“น้องสาว พี่เหลยหั่วยอมให้เธอมากินข้าวถือว่าให้เกียรติเธอนะ ท่าทีของเธอนั่นมันอะไรกัน!”
เมื่อเห็นเสว่เอ๋อร์กระแทกลังเบียร์ลงบนโต๊ะ คนผมทองคนหนึ่งโกรธจนตบโต๊ะลุกขึ้นในบัดดล สีหน้าโหดเหี้ยมน่ากลัวชนิดที่อธิบายเป็นคำพูดไม่ได้
ไม่ว่ายังไงเสว่เอ๋อร์ก็เป็นเพียงเด็กผู้หญิงอายุ 17-18 เธอตกใจจนร่างบางหดเข้าหากัน ซึ่งเห็นได้ชัดว่ากลัว
“เจ้าผมทอง แกจะดุขนาดนั้นทำไมวะ ไม่เห็นเหรอว่าเสว่เอ๋อร์กลัว”
เหลยหั่วเห็นท่าก็แกล้งดึงหน้า สีหน้าที่มองเสว่เอ๋อร์เต็มไปด้วยกิเลสตัณหา
“ครับๆๆ พี่เหลยหั่วสั่งสอนได้ถูกแล้วครับ”
ความโอหังบนใบหน้าผมทองหายไปในบัดดล รอยยิ้มพะเน้าพะนอเข้าแทนที่
“เอาล่ะๆ รีบนั่งลงเถอะ!”
เหลยหั่วพยักหน้าอย่างพอใจ โบกมือให้ผมทองนั่งลง ก่อนจะเบนสายตาไปที่เสว่เอ๋อร์ “เสว่เอ๋อร์จ๋า! เหนื่อยมั้ย นั่งดื่มเป็นเพื่อนพี่เหลยหั่วสักสองสามแก้วสิ”
“ฉันดื่มไม่เป็นค่ะ!”
แม้ว่าเสว่เอ๋อร์จะกลัว แต่จะไม่รู้ได้ยังไงว่าเหลยหั่วหวังอะไร แล้วจะตกลงได้ยังไง
“ไม่เป็นไร! เธอดื่มไม่เป็น พวกเราสอนเธอได้!”
“ถึงแม้ตอนแรกจะอึดอัดเล็กน้อย แต่เดี๋ยวเธอก็จะหฤหรรษ์เอง!”
เหลยหั่วพูดสองแง่สองง่ามและหัวเราะชั่วร้าย เขาเอื้อมมือที่อยู่ไม่สุขจะไปจับเสว่เอ๋อร์
แต่เสว่เอ๋อร์จะยอมให้เหลยหั่วจับได้ยังไง เธอรีบถอยหลังสองสามก้าวเพื่อหลบ
“นี่! น้องสาว ทำแบบนี้ไม่ไว้หน้าพี่เหลยหั่วเลยนะ!”
“พี่เหลยหั่วบอกให้เธอนั่งเพราะให้เกียรติเธอ ยังไม่รีบนั่งลงอีก?”
“น้องสาว พี่เหลยหั่วชอบเธอเป็นบุญของเธอแล้ว เป็นพี่สะใภ้ของเรารับรองว่าเธอจะมีความสุขมากเลยล่ะ!”
บรรดานักเลงที่ทำงานให้เหลยหั่วพากันส่งเสียงยุยง
เหลยหั่วหัวเราะเบาๆอย่างได้ใจ สายตาที่มองเสว่เอ๋อร์อยากได้สุดๆ เขาปลอบโยน “เสว่เอ๋อร์ไม่ต้องกลัวนะ ถึงพี่น้องของฉันพวกนี้จะพูดจาไม่น่าฟังเท่าไหร่ แต่พวกเขาไม่ได้คิดร้ายอะไรหรอก”
“พี่เหลยหั่ว ลูกสาวผมดื่มไม่เป็นจริงๆ พรุ่งนี้ต้องไปเรียนด้วย เอาอย่างนี้มั้ยครับ เดี๋ยวผมดื่มเป็นเพื่อนเอง”
เจ้าของร้านปิ้งย่างเห็นท่าจะทนไหวอยู่ได้ยังไง เขารีบเข้ามายิ้มเอาอกเอาใจ
“แกไสหัวไปไกลๆเลย ไอ้แก่เอ๊ย ดื่มกับแกจะไปสนุกอะไรวะ”
เหลยหั่วลุกขึ้นพรวด และออกแรงผลักเจ้าของร้านปิ้งย่างอย่างป่าเถื่อน
ด้วยความไม่ทันตั้งตัว เจ้าของร้านปิ้งย่างล้มก้นจ้ำเบ้ากับพื้นอย่างแรง สีหน้าเต็มไปด้วยความเจ็บปวด
“เสว่เอ๋อร์ อย่าหาว่าพี่เหลยหั่วไม่เตือนนะ วันนี้เธอดื่มเป็นเพื่อนฉันจะดีกว่า ไม่อย่างนั้นหลังจากนี้พวกแกคงจะตั้งร้านที่นี่ต่อไปไม่ได้แล้ว!”
