ตอนที่ 470 ทำไมไม่บอกฉัน / ตอนที่ 471 ไอ้บ้าจิ้นหยวน

เสน่ห์รักร้ายคุณบอสเพลย์บอย

ตอนที่ 470 ทำไมไม่บอกฉัน

 

 

           หลังเฉียวซือมู่ส่งแม่ยายกลับไปแล้ว เธอก็กลับมานั่งเหม่อลอย จิ้นหยวนได้รับบาดเจ็บตั้งแต่เมื่อไหร่? ทำไมเขาไม่เคยพูดถึงเรื่องนี้มาก่อน? แล้วทำไมเธอถึงไม่รู้สึกตัวเลยแม้แต่นิดเดียว?

 

 

           เธอครุ่นคิดไปมา รู้สึกแปลกๆ อย่างบอกไม่ถูก จึงตัดสินใจโทรศัพท์หาเขา

 

 

           เธอเพิ่งจะหยิบโทรศัพท์มือถือขึ้นมาก็เห็นจิ้นหยวนโทรศัพท์หาเธอพอดี

 

 

           เธอกดรับสาย น้ำเสียงไม่ค่อยสู้ดีนัก “ฮัลโหล?”

 

 

           จิ้นหยวนฟังออกทันที “แม่ผมทำอะไรคุณอีกหรือเปล่า?”

 

 

           เขารู้ว่าแม่ตนไปเยี่ยมเธอที่บ้าน จึงโทรศัพท์มาถามไถ่ด้วยความเป็นห่วง

 

 

           เฉียวซือมู่ส่ายศีรษะ “เปล่าค่ะ”

 

 

           “ทำไมผมถึงรู้สึกว่าอารมณ์คุณไม่ดีเลยล่ะ?”

 

 

           “คุณได้รับบาดเจ็บตั้งแต่เมื่อไหร่คะ? แล้วทำไมถึงไม่บอกฉันสักคำ?” เธอเอ่ยถาม

 

 

           “บาดเจ็บ?” เขาชะงักเล็กน้อย “คุณแม่บอกคุณเหรอ? แค่แผลเล็กๆ จากอุบัติเหตุน่ะ ผมไม่อยากให้คุณเป็นห่วงก็เลยไม่ได้บอก ทำไมเหรอ?”

 

 

           น้ำเสียงเขาฟังดูปกติดี แต่เธอนึกถึงน้ำเสียงไม่พอใจของฉินเพ่ยหรงเมื่อครู่นี้แล้วรู้สึกแย่นิดๆ “ฉันคิดว่าคุณควรจะบอกฉัน ฉันจะได้ไม่งงเวลาถูกถามกะทันหันแบบนั้น ตอนคุณแม่กลับ ดูเหมือนท่านจะไม่พอใจมาก”

 

 

           “ทำไมต้องไม่พอใจด้วย?” จิ้นหยวนไม่ค่อยเข้าใจนัก

 

 

           แม้เขาจะฉลาดมาก และทำรายได้มหาศาลตั้งแต่อายุยังน้อย แต่เขาไม่เคยเข้าใจความคิดของผู้หญิงเลย โดยเฉพาะความคิดที่เป็นปฏิปักษ์ต่อกันระหว่างแม่สามีกับลูกสะใภ้

 

 

           เธอถอนหายใจเบาๆ “น่าจะโกรธที่ฉันดูแลคุณได้ไม่ดีน่ะค่ะ”

 

 

           จิ้นหยวนได้ยินน้ำเสียงไม่ค่อยพอใจนักของเธอแล้วรีบเอ่ยปลอบทันที “เรื่องนี้เป็นความผิดของผมเอง เดี๋ยวผมโทรศัพท์ไปอธิบายกับคุณแม่เอง คุณไม่ต้องกังวลนะ”

 

 

           ต่อให้คุณอธิบายไปท่านก็คงคิดว่าคุณกำลังช่วยแก้ตัวให้ฉันอยู่ดี ท่านไม่เชื่อคุณหรอก เธอแอบคิดในใจเงียบๆ แต่ยังคงเอ่ยตอบเขาอย่างว่าง่าย “ค่ะ”

 

 

           จิ้นหยวนวางโทรศัพท์มือถือลง คิดๆ แล้วก็โทรศัพท์กลับไปที่บ้านตระกูลจิ้น เพียงครู่เดียวก็มีคนมารับสาย “ฮัลโหล อาหยวนเหรอ?”

