ฉีฉางเซี่ยวตัดสินใจไว้แล้วว่า เขาจะหนีไปเมื่อเขาได้แกนเชวียนมาไว้ในมือ ระดับขั้นการเพาะปลูกของเขานั้นได้ไปถึงเทพเชวียนสูงสุดแล้วเมื่อหลายปีก่อน แต่มันก็ไม่มีการพัฒนาอะไรไปมากกว่านั้นเลย อย่างไรก็ตาม เขาสามารถที่จะทะลวงระดับนี้ไปได้ด้วยแกนเชวียนอันนี้ และจากนั้นเขาก็จะสามารถไปถึงขั้นใหม่และระดับที่ไม่มีใครเคยไปถึง !

เขามั่นใจว่าเขาจะสามารถต่อสู้กับมูเวิ้นเที่ยนได้หลังจากที่เขาพัฒนาปราณเชวียนของเขาได้ และเขามันใจว่าสามารถแข่งขันกับลีจื้อเทียนได้หลังจากนั้น ซึ่งหมายความว่าอันดับของเขาจะสูงขึ้นไปใน แปดยอดปรมาจารย์ !

หากเขาสามารถเอาชนะ ลีจื้อเทียนได้ ชื่อของเขาก็จะไปอยู่ในระดับเดียวกับ ยุนเบ้ยเฉิน !

เขานั้นเป็นหนึ่งในโลกหล้า !

แม้แต่อาณาจักรเฉินซีก็จะได้รับผลประโยชน์จากเรื่องนี้ และจะทรงอำนาจที่สุดในดินแดนเชวียนๆ ! สุดท้ายแล้ว ผู้ที่แข็งแกร่งที่สุดที่จะอยู่รอด และฉีฉางเซี่ยวก็เป็นส่วนหนึ่งของ อาณาจักรเฉินซี !

ฉีฉางเซี่ยวไม่สามารถที่จะควบคุมความตื่นเต้นได้ ขณะที่ความคิดนี้พุ่งพล่านอยู่ในหัวของเขาได้ ยิ่งไปกว่านั้น เขาเริ่มคิดขอบคุณเหยี่ยวผู้โดดเดี่ยว ที่ทำให้เขาได้รับโอกาสนี้ !

ผู้อาวุโสทั้งสามจากเมืองพายุหิมะ ไม่เข้าใจถึงการกระทำที่แปลกประหลาดของเหยี่ยวผู้โดดเดี่ยวในขณะนี้ แต่ก็รู้ว่าพวกเขาไม่สามารถปล่อยให้ฉีฉางเซี่ยวทำเรื่องนี้ให้สำเร็จได้ ดังนั้น ผู้อาวุโสทั้งสามจึงต้องร่วมมือกันอีกครั้ง และพร้อมใจกันโจมตีใส่ฉีฉางเซี่ยว !

อย่างไรก็ตาม ในตอนนี้ฉีฉางเซี่ยก็ใกล้จะทำสำเร็จแล้วเขาจึงมิได้สนใจในการเคลื่อนไหวนี้ และสนใจที่จะเอามือไปคว้าแกนเชวียนให้ได้ก่อน ! ผู้อาวุโสทั้งสามแห่งเมืองพายุหิมะขาวพยายามไม่ใช่ปราณเชวียนของพวกเขาเพื่อต่อสู้กับฉีฉางเซี่ยว เพราะกลัวว่าจะได้รับบาดเจ็บ แต่ก็ไม่สามารถเทียบได้กับความกลัวว่าฉีฉางเซี่ยจะคว้าเอาแกนเชวียนได้สำเร็จ !

อย่าไรก็ตาม สถานการณ์นั้นก็ได้หลุดมือไปเรียบร้อยแล้ว …

จวินโม่เซี่ยมองไปยังสถานการณ์นั้นอย่างหมดหวัง แม้เคล็ดหยินและหยางจะแปลกประหลาดกินกว่าที่ทุกคนจะจินตนาการได้ และแม้ว่าเหยี่ยวผู้โดดเดี่ยวและฉีฉางเซี่ยวจะไม่สามารถสังเกตการมีอยู่ของเขาได้ แม้ว่ารูปร่างของเขาจะล่องหน แต่ร่างกายของเขาก็ยังคงมีอยู่จริงๆ หากเขาเข้าไปในเขตปราณเชวียนของฉีฉางเซี่ยว และมีอะไรบางอย่างผิดพลาดเขาก็จะได้รับอันตรายที่ร้ายแรง สุดท้ายแล้ว เขาก็อ่อนแอเกินกว่าที่จะเทียบกับใครได้ !

