บทที่ 2013+2014

ลำนำบุปผาพิษ

บทที่ 2013 รักษา 4

กู้ซีจิ่วยื่นมือไปผลักหน้าเขาให้ถอยไป “อืม เจ้าน่ามองจริงๆ นั่นแหละ ข้าหลงเสน่ห์เจ้าจนจิตใจเคลิบเคลิ้มแล้ว…เอาล่ะ เจ้ายังเล็ก อย่าได้เรียนรู้ลูกไม้เกี้ยวสตรีเหล่านั้นเลย โตก่อนวัยไม่ดีต่อสุขภาพ…”

ตี้ฝูอีตะลึงงัน

เมื่อครู่ที่เขามองกู้ซีจิ่วแล้วใจลอย เป็นเพราะท่าทางตอนที่อยู่ในน้ำของนางค่อนข้างคุ้นตา คุ้นจนทำให้เขาใจสั่น ราวกับเมื่อนานมาแล้วเขาก็เคยเห็นนางในลักษณะเช่นนี้มาก่อน…

ที่อันตรายกว่านั้นคือ เมื่อครู่จิตใจของเขาสับสนว้าวุ่น ร่างกายมีปฏิกิริยาขึ้นมา…

ต้องทราบก่อนว่าเขาฝึกฝนบำเพ็ญมาโดยตลอด ถึงแม้ร่างกายจะเป็นผู้ใหญ่แล้ว แต่สามปีมานี้ ร่างกายไม่เคยมีความต้องการในด้านนี้เลย เขาแทบจะหลงลืมไปแล้วว่าตัวเองก็มีความต้องการประเภทนี้เหมือนกัน…

กลับนึกไม่ถึงว่าจะมีกับนาง…

หลายปีที่เขาท่องไปทั่วหล้า บางครั้งก็ได้พบเซียนหญิงมารสาวที่ต้องการจะยั่วยวนเขา บางคนก็ใจกล้าเหลือเกิน ถึงขั้นที่เปลื้องผ้ายักย้ายส่ายเอวอยู่เบื้องหน้าเขา เขาไม่เพียงแต่ไม่มีปฏิกิริยาเท่านั้น กลับรู้สึกขยะแขยงอีกด้วย สตรีเหล่านั้นยังไม่ทันเดินมาถึงตรงหน้า ก็ถูกเขาสะบัดแขนเสื้อโบกให้กระเด็นไปไกลแล้ว…

สตรีที่เร่าร้อนถึงเพียงนั้นก็ไม่สามารถทำให้เขาผงาดขึ้นมาได้เลย แต่กู้ซีจิ่วที่อยู่เบื้องหน้าถึงแม้จะเปลือยเปล่า แต่เรือนร่างส่วนใหญ่ของนางล้วนจมอยู่ใต้น้ำ บนผิวน้ำมีสมุนไพรล่องลอยอยู่เป็นชั้น ไม่มีทางมองเห็นส่วนเปลือยเปล่าด้านล่างของนาง และนางก็ให้ความสำคัญกับภาพลักษณ์ของตัวเองยิ่งนัก เผยเพียงเหนือช่วงไหล่ขึ้นไป ส่วนอกก็เผยเพียงเนินเล็กน้อย ว่ากันตามเหตุผลแล้ว สิ่งเร้าเช่นนี้ไม่มีผลกับเขาเลยสักนิด…

แต่เขากลับมี…

ดูเหมือนเขาจะมีความคิดเช่นนี้กับนางสองครั้งแล้ว!

ดังนั้นยามที่สายตาเขาประสานกับนางจู่ๆ ถึงได้พูดมากขึ้นมา เขากินปูร้อนท้องอย่างที่พบเห็นได้ยากนัก จึงถือโอกาสเกี้ยวพานางเพื่อปิดบังความเก้อกระดากของตน

เพียงแต่ เมื่อได้ยินวาจาสุดท้ายไม่กี่ประโยคของนาง เขาก็ไม่ร้อนตัวแล้ว!

ยังเล็ก?

ดูเหมือนสตรีผู้นี้จะตัดสินไปแล้วว่าเขายังเด็ก!