 

 

           เขาได้ยินเสียงแล้วเอ่ยถาม “คุณพ่อ คุณแม่ล่ะครับ?”

 

 

           จิ้นเฮ่าเอ่ยตอบช้าๆ “แม่แกน่ะเหรอ เพิ่งออกไปแน่ะ ตอนนี้ไม่อยู่ที่นี่”

 

 

           จิ้นหยวนมุ่นหัวคิ้วเล็กน้อย “โอเคครับ งั้นเดี๋ยวผมค่อยโทรมาใหม่ก็แล้วกัน”

 

 

           ปกติฉินเพ่ยหรงไม่ชอบพกโทรศัพท์มือถือติดตัว

 

 

           จิ้นเฮ่าเอ่ยถาม “แกมีอะไรหรือเปล่า ให้ฉันบอกให้ไหม?”

 

 

           เทียบกับฉินเพ่ยหรงที่ทิฐิสูงแล้ว จิ้นเฮ่ากลับมีเมตตากับเฉียวซือมู่มากกว่า ทำให้ความตึงเครียดระหว่างจิ้นเฮ่ากับจิ้นหยวนผ่อนคลายลงมาก

 

 

           เขาครุ่นคิดเล็กน้อยจึงเอ่ยตอบ “เรื่องมันเป็นอย่างนี้ครับ…” เขาเล่าเรื่องที่เกิดขึ้นตั้งแต่ต้นจนจบให้คุณพ่อฟังอีกครั้ง จากนั้นเอ่ยกับคุณพ่อ “ที่เธอไม่รู้เรื่องนี้ด้วยเพราะเธอกำลังท้องอยู่ ผมก็เลยไม่ได้บอกเธอเพราะกลัวเธอเป็นห่วง คุณแม่อาจจะกำลังเข้าใจผิด คุณพ่อช่วยอธิบายให้คุณแม่ฟังแทนผมหน่อยนะครับ”

 

 

           จิ้นเฮ่าฟังแล้วพยักหน้าน้อยๆ “ได้”

 

 

           จิ้นหยวนวางโทรศัพท์มือถือลงแล้วถอนหายใจโล่งอก คราวนี้คุณแม่คงไม่เข้าใจผิดอีกนะ

 

 

           และความจริงเป็นสิ่งยืนยันว่าเขาวางใจเร็วเกินไป

 

 

           จิ้นเฮ่าวางโทรศัพท์ลง หันไปมองภรรยาที่นั่งอยู่ไม่ไกลด้วยท่าทางเหมือนไม่ใส่ใจ แต่กลับหูผึ่งคอยเงี่ยหูฟังอย่างตั้งใจตลอดเวลา “อาหยวนโทรมาอธิบาย บอกว่าเขาตั้งใจปิดเรื่องนี้ไม่ให้เธอรู้ เพราะกลัวจะกระทบกระเทือนลูกในท้อง เพราะฉะนั้น คุณเลิกเข้าใจผิดเรื่องนี้ได้แล้ว”

 

 

           เธอกลับไม่ยอมเข้าใจง่ายๆ เสียอย่างนั้น ยิ้มเยาะพลางเอ่ย “เรื่องปิดบังน่ะพอเข้าใจได้ แต่เรื่องบาดแผลล่ะ? ฉันเห็นรูปถ่ายแล้ว แผลนั่นอย่างน้อยก็ยาวตั้งสิบเซนติเมตร แผลที่แขนเห็นได้ชัดเจนขนาดนั้น ทำไมถึงยังไม่รู้เรื่องอีก ฮึ ฉันยังคงยืนยันคำเดิม เธอทำตัวไม่เหมาะที่จะเป็นภรรยาของอาหยวน ฉันไม่ชอบผู้หญิงคนนั้น!”

 

 

 

 

ตอนที่ 471 ไอ้บ้าจิ้นหยวน

 

 

           จิ้นเฮ่าได้แต่ปลงอนิจจังกับท่าทางหัวรั้นทิฐิสูงของภรรยา “โอเคๆๆ คุณคิดว่าเธอไม่ดี ต่อไปก็ไม่ต้องติดต่อกันอีก ถือซะว่าครอบครัวเราไม่มีคนคนนี้ก็แล้วกัน”

 

 

           ไม่ต้องเจอหน้ากันจะได้สิ้นเรื่อง

 

 

           ใครจะไปคิดว่าเธอจะไม่ยอม “ได้ยังไงกัน? เด็กในท้องของเธอเป็นหลานของฉันนะ ฉันไม่สนใจเธอน่ะได้ แต่หลานของฉัน ฉันไม่สนใจไม่ได้!

