บทที่ 535: ประสบการณ์เฉียดตาย

Dual Cultivation ร่วมเรียงเคียงเซียน

Dual Cultivation บทที่ 535: ประสบการณ์เฉียดตาย

 

“เสร็จแล้ว” ซูหยางกล่าวขณะที่เขายืนขึ้นอย่างสบายๆหลังจากที่สร้างค่ายกลชั้นเยี่ยมเสร็จ

 

อย่างไรก็ตามเหล่าศิษย์ที่นั่นต่างพากันยืนนิ่งด้วยสีหน้างงงันราวกับว่าพวกเขาเห็นอะไรที่ไม่น่าเชื่อ

 

“จ-เจ้าเพิ่งทำบ้าอะไรลงไป ซูหยาง” ไป่ลี่ฮัวอุทานออกมาหลังจากที่ผ่านไปชั่วขณะ เสียงของเธอเต็มไปด้วยความตกใจ “ค่ายกลประเภทไหนกันที่เจ้าสร้างขึ้น ข้าได้อยู่ดูตอนที่นักสร้างค่ายกลสร้างค่ายกลให้กับสำนักหงส์สวรรค์ แต่มันมิได้ดูเหมือนนี่แม้แต่น้อย ยิ่งไปกว่านั้นพลังวิญญาณจำนวนมหาศาลเมื่อกี้นั้นคืออะไรกัน ข้ารู้สึกเหมือนกับว่าเป็นพลังวิญญาณของผู้ฝึกยุทธ”

 

“แน่นอนว่ามันต้องต่างไปจากค่ายกลพื้นๆของเจ้าอยู่แล้ว ไม่ว่าอย่างไรก็ตามมันเป็นค่ายกลชั้นเยี่ยมที่ประกอบด้วยค่ายกลธรรมดาที่ต่างกันสามแบบ” เขาตอบอย่างใจเย็น “สำหรับพลังวิญญาณที่เจ้ารู้สึกนั้น ข้าได้ขอความช่วยเหลือจากเพื่อนสนิท”

 

“ค่ายกลชั้นเยี่ยมรึ…” ไป่ลี่ฮัยงงงัน ในเมื่อคำนี้เธอไม่เคยได้ยินมาก่อนจนกระทั่งวันนี้

 

“ก็เหมือนวิชาฝีมือ มีระดับของค่ายกลหลายระดับ และที่ง่ายและมีความซับซ้อนน้อยที่สุดก็คือค่ายกลพื้นฐานทั่วไป ที่มีความซับซ้อนและยากขึ้นมาอีกหน่อยก็คือค่ายกลชั้นเยี่ยม ซึ่งต้องการรวมค่ายกลพื้นฐานต่างชนิดกันสามค่ายกลเข้าด้วยกัน หลังจากนั้นพวกเราก็จะมีค่ายกลเทพซึ่งต้องการค่ายกลชั้นเยี่ยมสามชนิดขึ้นไป” ซูหยางอธิบายให้กับเธอ

 

ถึงแม้ว่ามันจะมีค่ายกลที่ซับซ้อนกว่าค่ายกลเทพ มันก็ไม่มีความหมายที่จะยกมาพูดให้เธอฟัง ในเมื่อค่ายกลชั้นเยี่ยมก็เหนือกว่าความรู้ของโลกนี้ไปไกลมากเรียบร้อยแล้ว

 

“ต้องการทดสอบความสามารถของมันหรือไม่” ซูหยางพลันถามเธอ ซึ่งจ้องมองเขาด้วยดวงตาเบิกกว้าง

 

“พวกเราจักต้องทำอย่างไรในเรื่องนี้” เธอถาม

 

“โจมตีข้าราวกับว่าเจ้ากำลังจะพยายามฆ่าข้าจริงๆ” เขากล่าวอย่างสบายๆ

 

“เจ้าต้องการให้ข้าโจมตีเจ้าด้วยเจตนาที่จะฆ่าจริงๆงั้นรึ เจ้ามั่นใจรึ”

 

“อะไรกัน เจ้ากลัวรึ” ซูหยางกล่าวกับเธอด้วยเสียงยั่วยุ

 

“ในเมื่อเจ้าพูดเช่นนั้น”

 

