ราวกับลูกกระสุนปืน
เทียนไป้คำรามเสียงดัง พอเขาจับทิศทางการเคลื่อนไหวของอีกฝ่ายไว้ได้แล้ว ก็แสดงเจตจำนงที่ชัดเจนออกมา นั่นก็คือการปล่อยหมัดทำลายล้าง!
หมัดนี้มีพลังทลายกำแพงได้จริงๆ!
แต่ว่าในตอนนี้เอง ดูเหมือนการกระทำทั้งหมดจะช้าลง! เวร่าไม่เพียงแต่ไม่ถอยหนี แต่รีบยื่นมือไปคว้าข้อมือหนาใหญ่ของเทียนไป้อย่างว่องไว แล้วบิดมันกลางอากาศ ก่อนกางขาทั้งสองข้างออกพร้อมกัน แล้วรัดบีบเข้าหากันแน่นทันที!
น่องซ้ายและต้นขาขวากลายเป็นคีมด้ามยาว รัดคอเทียนไป้ไว้!
เธอส่งเสียงคำรามเบาๆ แล้วก็ทุ่มเทียนไป้ลงบนพื้นอย่างแรง ส่วนหัวของเทียนไป้ก็กระแทกเข้ากับพื้นอย่างจัง!
ถึงแม้จะเป็นการโจมตีที่น่ากลัว และก็ไม่พอที่จะทำให้เทียนไป้หัวแตก แต่ก็พอทำให้มึนงงได้บ้าง!
แต่เวร่ายังไม่ยอมวางมือ เวลานี้เธอกระชับขาทั้งสองข้างของตัวเองให้แน่นขึ้น ขณะเดียวกันก็ใช้มือคว้าเทียนไป้ไว้ แล้วหักออกไปในทิศทางตรงข้ามอย่างแรง!
กร๊อบ*!*
ข้อต่อบิดเบี้ยวไปด้วยเหตุนี้!
เทียนไป้เริ่มรู้สึกหายใจลำบาก สภาพเขาตอนนี้ ถึงแม้ว่าความเจ็บปวดจะลดลงถึงระดับที่แทบจะไม่มีแล้ว แต่ก็ยังคงต้องการออกซิเจนมาเลี้ยงร่างกายไว้
คนธรรมดาไม่มีทางบีบคั้นเขามาถึงระดับนี้ได้…แต่เห็นได้ชัดว่าเวร่าไม่ใช่คนธรรมดา
ฆ่ารัดคอ!
เป็นกระบวนท่าที่ร้ายกาจของ BBJ!
เวลา…เก้าวินาที!
เวร่าคลายขาทั้งสองข้างแล้วลุกขึ้นจากพื้น ก่อนคำรามเสียงทุ้มต่ำเล็กน้อย แล้วยกขาขึ้นเตะเทียนไป้ให้พลิกตัวมา พอเห็นว่าเขาตาเหลือกไปแล้ว ถึงได้หันไปมองเยียร์เกอร์
เขายังคงใช้วิธีป้องกันตัวด้วยการโก่งตัวเกร็ง เวร่าเดินไปทางเยียร์เกอร์ทีละก้าว การกลายร่างอย่างประหลาดบนตัวเธอก็ชัดขึ้นเรื่อยๆ
เยียร์เกอร์ถอยหนีตามสัญชาตญาณ จนกระทั่งไม่อาจถอยหนีได้อีก ความโหดเหี้ยมที่ซ่อนอยู่ในร่างกาย ทำให้เขาคำรามออกมาในที่สุด ทันใดนั้นก็ลงมือกับเวร่า!
“คุณไม่รู้ด้วยซ้ำว่าพลังนี้ควรใช้ยังไง!” น้ำเสียงเวร่าแหลมกว่าเดิม
สองมือเธอประสานกัน หลบการปะทะของเยียร์เกอร์ได้สบายๆ เธอหมุนตัวไปข้างหลังเขา แล้วใช้กำปั้นกระแทกเข้ากับหลังของเยียร์เกอร์อย่างแรง ชกจนเขาลงไปกองกับพื้นเลยทีเดียว!
เวร่าสบถเสียงเย็นชา คุกเข่ากดลงไปบนหลังเยียร์เกอร์ จากนั้นก็ยื่นมือไปกดหัวเขาลงติดกับพื้น!
“วิคก้า! ออกมา! ออกมา!”