เขาพลันยิ้มแวบหนึ่ง วางมือข้างหนึ่งลงบนไหล่นาง “ข้ายังเด็ก? เจ้าแน่ใจหรือ?!”

กู้ซีจิ่วประหม่าขึ้นมาอย่างน่าประหลาด เธอรู้สึกถึงความร้อนจากฝ่ามือของเขา! ร้อนผ่าวอยู่บ้าง…

ดวงเนตรเขาดุจดารา ยามที่มองดูเธอ ราวกับมีน้ำวนดึงดูด ต้องการจะดูดกลืนตัวเธอเข้าไป…

เด็กน้อยล้วนไม่อยากให้ผู้อื่นมองว่ายังเด็ก ล้วนชมชอบวางท่าเป็นผู้ใหญ่…

กู้ซีจิ่วจึงเลือกที่จะไม่โต้แย้งเขาอย่างชาญฉลาด เลี่ยงไม่ให้เป็นการกระตุ้นอาการต่อต้านของเด็กคนนี้…

อีกอย่างทั้งสองคนต่างเปลือยกายพูดคุยกันอยู่ในอ่างไม้คนละใบออกจะประหลาดอยู่บ้าง ไฟจะลามทุ่งเอาได้ง่ายๆ

เธอกระแอมเบาๆ คราหนึ่ง “ฝูอี ขอบใจสำหรับยาของเจ้า ข้ารู้สึกดีขึ้นมากแล้ว บางทีอาจไม่ต้องใช้เคล็ดวงจักรย้อนหวนแล้ว มิสู้พวกเราออกไปกันก่อน?”

เธอรู้สึกว่าเธอต้องสวมเสื้อผ้าพูดคุยถึงจะมีความมั่นใจขึ้นมาบ้าง

เห็นได้ชัดว่านางต้องการเบี่ยงหัวข้อสนทนา แววตาตี้ฝูอีโชนแสงวาบ ทราบเช่นกันว่ายามนี้ไม่ใช่ช่วงเวลาที่จะมาถกเถียงเรื่องเหล่านี้กับนาง

เขาเพ่งพิศนางแวบหนึ่ง นิ้วมือจับชีพจรของนาง ผ่านไปครู่หนึ่งก็กล่าวตามตรง “ยาเพียงช่วยยับยั้งการปริแตกของอวัยวะภายในเจ้าเท่านั้น ยังต้องใช้พลังวิญญาณซ่อมแซมอยู่ เจ้าลองโคจรพลังวิญญาณด้วยตัวเองดูสิ”

กู้ซีจิ่วลองโคจรดูเล็กน้อย แต่ชีพจรกลับแข็งทื่อ โคจรได้นิดหน่อยก็เจ็บปวดอย่างยิ่ง

เธออดไม่ได้ที่จะมองตี้ฝูอีแวบหนึ่ง “วิชาแพทย์ของเจ้าล้ำเลิศยิ่งนัก ข้ารู้สึกว่าเจ้าไม่จำเป็นต้องกราบเฟิงชิงซ่างเหรินเป็นอาจารย์ก็เพียงพอจะท่องไปทั่วหล้าได้แล้ว”

“ขอบคุณสำหรับคำชม” ตี้ฝูอียิ้ม “เช่นนั้นเจ้าคงวางใจในตัวข้าแล้วกระมัง? ตอนนี้พวกเราจะเริ่มได้หรือยัง?”

กู้ซีจิ่วหลับตาลงเล็กน้อย “ได้! เช่นนั้นก็รบกวนเจ้าด้วยนะ”

เธอยื่นมือสองข้างออกไป ครั้งนี้มีท่าทางไว้ใจยิ่งนัก

ตี้ฝูอีชะงักไปเล็กน้อย ในที่สุดก็ยิ้มอย่างอารมณ์ดีแล้ว ยื่นมือทั้งสองข้างออกมาประกบกับนางเช่นกัน เอ่ยเสียงแผ่วว่า “เจ้าต้องพยายามเชื่อใจข้าดู จะเป็นผลดีต่อการรักษา”

————————————————————————–

บทที่ 2014 เจ้าชอบบุรุษผู้นั้นหรือ?