ไป่ลี่ฮัวพลันนำเอากระบี่สีขาวสวยงามจากแหวนมิติของเธอออกมาและพุ่งเข้าหาเข้าเขาด้วยจิตสังหาร

 

อย่างไรก็ตามก่อนที่เธอจะไปถึงตัวเขา กระบี่สีทองที่หายไปนั้นพลันปรากฏขึ้นอีกครั้ง และมีกระบี่สีทองมากกว่าร้อยเล่มพุ่งเข้าหาไป่ลี่ฮัว เกิดเป็นเส้นสีทองจำนวนมากบนท้องฟ้าขณะที่พวกมันกำลังพุ่งทะยาน

 

“?!?!?!”

 

ชีวิตของไป่ลี่ฮัวเหมือนขึ้นอยู่กับประกายแสงที่อยู่ตรงหน้าเธอ ในเมื่อเธอไม่สามารถแม้กระทั่งมีปฏิกิริยาตอบโต้ต่อพวกมัน อย่าว่าแต่จะป้องกันตัวจากพวกมัน

 

บึม บึม บึม

 

ทันใดนั้นเองกระบี่สีทองก็ระเบิดออกพร้อมกันในขณะที่พวกมันกำลังอยู่ห่างเพียงแค่เส้นผมจากการปลิดชีวิตเธอ

 

“…”

 

ไป่ลี่ฮัวล้มคุกเข่าลงหลังจากนั้น ร่างกายของเธอชุ่มไปด้วยเหงื่อเย็นเยียบ นี่เป็นความตายที่เข้ามาใกล้ที่สุดที่เธอเคยรับรู้มา และมันก็เป็นความรู้สึกกลัวที่ไม่สามารถอธิบายได้โดยใช้เพียงแค่คำพูด ถ้ากระบี่พวกนั้นไม่ระเบิด ชีวิตของเธอย่อมต้องถูกปลิดปลงไปอย่างแน่นอน

 

“จ-เจ้ากำลังพยายามจะฆ่าข้ารึ เจ้าบ้า” ไป่ลี่ฮัวตะโกนใส่เขาด้วยเสียงโกรธหลังจากที่เธอหายใจได้ทันหลังจากนั้นชั่วขณะ

 

“แน่นอนว่าไม่ ข้าเพียงต้องการที่จะแสดงให้เจ้าเห็นถึงความสามารถของค่ายกลชั้นเยี่ยม ดังนั้นมันเป็นอย่างไรบ้าง”

 

“มันเป็นอย่างไร… บ้ารึเปล่า เจ้ามิจำเป็นต้องทำให้ข้าอับอายต่อหน้าคนรุ่นหลังมากมายเพราะมัน” เธอร้องลั่น

 

ซูหยางยิ้มขื่นขมและกล่าวว่า “แต่นั่นยังไม่ถึง 1% ของพลังเต็มที่ของค่ายกลชั้นเยี่ยมเลยนะ ข้ามิได้มีเจตนาที่จะทำให้เจ้าอับอายจริงๆ”

 

“นั่นยังมิถึง 1% เลยรึ” ไป่ลี่ฮัวอ้าปากค้างหลังจากที่ได้ยินเช่นนี้

 

ในตอนนี้เธอจึงตระหนักว่าในบรรดากระบี่นับหมื่นแสนเล่มในค่ายกลชั้นเยี่ยมนั้น มีเพียงกระบี่ร้อยเล่มเท่านั้นที่โจมตีเธอ ดังนั้นซูหยางจึงไม่ได้โอ้อวดแต่อย่างใดที่ว่าใช้เพียงไม่ถึง 1% ของความสามารถที่แท้จริงของค่ายกลชั้นเยี่ยม

 

“เอาอย่างนี้ดีไหม เพื่อเป็นการขอโทษที่ทำให้เจ้าไม่พอใจ ข้าจักช่วยสำนักหงส์สวรรค์ปรับปรุงค่ายกล” เขากล่าวขึ้น

 

“เอ๋ จริงรึ” ไป่ลี่ฮัวตาเป็นประกายด้วยความดีใจหลังจากที่ได้ยินคำพูดของเขา และความโกรธของเธอก็หายไปอย่างรวดเร็วราวกับหมอกควัน

 

เขาพยักหน้า “ข้ามิโกหกเจ้าต่อหน้าคนจำนวนมากอย่างแน่นอน”

