เฟ้ยเมิงเฉินคำรามทางจมูกและเริ่มกล่าวโทษเหยี่ยวผู้โดดเดี่ยวสำหรับความโชคร้ายส่วนตัวของเขา
ชายผู้นี้ตั้งใจโยนแกนเชวียนมาที่ข้า ทำให้ความกดดันของเขาลดลงไป หากสิ่งนี้ไม่อยู่กับพวกเขาก่อนหน้านี้ พวกเราทั้งห้าคงจะทำให้เขาบาดเจ็บได้อย่างง่ายดาย … พวกเราอาจจะสังหารเขาไปแล้วก็ได้ !
เขาเลือกที่จะโยนแกนเชวียนเชวียนทิ้งไปในขณะที่มันมาสัมผัสฝ่ามือของเขา เนื่องจากมีความคิดเช่นนี้เกิดขึ้น และตะโกน
“ ข้าไม่ต้องการมัน ! ”
แกนเชวียนจึงเปลี่ยนทิศไปและลอยตรงไปหาผู้อาวุโสสามแห่งเมืองพายุหิมะขาว
ทั้งเฟ้ยเมิงเฉินและเหยี่ยวผู้โดดเดี่ยวนั้นฉลาดมาก และตั้งใจจะไม่โยนแกนเชวียนนั้นไปทางฉีฉางเซี่ยว เนื่องจากฉีฉางเซี่ยวจะคว้าเอาแกนเชวียนและจากนั้นก็หนีไปพร้อมกับมัน ! เห็นได้ชัดว่าความต้องการของเขาไม่เหมือนกันเหยี่ยวผู้โดดเดี่ยว เนื่องจากเขามาที่นี่เพื่อแกนเชวียน !
และไม่มีผู้ใดในที่นี่ ที่จะสามารถหยุดเขาไว้ได้ !
เหยี่ยวผู้โดดเดี่ยวอาจจะมีความสามารถมากพอที่จะไล่ตามเขาได้ แต่เขาไม่ชอบที่จะไล่ตามผู้ใดเนื่องจากเขาต้องการที่จะต่อสู้
แกนเชวียนลอยไปลอยมาในสนามรบเนื่องจากไม่มีผู้ใดกล้าพอที่จะรับมันไว้ …
แกนเชวียนนั้นมิได้เป็นสมบัติแล้วในตอนนี้ แต่มันเป็นดั่งสารแห่งความตาย ! ใครก็ตามที่พยายามจะครอบครองแกนเชวียนนั้นจะกลายมาเป็นเป้าหมายของคนทุกคน !
ฉีฉางเซี่ยวพยายามที่จะวิ่งไปคว้าเอาแกนเชวียนหลายครั้งในเวลานี้ แต่สุดท้ายมันก็ทำให้เขาผิดหวัง เนื่องจากเขาถูกขัดจังหวะโดยเหยี่ยวผู้โดดเดี่ยวพร้อมกับเสียงหัวเราะของเขา และในที่สุดก็ต้องยอมต่อสู้กับเขา …
เหยี่ยวผู้โดดเดี่ยวมีความสุขกับตัวเอง และหัวเราะไม่หยุด อย่างไรก็ตาม ฉีฉางเซี่ยวดูเหมือนจะเศร้าโศกเป็นอย่างมาก แม้ว่าความเร็วของเขานั้นจะไม่ธรรมดา แต่มันก็เทียบไม่ได้เลยกับเหยี่ยวผู้โดดเดี่ยว ดังนั้นจึงไม่มีทางที่เขาจะตั้งรับการโจมตีของเหยี่ยวผู้โดดเดี่ยวพร้อมกับคว้าเอาแกนเชวียนมาในเวลาเดียวกันได้ ทั้งหมดที่เขาทำได้นั้นก็คือที่สีหน้าร้อนรนและต่อสู้กับคู่ต่อสู้ของเขาอย่างเต็มกำลัง และทำให้พวกเขาหน้าซีดเนื่องจากความกลัว แม้แต่เฟ้ยเมิงเฉินก็ยังคงต้องเจอกับเวลาที่ยากลำบาก …
ในอีกมุมหนึ่ง แกนเชวียนถูกโยนกลับไปกลับมาในสนามรบอยู่ตลอดเวลา ไม่ร่วงลงบนพื้นหรืออยู่กับมือของผู้ใดนานมากนัก …
หากมีนักวอลเล่ย์ได้มาเห็นเกมส์อันยอดเยี่ยมนี้ พวกเขาจะต้องหมอบต่อหน้ายอดฝีมือเทพเชวียนทั้งห้าด้วยความยกย่อง !