แต่เหลยหั่วไม่แม้แต่จะชายตามองเจ้าของร้านปิ้งย่างด้วยซ้ำ เขาจ้องเขม็งไปที่เสว่เอ๋อร์ ยิ้มกริ่มและเอื้อนเอ่ยคำพูดข่มขู่ออกมา
“พ่อคะ ไม่เป็นไรใช่มั้ยคะ?”
เสว่เอ๋อร์ไม่คิดจะต่อปากต่อคำกับเหลยหั่ว เธอเห็นคุณพ่อล้ม ก็รีบวิ่งเข้าไปพยุง
“พ่อไม่เป็นไรลูก”
เจ้าของร้านปิ้งย่างกระเสือกกระสนลุกขึ้นจากพื้น และพูดด้วยสีหน้าร้อนใจ “เจ้าพวกนี้คิดไม่ดี ลูกรีบหนีไป! พ่อกับแม่แกจะขวางพวกเขาไว้เอง”
“พูดดีๆไม่ฟัง จะให้ใช้ไม้แข็งใช่มั้ย! ยังคิดจะหนีอีก แกถามฉันก่อนมั้ยวะ”
เหลยหั่วจะยอมให้เสว่เอ๋อร์ไปได้ยังไง เขาลุกพรวดขึ้นและเอื้อมมือไปจับเสว่เอ๋อร์
“นาย นายจะทำอะไร? ฉันจะแจ้งความแล้วนะ”
เสว่เอ๋อร์ตกใจ รีบถอยหลังไปอีกสองก้าว
“แจ้งความ? เธอก็ลองดูสิ!”
“อย่างมากฉันแค่โดนจับขังไม่กี่วัน ถึงตอนนั้นดูซิว่าใครซวยกว่ากัน!”
แต่เหลยหั่วไม่ยอมโดนขู่ เขาก้าวไปข้างหน้าโดยไม่ลังเล แสยะยิ้มพร้อมยื่นมือไปทางหน้าอกของเสว่เอ๋อร์
เพียะ!
นาทีที่มือใหญ่ของเหลยหั่วกำลังจะโดนตัวเสว่เอ๋อร์ มืออีกข้างก็ยื่นมาจากด้านข้างฉับพลัน ฟาดไปบนมือของเหลยหั่วอย่างแรง มือของเขาแดงแปร๊ดเป็นแถบทันที
คนที่กล้าออกตัวในเวลาแบบนี้นอกจากเย่เทียนแล้วจะมีใครอีก?!
ตอนที่นักเลงพวกนี้ชนน่องไก่เขากระเด็น เย่เทียนก็ไม่พอใจมากแล้ว บัดนี้เจ้าพวกรนหาที่ตายพวกนี้ยังใจกล้าหน้าด้านลวนลามผู้หญิงกลางวันแสกๆ จะให้เขาทนได้ยังไง?
และเพราะเหตุนี้ พอเห็นเหลยหั่วจะไปจับเสว่เอ๋อร์ด้วยความหื่น เย่เทียนออกตัวอย่างยอมไม่ได้ และฟาดหลังมือของเหลยหั่วอย่างแรง
“เฮ้ย! ไอ้หนุ่ม แกกล้ายุ่งเรื่องของฉันเหรอวะ? ฉันจะฆ่าแกให้ตายเลยเชื่อมั้ย!”
เหลยหั่วเจ็บจนหน้าเหยเก ไม่คิดเลยว่าจะมีคนกล้ามายุ่ง เขาโกรธจนตาแทบจะพ่นไฟได้
“ฉันไม่ได้ยุ่งไม่เข้าเรื่องหรอกนะ”
เย่เทียนเพิกเฉยต่อคำขู่ของเหลยหั่ว เขาก้าวไปบังอยู่หน้าเสว่เอ๋อร์โดยไม่ให้รู้ตัว พร้อมกล่าวด้วยรอยยิ้มจางๆ “เมื่อกี้นายชนน่องไก่ฉันตกพื้น ต้องอธิบายกับฉันมาก่อนหรือเปล่า?”