เวลานี้วิคก้าที่หลบอยู่ พร้อมๆ กับไล่ตามจนมาถึงที่นี่ ได้โผล่หน้าออกมาจากตรงหน้าต่างห้องวาดภาพ ตอนที่เขาเห็นเวร่าก็ตกใจจนหน้าถอดสีทันที เขาค้นกระเป๋าตัวเองอย่างลนลาน ในที่สุดก็หาขวดใบหนึ่งเจอ จึงรีบโยนออกไป!
เวร่ายื่นมือไปรับขวด กัดจุกขวดเปิดออก เทยาเม็ดเล็กจำนวนหนึ่งยัดเข้าไปในปากเยียร์เกอร์ แล้วก็ออกแรงอุดปากเขาไว้
เยียร์เกอร์ยังคงขัดขืนสุดชีวิต
“ฟังนะ ความโกรธไม่อาจเปลี่ยนเป็นพลังได้ แต่จะทำให้คุณตายซะเอง! ฉันไม่รู้ว่าเลือดในตัวคุณได้มายังไงกันแน่ แต่คุณต้องเรียนรู้ที่จะควบคุมสิ่งน่ารังเกียจในตัวคุณ! คุณเป็นมนุษย์! ไม่ใช่สัตว์ป่า!”
“ฮือ…อ๊า!! กรรจ์*!*”
พอเยียร์เกอร์ค่อยๆ แน่นิ่ง การกลายร่างอันน่าอัศจรรย์ก็เริ่มหายไปช้าๆ สุดท้ายก็หลับตาลง เวร่าจึงปล่อยให้เขาอยู่บนพื้นเพียงลำพัง
ทันใดนั้น ใบหน้าเธอก็เผยให้เห็นความเจ็บปวด ไม่นานริมฝีปากก็เริ่มขาวซีด เธอกรอกยาในมือที่เหลือเข้าไปอย่างรวดเร็ว
จากนั้นไม่นาน เธอก็กลับสู่สภาพเดิม แต่ดูเหมือนจะใช้พลังเกินขีดจำกัด เธอจึงล้มตัวลงบนพื้น
วิคก้าเห็นเหตุการณ์นี้แล้วก็รีบปีนข้ามหน้าต่างมา เขาเดินเข้ามาหาแล้วรีบพูดว่า “ระหว่างทางที่เพิ่งมาผมเห็นว่ามีคนตายไปมาก…ไม่เห็นคนรอดเลย! นี่…เกิดอะไรขึ้นกับหมอนี่น่ะ?”
สักพักแววตาของเขาก็หันไปมองเทียนไป้ เห็นเพียงร่างกายของเขาเริ่มแฟบลง ตรงข้ามกับร่างกายกำยำของเขาก่อนหน้านี้ ตอนนี้มันกลับไปสู่ขนาดปกติแล้ว
เพียงแต่ผิวพรรณของเขาเปลี่ยนเป็นสีเทาอย่างน่าประหลาด และยังมีของเหลวสีดำไหลออกมาจากปากของเขา…เกรงว่าจะเป็นเลือด?
“ฉันก็ไม่รู้ แต่ว่า…” เวร่าขมวดคิ้ว เธอพูดอย่างอ่อนแรงว่า “เหมือนฉันจะเจอพวกเดียวกันแล้ว”
“หา?”
“ประมาณสองปีก่อน มีพวกลึกลับเข้ามาที่บ้าน พ่อให้การต้อนรับพวกเขา ดูเหมือนกำลังคุยธุรกิจอะไรกันอยู่…” เวร่าส่ายหน้า “ผ่านไปไม่นาน ฉันก็บังเอิญพบว่า ในบ้านเริ่มจัดการศพจำนวนหนึ่งอย่างลับๆ ลักษณะ…”
เธอเงียบไปครู่หนึ่ง แล้วถึงพูดช้าๆ ว่า “ประมาณนั้น”
“นี่…” วิคก้าขมวดคิ้ว แล้วพูดสวนขึ้นมา “ยังไม่ต้องสนใจพวกนี้ ผมจะพาคุณออกไปจากที่นี่ก่อน…ถ้ายังมีพวกเดียวกันอยู่ ผมรับมือไม่ได้แน่ๆ”
เวร่าพยักหน้าเล็กน้อย เธอรู้จักจัดลำดับความสำคัญ “เดี๋ยวก่อน เอาหมอนี่ไปด้วย ฉันมีเรื่องจะถามเขาหน่อย”
เวร่าพูดพลางชี้ไปที่เยียร์เกอร์
“คุณผู้หญิง! คุณคิดว่าผมประคองคุณ แล้วยังจะมีแรงยกหมอนี่อีกเหรอ?” วิคก้าพูดด้วยสีหน้าขมขื่น “คุณช่วยเขามาขนาดนี้แล้ว ที่เหลือก็แล้วแต่โชคชะตาเขาเถอะ! ถ้าเขาเป็นคนของคฤหาสน์นี้ ยังไงก็ไม่ตายหรอก!”