 

 

           เธอพูดเสียงดังฟังชัดอย่างเอาแต่ใจจนจิ้นเฮ่าจนปัญญา

 

 

           จิ้นหยวนกลับถึงบ้านแล้วเห็นเฉียวซือมู่ยังอารมณ์ไม่ดีเหมือนเดิม เขาจึงพาเธอออกไปทานข้าวนอกบ้าน จากนั้นพาเธอไปเดินช้อปปิ้ง เหนื่อยแทบแย่กว่าจะง้อเธอสำเร็จ

 

 

           เฉียวซือมู่คิดๆ แล้วเห็นว่าเป็นเรื่องเล็กนิดเดียว จึงไม่เอาเรื่องนี้มาใส่ใจอีก

 

 

           คืนนั้นเธอนอนหลับอย่างสบายใจ กระทั่งเช้าวันรุ่งขึ้นตอนที่ฉินเพ่ยหรงมาถึงที่บ้านเธอจึงยังไม่ตื่น

 

 

           ฉินเพ่ยหรงเดิยเข้าไปในบ้าน ได้รับรายงานจากพ่อบ้านว่าเฉียวซือมู่ยังไม่ตื่น เธอมุ่นหัวคิ้วเล็กน้อย แม้จะไม่พอใจ แต่เธอก็ไม่ได้พูดอะไร ถึงตอนนี้จะสายมากแล้ว แต่เฉียวซือมู่เป็นคนท้อง โลกนั้นกว้างใหญ่ แต่คนท้องใหญ่สุด ดังนั้น เธอจึงไม่ได้ว่าอะไร คิดถึงจุดประสงค์ที่ตนมาที่นี่แล้วมุ่งหน้าเข้าครัวทันใด

 

 

           เฉียวซือมู่ตื่นนอนเมื่อใกล้เที่ยงแล้ว และสายเรียกเข้าจากจิ้นหยวนดังไม่หยุดจนปลุกเธอให้ตื่นต่างหาก

 

 

           เธองัวเงียคว้าโทรศัพท์มือถือขึ้นแนบหู “ฮัลโหล?”

 

 

           เสียงหัวเราะของเขาดังลอดมาตามสาย “ยังไม่ตื่นอีกเหรอ?”

 

 

           “อืม” เธอพลิกตัวอยู่บนเตียง ตายังลืมไม่ขึ้น

 

 

           เขาหัวเราะเบาๆ ถึงจะไม่ได้เห็นเองกับตา แต่เขาก็จินตนาการออกว่าตอนนี้เธอต้องหน้าแดงอยู่แน่ “คนดี ตื่นนอนได้แล้ว ได้เวลาอาหารเที่ยงแล้วนะ”

 

 

           เธอไม่จำเป็นต้องดูนาฬิกา แค่ดูท้องฟ้านอกหน้าต่างก็รู้แล้วว่าสายมากแล้ว เธอค่อยๆ พยุงตัวลุกขึ้นนั่ง “ไอ้บ้าจิ้นหยวน ฉันไม่คุยกับคุณแล้ว!”

 

 

           เธอพูดอย่างโกรธๆ แล้วกดตัดสายทันที

 

 

           จิ้นหยวนงงเป็นไก่ตาแตก อยู่ดีๆ โมโหเรื่องอะไรเนี่ย? เขายังไม่ได้พูดเรื่องที่อยากจะพูดเลยนะ

 

 

           เฉียวซือมู่โยนโทรศัพท์มือลงบนเตียงอย่างอารมณ์เสีย จัดการธุระส่วนตัวเสร็จเรียบร้อยแล้วจึงออกจากห้อง พอลงไปถึงชั้นล่างพลันรู้สึกแปลกๆ ทันที

 

 

           ปกติเวลานี้เป็นเวลาเตรียมอาหารเที่ยงของทางห้องครัว เธอชินกับกลิ่นอาหารฝีมือแม่ครัวที่นี่แล้ว แต่กลิ่นหอมที่ลอยโชยมากลับไม่ใช่กลิ่นที่เธอคุ้นเคย ดูเหมือนจะเป็น…

 

 

           เธอชักสังหรณ์ใจไม่ดีจึงรีบเดินไปดูที่ครัว กลับเห็นร่างที่ทั้งคุ้นเคยทั้งแปลกหน้าของใครคนหนึ่งจนเธอตกตะลึงนิ่งอึ้ง