ความรอบคอบของเหยี่ยวผู้โดดเดี่ยวนั้นก่อปัญหาให้แก่จวินโม่เซี่ยอย่างมาก นายน้อยจวิน ผลุบๆโผล่ๆอยู่รอบๆสมรภูมิ และมันทำให้เกิดผลลัพธ์มากขึ้น ความจริงแล้ว ตอนนี้ฉีฉางเซี่ยวได้ถูกแบ่งแยกไปแล้ว
จวินโม่เซี่ยกำลังจะหาสถานที่ที่เขาจะได้อยู่ระหว่าง เทพเชวียนและสวรรค์เชวียน ในตอนที่เหยี่ยวผู้โดดเดี่ยวโยนแกนเชวียนไป อย่างไรก็ตาม สถานการณ์ของเขานั้นอาจจะ เปรียบได้กับชายผู้ที่สามารถเต้นบนเส้นเชือกได้อย่างดี
แม้ว่ารางกายของเขาจะล่องหน แต่ร่างกายของเขาก็ยังมีอยู่จริง ในกรณีที่มียอดฝีมือผู้ใดผู้หนึ่งในที่นี้สัมผัสโดนตัวของเขา พวกเขาก็จะรู้ว่าเขานั้นมีตัวตน และชีวิตของเขาก็จะพบกับอันตราย นอกจากนี้ถือได้ว่านายน้อยจวินอ่อนแอที่สุดในหมู่พวกเขา
แต่เขาก็จะยังยอมรับในงานที่เสี่ยงอันตรายนี้ เนื่องจากมันจำเป็นที่เขาจะต้องควบคุมความเป็นไปของสถานการณ์นี้ เขาไม่สามารถที่จะปล่อยให้แกนเชวียนตกไปสู่มือของฉีฉางเซี่ยวได้ มิเช่นนั้นแผนการของเขาก็จะพังทะลาย สิ่งต่อไปที่สำคัญที่สุดนั้นคือ ทำให้แน่ใจว่าเฟ้ยเมิงเฉินนั้นจะต้องมีชีวิตรอด ในกรณีที่เขาตาย ผลลัพธ์ที่ตามมาก็จะพังทะลายลงเช่นกัน และอย่างที่สาม เขาจะต้องทำให้แน่ใจว่าเหยี่ยวผู้โดดเดี่ยวจะตระหนักได้ถึงศักยภาพที่แท้จริงของเขา
งานความสัมพันธ์ระหว่างปประเทศของอาณาจักรเทียนเชียงนั้นสงบสุขมาหลายปี แต่องค์จักรพรรดิยังคงมีเลศนัยที่จะพยายามทำให้ศัตรูของเขาอ่อนแอ เฟ้ยเมิงเฉินและฉีฉางเซี่ยวนั้นเป็นผู้ที่ทรงพลังและอำนาจในเมืองเหล่านั้น มากจนสามารถถือได้ว่าพวกเขาเป็นเสาหลักของอาณาจักร ดังนั้น สกุลจวินต้องทำให้แน่ใจว่ากองกำลังทางทหารของศัตรูนั้นจะต้องอ่อนแอลง โดยไม่ต้องเริ่มก่อสงคราม
เห็นได้ชัดว่าความตายของพวกเขาจะเป็นทางที่ดีที่สุดที่จะทำให้เรื่องนี้สำเร็จผล อย่างไรก็ตามจวินโม่เซี่ยก็อับอายที่จำต้องเล่นบนนี้ในฐานะของผู้ทรยศ
เมื่อใรก็ตามที่จวินโม่เซี่ยมีโอกาส เขาจะตั้งใจผลักแกนเชวียนไปให้อยู่ระหว่าง ผู้อาวุโสทั้งสามแห่งเมืองพายุหิมะขาวและศิษย์ทั้งเก้าที่ยังเหลืออยู่ของลี่วูเบ้ย เห็นได้ชัดว่ามันส่งผลอย่างมาก ผู้อาวุโสทั้งสามนั้นไม่สามารถที่จะรับมือกับความกดดันนี้ได้ ความจริง ผู้อาวุโสหกและเก้าเริ่มจะมีเลือดออกมาจากมุมปากของพวกเขาแล้ว