สองคนที่ดูแปลกประหลาดนั่นไม่ทำอะไรเลยหรือ ?

ตอนนี้จวินโม่เซี่ยกำลังโกรธ และเริ่มสาปแช่งอยู่ในใจ ความจริงแล้ว จวินโม่เซี่ยลืมไปว่า สองคนที่ดูแปลกประหลาดนั้นไม่ได้อยู่ในการควบคุมของเขา ….

ข้าควรใช้การปะทุของเจดีย์หงษ์จวินเป็นทางเลือกสุดท้ายไหม ?

นายน้อยจวินอดที่จะประหลาดใจไม่ได้ 

 หากไม่สามารถควบคุมมันได้ ข้าจะใช้มันเป็นทางเลือกสุดท้าย !

อย่างไรก็ตาม ก็มีเหตุการณ์ที่ไม่คาดคิดทำให้ทุกคนต้องตกใจอีกครั้ง …

“ แกนเชวียนนั้นเป็นของข้า ! ”

เสียงก้องกังวานดังขึ้น !

เสียงที่ก้องกังวานนี้เกิดขึ้นพร้อมกับเสียงฟ้าร้อง อย่างไรก็ตาม ความดังของเสียงนี้ก็กลบเสียงของฟ้าร้องไปได้ !

เป็นเสียงที่ก้องกังวาลและทรงพลัง และดังก้องกังวานผ่านหูของเขาลงลึกไปถึงจิตวิญญาณ !

ร่างสีดำสองร่างปรากฏตัวขึ้นจากจุดที่เขาซ่อนอยู่ ด้วยความเร็วที่เกินกว่าเสียงฟ้าร้อง หนึ่งในสองคนนั้นมีร่างที่ใหญ่และกำยำเกินกว่ามนุษย์ ! ร่างของเขานั้นใหญ่มาก จนทำให้ตู่กู้วูตี้ดูตัวเล็กไปเลยหากต้องอยู่ตรงหน้าของเขา !

เขาพุ่งตัวลงมาและผ่านผู้อาวุโสทั้งสามจากเมืองพายุหิมะ จากนั้นเขาก็เหาะลงมาอยู่ต่อหน้า เฟ้ยเมิงเฉิน และเหยี่ยวผู้โดดเดี่ยว และเริ่มต่อยใส่พวกเขาอย่างรวดเร็ว

ชายอีกคนพุ่งผ่านอากาศมาอย่างคล่องแคล่ว และมุ่งตรงไปยังฉีฉางเซี่ยว หากจะเปรียบร่างของเขากับควันนั้นก็ยังจะน้อยเกินไป ขณะที่เขายื่นแขนและคว้าเอาแกนเชวียนมาจากใต้จมูกของฉีฉางเซี่ยว ในขณะที่อีกมือหนึ่งยื่นออกไปเพื่อรับมือกับการโจมตีที่รุนแรงของฉีฉางเซี่ยวผู้ที่กำละโมโห และปะทะเข้ากับฝ่ามือของฉีฉางเซี่ยว !

“ ตู้ม ”

การปะทะกันของพวกเขาทั้งสองทำให้เกิดเสียงดังมาก และทำให้ฉีฉางเซี่ยวกระเด็นถอยหลังไป ไม่สามารถควบคุมทิศทางของเขาได้และชายชุดดำตีลังกาถอยหลังไปในอากาศด้วย ทำให้เกิดการแสดงผาดโผนในอากาศที่น่าประทับใจ แต่ทันใดนั้นร่างของเขาเปลี่ยนทิศไปอย่างแปลกประหลาด และเขาก็เริ่มเร่งความเร็วหนีไปกับแกนเชวียน !