ขณะที่พูด เย่เทียนชี้น่องไก่ที่กินไปได้ครึ่งชิ้นบนพื้น
“อธิบาย?”
เหลยหั่วกวาดสายตามองน่องไก่บนพื้น และโกรธจัดจนหัวเราะออกมา “ไอ้หนุ่ม แกมาแส่เรื่องของฉันเพียงเพราะน่องไก่เส็งเคร็งนี่น่ะเหรอ ฉันว่าแกอยากตายแล้วมั้ง?”
“พี่เหลยหั่ว ไอ้หนุ่มนี่ดูก็รู้ว่าเป็นพวกไร้สมอง จะมัวเปลืองน้ำลายกับเขาทำไมครับ อัดไปสักทีก็จบ”
“ไอ้หนุ่ม แกช่วยฉี่แล้วชะโงกดูเงาตัวเองก่อนนะ สภาพอ่อนแออย่างแกยังจะเลียนแบบพวกฮีโร่มาช่วยสาวสวยอีกเหรอ”
“แค่คนคนเดียวยังกล้าแส่เข้ามายุ่งเรื่องของพวกเรา อยากตายนักใช่มั้ย?”
ลูกน้องสี่ห้าคนของเหลยหั่วเหยียดหยันเย่เทียนอย่างสนุกปาก ไม่เห็นเย่เทียนอยู่ในสายตาเลยสักนิด
ผู้คนที่อยู่ตรงนี้มองพวกเหลยหั่วที่โอหังจองหอง โมโหทว่าไม่กล้าพูดอะไร ได้แต่มองพวกเขาด้วยสายตาโกรธเกรี้ยว
“ไอ้หนุ่ม ขอแค่แกคุกเข่าขอขมาต่อหน้าฉันและยอมรับผิดตอนนี้ ฉันพอจะให้อภัยแกได้อยู่”
“มิฉะนั้น อย่าหาว่าฉันพี่เหลยหั่วไม่มีเหตุผลแล้วกัน”
เหลยหั่วไม่กังวลอะไรกับสายตาของผู้คนโดยรอบเลยสักนิด ตรงกันข้าม เขาสะใจด้วยซ้ำ
“งั้นเหรอ? ฉันล่ะอยากเห็นว่านายจะไม่มีเหตุผลยังไง”
เย่เทียนยิ้มเย็น จะเก็บเอาคำขู่ของนักเลงพวกนี้มาใส่ใจได้ยังไง
“พี่ชาย อย่าสนพวกเราเลยดีกว่านะคะ พวกเขาต่อกรได้ยาก พี่รีบไปเถอะค่ะ!”
กลับเป็นเสว่เอ๋อร์ที่ยืนอยู่ด้านหลังเย่เทียน เธอมองแผ่นหลังสูงใหญ่ของเย่เทียนที่ออกตัวให้แล้วตื้นตันใจสุดๆ แต่เธอผู้จิตใจดีก็กลัวว่าเย่เทียนจะถูกทำร้าย
“สาวน้อย ไม่ต้องเป็นห่วงฉันหรอก”
เย่เทียนยิ้มให้เล็กน้อย และพูดด้วยท่าทีจริงจัง “ฉันไม่เชื่อหรอกว่าแค่คนกากๆพวกนี้จะเอามือปิดฟ้าได้ ในเมื่อฉันมาอยู่ในเหตุการณ์นี้ ฉันก็ต้องยุ่ง!”
“เจ้าหนุ่ม ฉันรู้ว่านายหวังดี แต่โลกนี้ไม่ได้ง่ายอย่างที่นายคิดหรอกนะ”
“ฉันขอรับความหวังดีของนายด้วยใจ แต่นายรีบพาลูกสาวฉันหนีไปดีกว่า ฉันจะถ่วงพวกเขาไว้เอง”
เวลานี้เจ้าของร้านปิ้งย่างก็พอฟื้นตัวได้แล้ว เขาลุกขึ้นด้วยแรงพยุงจากเสว่เอ๋อร์ หน้าตาแน่วแน่
เป็นพ่อแม่คน ต่อให้เขาต้องเอาชีวิตแก่ๆนี่เข้าแลกก็ไม่ยอมให้ลูกสาวต้องมาโดนเจ้าพวกนี้ทรมานหรอก
อีกอย่าง ถ้าไม่ใช่นักเลงพวกนี้ เขาอายุปูนนี้แล้วจะต้องได้รับความอัปยศแบบนี้ได้ยังไง?!