“ก็ได้…” เวร่าทำได้แค่พยักหน้านิดหน่อย
…
“เพราะเป็นสายเลือดรุ่นเก่าแก่ที่ตกทอดมา ดังนั้นพลังถึงแข็งแกร่งกว่างั้นเหรอ?”
ในห้องวาดภาพที่ระเกะระกะ ได้ต้อนรับการมาของเจ้าของร้านลั่วและคุณสาวใช้ ลั่วชิวคุกเข่าลงบนพื้นเพื่อพลิกร่างเยียร์เกอร์ เขามองดูแล้วเอ่ยถามขึ้น
“ในเผ่าพันธุ์หมาป่า มีวิธีการแยกด้วย ‘รุ่น’ อยู่ด้วยค่ะ” โยวเย่พูดในสิ่งที่ตัวเองรู้ “ยกตัวอย่างเช่น แรกเริ่มเลยคือบรรพบุรุษ ซึ่งบรรพบุรุษที่แพร่เชื้อก็คือรุ่นที่หนึ่ง รุ่นที่หนึ่งแพร่เชื้อจนเป็นรุ่นที่สอง โดยธรรมชาติจะมีความรู้สึกกดดันระหว่างรุ่นก่อนและรุ่นหลัง อืม…เหมือนเผ่าโลหิต ลักษณะคล้ายๆ กันค่ะ”
ลั่วชิวเดินไปหน้าศพเทียนไป้อีก แล้วยื่นนิ้วไปปาดกองเลือดสีดำบนพื้นแล้วขยี้เบาๆ จากนั้นก็พูดขึ้นทันที “จริงสิ ครั้งก่อนเธอบอกว่า ของสิ่งนี้ประกอบด้วยเลือดของเผ่าโลหิตและไขกระดูกสมองหมาป่าใช่ไหม?”
“ใช่ค่ะ”
ลั่วชิวพยักหน้าเล็กน้อย คิดโยงไปถึงคำพูดบางอย่างเมื่อครู่นี้ของเวร่า ดูเหมือนจะตั้งเป็นสมมติฐานอย่างหนึ่งได้
เขาหัวเราะ แล้วลุกขึ้นยืน “ถึงตาพวกเราเคลียร์สถานที่แล้ว พวกเราควรขอบคุณคุณเวร่าสักหน่อย เพราะเธอช่วยพวกเราลดงานไปได้เยอะ”
นี่เป็นครั้งแรกที่ลั่วชิวเห็นศพมากขนาดนี้…หรือพูดได้ว่า ยืนอยู่ในที่ที่มีคนตายมากมาย
หากเป็นเมื่อก่อน แม้เขาจะไม่ตกใจทันที แต่ก็ดูผวาอยู่บ้าง
แต่ตอนนี้…สิ่งเหล่านี้กลับดูตื่นเต้นราวกับอุปกรณ์ประกอบฉาก ความหวาดหวั่นในใจจึงไม่ก่อตัวมากสักเท่าไร
เจ้าของร้านลั่วอดเยาะเย้ยตัวเองไม่ได้ ‘ดูท่าเขาจะผ่านขั้นตอนทำตัวให้ชินกับเรื่องแบบนี้ไปแล้ว’
“ค่ะ” โยวเย่หัวเราะเล็กน้อย
แต่ก่อนการเคลียร์สถานที่ คุณสาวใช้ก็ยื่นผ้าเช็ดหน้าออกไปเช็ดเลือดสีดำบนนิ้วมือเจ้าของร้านลั่วจนสะอาด
…
เวลานี้ รถแท็กซี่คันหนึ่งก็ค่อยๆ ขับมาถึงหน้าประตูคฤหาสน์
ชายหนุ่มปิดประตูรถด้วยสีหน้าไม่สบอารมณ์ เขาหันไปทางคนขับรถแล้วพูดว่า “คุณรออยู่ตรงนี้ เดี๋ยวจะมีคนเอาเงินมาจ่ายคุณเอง!”