มหายุทธ์ สะท้านภพ บทที่ 503
ฉีฝ่าเทียนก็ไม่ได้อยู่ประเทศเทียนหวูนานนัก ในฐานะผู้ลาดตระเวนแห่งอาณาจักรใต้ เขามีเรื่องให้ต้องจัดการอีกมากมาย

จักรพรรดิยุทธ์หยวนเฉิง ปรมาจารย์หงหมิง เหว้ยห้าวหรานก็ค่อย ๆ พลัดกันเดินหน้าขึ้นมายินดี ภายในใจก็อดรู้สึกใจหายไม่ได้

เมื่อสองสามปีก่อน ในสายตาของพวกเขายังเป็นเพียงชายหนุ่มรุ่นหลังที่มีพรสวรรค์เท่านั้น แต่ในวันนี้กลับอยู่ในตำแหน่งที่สามารถเท่าเทียมกับพวกเขาได้แล้ว

อีกทั้งหลัวซิวยังเป็นถึงประธานแก๊งแห่งแก๊งนักกลั่นยา จะมีคนมาชื่นชมเรียนยามากมายอย่างแน่นอน ขึ้นเป็นชายระดับสูงคนใหม่ในแผ่นดินนี้

“ทุกท่านหากใครต้องการตำรับยา สามารถมาที่สำนักไท่เสวียน ในฐานะที่ทุกคนต่างก็เป็นคนที่คุ้นหน้าคุ้นตากันดี ข้าสามารถลดราคาให้ทุกท่านได้” หลัวซิวพูดพร้อมรอยยิ้ม

วิถีการดำเนินชีวิตของนักกลั่นยา ทุกอย่างพึ่งพาวิชากลั่นยาเท่านั้น แม้กระทั่งเพื่อนที่สนิทสนมกันดี ก็ยังไม่สามารถช่วยกลั่นยาให้โดยไม่มีค่าตอบแทนได้

“ข้าต้องการยาทิพย์กระดูกเสือหนึ่งเตา ไม่รู้ว่าเจ้าสำนักหลัวจะคิดค่าตอบแทนเท่าไรหรือ?” จักรพรรดิยุทธ์หยวนเฉิงอดไม่ได้ที่จะถามออกมา

ในตอนนี้เขากำลังอ้อนวอนอยู่ ดังนั้นการกระทำและท่าทางต่อหลัวซิวนั้นก็แตกต่างไปกว่าเดิมอย่างมาก

หลัวซิวรู้ดีว่าผลการฝึกตนของจักรพรรดิยุทธ์หยวนเฉิงได้บรรลุไปถึงแดนจักรพรรดิยุทธ์ขั้นห้าแล้ว สิ่งที่เร่งด่วนที่สุดในตอนนี้คือการไปให้ไกลกว่านั้น จากจักรพรรดิยุทธ์ช่วงกลาง ยกระดับไปถึงจักรพรรดิยุทธ์ช่วงปลาย และเขาก็ยังอยู่ในเส้นทางของนักยุทธ์กลั่นร่างอีกด้วย ยาที่จำเป็นมากที่สุด ก็คือยาทิพย์กระดูกเสือชุบร่างระดับหก

“ยาวิเศษห้าชุด สามารถกลั่นได้หนึ่งเตา” หลัวซิวพูดด้วยรอยยิ้ม

“ถูกลงอีกหน่อยได้หรือไม่?” จักรพรรดิยุทธ์หยวนเฉิงรู้สึกลำบากใจเล็กน้อย

“ยาทิพย์กระดูกเสืออยู่ในยาระดับหก นับว่าเป็นยาที่กลั่นยากทีเดียว ค่าตอบแทนที่ข้าเรียกเก็บนั้นไม่ถือว่ามาก หากไปตามหาปรมาจารย์กลั่นยาระดับหกคนอื่น ๆ หากยาวิเศษไม่ถึงสิบชุด เกรงว่าจะไม่สามารถกลั่นได้สักเตา”

“แต่หากต้องการกลั่นยากลั่นจิตอัคคีม่วง นั่นก็สามารถใช้ยาวิเศษสามชุดต่อหนึ่งเตา”

หลัวซิวอธิบาย เขาพูดมากมายเช่นนี้ ประเด็นสำคัญคือต้องการทำให้ชายผู้นี้ช่วยตนกระจายข่าวออกไป พอถึงเวลาก็จะมีเหล่ายอดฝีมือจำนวนมากมาที่สำนักไท่เสวียนเพื่อเรียนยา เขาก็จะใช้โอกาสนี้ กอบโกยสมบัติทรัพยากรมากมายเช่นกัน วางรากฐานของสำนักไท่เสวียน