“ข้าเชื่อใจเจ้า” ครั้งนี้กู้ซีจิ่วไม่ลังเลเลย

สำหรับหมอแล้ว มีเพียงได้รับความไว้วางใจอย่างแท้จริงถึงจะบรรลุผลลัพธ์ที่ดีที่สุด

ด้วยเหตุนี้ ทั้งสองคนจึงเริ่มแล้ว…

ช่วงแรกเริ่มที่ลงมือ กู้ซีจิ่วยังไม่วางใจอยู่เล็กน้อย ประสานพลังวิญญาณกับเขาอย่างระมัดระวังยิ่ง โดยเฉพาะในขั้นตอนที่สำคัญบางอย่าง เธอจะรั้งมือห่างออกมาเล็กน้อยทุกครั้ง หากว่าเขาทำผิดพลาด เธอจะได้มีเวลาพอแก้ไข…

แต่เมื่อดำเนินไปได้หนึ่งในสี่ส่วน เธอก็วางใจอย่างสมบูรณ์!

การเคลื่อนไหวทั้งหมดของคนที่อยู่ตรงหน้ารวมถึงการควบคุมพลังวิญญาณไม่มีพลาดเลยสักนิด! ถึงขั้นที่ทำได้กว่าเธอที่เป็นผู้คุ้นเคยกับเคล็ดนี้เสียอีก! แม่นยำยิ่งกว่า!

เป็นเด็กน้อยที่เฉลียวฉลาดจนเข้าขั้นวิปริตโดยแท้…

กู้ซีจิ่วทอดถอนใจอยู่ภายในใจ ในที่สุดก็ผ่อนคลายลงประสานพลังทั้งหมดกับเขา

ในอ่างไม้ใต้ร่างคนทั้งสองมีไอกรุ่นพวยพุ่งขึ้นมานับไม่ถ้วน สมุนไพรหมุนวนอยู่รอบกายคนทั้งสอง ฤทธิ์ยาซึมเข้าสู่ผิวของกู้ซีจิ่ว ค่อยๆ แทรกซึมเข้าสู่เส้นเลือดของเธอ

พลังวิญญาณโคจรเร็วขึ้นเรื่อยๆ อวัยวะภายในทรวงออกที่ปริร้าว ค่อยๆ สมานกันภายใต้การเหนี่ยวนำของพลังวิญญาณ…

….

เป็นเวลาบ่ายคล้อยแล้ว หลงซือเย่ยืนอยู่ในลานจนแทบจะแข็งทื่อเป็นหิน

เขาทราบว่าการรักษานี้ต้องใช้เวลาอย่างน้อยแปดชั่วยาม ภายในแปดชั่วยามนี้ไม่ว่าจะเป็นสถานการณ์เช่นใดก็ล้วนเกิดขึ้นได้ทั้งสิ้น หากว่าตี้ฝูอีพลั้งมือพลาดไปขั้นหนึ่งเพียงชั่วขณะ เขายืนอยู่ตรงนี้ ก็สามารถเข้าไปช่วยเหลือได้ทันท่วงที…

เขาเคยนึกว่าคนที่มีนิสัยขี้ระแวงอย่างกู้ซีจิ่ว นางคงจะปฏิเสธไม่ให้ตี้ฝูอีรักษาให้นางยิ่งนัก ไม่แน่ว่าอาจจะปฏิเสธอย่างไม่แยแสสิ่งใดเลยก็ได้…

ก่อนหน้านี้เขากับตี้ฝูอีคุยกันไว้ดีแล้ว หากว่ากู้ซีจิ่วต่อต้านอย่างสุดกำลัง ตี้ฝูอีต้องถอยออกมา ปล่อยให้ตัวเขาหลงซือเย่รับช่วงต่อ

กลับนึกไม่ถึงเลยว่าเขารออยู่ด้านนอกมาหนึ่งชั่วยามแล้ว ด้านในไม่มีเสียงกู้ซีจิ่วปฏิเสธขัดขืนแว่วออกมาเลย