สำหรับศิษย์ทั้งเก้าที่เหลืออยู่ของลี่วูเบ้ย พวกเขากำลังต่อสู้กับคู่ต่อสู้ที่แข็งแกร่งเท่าๆกันอยู่ ตอนนี้จวินโม่เซี่ยจึงแกล้งเปลี่ยนเส้นทางของแกนเชวียนให้ตรงไปยังพวกเขาสองสามครั้ง ทำให้พวกเขามีความหวัง และผู้ใดก็ตามที่ได้แกนเชวียนไปจะต้องรีบหนีไปอย่างหลีกเลี่ยงไม่ได้ แต่เห็นได้ชัดว่าพวกเขาจะถูกขัดขวางโดยฉีฉางเซี่ยวไม่ก็เหยี่ยวผู้โดดเดี่ยว และจะต้องโยนแกนเชวียนกลับไปยังใครก็ตามเพื่อที่จะไม่ทำให้ตัวเองบาดเจ็บ
แม้ว่าฉีฉางเซี่ยวและเหยี่ยวผู้โดดเดี่ยวจะรู้สึกถึงความผิดปกติของจังหวะการเคลื่อนที่ของแกนเชวียน เนื่องจากพวกเขาไม่เคยได้ยินว่าการพรางตัวของจวินโม่เซี่ยนั้นจะเป็นไปได้ พวกเขาจึงไม่ได้สนใจมันมากนัก
เห็นได้ชัดว่าเหยี่ยวผู้โดดเดี่ยวนั้นจะมีความสุขกับความสับสนนี้จริงๆ แต่จวินโม่เซี่ยนั้นมีความสุขยิ่งกว่า อย่างไรก็ตาม ยังมีชายชุดดำสองคนที่ซ่อนตัวอยู่บนต้นไม้ที่อยู่ห่างไปไม่ไกลนัก ดวงตาที่เหมือนเหยี่ยวของเขาเพ่งมองไปยังการต่อสู้ที่น่าสับสน แต่มันก็ได้กระตุ้นความสงสัยในหัวใจของพวกเขาอย่างมาก
“ พี่สาม ท่านดูแกนเชวียนนั่น … ข้าพยายามที่จะอ่านความบริสุทธิ์ของปราณมันอยู่นานแล้ว และไม่สงสัยเลยว่ามันเป็นแกนเชวียนชั้นหนึ่ง แต่เหตุใดข้าถึงยังคงรู้สึกว่ามันมีอะไรแปลกประหลาด ? ”
ชายชุดดำคนหนึ่งกระพริบตาสองครั้ง
“ มันช่างยั่น้ำลายยิ่งนัก … ราวกับข้าต้องการที่จะกัดมันอย่างนั้นหรือ ? ข้าเคยเห็นแกนเชวียนระดับสูงมามากมายในชีวิตของเขา แต่ข้าไม่เคยรู้สึกเช่นนี้มาก่อน … ”
เขากลืนน้ำลายลงคอไป
“ มีบางอย่างผิดแปลกไป แต่ไม่ใช่ความบริสุทธิ์ของปราณในแกนเชวียนแต่กระนั้น พลังของมันดูเหมือนมาก …. ”
ชายผู้ที่ถูกเรียกว่า พี่สาม หยุดชั่วขณะ พยักหน้าและจากนั้นก็พูดต่อ
“ พลังของมันดูเหมือนกับที่ออกมาจากถ้ำเถียนฟา แต่มันนั้นเย้ายวนกว่าที่มาจากถ้ำเถียนฟา ! ”
“ เราจะต้องหาทางฉกเอาแกนนี้มาให้ได้ มิเช่นนั้นนายท่านจะ … ”
พี่สามหยุดกลางคัน ขณะที่ทั้งร่างของเขาสั่นด้วยความกลัว
“ เอ่อ … พี่สาม ไม่ต้องเอ่ยถึงนายท่าน เมื่อมีแค่เราสองคน … มันทำให้ข้ากลัว ”