 

“ดี ถ้าเจ้าต้องการที่จะให้ข้ายกโทษให้ เช่นนั้นเจ้าก็ต้องทำตามที่เจ้าสัญญาไว้ หรือไม่ข้าก็จักมิยกโทษให้”

 

เวลาหลังจากนั้นครั้นเมื่อความตื่นตระหนกซาลง โหลวหลานจีก็ถามเขาว่า “ซูหยาง เจ้าสามารถอธิบายให้ข้าฟังถึงการทำงานของค่ายกลชั้นเยี่ยมนี้ได้หรือไม่”

 

“มันเป็นสิ่งที่ค่อนข้างธรรมดามากจริงๆ ทันทีที่ใครสักคนที่มิใช่ศิษย์ของนิกายโจมตีศิษย์ของพวกเราภายในนิกาย ค่ายกลชั้นเยี่ยมนี้ก็จะตื่นขึ้นโดยอัตโนมัติและลบล้างผู้ที่เข้ามาโจมตีดังที่มันได้แสดงให้เห็นกับเจ้าสำนักไป่ อย่างไรก็ตามเจ้าสามารถกระตุ้นมันได้เองเช่นกันถ้าต้องการ”

 

“มันมีทั้งสิ้นจำนวน 1,111,111 เล่มกระบี่ทองในค่ายกลชั้นเยี่ยมนี้ และกระบี่ทองแต่ละนั้นจะมีพลังเท่ากับระดับสูงสุดของสมบัติวิญญาณระดับสวรรค์ ซึ่งก็จะมีบางเล่มที่เหนือกว่านั้น ถ้านั่นยังมิเพียงพอ ค่ายกลชั้นเยี่ยมเองก็ยังมีกลไกการป้องกันตัวที่สามารถป้องกันการโจมตีทุกอย่างจากภายนอกนิกาย แม้ว่าจะเป็นจอมยุทธเขตอัมพรวิญญาณนับพันคนโจมตีค่ายกลชั้นเยี่ยมในเวลาเดียวกัน พวกเขาก็จักมิสามารถแม้จะทำให้มันระคายได้”

 

“และก็ยังมีกลไกการตรวจจับอยู่เช่นกัน ที่ครั้นเมื่อมันตรวจจับพบผู้บุกรุกที่มิใช่ทั้งศิษย์หรือว่าแขกของนิกาย มันก็จะเตือนผู้อาวุโสนิกายทุกคนในทันที”

 

โหลวหลานจีและคนอื่นๆต่างพากันฟังคำอธิบายของเขาด้วยใบหน้างงงัน ดูเหมือนว่าจะไม่อยากเชื่อ

 

“ไม่น่าเชื่อ…เมื่อมาคิดว่าจะมีค่ายกลที่ซับซ้อนและลึกล้ำปานนั้นปรากฏขึ้นในโลกนี้ เพียงแต่ว่าเจ้าเรียนรู้เรื่องนี้มาจากไหนกัน” ผู้อาวุโสซุนถามเขา ดวงตาของเขาเต็มไปด้วยความสนใจและสงสัย

 

ซูหยางเพียงแค่โบกมือและกล่าวว่า “ถ้าท่านอ่านหนังสือมากพอ ท่านก็จักเรียนรู้ได้ทุกสิ่งทุกอย่างในโลกนี้”

 

“เอาล่ะ ค่ายกลชั้นเยี่ยมก็ได้สำเร็จแล้วในตอนนี้ ซึ่งก็จะทำให้นิกายกุสุมาลย์พ้นพิสัยกลายเป็นที่ปลอดภัยที่สุดในโลกนี้ในเวลานี้ และตราบเท่าที่พวกเราอยู่ภายในนิกาย พวกเราก็มิต้องกังวลถึงอันตรายใดๆที่จักเกิดขึ้นได้ ถึงแม้ว่าทั้งโลกนี้จะโจมตีพวกเราในคราวเดียวกัน ก็จักมิมีแม้แต่ขนสักเส้นบนร่างของเจ้าที่จักได้รับอันตรายตราบเท่าที่พวกเจ้าอยู่ภายในค่ายกลชั้นเยี่ยมนี้” ซูหยางกล่าวกับพวกเขา