“ ได้มาแล้ว ไปเถอะ ! ”

ทันใดนนั้นจวินโม่เซี่ยก็ตกตะลึงจนพูดไม่ออก และเริ่มผลัดแกนเชวียนเข้าไปยังเจดีย์หงษ์จวินทำให้เจดีย์หมุนด้วยความเร็วสูงสุดเพื่อหวังจะใช้พลังนี้กู้สถานการณ์กลับคืนมา

เนื่องจากจวินโม่เซี่ยใช้กระบวนท่าของเจดีย์ภายใต้เคล็ดอิสระหยินหยาง เหยี่ยวผู้โดดเดี่ยวและฉีฉางเซี่ยจึงไม่สามารถสังเกตุเห็นเขาได้ แต่ร่างของชายชุดดำที่กำลังหนีไปกับแกนเชวีนนั้นสั่นขึ้นมาอย่างรุนแรง และทันใดนั้นเขาก็หันกลับมา ดวงตาที่เปล่งประกายของเขาเริ่มมองหาแหล่งที่มาของแรงดึงดูดนี้ และสะท้อนถึงความต้องการในหัวใจของเขาได้อย่างชัดเจน อย่างไรก็ตาม ความเร็วในการหนีไปของเขาก็ยังไม่ลดลง

แม้แต่ร่างของชายชุดดำอีกคนก็สั่นในทันทีเมื่อเจดีย์หงษ์จวินเคลื่อนไหว และเขาก็มองไปรอบๆเช่นเดียวกัน

ตอนนี้ชายที่ตัวใหญ่และบึกบึนนี้ได้เข้าร่วมต่อสู้กับยอดฝีมือเทพเชวียนทั้งห้า แต่เขาก็ไม่พยายามที่จะหลบการโจมตีของพวกเขาเลย ความจริงแล้ว เขาพร้อมที่จะต่อสู้กับพวกเขา เตะมากี่ครั้งเขาก็ส่วนกลับไปทุกครั้ง ตอยพวกเขาทุกครั้งที่พวกเขาต่อยมา ร่างของเขากลายเป็นกระสอบทรายของยอดฝีมือเทพเชวียนทั้งห้า และพวกเขาทั้งห้าก็เตะและต่อยใส่เขาอย่างต่อเนื่อง ทำให้ชายผู้นั้นต้องเอามือกุมท้องเพื่อป้องกันขณะที่เขากรีดร้องออกมาเพื่อบ่งบอกถึงความเจ็บปวดทางร่างกาย

อย่างไรก็ตามอีกมือหนึ่งของเขาก็ยังคงต่อยเข้าใส่ผู้อาวุโสทั้งสามแห่งเมืองพายุหิมะ และมันหนักพอที่จะทำให้ผู้อาวุโสทั้งสามแห่งเมืองพายุหิมะต้องชะงัก!

ชายผู้นี้ยังคงแลกหมัดกับยอดฝีมือเทพเชวียนทั้งห้าจนกระทั้งเพื่อนของเขาสั่งให้ล่าถอย อย่างไรก็ตาม เมื่อคำสั่งได้ส่งออกมา เขาจึงเปลี่ยนกลยุทธ์ และเริ่มพยายามหนีไปจากศัตรู แต่กระนั้น ทุกคนก็รู้ถึงความตั้งใจของเขา และพวกเขาก็ล้อมเขาไว้อย่างรวดเร็ว เตะและต่อยไปพร้อมๆกันจนแน่ใจว่าเขาจะไม่สามารถหนีออกไปได้ !

แต่ก็มีสิ่งที่แปลกประหลาดอีกอย่างเกิดขึ้นในทันที …

ชายร่างใหญ่นั้นหยุดป้องกันตัวเอง และพุ่งออกไปจากวงล้อม ปล่อยให้ทุกคนโจมตีเข้าใส่ร่างของเขา แม้ว่าเขาจะตัวสั่นเนื่องจากความเจ็บปวดที่ทำให้อ่อนแรง แต่เขาก้ไม่ได่สนใจจนกระทั่งเขาสามารถหาทางออกมาจากวงล้อมนั้นได้ จากนั้นเขาจึงโหยหวนด้วยความเจ็บปวด บิดเอวและกระอักเลือดจำนวนมากออกมา …

แล้วเขาก็กางเท้าขนาดใหญ่ของเขาออกมาและพุ่งออกจากคลุ่มคนเหล่านี้เพื่อไปยังที่ปลอดภัย

เฟ้ยเมิงเฉิน เหยี่ยวผู้โดดเดี่ยว และผู้อาวุโสทั้งสามจากเมืองพายุหิมะได้แต่มองไปด้วยแววตาที่สิ้นหวัง !