ชายชุดดำอีกคนก็ตัวสั่นด้วยความกลัวเช่นกัน และแอบมองไปข้างหลัง ราวกับว่า นายท่านที่น่ากลัวนั้นอาจจะมาปรากฏตัวอยู่ด้านหลังของพวกเขาในฉับพลันได้
“ แน่นอนว่านายท่านไม่มีเวลามาสนใจเจ้าในตอนนี้ ตั้งแต่ที่พี่สองหายไป นายท่านก็มองหาเขาอย่างโกรธเกรี้ยว หากนายท่านจับพี่สองได้แล้ว … เขา เขา เขา …. ”
พี่สามเผยรอยยิ้มเจ้าเล่ห์ออกมา ราวกับเขามีความสุขที่คนที่ถูกเรียกว่าพี่สองนั้นถูกแยกออกมาโดยนายท่าน
“ พี่สองจากไปเพื่อหาอนาคตที่ดีกว่า แต่เขาเป็นอิสระแล้วดีกว่าพวกเราจริงๆหรือ ? ข้าไม่เข้าใจจริงๆ ”
ชายชุดดำพยักหน้า
“ หากข้าได้เจอเขาอีกครั้ง ข้าจะโจมตีเขาอย่างแน่นอน ข้าจะฉีกเขาเป็นชิ้นๆ ! ”
“ เจ้า ? ฮึ่มมมมม … หากเจ้าเจอเขาโดยลำพัง ข้าคิดว่าพี่สองจะสังหารเจ้าตรงนั้นเลย ! ”
พี่สามมองอย่างโมโหไปยังสหายของเขา
“ เจ้าทำอะไรไม่ได้ต่อหน้าเขา เจ้าคิดจริงๆหรือว่าเจ้าสามารถที่จะเผชิญกับกรงเล็บของพี่สองได้ ? เจ้าคิดว่าอย่างไร ? ”
“ กรงเล็บของเขานั้นทรงพลังอย่างแท้จริง แต่ข้ามั่นใจว่าข้าสามารถรับมือได้ ! แม้ว่าพวกมันจะทรงพลัง อันนั้นข้ายอมรับ ”
ชายผู้นี้อาจจะไม่แน่ใจในปมด้อยของเขา แต่เขายังเคารพต่อการคุกคามนี้
“ จำไว้ว่าฉีฉางเซี่ยวนั้นทรงพลังที่สุด และเขาพยายามที่จะคว้าเอาแกนเชวียนไป ! เตรียมตัว พวกเราจะไปเอาแกนเชวียน ! ”
พี่สามออกคำสั่งและทั้งสองก็ออกกระบวนท่าราวกับสายลม การเคลื่อนไหวของเท้าของเขานั้นอำพรางได้อย่างงดงาม ดูราวกับว่าพวกเขากำลังเดินอยู่บนเม็ดฝน !
อย่างไรก็ตาม แม้ว่าจะมีเทพเชวียนอยู่ที่นี้จำนวนหนึ่ง ก็ไม่มีใครสามารถสังเกตุเห็นพวกเขาได้ แม้แต่ฉีฉางเซี่ยวหรือเหยี่ยวผู้โดดเดี่ยว !
ไม่เป็นที่แน่ชัดว่าสองคนนี้อาจจะแข็งแกร่งกว่าเทพเชวียนสูงสุดหรือไม่ … แต่เห็นได้ชัดว่าเทพเชวียนทั้งสองไม่รับรู้ถึงการมีอยู่ของพวกเขาเลย !
ฉีฉางเซี่ยวคำราม และปลดปล่อยพลังปราณออกมาจากร่างของเขา จากนั้นเขาก็พุ่งตรงไปคว้าแกนเชวียนอีกครั้ง แกนเชวียนลอยเข้ามาใกล้ร่างของเขา และเหยี่ยวผู้โดดเดี่ยวก็กำลังง่วนอยู่กับการต่อสู้กับเฟ้ยเมิงเฉิน นี่เป็นโอกาสที่ดีที่สุดที่ได้เจอนับตั้งแต่ความวุ่นวายนี้เริ่มขึ้น !
