ตอนที่ 578 ไม่เสียใจภายหลังแน่หรือ / ตอนที่ 579 การตัดสินใจของปิงอวิ๋น

หวนแค้นชะตารัก

ตอนที่ 578 ไม่เสียใจภายหลังแน่หรือ

 

 

ซูจิ่วซือรู้สึกขำ “เพิ่งชมเมื่อกี้ ไม่ทันไรก็เผยโฉมหน้าที่แท้จริงออกมาแล้ว”

 

 

“อยู่ต่อหน้าเจ้า ข้ายังคงเป็นผู้ชายคนที่เจ้าคุ้นเคย ไม่ว่าอย่างไรข้าก็จะอยู่กับเจ้า ถึงแม้เจ้ารังเกียจข้าข้าก็จะอยู่กับเจ้า”

 

 

ฟู่เฉินหรงหัวเราะร่า ซูจิ่วซือก็หัวเราะตาม พอนึกถึงเรื่องที่ตนถูกพิษกลับรู้สึกปวดร้าวใจทันที นางไม่อยากทำลายบรรยากาศเวลานี้ แต่ก็อยากบอกให้ฟู่เฉินหรงรู้

 

 

ซูจิ่วซือหยุดเดิน จู่ๆ ก็มองหน้าฟู่เฉินหรงอย่างจริงจัง พูดขึ้น “เฉินหรง หนอนไหมพิษในตัวข้าควบคุมได้แล้ว แต่ข้าไม่สามารถมีลูกไปตลอดชีวิต ถ้าตั้งท้อง ผลเซียนหลิงจะหมดฤทธิ์ หนอนไหมพิษจะกำเริบอีก

 

 

เจ้าในฐานะเจ้าแผ่นดิน ข้ารู้ว่าลูกสำคัญมาก แต่ข้าไม่สามารถมองดูเจ้ากับหญิงอื่นมีลูกด้วยกัน ข้าคิดอยู่นาน อยากกลับแคว้นเว่ย ข้าไม่อยากทำให้เจ้าลำบากใจ”

 

 

ฟู่เฉินหรงนึกไม่ถึงว่าผลเซียนหลิงจะมีฤทธิ์อย่างนี้ เขาตะลึงมองซูจิ่วซือ ไม่ได้พูดออกมาทันที เพียงแต่รู้สึกปวดร้าวใจ แม่นางคนโง่ทำอะไรเพื่อเขามากมาย ทำให้เขาเป็นห่วงมาก

 

 

ซูจิ่วซือฝืนยิ้มให้ฟู่เฉินหรง “ถ้าสุดท้ายกลับเป็นอย่างนี้ ข้าก็ขอไปก่อน เจ้าต้องเป็นเจ้าแผ่นดินที่ดี”

 

 

“จิ่วซือ ถ้าเจ้าอยากกลับแคว้นเว่ย ข้าจะไปกับเจ้า ไม่เป็นเจ้าแผ่นดินก็ได้” ฟู่เฉินหรงตอบอย่างจริงจัง

 

 

“อย่าพูดเหลวไหล”

 

 

“เจ้าก็อย่าพูดเหลวไหล” ฟู่เฉินหรงยื่นมือมาจับมือซูจิ่วซือ “เป็นเพราะข้าไม่ดีเอง ทำให้เจ้าได้รับความลำบากอย่างมากที่แคว้นเจียง มีลูกหรือไม่สำหรับข้าไม่สำคัญ สิ่งสำคัญที่สุดก็คือเจ้า

 

 

มีเจ้าอยู่เคียงข้าง ลูกเป็นเพียงส่วนประกอบ มีก็ดีที่สุด ถ้าไม่มีก็ไม่เป็นไร วันหลังอย่าพูดว่าจะไปจากข้า ยกเว้นว่าข้าตาย ไม่งั้นเจ้าไม่ต้องไปไหนทั้งนั้น ถ้าไปก็พาข้าไปด้วย”

 

 

“แต่ว่าทางขุนนาง…”

 

 

“แคว้นเจียงต้องการผู้สืบทอดบัลลังก์ พอถึงเวลาเรารับเด็กในราชตระกูลมาเป็นลูกก็ได้”

 

 

“เรื่องนี้จะถูกบันทึกไว้ในประวัติศาสตร์”

 

 

“ข้าไม่ใส่ใจ คนรุ่นหลังจะประเมินเราอย่างไรไม่สำคัญ ปล่อยให้พวกเขาพูดไปเถอะ ข้าใส่ใจแต่เจ้า” ฟู่เฉินหรงมองซูจิ่วซืออย่างจริงจัง “เมื่อก่อนข้ารับปากเจ้าไว้ ระหว่างเราไม่มีคนอื่นแน่ ชีวิตนี้มีเจ้าคนเดียวก็พอ

 

 

จิ่วซือ เจ้ารู้ไหมว่า สำหรับข้าแล้วเจ้าไม่เพียงแต่เป็นผู้หญิงที่ข้ารัก ยังเป็นคนรู้ใจที่ไม่ใช่หาได้ง่ายๆ และเป็นคนที่เข้าใจข้าที่สุดในโลก สวรรค์เมตตาข้า ทำให้ข้าพบเจ้า ไม่ว่าจะเกิดอะไรขึ้น ข้าไม่ทอดทิ้งเจ้าแน่ ชาตินี้ข้ามีแต่เจ้าคนเดียวเท่านั้น”

 

 

ซูจิ่วซือรู้สึกซาบซึ้งมาก น้ำตาจะไหล “เฉินหรง เจ้าไม่เสียใจภายหลังหรือ?”