ระดับขั้นการเพาะปลูกของชายผู้นี้จะต้องอยู่ในขั้นเทพเชวียน ซึ่งเป็นความสามารถและข้อดีที่หาได้ยาก อย่างไรก็ตาม แม้ว่าจะดูเหมือนว่าเขาจะแข็งแกร่งกว่าเฟ้ยเมิงเฉิน แต่ก็เห็นได้ว่าเขายังคงอ่อนแอกว่าเหยี่ยวผู้โดดเดี่ยว ! ตอนนี้ทุกคนในที่นี่สามารถเห็นมันได้อย่างชัดเจน !

อย่างไรก็ตาม คนที่บ้าคลั่งผู้นี้ก้ได้มาต่อสู่กับเทพเชวียนทั้งห้าด้วยตัวคนเดียว โดยไม่ได้ปกป้องตัวเองเลย ฝีมือเช่นนี้แม้แต่ ยุนเบ้ยเฉินก็ไม่อาจฝันถึง !

แม้ว่าเทพเชวียนเหล่านี้จะใช้พลังของพวกเขาไปจนหมด พวกเขาทั้งหมดก็ยังเป็นเทพเชวียน ! แม้ว่ากลุ่มของเทพเชวียนจะแข็งแกร่งมากเมื่อต้องเผชิญหน้ากับยอดฝีมือผู้นี้ พวกเขาก็ไม่อาจจะมีความกล้าเช่นนี้ได้ โดยเฉพาะอย่างยิ่งเมื่อเทียบกับความจริงที่ว่า เทพเชวียนเหล่านี้มีความคิดที่รุนแรงและอันตราย ….

ชายผู้นี้ไม่เพียงแต่รอดจากการโดนต่อยตี แต่ยังสามารถที่จะหาทางหนีไปได้โดยการเสียเลือดไปจำนวนมาก ! แม้ว่าเขาจะได้รับบาดเจ็บอยู่บ้าง ก็ยังไม่ส่งผลกระทบใดๆกับความเร็วที่เขาใช้ในการหนีไป ! 

 มันเกิดอะไรขึ้น ? เรื่องเมื่อกี๊มันไม่แปลกประหลาดไปหน่อยหรือ ?

เห็นได้ชัดว่าเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นนี้ทำให้ฉีฉางเซี่ยวหดหู่ลงไปมาก สุดท้ายแล้ว เขาเกือบทำสำเร็จแล้วในตอนที่มีชายสองคนเข้ามาแทรกแซง แม้ว่าความโกรธของเขาจะระเบิดออกมา แต่มันก็ถูกกำหราบไว้ด้วยความสงสัย …

ในโลกนี้มีคนเพียงหยิบมือที่สามารถเดินผ่านขอบเขตปราณของข้ามาได้ และเข้ามาขโมยเขาของบางอย่างที่อยู่ใต้จมูกของข้าได้ … และข้ารู้จักพวกเขาทั้งหมด … แต่คนพวกนี้คือใคร ?

สิ่งเดียวที่ข้ามั่นใจ คนเหล่านี้มิใช่หนึ่งในแปดปรมาจารย์อย่างแน่นอน … แต่คนแบบใหนกันที่มีความกล้าพอที่จะเข้าถ้ำเสือ ?

เสียงกรีดร้องของชายชุดดำอีกคนปลุกให้ฉีฉางเซี่ยวตื่นจากภวังค์แห่งความคิด และทันใดนั้นเขาก็รู้ทันทีว่าเขาคือคู่หูของชายผู้นี้ เพราะฉนั้นเขาจึงคิดที่จะหยุดคู่หูของชายผู้นี้แทน อย่างไรก็ตาม เขาหันไปและเห็นถึงความบ้าซึ่งชายผู้นั้นได้ใช้เพื่อหนีออกมาจากวงล้อมของเทพเชวียนทั้งห้า และหลุดออกไปได้จนทำให้ข้าต้องอ้าปากค้างด้วยความตกตะลึง …

สองคนนี้ได้แอบเข้ามา และจากนั้นก็ขโมยเอาแกนเชวียนไปจากมือของเทพเชวียนสูงสุดสองคน เทพเชวียนสองคนและ สวรรค์เชวียนเกือบยี่สิบคน …