เทพเชวียนทั้งห้าที่ยังเหลืออยู่นั้นรู้ดีถึงความต้องการของเขา แต่พวกเขาก็ไม่สามารถที่จะขัดขวางเขาไว้ได้ ผู้อาวุโสทั้งห้าแห่งเมืองพายุหิมะนั้นแข็งแกร่งไม่มากพอที่จะรับมือกับเขาได้และ ทำได้เพียงดีใจที่พวกเขาไม่ได้รับบาดเจ็บใดๆ และมองฉีฉางเซี่ยวมุงหน้าไปหาแกนเชวียนอย่างสิ้นหวัง
แม้ว่าเฟ้ยเมิงเฉินจะไม่ตั้งใจปล่อยให้แกนเชวียนตกไปยังมือของฉีฉางเซี่ยวแต่ความแข็งแกร่งของเขานั้นก็พอๆกับผู้อาวุโสทั้งสาม และไม่เพียงพอที่จะต่อสู้กับฉีฉางเซียว เขาก็ต้องการเพียงแต่ทำให้พลังในการต่อสู้นี้สมดุลย์ และตอนนี้ก็ทำให้ตัวเองต้องต่อสู้กับเหยี่ยวผู้โดดเดี่ยว
เอ๋ ทำไมข้าถึงโชคร้ายยิ่งนัก ? ข้าทำอะไรไม่ได้เลยหรือ ….
มีเพียงคนเดียวที่สามารถหยุดฉีฉางเซี่ยวได้ และคนผู้นั้นก็คือเหยี่ยวผู้โดดเดี่ยว เหยี่ยวผู้โดดเดี่ยวนั้นว่องไวและคล่องแคล่วที่สุดในหมู่ของสุดยอดปรมาจารย์ทั้งแปด และไม่เป็นรองใคร แม้แต่ฉีฉางเซี่ยวก็ยังไม่สามารถเร็วเทียบกับเขาได้ เขาเป็นเพียงคนเดียวที่สามารถขัดขวางฉีฉางเซี่ยวได้เป็นเวลานาน แต่แล้วก็ต้องเผชิญกับความโกรธที่สิ้นหวัง
ช่างโชคร้ายที่เหยี่ยวผู้โดดเดี่ยวไม่มีเจตนาจะทำเช่นนั้น ท้ายที่สุด เขาไม่ได้ตั้งใจจะเอาแกนเชวียนไป เนื่องจากเขาเสพติดการต่อสู้ที่จะทำให้เขาพัฒนามากกว่าวัตถุทางโลก สำหรับสิ่งที่เขาคิด คือเขาสามารถประกระบี่กับเฟ้ยเมิงเฉินได้นานเท่าที่เขาต้องการ แล้วเขาก็ยินดีมากที่ฉีฉางเซี่ยวจะได้แกนเชวียนไป !
เหยี่ยวผู้โดดเดี่ยวนั้นตัดสินใจแล้ว และฉีฉางเซี่ยวก็เข้าใจในความจริงนี้ ซึ่งเป็นเหตุให้เขาเคลื่อนที่อย่างเต็มกำลัง เนื่องจากเขารู้ว่าแม้ว่ายอดฝีมือที่ทรงพลังที่สุดในที่นี้ก็ไม่สามารถหยุดเขาได้นอกจากว่าเหยี่ยวผู้โดดเดี่ยวจะตัดสินใจที่จะสร้างปัญหา !
เขายื่นมือขวาออกไปเพื่อคว้าแกนเชวียน ขณะที่เขาเหาะเข้าไปใกล้แกนเชวียนที่กำลังลอยอยู่นั้น !
ฉีฉางเซี่ยวเหาะไปด้วยความเร็วสูงสุด และรอเพียงแค่ให้แกนเชวียนตกลงมาในมือของเขา !
เห็นได้ชัดว่าหัวใจของเทพเชวียนผู้นี้ตื่นเต้นอย่างมาก
แกนเชวียนขั้นเก้าสูงสุด ! สุดท้ายมันก็มาอยู่ในมือของข้า !