 

 

“เรื่องนี้ไม่จำเป็นต้องถาม เราสัญญาแล้วว่าจะอยู่ด้วยกันจนแก่เฒ่า ถ้าเจ้าขืนผิดสัญญา ไม่ว่าอยู่ไกลสุดขอบฟ้า ข้าจะตามหาเจ้า”

 

 

ซูจิ่วซือปิดปากหัวเราะ “ดูสิ ไม่มีลักษณะของเจ้าแผ่นดินเลย”

 

 

“ต่อหน้าเจ้า ข้าไม่ใช่เจ้าแผ่นดินอะไรทั้งนั้น” ฟู่เฉินหรงยื่นมือไปโอบไหล่ซูจิ่วซือ ให้นางพิงอกเขาไว้ กระซิบเบาๆ “จิ่วซือ คลอดลูกเจ็บปวดมาก ไม่คลอดก็ดี เจ้ามีหลียวนกับชิงเฉิง วันหลังพวกเขาก็เป็นลูกข้า…”

 

 

เขาพูดไม่ทันจบ ซูจิ่วซือก็ทำตาขวางใส่ “เจ้าอย่าพูดเหลวไหลอย่างนี้ต่อหน้าหลียวน”

 

 

“ฮ่าฮ่า วันหลังข้าเป็นผู้อาวุโสของเขาจริงๆ ถือว่าข้าเป็นคนมีลูกแล้ว” ฟู่เฉินหรงพูดจบ ในป่าก็มีเสียงร้องครวญของฟู่เฉินหรง “จิ่วซือคนดี อย่าโกรธเลย ข้าไม่พูดแล้ว”

 

 

 

 

 

 

ตอนที่ 579 การตัดสินใจของปิงอวิ๋น

 

 

ปิงอวิ๋นอยู่ห่างออกไปในใจรู้สึกสับสน คำพูดของฟู่เฉินหรงต่อจากนั้นเป็นอย่างไรนางฟังไม่ชัด ในสมองเต็มไปด้วยคำพูดของทั้งสองที่พูดก่อนหน้านี้

 

 

นางยอมรับซูจิ่วซือในฐานะเจ้านาย และอยากจะตอบแทนซูจิ่วซือ ครั้งนี้โชคดีที่ซูจิ่วซือช่วยชีวิตนางไว้ แต่พอนึกถึงว่าวันหลังซูจิ่วซือไม่สามารถมีลูกได้ นางก็เริ่มลังเล

 

 

นางลังเลว่าควรจะทูลเรื่องนี้ต่อซุ่นตี้หรือไม่ ถ้าเป็นเมื่อก่อน นางคงทูลแน่ แต่เวลานี้กลับลังเล

 

 

มีลูกไม่ได้ถ้าเป็นชาวบ้านทั่วไปก็ยังถูกทิ้ง เป็นราชตระกูลที่จำเป็นต้องมีผู้สืบทอดยิ่งเป็นเช่นนี้ แม้ว่าสามารถเลือกคนในราชตระกูลมาเป็นผู้สืบทอดได้

 

 

แต่นี่เป็นเรื่องที่ไม่อาจเปิดเผยออกไป จะทำให้ผู้คนเย้ยหยัน อีกทั้งเวลานี้ตระกูลฟู่ยังไม่มีผู้รับช่วงที่เหมาะสม ถ้ามี ซุ่นตี้คงไม่ทุ่มเทตามหาฟู่เฉินหรง

 

 

ครอบครัวคนทั่วไปเรื่องในบ้านเป็นเรื่องในบ้าน แต่เรื่องของฟู่เฉินหรงกลับเป็นเรื่องของบ้านเมือง เมื่อเกี่ยวข้องกับบ้านเมือง ย่อมไม่อาจใช้อารมณ์มากำหนด

 

 

ปกติฟู่เฉินหรงเป็นคนมีสติ แต่พอเป็นเรื่องที่เกี่ยวข้องกับซูจิ่วซือ เขามักจะใช้อารมณ์มากำหนด

 

 