“เจ้าสำนักหลัวได้รับการสืบทอดจากผู้แข็งแกร่งในสมัยโบราณ ประสบการณ์ฝึกตนที่มอบให้กับข้าก่อนหน้านี้ มีประโยชน์กับข้าอย่างมาก ไม่รู้ว่าสามารถ…” ปรมาจารย์หงหมิงรุดขึ้นมาร่วมวง พูดด้วยเสียงแผ่วเบา

แต่หลัวซิวก็ไม่ได้รอให้เขาพูดจบ ก็พลันโบกมือตัดบท “ประสบการณ์ฝึกตน เป็นความลับของสำนักไท่เสวียนที่จะไม่ส่งต่อ ปรมาจารย์หงหมิงก็อย่าได้พูดถึงอีกเลย”

เมื่อพูดจบ ไม่เพียงแค่หงหมิง จักรพรรดิยุทธ์หยวนเฉิง เหว้ยห้าวหรานต่างก็มีสีหน้าหม่นลงทันที ถึงอย่างไรการฝึกตนของพวกเขาก็ได้มาถึงช่วงคอขวดแล้ว หากต้องการบรรลุขั้นต่อไป ต้องหาโอกาสอื่น ๆ อีกครั้ง

หลัวซิวย่อมรู้ว่าพวกเขากำลังคิดอะไรอยู่ ดังนั้นเขาจึงพูดพร้อมรอยยิ้ม “หัวหน้าแก๊งทั้งสามต่างก็ยังไม่ได้เข้าร่วมกับกองกำลังใด หากยินยอมจะมาเข้าร่วมที่สำนักไท่เสวียนของข้า ไม่ต้องพูดถึงประสบการณ์การฝึกตนแดนจักรพรรดิยุทธ์ ต่อให้เป็นประสบการณ์การฝึกตนแดนมกุฎยุทธ์ ในสำนักไท่เสวียนของข้าก็ยังมี”

เมื่อพูดจบ หลัวซิวก็หมุนตัวจากไปทันที ทิ้งไว้เพียงจักรพรรดิยุทธ์หยวนเฉิงกับพวกที่ต่างมองหน้ากันไปมา

พวกเขาจะไม่เข้าใจความหมายโดยนัยน์ของหลัวซิวได้อย่างไร เพียงแค่พวกเข้าเคยชินกับชีวิตอิสระไม่ขึ้นกับใครของนักยุทธ์อิสระเสียแล้ว สำหรับการเข้าร่วมกองกำลังฝั่งใดฝั่งหนึ่งนั้น มันจะทำให้เกิดความขัดแย้งภายในใจ

……

เมื่ออกมาจากองค์กรนักล่ายุทธ์แล้ว หลัวซิวที่อยู่ภายใต้การนำทางของเหล่าผู้อาวุโสหนานเหมินโต้วทั้งหกคน ก็ได้มาถึงแก๊งนักกลั่นยาใจกลางประเทศเทียนหวู

ส่วนที่ลึกที่สุดของแก๊งนักกลั่นยา มีตำหนักสองชั้นอยู่แห่งหนึ่ง ก่อนหน้านี้ฝานไท่เต๋อก็อาศัยอยู่ที่นี่

นักกลั่นยาสามารถพูดได้ว่าเป็นกลุ่มนักยุทธ์ที่มั่งคั่งที่สุด ตำหนักที่พำนักของประธานแก๊งนี้ แน่นอนว่าภายในได้ถูกตกแต่งอย่างหรูหรา

หนานเหมินโต้วม้วนหยกม้วนหนึ่งให้หลัวซิว ด้านในมีการบันทึกหน้าที่ความรับผิดชอบของแก๊งนักกลั่นยา

มีบันทึกไว้ว่า สี่แก๊งใหญ่มีต้นกำเนิดมาจากเมืองศักดิ์สิทธิ์ แต่ละคนมีหน้าที่ของตนเอง

ทุก ๆ สิบปี แก๊งนักกลั่นยาต่างพื้นที่ต่าง ๆ ทั้งหมดต้องกลั่นยาจำนวนหนึ่งให้กับดินแดนศักดิ์สิทธิ์

แก๊งนักกลั่นยาที่ประเทศเทียนหวู ทุก ๆ สิบปีต้อง กลั่นยาระดับหกทั้งหมด50เม็ด ยาระดับห้า100เม็ด ยาระดับสี่300เม็ด และยาระดับสามอีก500เม็ด