ถึงแม้ภายในห้องจะเก็บเสียงได้ดียิ่ง แต่ถึงอย่างไรวรยุทธ์ของหลงซือเย่ก็ล้ำลึก ขอเพียงเขาอยากฟัง ต่อให้คนที่อยู่ด้านในหาวเขาก็ยังได้ยิน

กู้ซีจิ่วไม่วางใจในตัวตี้ฝูอีถึงเพียงนั้นจริงๆ แต่ก็ไม่ได้ต่อต้านสักเท่าไหร่ หลังจากทั้งสองสนทนากันอยู่ครู่หนึ่ง ตี้ฝูอีก็เริ่มรักษาให้นาง

นี่ทำให้ในใจของหลงซือเย่ค่อนข้างผิดหวัง สุดท้ายซีจิ่วก็ปฏิบัติต่อบุตรแห่งเทพมารผู้นี้พิเศษกว่า…

เขาหลุบตามองมือตน ถอนหายใจเบาๆ

เขาก็นับว่าเป็นอัจฉริยะในหมูอัจฉริยะเช่นกัน ซ้ำยังอุตสาหะทุ่มเทเพียงพอด้วย แต่เขาก็ยังสู้เด็กหกขวบคนหนึ่งไม่ได้

ระยะห่าง! ระยะห่างของชีวิต!

สาวใช้ยกชาโสมถ้วยหนึ่งมาให้ เขารับมาส่งๆ มองอีกฝ่ายแวบหนึ่ง

สาวใช้นางนั้นคือสาวใช้ที่ปรนนิบัติกู้ซีจิ่วถอดเสื้อผ้า หลังจากนางถูกโยนออกมา ถึงแม้จะค่อนข้างอับอาย แต่ก็ไม่ได้จากไปอย่าหน้าม่อยคอตก มักจะหาข้ออ้างเช่นนั้นบ้างเช่นนี้บ้างมาป้วนเปี้ยนที่นี่เสมอ

ยามนี้สายตาของสาวใช้นางนั้นมองบนประตูห้อง…

“เจ้าชอบบุรุษผู้นั้นหรือ?” หลงซือเย่เอ่ยถามอย่างกะทันหัน

สาวใช้นางนั้นทึ่มทื่อไปเล็กน้อย คุกเข่าลงบนพื้นเสียงดังตึง ใบหน้าพริ้มเพราะแดงก่ำ “ปะ…เปล่าเจ้าค่ะ”

“ต่อหน้าแม่ทัพอย่างข้าไม่จำเป็นต้องโป้ปด พูดความจริงมาก็พอ เจ้าเทียวไปเทียวมาที่นี่หกรอบแล้ว เจ้านึกว่าแม่ทัพอย่างข้ามองความคิดเจ้าไม่ออกงั้นหรือ?”

สาวใช้นางนั้นงงงันอยู่ครู่หนึ่ง ในที่สุดก็เอ่ยว่า “คุณชายท่านนั้นทำให้ผู้อื่นละสายตาไปไม่ได้จริงๆ เจ้าค่ะ…บ่าวทราบความผิดแล้วเจ้าค่ะ” ไหนเลยจะใช่ทำให้ผู้อื่นละสายตาไปไม่ได้ เป็นการมองแวบเดียวก็วางไม่ลงเลยต่างหาก ทำให้หัวใจนางเต้นแรงมาจนถึงยามนี้…

สายตาของหลงซือเย่ร่อนลงบนร่างนาง อันว่าสตรี อันที่จริงก็เป็นพวกที่มองคนจากรูปลักษณ์กระมัง? แพศยา…

เขาค่อยๆ กล่าวไปว่า “หากข้าผู้เป็นแม่ทัพบอกเจ้าว่า คุณชายท่านนี้เป็นเพียงเด็กน้อยวัยหกขวบคนหนึ่งเล่า?”

สาวใช้นางนั้นตกตะลึง! นางเสมือนถูกสายฟ้าฟาด อ้าปากหวอนิดๆ เอ่ยวาจาไม่ออก

———————————————————————