หากข่าวนี้แพร่ออกไป มันจะทำให้พวกเขาต้องเป็นที่อับอายอย่างที่สุด …

อย่างไรก็ตาม ไม่มีผู้ใดมีเวลามาคิดถึงชื่อเสียงที่เขาต้องสูญเสีย เนื่องจากพวกเขายังคงตกตะลึงจนพูดอะไรไม่ออก ! ความสามารถในการต่อสู้ของชายสองคนนี้นั้นเป็นสิ่งที่ไม่เคยมีมาก่อน ! แม้แต่ยุนเบิ้ยเฉินก็ไม่สามารถทำอะไรอย่างที่สองคนนี้ทำได้ !

“ พระเจ้า สองคนนั้นเป็นปิศาจหรือ ? ”

ปฐพีเชวียนสองคนที่หลบออกไปอยู่ด้านนอกหลังจากที่พวกเขาได้รับบาดเจ็บจากการต่อสู้ อ้าปากค้างและพูดขึ้นมาด้วยความหวาดกลัว ไม่สนใจเลยว่าหยดฝนจะไหลเข้าไปในปากพวกเขาหรือไม่

แม้ว่าปฏิกริยาของเขาจะเหมาะสมกับคนธรรมดา แต่ฉีฉางเซี่ยวและเหยี่ยวผู้โดดเดี่ยวก็เกิดความลังเล แม้ว่าพวกเขาจะตัดสินใจตามสองคนนั้นไป ! พวกเขาทั้งสองก็ยังมองหน้ากันด้วยดวงตาที่เบิกกว่า ทุกคนสามารถเห็นความหวาดกลัวในแววตาของพวกเขาได้อย่างชัดเจน !

เฟ้ยเมิงเฉินเหาะตรงไปยังพวกเขาอย่างช้าๆ และถามด้วยสีหน้าที่จริงจัง

“ พวกเขาเป็นใคร ? ”

เขาพูดด้วยน้ำเสียงที่ค่อนข้างนุ่มนวล

เหยี่ยวผู้โดดเดี่ยวและฉีฉางเซี่ยคำรามทางจมูก สีหน้าของสองปรมาจารย์เทพเชวียนสูงสุดนั้นซีดลง สีหน้าของเฟ้ยเมิงเฉินก้เปลี่ยนสีไป ทำให่ทั้งสามมีสีหน้าที่ซีดเผือก …

ผู้อาวุโสทั้งสามแห่งเมืองพายุหิมะมองหน้ากันก้วยความหวาดกลัว ผู้อาวุโสหกปาดเลือดที่อยู่ตรงมุมปากของเขาออก

“ เถียนฟา …. ”

“ เชี่ย ! ”

ผู้อาวุโสสามกระแทกเสียงด้วยความโกรธ

“ เจ้าคิดว่าเจ้าฉลาดงั้นหรือ ? คิดว่าวันนี้เรายังอับอาย…ไม่มากพออีกหรอ ? ”

จากนั้นเขาก็ถอนหายใจและพูด

“ เมื่อพวกเขามาร่วมการต่อสู้นี้ พวกเราควรจะเก็บของและพาองค์หญิงน้อยออกไป ”

“ พวกเขาจะกลับมาอีกไหม ? ”

ฉีฉางเซี่ยวขมวดคิ้วขณะที่เขาพึมพัมกับตัวเอง ยื่นมือออกมาและมองไปที่ฝ่ามือของตัวเองซึ่งตอนนี้มีรอยสีแดงประทับอยู่ ! 

 หากไม่ใช่เพราะการป้องกันของเกราะปราณของข้า ข้าคงจะต้องเสียมือไปแล้ว ! รอบฝ่ามือนี้เหมือกับรอยฝ่ามือของสัตว์ป่ามากกว่าที่จะเป็นคน …

ฉีฉางเซี่ยวงอนิ้วตัวเอง เขาถอนหายใจและพูด

“ และตอนนี้มือของข้าก็ได้สัมผัสกับพวกเขา แต่นั้นจะเป็นแค่ตำนานจริงๆหรือ ? ”

ความกลัวจากบาดแผลนั้นยังคงปะปนอยู่ในน้ำเสียงของเขา