อย่างเช่นครั้งนี้ เขาสามารถให้ซูจิ่วซือเป็นพระชายารัชทายาท แล้วรับพระสนมสักสองสามคนมาให้กำเนิดโอรส รอให้มีโอรสแล้ว ค่อยเลือกคนที่เหมาะสมมาเลี้ยงเป็นลูกของซูจิ่วซือ อย่างนี้ก็ไม่ทำให้ซูจิ่วซือเสียใจ ลูกก็มีแล้ว แต่ฟู่เฉินหรงกลับสัญญาว่าจะไม่มีผู้หญิงอื่น

 

 

เรื่องนี้ถ้าเกิดขึ้นกับคนอื่นคงคาดไม่ถึง แต่ปิงอวิ๋นเห็นมาตลอดจนถึงเดี๋ยวนี้ นางรู้ว่าฟู่เฉินหรงจะทำอย่างนี้จริงๆ ซูจิ่วซือสำคัญสำหรับเขามาก สำคัญถึงขั้นที่ทำให้เขาไม่ยอมแตะต้องผู้หญิงอื่น

 

 

พอคิดอย่างนี้ ปิงอวิ๋นจึงวิตกมาก

 

 

อาหลานซึ่งอยู่ข้างๆ กลับคิดตรงกันข้าม นางขอบตาแดง รู้สึกซาบซึ้งใจ การทุ่มเทของคุณหนูไม่สูญเปล่า ฟู่เฉินหรงเป็นผู้ชายที่แสนดีสมควรฝากชีวิตไว้จริงๆ

 

 

พอเห็นอาหลานยกมือขึ้นเช็ดน้ำตา ปิงอวิ๋นซึ่งอยู่ข้างๆ ก็ขมวดคิ้ว นางรู้ว่าอาหลานมีวรยุทธใช้ได้ มองดูเหมือนเป็นคนวงการนักเลง ไม่รู้ว่าซูจิ่วซือไปหามาจากไหน เป็นคนที่ใช้อารมณ์มากำหนดความคิดเหมือนกัน

 

 

พอเห็นปิงอวิ๋นมองตน อาหลานก็เริ่มอึดอัด แล้วพูดขึ้น “องค์รัชทายาทกับคุณหนูเหมาะสมกันมาก”

 

 

“เหมาะสมกันจริงๆ เสียดายที่องค์รัชทายาทไม่ใช่คนธรรมดา”

 

 

“คุณหนูก็ไม่ใช่คนธรรมดา”

 

 

ปิงอวิ๋นคร้านจะพูดกับอาหลาน นางรู้สึกว่าคนวงการนักเลงไม่มีวันเข้าใจคำพูดของนาง ในฐานะหัวหน้าองครักษ์พิทักษ์อุทยานตะวันออก นางใส่ใจกับอนาคตของแคว้นเจียง ไม่สนใจเรื่องความรัก คิดแต่จะค้ำจุนฟู่เฉินหรงให้เป็นเจ้าแผ่นดินที่ดี จงรักภักดีต่อเขา

 

 

อาหลานเห็นปิงอวิ๋นไม่คิดจะพูดอะไรกับตน ก็ไม่พูดอะไรอีก ไอแห่งความเคร่งครัดแผ่ออกจากตัว ดูลักษณะเป็นองครักษ์แฝงที่ผ่านการฝึกฝนอย่างดี

 

 

ซูจิ่วซือกับฟู่เฉินหรงเดินเที่ยวในป่าครู่หนึ่งจึงกลับมา ซูจิ่วซือยืนยันหนักแน่น ฟู่เฉินหรงจึงหลับไปครู่หนึ่ง เขาเหนื่อยจริงๆ หลังจากเขาหลับไป ท้องฟ้าก็มืดแล้ว

 

 

เดิมทีฟู่เฉินหรงอยากไปหาจงโม่เจียง ยังไม่ทันออกไป จงโม่เจียงก็ยกเหล้ามาหาแล้ว

 

 

“เจ้าสำนักจง เชิญนั่ง”

 

 

จงโม่เจียงไม่เกรงใจแม้แต่น้อยเขานั่งที่โต๊ะ วางไหเหล้าลงบนโต๊ะ แล้วหยิบชามใหญ่สองใบมาใส่เหล้า เขาเทเหล้าพลางพูดขึ้น “คนวงการนักเลงไม่ใช้ถ้วยดื่มเหล้า ดื่มอย่างนั้นไม่จุใจ เราใช้ชามใหญ่ดื่ม”

 

 

ฟู่เฉินหรงยกชามใหญ่ข้างหน้าขึ้นก่อน “เรื่องของจิ่วซือต้องขอบใจเจ้าสำนักจงมาก วันหลังเจ้าสำนักจงมีอะไรจะใช้ข้าก็ขอให้บอก”

 

 

“ข้าช่วยจิ่วซือไม่ใช่ช่วยองค์รัชทายาท ไม่ต้องขอบใจแทนนาง เวลานี้นางยังไม่ใช่ผู้หญิงขององค์รัชทายาท”